1 มีนาคม 2552 07:21 น.
แม่มดใจร้าย
แต่มิได้นำพา..เคยนำมาซึ่งอีป่วน และอีแอบ..
คนหนึ่งก็ป่วนซะชาวบ้านชาวช่องเดือดร้อน..
คนหนึ่งก็แอบเทศนาซะเจ้านายปวดขะหมอง..
คนยุก็ยุไป คนเทศน์ก็เทศน์ไป
แล้วจู่ ๆ เมื่อสองคนนี้มิได้นำพาสิ่งใด ๆ รอบกาย..
ทันใดนั้น..ก็แอบมีอีหยิบ
ซึ่งเป็นบุคคลแปลกหน้า แปลกปลอม..
เข้ามาด้อม ๆ มอง ๆ ว่า นะอานาบริเวณนี้..
มีสิ่งใดที่พอจะหยิบไปได้บ้าง..
ทันใดนั้น..อีหยิบ ก็พบเห็นสิ่งของต่าง ๆ
ที่มิได้มีค่ามากมาย..
แต่..เป็นสิ่งที่ คิดค้นจากมันสมอง
ของผู้ที่อยู่ ณ บริเวณนั้น
อีหยิบ..จึงใช้จังหวะที่ทุกคนเผลอไผล
หยิบเอาสิ่งเหล่านั้นไป และมิบอกผู้ใดว่า..
มันเป็นสิ่งที่ไปหยิบเอามาจากบ้านผู้อื่น..
แต่อีหยิบ..กับปล่อยให้ผู้อื่นเข้าใจว่า ของที่อยู่ในบ้านตนนั้น
ตนเองเป็นผู้คิดเสียเอง..
อนิจจา..อีหยิบหารู้ไม่ว่า มีผู้พบเห็นหลายคน
เจ้าทุกข์หลายคนโอดครวญ..แต่หาทำสิ่งใดไม่
เจ้าทุกข์หลายคนกล่าวว่า..ถือว่าทำทานให้เขาไป
แล้ววันหนึ่ง..เกิดมีเจ้าทุกข์เข้าไปทักท้วง
และทวงซึ่งสิทธิ์ของตนเอง
อีหยิบ..มิได้สำนึกในสิ่งที่ตนทำ
กลับบอกว่า..บ้านนี้อยู่กันหลายคน
มีคนเข้านอกออกในได้อย่างสบาย
อีหยิบมิยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น..
แถมยังด่าทอเจ้าทุกข์..
มิหนำซ้ำยังขนพรรคพวกออกมาโจมตีเจ้าทุกข์ซะน่วม
แต่..อีหยิบก็ยังกลัวซึ่งความผิด
หรืออาจจะกลัวพรรคพวกรู้ซึ้งถึงตัวตน
จึงได้ทำลายหลักฐานเหล่านั้นเสีย..
อีหยิบหารู้ไม่ว่า..เจ้าทุกข์ได้เก็บหลักฐานทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว
สิ่งใดผิด สิ่งใดถูก ถ้าคนอย่างขนาดอีหยิบยังมิรู้สำนึก
วันหนึ่งกรรม..มันจะตามสนอง
ทุกคน..ปล่อยให้อีหยิบคึกคะนองตามสบาย..
แต่มิได้นำพา...
28 กุมภาพันธ์ 2552 17:36 น.
แม่มดใจร้าย
หลายครั้ง หลายหน เรื่องราวแห่งโลกอินเตอร์เน็ต ก็คงไม่พ้นการเอาข้อมูล บทกวี หรือวรรณกรรมของผู้อื่นมา โดยมิได้เอ่ยอ้างแหล่งที่มา จนเกิดเหตุการณ์ที่เป็นข้อถกเถียงกันมากมาย..
วันก่อนได้เขียนเรื่อง สะ-หมอง โดยที่มิได้รับรู้ว่าที่นี่เกิดอะไรกันขึ้น แต่เมื่อโพสข้อมูลเรียบร้อยแล้ว กลับได้รับรู้ข้อมูล ซึ่งอาจทำให้หลายคนเข้าใจไปในทางที่ไม่ถูกได้ แต่มิเห็นเหตุที่จะต้องแก้ต่าง เพราะอาจเหมือนกับแก้ตัว..
