17 กันยายน 2549 18:56 น.
แม่มดใจร้าย
สุขทุกข์อยู่ที่ใจไม่ใช่หรือ ถ้าใจถือก็เป็นทุกข์ไม่สุขใส
ใจไม่ถือก็เป็นสุขไม่ทุกข์ใจ ถ้าเราอยากได้สุขไม่ทุกข์เอย
จำไม่ได้ว่าปรัชญานี้เป็นของท่านผู้ใด รู้แต่ว่าเป็นปรัชญาที่ช่วยหล่อเลี้ยงหัวใจให้ไร้ทุกข์ อ่านปรัชญานี้ครั้งใด หัวใจก็ให้คิดตามว่า เรื่องราวที่เราประสบพบเจอนั้น ถ้าเราเก็บมันมาไว้กับใจ หัวใจเราก็จะเป็นทุกข์ แต่ถ้าเมื่อใดเราคิดได้ว่า สุขหรือทุกข์มักจะอยู่กับเราไม่นานแล้วละก็ หัวใจของเราก็จะมีแต่ความสุข
ชีวิตที่ได้พบเจอผู้คน ได้เห็น ได้รู้จัก คนบางคนมีเรื่องราวให้คิดมากมายแต่กลับยิ้มได้อยู่ทั้งวัน คนบางคนไม่น่าจะมีเรื่องทุกข์อันใด แต่หน้าตาบึ้งตึงเหมือนคนแบกทุกข์ไว้ทั้งโลก ตัวฉันเองก็เคยเป็นเช่นประการหลัง หน้าตาแบกทุกข์ แถมไม่มีรอยยิ้มบนสีหน้า ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแบกทุกข์อะไรไว้นักหนา จนผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน หัวใจก็เลยได้สั่งสอนว่าให้หัดปล่อยวางความทุกข์บ้าง ยิ่งได้เห็นชีวิตคนอื่น ก็เลยทำให้คิดว่าชีวิตเรายังดีกว่าคนอื่น ยังมีโอกาสและเรื่องราวดีดีผ่านเข้ามาในชีวิตมากกว่าคนอื่นที่อยู่รอบกาย
ทุกข์ที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต ก็เลยเป็นเหมือนเรื่องเล็กน้อย ที่เหมือนสายลมพัดผ่านร่างกายไป ถ้าเอาใจไปยึดติดกับสายลมนั้นแล้วตัวเราเองนั่นแหละที่จะร้อนรุ่ม แล้วก็เป็นทุกข์อยู่ทุกวัน แต่ถ้าไม่เอาใจยึดติดแล้วความทุกข์ที่เราเห็นก็จะเหมือนสายลมที่พัดผ่านมาและผ่านไป ไม่สามารถทำอะไรกับจิตใจที่มั่นคงนั้นได้ เปรียบได้ดัง ต้นอ้อ ที่ลู่ตามลมยามลมพัดผ่าน แล้วก็กลับมายืนได้ใหม่เมื่อลมสงบ
หัวใจคนเราก็เช่นกันถ้าเราไม่ยึด ไม่ติด กับสิ่งที่มากระทบใจแล้วละก็ หัวใจของเราก็จะไร้ทุกข์ เฉกเช่นเดียวกับปรัชญาข้างต้น แล้วคุณละอยากเป็นเช่น หัวใจไร้ทุกข์ หรือไม่ ลองเอาปรัชญาข้างต้นไปท่องจำดูซิ แล้วคุณจะรู้ว่าความสุขนั้นอยู่ไม่ไกลจากหัวใจของคุณ
1 กันยายน 2549 19:10 น.
