ฝันเมื่อคืน ตื่นเต้น แปลงเป็นครุฑโฉบลงฉุด โฉมยุพิน อุ้มบินหนีข้ามเส้นแวง แฝงรุ้ง มุ่งฉิมพลีแต่ฝันดี ด้วนปลาย เสียดายนักแรกบินอวด ลวดลาย ไปหลายชุดท้ายที่สุด แสนเปลี้ย บินเสียหลักเกิดภิบัติ ขัดขวาง เส้นทางรักเพราะน้ำหนัก น้องน้อย ร่วมร้อยโลต้องยูเทิร์น เหินฟ้า กลับมาส่งแต่ตอนลง รันวิ่ง กลิ้งโค่โล่ผวาตื่น ตอนไหน ไอด๊อนโนว์ท่องนะโม มายก๊อด แค่ช้อตดรีม......อิ อิ
แม้ราตรีคลี่ห่มด้วยลมหนาว ยังคอยดาวดวงหนึ่งซึ่งห่างหาย น้ำค้างเย็นเป็นเพื่อนพรมเรือนกาย ความเดียวดายโดยรอบเข้าครอบครอง
เคยเริงรื่นชื่นชมประสมสาส์น สื่อกลอนกานท์เกลียวกลมประสมสอง อารมณ์ร่วมสวมรอยเธอร้อยกรอง เป็นดาวทองทาบวางไว้กลางทรวง
แต่เนิ่นนานปานนี้ไม่มีข่าว เหตุใดดาวดวงเด่นจึงเว้นช่วง แสนเสียดายกลายเป็นดาวเร้นดวง จะถามทวงถึงบ้างก็ทางตัน
วงโคจรอ่อนล้าหรือลาแล้ว จึงไร้แววเวียนเยือนเป็นเพื่อนฝัน ยังรอคอยรอยคำคนสำคัญ แม้ว่าวันแวะเยือนไม่เหมือนเดิม
ในความมืดชืดเย็นเช่นคืนนี้ คล้ายราตรีตัดพ้อว่ารอแสง น้ำตาอุ่นทุนเดิมเริ่มสำแดง จึงจำแลงแปลงฟ้าให้พร่าพราว
หลับตาลงส่งกลอนวอนคนเก่ง พร้อมบทเพลงอำพรางผ่านกลางหาว "รักหนักหนา-ราตรีประดับดาว" ขอเพื่อนสาวสอบทานอ่านความนัย
ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนที่เยือนขอ จะให้รอสอบผ่านอีกนานไหม ความสำคัญคนคอยหากน้อยไป จะสอนใจใส่จำไว้คำนึง
บ่อน้ำตาตัวเองจากเพลงเศร้า ยังล้นเบ้าแบ่งให้ใครคนหนึ่ง ผ่านความเงียบเลียบเคียงเพียงรำพึง จะส่งถึงเธอไหมไม่รู้เลย
มีบางใครใกล้ชิด แค่"คิดถึง"พร่ำรำพึงผูกมิตร แค่"คิดฝัน"แท้เธอคือความหมาย"สายสัมพันธ์"นิจนิรันดร์น้อยไป จะให้ลืมบนบันทึกที่สร้างบางบรรทัดยังเน้นชัดความนัยให้ปลาบปลื้มความอาวรณ์อ่อนไหวที่ให้ยืมยังด่ำดื่มเดียวดายเป็นสายใยสายสัมพันธ์สั้นเหลือเมื่ออ้างถึงแต่ตราตรึงตวัดพันจนหวั่นไหวถักอาทรซ่อนเร้นเป็นสายใจเกิดภายในใช้นาม"ความผูกพัน"ไวโอลินสิ้นบทขอปลดสายอายุคล้ายปลายเครือมันเหลือสั้นมิอาจล่วงคำลา"อย่าลืมกัน"ความสำคัญคนไกล"ไม่มากพอ"จบเพลงรักรอยเก่าเพียงเท่านี้ธรณีกรรแสงสำแดงต่อไร้คำร้องเหลือเพียง เสียงขลุ่ย-ซอไร้คำขอใครจำไร้คำลา....................................แย้มหยาดน้ำตาจากจินต์ที่รินหยดยังราดรดดวงกมลคนโหยหาไวโอลินถึงบทหมดศรัทธาคำอำลาจากใครจึงไม่มี.................................din dinnerเก็บปากกาเขียนกลอนซ่อนตัวเองส่งเสียงเพลงสุดท้ายคล้ายหน้าที่คนเขียนกลอนซ่อนตนสายดนตรีเขาไม่มีสัญญากลับมาเยือน..............................แย้ม ไกลวันเกิน.