เหตุการณ์แบบนี้ เช่นนี้ คงเกิดขึ้นไม่รู้จักจบจักสิ้น ถ้าผู้ที่นำข้อมูลของผู้อื่นมานั้น มิได้มีการเอ่ยอ้างถึงแหล่งที่มา และเอ่ยอ้างถึงผู้เขียน ซึ่งถือเป็นการให้เครดิตอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่เขียนบทความ วรรณกรรมนั้น
จากความรู้สึกของตัวเองที่ผ่านมา เมื่อพบว่ามีคนคัดลอกเรื่องราวของตัวเองไปนั้น อดรู้สึกลึก ๆ ไม่ได้ว่า กว่าจะคิด กว่าจะเขียน ออกมาได้สักเรื่องหนึ่งนั้น ถึงแม้มันจะไม่ได้ทรงคุณค่ามากมายในสายตาใคร แต่มันเป็นคุณค่าทางใจสำหรับผู้เขียน
และเห็นใจในความรู้สึกของผู้ที่ถูกพาดพิง แต่เหตุบังเอิญสำหรับเรื่องราวการเขียน บทกวี บทความนั้น ถ้าจะพูดตามความจริง ซึ่งเป็นสิ่งไม่ตาย แต่คนพูดอาจจะตายได้ เพราะไม่ถูกใจใครหลายคนว่า..
การเขียนบทกวี บทความนั้น มันเป็นไปได้ยากยิ่งที่ แต่ละคนจะเขียนได้ละม้าย คล้ายคลึงกันจนแทบจะแยกไม่ถูก หัวข้ออาจจะตรงกันได้ แต่เนื้อในนั้นคงหาไม่
เรื่องที่เขียนในวันนี้ อาจไม่ถูกใจใครหลายคน แต่..อยากจะบอกว่า
อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล..ในการตัดสินใจว่า ใครถูก ใครผิด เพราะบางครั้งเรื่องราวบางเรื่อง ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า อะไรเกิดก่อน อะไรเกิดหลัง และอย่าตัดสินด้วยเหตุเพราะว่า ฉันเป็นพวกเธอ และเธอเป็นเพื่อนฉัน เพราะเหตุว่า ถ้าวันหนึ่งเรื่องราวมันมาถึงตัวเองแล้ว มันคงเป็นอะไรที่ตัดสินลำบากยากยิ่ง
ปล. เขียนเรื่องนี้แล้ว ก็ไม่รู้จะโดนอะไรบ้าง สำหรับศูนย์กลางจักรวาล..แห่งโลกใบนี้
ขอบคุณสำหรับหัวข้อเรื่อง ที่เพื่อนเอ่ยออกมา และขอนำมาเป็นหัวข้อในการเขียน
12 กุมภาพันธ์ 2552 17:50 น.
แม่มดใจร้าย
ของบางสิ่ง ยิ่งมองยิ่งช้ำ อยากลืมเลือนกลับจำ เหมือนอดีต ที่เคยพลาดพลั้ง ติดฝังลึกข้างใน ดั่งเงาคอยสะท้อนเรื่องราวให้ใจหวั่น อยู่ร่ำไป...
บทเพลง..กระจก จากละครเวที ทวิภพ
กระจก..มีประโยชน์มากหลาย ทำประตู หน้าต่าง หรือตกแต่งบ้านให้ดูสวยงาม
กระจก..ใช้ส่องหน้า ยามแต่งตัว (สิ่งจำเป็นสำหรับผู้หญิงส่วนใหญ่)
ใครเคยขึ้นดอยอินทนนท์ ในส่วนจัดแสดงเขาจะมีตู้คำถามให้คนเปิด..
ตู้หนึ่งถามว่า..สัตว์ประเภทใดร้ายกาจที่สุด คนส่วนใหญ่ตอบเสือ สิงห์ กระทิง แรด ตามแต่ใจนึก
แต่..พอเปิดมา สิ่งที่จ๊ะเอ๋อยู่ในตู้คือกระจกส่องหน้าตัวเอง
มนุษย์นี่แหละ..เป็นสัตว์ที่ร้ายกาจที่สุด
กระจก..ยังสามารถใช้ส่องใจ
ว่า..ใจนิ่ง ใจสว่าง ใจสงบ
ส่องกระจก..ดูแล้วรู้บ้างหรือไม่ว่าทำสิ่งใดผิดพลาด
ผิดพลาดแล้วทำอย่างไร..
ทำซ้ำๆ เหมือนเดิม หรือปรับปรุงแก้ไข
ทำผิดแล้วรู้จักขอโทษหรือไม่..
หรือยังตะแบงว่าฉันไม่ผิด..เธอนั่นแหละผิด
ถ้ามิกล้าถามผู้ใด..หันกลับไปส่องกระจก แล้วถามกับเงาตัวเองในกระจกว่า ที่ผ่านมาฉันทำถูกหรือไม่
หรือถ้าถามแล้วยังได้คำตอบเดิมว่าฉันไม่ผิด..เอวังก็มีด้วยประการละฉะนี้
"ส่องกระจก ส่องใจ ใครควรคิด
อย่ายึดติด ตัวข้า มันน่าขัน
ส่องกระจก ส่องใจ ใครครวญกัน
ผ่านมานั้น ทำผิด ในสิ่งใด"
15 ตุลาคม 2551 10:36 น.
