4 พฤษภาคม 2546 04:20 น.
แม่มดน้อยค่ะ
ต้ น ไ ม้ สี ช ม พู ข อ ง ฉั น
เช้าวันนี้ฉันมองเห็นความสุขลอยฟุ้งกระจายอยู่เต็มห้องนอนเล็กๆของฉัน เพียงแค่ฉันนึกถึงใครคนหนึ่งและเรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้นระหว่างเรา. . .ฉันแอบคิดไปว่า หากห้องนอนเล็กลงกว่านี้อีกเพียงนิดเดียว ความสุขคงจะบินชนกันให้วุ่นไปหมด. . .
แสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านหน้าต่างบานเล็กปลุกให้ฉันลุกจากเตียงอุ่น และเดินไปยังระเบียงห้อง พูดคุยกับต้นกระบองเพชรต้นเล็กเหมือนทุกๆ เช้าฉันยื่นมือไปแตะหนามอ่อนๆ ของต้นกระบองเพชรต้นเดิม เพื่อให้รับรู้ถึงความสุขที่ฉันมี
ฉันเชื่อว่าต้นไม้ที่ฉันรักต้นนี้จะสัมผัสได้ถึงความรักและความสุขที่มีในตัวของฉัน เพราะฉันคิดเสมอว่าต้นไม้ต้นนี้คือเพื่อนของฉัน ไม่ว่าฉันจะหัวเราะ หรือร้องไห้ ต้นไม้ต้นนี้จะอยู่เป็นเพื่อนฉัน และรับฟังฉันเสมอในทุก ๆ เรื่อง แม้กระทั่งเรื่องที่ฉันไม่สามารถจะเล่าให้ใครฟังได้
ทุกครั้งที่ฉันร้องไห้. . . ฉันอยากจะเข้มแข็งให้ได้เพียงสักครึ่งหนึ่งของต้นกระบองเพชร
ทุกครั้งที่ฉันยิ้มหรือหัวเราะ. . . ฉันอยากจะให้ต้นกระบองเพชรต้นนี้รับรู้ถึงความสุขใจของฉัน
และในวันนี้. . .ฉันอยากจะให้ความรักของฉันและเขามั่นคงและงดงามเช่นเดียวกับต้น กระบองเพชรต้นนี้. . . .
ฉันจะเติมความคิดถึง ความห่วงใยและความรู้สึกดีๆ ให้กับความรักของเรา เช่นเดียวกับที่ฉันรดน้ำใส่ปุ๋ยต้นกระบองเพชรของฉัน
ตอนนี้ฉันไม่ได้มีหัวใจเพียงแค่ดวงเดียวแล้วที่จะต้องดูแล แต่ฉันยังมีหัวใจดวงเล็กๆ อีกหนึ่งดวงที่จะต้องคอยเฝ้าทะนุถนอมด้วยความรักของฉัน. . .ฉันจะประคับประคองความรักของเราให้เติมโตและงอกงามยิ่งกว่าต้นไม้ใดๆ ทั้งหมดบนโลกใบนี้. . . ต้ น ไ ม้ สี ช ม พู ข อ ง ฉั น
*********************************************************************************************
28 เมษายน 2546 01:30 น.
แม่มดน้อยค่ะ
ในโลกใบกลมๆ ใบนี้มีอะไรหลายสิ่งหลายอย่างที่ฉันไม่เคยสัมผัส และ เวลาได้พาฉันไปรู้จักกับผู้คนมากมาย. . . .