นั่งเหม่อลอย ลำพัง ริมฝั่งน้ำ ดวงตะวัน แดงช้ำ ชิดขอบฟ้า ระเรื่อแดง แสงหม่น สนธยา ผิวธารา เรื่อแดง แสงเดียวกัน ทั้งผืนฟ้า ผิวน้ำ ยามโพล้เพล้ คล้ายหักเห หักห้าม ทุกความฝัน ผูกความหวัง รั้งพ่วง ดวงตะวัน ท้ายก็พลัน วูบดับ แล้วลับเลือน เหลือความหลัง คั่งค้าง กลางสายน้ำ ลอยคำถาม แสนไกล...อยู่ไหนเพื่อน? ฉันอยู่นี่ ที่ใหม่ ไกลจากเรือน อยู่เสมือน ต้นไม้ ใกล้ฝั่งชล.....แย้ม เราเหม่อลอยลำพังริมฝั่งน้ำ สุดชอกช้ำดวงใจไปทุกหน รินน้ำตาไหลหยดรดกมล คิดถึงคนอยู่ไกล...ไยไม่มา?.....din รินความหวังทั้งหลายเป็นสายน้ำ คอยทวงถามถึงเธอเสมอว่า กลับมาเถิดคนดีที่ลับลา สายน้ำตาสายนี้ยังมีเธอ....แย้ม เห็นนกบิน ผินลับ กลับรังรัก สร้างน้ำหนัก หน่วงใจ ให้เสมอ ความไร้คู่เคียงข้าง อย่างที่เจอ ได้แค่เพ้อ เพียงนก บินวกวน....ย้อย พี่ครวญคร่ำเคลิ้มคล้อยละห้อยโหย อาดูรโดยเดียวดายมาหลายหน ตากน้ำตาผ้ายับกับมือตน คิดถึงคนเคยเคียงมากเพียงใด....กวีน้อยเจ้าสำราญ ทุกราตรี ที่หวัง ยังคงเก้อ จะให้เพ้อ รำพัน ถึงวันไหน? ตากน้ำตาผ้ายับ ซับอาลัย เสียดหัวใจ ซ้ำซ้อน นอนละเมอ....แย้ม ญ... เพียงยินเสียงครวญคร่ำที่พร่ำบอก เกรงลวงหลอกให้ใจต้องไผลเผลอ ความคิดถึงเลอค่ามันพร่าเบลอ จึงต้องเก้อรอพี่ที่ฝั่งชล....din เห็นเรือแจว แววหวัง น้องยังอยู่ หวังพี่กู่ เรียกหา มาสักหน เมื่อเรือน้อย ลอยลับ ก็อับจน ความมืดมน ยังเสมือน เป็นเพื่อนแทน...แย้ม ย้อนรำลึก นึกทวน หวนความหลัง ครั้งเมื่อยัง ชื่นชิด สนิทแน่น ณ.ที่นี่ เหินห่าง มาต่างแดน อย่าคลอนแคลนเมินหมางให้นางครวญ..ปักษาสวรรค์ วอนเทพไท้เทวาคงคาแม่ ช่วยดูแลน้องข้า อย่ากำสรวล แขนสองข้างข้านี้ มีโซ่ตรวน ขอรบกวน แม่คงคา ฟ้าเบื้องบน...แย้ม เสียงครวญ มฤคคลั่ง ธนูรัก หมายมั่นปัก ทรวงหวาม งามฉงน กลับนวลไม่ เมียงตา มองกมล อัสสุชล มันหลั่ง ดั่งฟ้าคลุ้ม...รุ้ง ลานบงก์ ... .. http://youtu.be/PLJ8bpJnttM (ครวญ ....แย้มริอ่านร้องเอง 5 5 8 8 )