แม่มดใจร้าย
ใครมักจะบอกว่า ฉันใช้ชีวิตได้ คุ้ม
ในความหมายคำว่าคุ้มของใครหลาย ๆ คน นั่นก็เพราะว่า ฉันได้มีโอกาสเดินทางไปในที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการไปท่องเที่ยวหรือไปทำงาน และการเดินทางของฉันก็มีครบทุกรสชาติ ใคร ๆ มักจะถามว่าฉันไม่กลัวหรือที่ต้องเดินทางคนเดียว คำตอบที่ฉันตอบก็คือ กลัวอะไร ไม่ใช่ฉันไม่รู้จักความกลัวแต่เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าตัวเองกลัวอะไร กลัวเหงา กลัวหว้าเหว่ กลัวไม่มีคนรัก หรือกลัวคนรอบข้าง ฯลฯ
ฉันรู้แต่เพียงว่าสิ่งที่ฉันได้จากการเดินทาง ทำให้ชีวิตของฉันคุ้มอย่างที่ใคร ๆ หลายคนพูดกัน เพราะการเดินทางไปหาธรรมชาติของฉัน คือส่วนที่ช่วยสร้าง ภูมิคุ้มกัน ให้กับชีวิตเหมือนกับที่ฉันเคยเอ่ยไว้ใน ความรักที่งดงาม ธรรมชาติช่วยเยียวยาหัวใจของฉันให้เป็นสุข ช่วยทำให้ฉันได้มีแรงมีกำลังที่จะต่อสู้กับสิ่งที่จะพบเจอในวันข้างหน้า
ฉันเคยพูดกับคน ๆ หนึ่งว่า เอาสิถ้าอยากทำลายธรรมชาติก็ทำ แต่ถ้าทำแล้วอย่าเรียกร้องหาธรรมชาตินะ
สิ่งที่ฉันพูดมันออกมาจาก หัวใจ ที่มีความรักในธรรมชาติ ฉันจึงไม่ละเว้นโอกาสที่จะเดินทางไปพบ ไปเห็น และไปสัมผัสกับสิ่งที่ใจต้องการ และทำให้นึกถึงคำที่ใครคนหนึ่งเคยเอ่ยว่า ชีวิตไม่ใช่ผักหรือหญ้า จะได้งอกรากอยู่กับที่ คำพูดนี้เป็นสิ่งกระตุ้นความต้องการของหัวใจ จึงทำให้ฉันแสวงหาที่เที่ยวตามที่มีโอกาส และก็ไม่ละทิ้งโอกาสถึงแม้จะเป็นการไปทำงานและได้พบกับธรรมชาติเพียงชั่วเวลาไม่นานนัก แต่นั่นก็ทำให้หัวใจได้รับความอิ่มเอิบ และซึบซับเอาความงดงามของธรรมชาติ ที่นับวันจะลดน้อยลงไปเพราะถูกทำลายจากผู้ที่เรียกตัวว่าเป็นผู้เจริญแล้ว
ผู้เจริญแล้วนี่แหละ ที่มีส่วนทำให้ธรรมชาติกลับมาลงโทษมนุษย์ ในรูปแบบต่าง ๆ ที่พวกเราได้เห็นกันในปัจจุบันนี้ และเรามักจะโทษว่าธรรมชาติโหดร้ายเหลือเกิน แต่เราหารู้ไม่ว่าพวกเรานั่นแหละที่โหดร้ายกับธรรมชาติ พวกเราทำร้ายและทำลายธรรมชาติไปมากมายโดยไม่รู้ตัว
ทุกวันนี้ฉันจึงพยายามไขว่คว้า หาโอกาสที่จะได้เดินทางท่องเที่ยวให้ทั่ว เพื่อซึบซับความงดงามของธรรมชาติให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะฉันไม่รู้ว่าธรรมชาติจะหายไปเมื่อไหร่ และธรรมชาติจะลงโทษมนุษย์อย่างพวกเราในรูปแบบไหนบ้าง และสิ่งที่ฉันทำได้ให้กับธรรมชาติก็คือ เก็บแต่เพียงภาพถ่าย และไม่ทำลายธรรมชาติ ซึ่งเป็นส่วนที่สร้างความ คุ้ม และ ภูมิคุ้มกัน ให้กับชีวิตเล็ก ๆ ของฉัน