ฉันเริ่มต้นทำความรู้จักกับผู้หญิงที่มีอ้อมกอดอบอุ่นที่สุดในโลกเป็นคนแรก ฉันอาจจะไม่เข้าใจเขาดีเท่ากับที่เขาเข้าใจฉัน เพราะทุกครั้งที่ฉันหิว ฉันเพียงแค่ส่งเสียงร้อง เธอคนนั้นก็กอดฉันไว้แนบอกป้อนน้ำสีขาวขุ่นให้ฉัน โดยที่ฉันไม่ต้องพูดเลยว่ามื้อนี้อยากจะกินอะไร เธอก็ยื่นสิ่งที่ฉันต้องการได้ทันที. . .ช่างรู้ใจฉันจริง ๆ
เมื่อเธอคนนั้นของฉันเผลอหลับไป แค่เพียงฉันสะกิดเธอเบาๆ ฉันก็ได้เห็นแววตาที่อบอุ่นของเธอทอดมองมาที่ฉัน แววตาที่แฝงความเหน็ดเหนื่อย และอยากพัก แต่ดวงตากลมโตของเธอที่จ้องมองมาที่ฉันเหมือนกำลังพูดกับฉันว่า เธอพร้อมเสมอถ้าฉันจะเรียกใช้ แล้วเธอก็ต้องทำหน้าที่นั้นจริงๆ เมื่อฉันกินมื้อดึกมากไปหน่อยเลยรู้สึกอึดอัดจนนอนไม่หลับ จนเมื่อเธอร้องเพลงกล่อมฉัน ฉันจึงจะหลับลงได้ในอ้อมกอดอุ่นของเธอ และเธอถึงจะได้หลับอีกครั้งข้างๆ ฉันบนหมอนใบเดียวกัน
เธอคนนั้นของฉันแนะนำให้ฉันรู้จักกับผู้ชายคนหนึ่ง เขาตัวโตกว่าเธอ หน้าตาคมเข้มกว่าเธอ แต่แววตาของเขาที่ทอดมองมาที่ฉันอบอุ่นไม่น้อยไปกว่าเธอ ฉันคิดว่าเขาขี้เล่นมากกว่าเธอ เพราะเขามักจะทำให้ฉันส่งเสียงหัวเราะได้เสมอ เขาชอบทำหน้าตาตลกๆ และทำเสียงแปลกๆ เมื่ออยู่กับฉัน หน้าตาหล่อเหลาคล้ายพระเอกหนัง กลายเป็นดาราตลกไปทันที หลายครั้งที่ฉันได้ลอยตัวอยู่ในอากาศ เมื่อเขายกฉันให้ลอยอยู่เหนือตัวเขา ครั้งแรกๆ ฉันทั้งตกใจทั้งกลัว แต่ไม่นานฉันก็เริ่มชินกลับชอบอีกต่างหาก เพราะฉันมั่นใจว่าเขาจะไม่ทำให้ฉันตกลงไปแน่ๆ ฉันเชื่อมั่นในสองมือหนาและอุ่นของเขา
ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงของเขาทั้งสองคน เพราะไม่ว่าฉันจะต้องการอะไร เธอและเขาก็จะทำตามใจปรารถนาของฉัน แม้ฉันจะไม่พูดอะไร เพียงแค่ทำท่าทาง ไม่เว้นแม้แต่ขว้างปาข้าวของ เขาสองคนก็ทำได้ถูกต้องตรงกับที่ใจฉันคิดไว้ไม่มีผิด เพราะถ้าเขาและเธอไม่ทำตามที่ฉันออกคำสั่งล่ะก็ เขาทั้งสองคนก็จะได้ฟังเสียงใสๆของฉัน ที่ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาตัวโปรด หน้าตาตลกๆ ของเขา หรือแม้แต่เสียงเพลงที่ร้องกล่อมฉันของเธอ ก็หยุดเสียงใสของฉันไว้ไม่ได้ เสียงร้องของฉันมีพลังมาก จนเขาพูดติดตลกกับเธอบ่อยๆว่า เจ้าตัวเล็กเปิดคอนเสิร์ตอีกแล้ว