แม่มดใจร้าย
"ถ้าสมองสั่งหัวใจได้ มันคงสั่งไปนานแล้ว"
แต่..
เพราะสมองสั่งหัวใจไม่ได้..
ความทรงจำอันเจ็บปวดเพราะหัวใจจึงนานเนิ่น..
และบางครั้ง..
นานจนเกินเยี่ยวยาหัวใจ..
หญิงสาว..ปล่อยความคิดให้ลอยล่อง
และ..
เฝ้ามองความเป็นไปต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
พยายามเตือนตัวเอง..
พยายามใช้สมองสั่งหัวใจ..
แต่..
ความพยายามก็ดูเหมือนเปล่าประโยชน์
หัวใจ..
มิเคยฟังสมอง
และ..
สมอง..มิสามารถสั่งหัวใจให้หยุดได้
ถ้า..สมองสั่งหัวใจได้
มันคงสั่งหัวใจให้หยุด..
แต่..
เมื่อหัวใจ..ไม่ใช่สมอง
เธอจึงต้องมองความเป็นไปต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
พร้อมยอมรับด้วยหัวใจอันเจ็บปวด..
ปล..ขอบคุณภาพจากการส่ง HI 5
24 กันยายน 2551 20:57 น.
แม่มดใจร้าย
เดินทางมาก็บ่อย..นั่งรถไฟมาก็มาก และส่วนใหญ่มักจะไม่เลือกขบวนแรกหรือขบวนสุดท้าย
แต่จะเลือกขบวนที่สะดวกที่สุด..แบบว่ารถไฟจอดตรงไหนแล้วมีประตูก็ขึ้นขบวนนั้นแหละ
รถไฟที่ว่านี้..มิได้หมายถึงผู้ชาย ทั้งที่หมายปอง และมิได้หมายปอง..
แต่ไงมีใครชอบเอาชีวิตไปเปรียบเทียบกับขบวนรถไฟนะ..
ก็ชีวิตน่ะจะเปรียบเทียบกับรถไฟได้ไงละ ในเมื่อรถไฟมันวิ่งอยู่ทุกวัน ถ้าอยากนั่งมันก็ไปขึ้นได้
แต่ชีวิตหาใช่แบบนั้นไม่..เจอผู้ชายสักคนหนึ่ง ต้องคิดแล้วคิดอีก คิดจนเขาทนไม่ไหว ไปดีกว่า
หรือบางทีเรายังไม่ทันคิด..เขาก็ไปซะแหละ..555
นั่งรถไฟครั้งล่าสุด..ณ ไต้หวัน ก็ไม่ได้นั่งขบวนสุดท้าย และไม่ได้พลาดตกรถไฟ
และเท่าที่จำความได้..ยังไม่เคยตกรถไฟสักครั้ง ถ้าตกรถไฟ คงต้องมีใครไปเยี่ยมแล้วละ
แต่เผอิญยังไม่เคยตก ทุกคนเลยโชคดีไปที่ไม่ต้องมีของเยี่ยมไข้..(ยิ้มนะยิ้ม)
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ที่มีคนทักว่ากำลังหารถไฟเที่ยวสุดท้าย..
ลองคิดเล่น ๆ ดูว่า..เอถ้าเจอรถไฟเที่ยวสุดท้ายจริง ๆ จะเลือกขึ้นหรือปล่อยให้ผ่านไป.(คิดๆๆๆๆๆ)
คิดไปคิดมา..พลาดรถไฟ ก็มีรถยนต์..(เกี่ยวกันเปล่าเนี่ย) แต่ถ้าพลาดจริง ๆ ก็ช่างมันเถอะ...
เที่ยวครั้งหน้า.เอ! จะมีรถไฟให้นั่งมั้ยเนี่ย ถ้ามีนะจะไม่เลือกนั่งเที่ยวแรก และเที่ยวสุดท้าย
แต่..จะใช้เที่ยวด้วยหัวใจ ที่มิใช่การเลือก
คุณละ..รอรถไฟอยู่หรือเปล่า..(ระวังรถไฟขบวนสุดท้ายด้วยนะ)
สำหรับฉัน..ไม่ได้รอรถไฟเที่ยวสุดท้ายค่ะ (เพราะไม่เคยรอ)
ปล..
สำหรับคณ..ทุก ๆ คน ครั้งหน้าไปเที่ยวด้วยกันนะคะ ฉันจะพาพวกคุณไปเที่ยวพร้อมขบวนรถไฟ
ที่มิใช่ขบวนสุดท้ายค่ะ...อิอิ