เมื่อฉันโตขึ้นเขาและเธอพาฉันไปรู้จักกับคนกลุ่มใหม่ ที่มองยังไงก็แตกต่างจากเขาสองคน แต่คนเหล่านั้นช่างเหมือนกับฉันเสียจริงๆ คนเหล่านั้นตัวโตเท่าฉัน เราชอบอะไรเหมือนๆ กัน กิจกรรมที่เราทำด้วยกันจึงต่างจากที่เขาสองคนทำกับฉัน บางครั้งฉันก็อยากทำอะไรที่เขาสองคนทำบ้าง แต่เขากลับไม่ให้ฉันร่วมด้วย ฉันเห็นเธอทำกับข้าวอยู่ในครัวฉันหวังจะช่วยล้างผักให้ แต่เธอบอกว่าน้ำจะเลอะตัวฉันและทำให้ฉันเป็นหวัดได้ เธอจึงให้ฉันไปนั่งเล่นกับตุ๊กตาแทน แต่ฉันเบื่อตุ๊กตาพวกนั้นแล้ว ฉันจึงเดินเข้าไปในห้องที่มีหนังสือวางอยู่บนชั้นเยอะแยะไปหมด ฉันเห็นเขากำลังนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะ ฉันหยิบปากกาที่วางใกล้ๆเขา และแอบหยิบกระดาษบนโต๊ะตอนเขาเผลอ ฉันภูมิใจกับผลงานของฉัน มันเป็นงานศิลปะที่มองดูก็เปรอะนิดๆ แต่เขากลับเอ็ดฉัน และดูไม่ดีใจเลยกับความช่วยเหลือของฉัน
ด้วยเหตุนี้เองฉันจึงเริ่มไม่เข้าไปยุ่งกับกิจกรรมของเขาสองคน ฉันเริ่มที่จะให้ความสนใจกับเพื่อนใหม่ที่เขาสองคนพาฉันไปรู้จักในบ้านหลังใหญ่ที่มีคนอาศัยอยู่นับร้อย เพราะพวกเขาเหล่านั้นคิดและทำอะไรเหมือน ๆ กับที่ฉันคิด ฉันจึงคิดว่าฉันเข้ากับพวกเขาได้ดีกว่าเขาและเธอเสียอีก ฉันให้เวลาทั้งหมดกับเพื่อนใหม่ ฉันเชื่อที่พวกเขาบอกฉัน ฉันแคร์พวกเขามากจนบางครั้งฉันก็หงุดหงิดหากเธอและเขามองเพื่อนใหม่เหล่านั้นไปในทางไม่ดี ฉันจะคอยปกป้องพวกเขา จนบางครั้งฉันก็ทะเลาะกับเธอ เพียงสาเหตุแค่ ฉันไม่ยอมเชื่อฟังเธอ แต่เชื่อเพื่อนใหม่ และไปไหนมาไหนกับเพื่อนกลุ่มใหม่ที่ฉันรู้จัก น้อยครั้งมากที่ฉันจะไปกับเขาและเธอเหมือนที่ผ่านมา
ฉันร้องไห้อยู่คนเดียวในห้องนอนของฉันเมื่อฉันโดนเธอเอ็ด เธอและเขาไม่เข้าใจฉันเลย ยิ่งฉันโตขึ้นเขาสองคนก็ยิ่งสั่งห้ามโน้นห้ามนี่ จนฉันเริ่มรู้สึกว่าเธอและเขาไม่รักฉันเหมือนที่เคยผ่านมา. . .
เมื่อเวลาผ่านไป ฉันได้รู้จักกับใครใหม่ๆ มากขึ้น โดยที่เขาและเธอไม่ได้เป็นคนแนะนำให้ฉันเหมือนก่อน ฉันเริ่มที่จะผูกไมตรีกับใครๆ ด้วยตัวของฉันเอง และฉันก็ได้เจอกับมิตรภาพใหม่ที่พิเศษกว่าใครๆ ฉันได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่ง เขามอบความรักให้กับฉัน คอยเทคแคร์ฉัน เป็นห่วงฉัน โทรมาคุยกับฉันทุกคืน เราไปดูหนังด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน และเมื่อฉันได้รู้จักกับผู้ชายคนนี้ทำให้เธอและเขาคนที่ฉันรู้จักก่อนใครๆ เริ่มหมดความหมายสำหรับฉัน แต่ที่ฉันไม่เข้าใจเขาทั้งสองคนก็คือ ทำไมเขาสองคนต้องห้ามฉันไม่ให้คบกับเพื่อนชายคนใหม่ที่บอกกับฉันว่ารัก และเขาให้เหตุผลกับฉันว่าฉันควรจะตั้งใจเรียนหนังสือมากกว่า ฉันเองก็ไม่เห็นว่าการคบกับใครจะทำให้ฉันเสียการเรียนมันกลับเป็นการแบ่งปันกำลังใจให้กันมากกว่า ฉันจึงไม่เชื่อเขาสองคน. . .และไม่เชื่อในแทบทุกเรื่องที่เขาสองคนพร่ำบอกและเตือนฉัน. . .
จนเวลาผ่านไปฉันกับเพื่อนชายของฉันทะเลาะกัน เพราะเขาพาผู้หญิงที่มีหน้าตาน่ารัก และน่าคบหามาให้ฉันรู้จัก เขามอบความรักให้กับคนอื่นทั้งที่ฉันมอบให้เขาคนเดียว ถึงวันนี้น้ำตาของฉันเปราะเปื้อนแก้ม และคนที่เช็ดน้ำตาให้ฉันก็คือเขาและเธอคนรู้จักคนแรกของฉัน เขาสองคนปลอบใจฉัน อยู่เคียงข้างฉัน และที่สำคัญไม่เคยรักฉันน้อยลงไปเหมือนอย่างที่ฉันเคยคิดเลย นานแล้วที่ฉันไม่ได้เห็นแววตาอบอุ่นของเขาสองคน นานแล้วที่ฉันไม่ได้อยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเธอ นานแล้วที่ฉันไม่ได้สัมผัสมืออุ่นและหนาของเขา . . .เมื่อฉันได้กลับมาสัมผัสมันอีกครั้ง ทำให้ฉันรับรู้ความรักที่เขาและเธอมอบให้ฉันด้วยหัวใจ. . .ความรักที่เรียกได้ว่า รักที่ยิ่งใหญ่
ในวันนี้ฉันเข้าใจแล้วว่า ไม่ว่าฉันจะรู้จักกับคนเป็นร้อยเป็นพัน คนที่รักและห่วงใยฉันมากที่สุดคือ เขาสองคน. . . .ฉันดีใจที่ได้รู้จักกับเขาทั้งสองคน ต่อไปนี้ฉันคงต้องรักเขาทั้งสองให้มากขึ้น แม้ฉันจะรู้ดีว่าความรักของฉันคงไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับความรักของเขาสองคน แต่ฉันก็เชื่อมั่นว่า เขาทั้งสองคนจะมีรอยยิ้มให้กับฉันได้เสมอ หากฉันมอบความรักและความห่วงใยให้เขาทั้งสองคน. . .ฉันเชื่ออย่างนั้น. . .
14 เมษายน 2546 11:41 น.
แม่มดน้อยค่ะ
เต้หลับอยู่รึป่าว. . .มาหาแป้งหน่อยได้มั้ย
เสียงอ้อนของเธอปลุกผมให้ตื่นตั้งแต่เช้ามืด
ตอนนี้เลยเหรอแป้ง. . .นี่มันเพิ่งจะตี 5 เองนะ
ผมตอบไปทั้งที่ยังง่วงอยู่ด้วยเสียงแหบแห้ง ทำให้เธอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ
อืมม์. . .ไม่เป็นไร งั้นแป้งไม่กวนเต้แล้ว แค่นี้นะ
เธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบและเบาจนผมแทบจะไม่ได้ยินก่อนวางหูไป. . .
เฮ้อ! โทรมาปลุกให้ตื่นแล้วก็วางหูไปแบบนี้เนี่ยนะ
ผมบ่นกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะลุกไปล้างหน้า อดที่จะเป็นห่วงเธอขึ้นมาไม่ได้ เธอคงไม่สบายใจและไม่ได้นอนมาทั้งคืนอีกตามเคย. . .
5 นาทีต่อมา ผมก็พาตัวเองมาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านของเธอ บ้านของเราสองคนอยู่ติดกัน ตั้งแต่ผมจำความได้ เพื่อนคนแรกของผมก็เธอนั่นแหละ และเธอก็คือนางฟ้าขี้แยของผม. . .
แป้ง ๆ
ผมตะโกนเรียกชื่อเธอ ก่อนจะเหลือบไปเห็นเธอกำลังนั่งกอดเข่าอยู่บนเก้าอี้ยาวตรงหน้าผมนี่เอง
อ้าว นั่งอยู่ตรงนี้ก็ไม่บอก
ผมพูดและเดินไปนั่งใกล้เธอ
ไม่ได้นอนมาทั้งคืนอีกใช่มั้ย
ผมถามเธอเมื่อมองเห็นขอบตาช้ำและไม่สดใสคู่นั้น เธอไม่ได้ตอบผมแต่โผเข้ามากอด และร้องไห้เบา ๆ อยู่กับอกของผม
เต้. . .โอมเค้าไม่รักแป้งแล้ว
ผมรู้สึกหงุดหงิดเมื่อเธอเอ่ยชื่อเขาออกมา ทุกครั้งที่แป้งร้องไห้ ผมต้องได้ยินชื่อของเขาด้วยเสมอ แต่สิ่งที่ผมควรจะทำตอนนี้คือ ปลอบใจเธอเหมือนกับทุก ๆ ครั้งที่ผมทำในฐานะที่เพื่อนสนิทควรจะทำ
1 เมษายน 2546 01:39 น.
แม่มดน้อยค่ะ
คุณยังจำแก้วน้ำใบนี้ได้มั้ย. . .
ครั้งหนึ่งฉันยื่นให้คุณพร้อมกับกาแฟร้อนๆ รสชาติขมของกาแฟ ก็คล้ายวันที่ เราทะเลาะกันนั่นแหละ แต่ทุกครั้งที่คุณดื่มกาแฟจนหมดแก้วฉันก็รินน้ำเปล่าให้คุณดื่มทุกครั้ง เพราะฉันมักจะยืนยันความบริสุทธิ์ใจให้กับคุณทุกครั้งที่คุณเข้าใจฉันผิด. . .
"ฉันไม่ได้นอกใจคุณนะ
ฉันพูดจริง ๆ นะ
ฉันขอโทษ
แม้บางครั้งมันอาจจะดูคล้ายคำแก้ตัว แต่ฉันก็พร้อมที่จะอธิบายคุณทุกเรื่องเพราะฉันรู้ว่าคุณมีค่ากับฉันเกินกว่าฉันจะยอมให้คุณเข้าใจอะไรผิด และจากฉันทอดทิ้งฉันไป เพราะเราไม่เข้าใจกัน
29 มีนาคม 2546 02:50 น.
แม่มดน้อยค่ะ
สำหรับฉัน. . . ความรัก ก็คือ รอยยิ้ม
ฉันมองทุกสิ่งรอบตัวที่ฉันรักด้วยรอยยิ้ม
ดอกทานตะวันสีเหลืองส่งยิ้มทักทายแสงอาทิตย์ยามเช้า ทำให้ฉันอดที่จะยิ้มให้กับความพยายามของตะวันดวงน้อยที่จะชูก้านเพื่อไปให้ถึงพระอาทิตย์ไม่ได้ จนบางครั้งฉันเองก็เผลอรักตะวันบนพื้นดินดอกนี้โดยไม่รู้ตัว
น้ำทะเลสีครามตัดกับเม็ดทรายสีขาว ทำเอาฉันหลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ แต่ในความรักบางครั้งฉันก็ยังมีความกลัวแอบแฝงอยู่ ทะเลยามค่ำคืนกับเสียงคลื่นกระทบฝั่ง. . .มันเป็นความรู้สึกที่น่ากลัวสำหรับฉัน ฉันจึงไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ความมืดของทะเลในยามค่ำคืน