25 มีนาคม 2546 16:10 น.
แม่มดน้อยค่ะ
ในเช้าวันจันทร์กับชั่วโมงเร่งด่วน รถเนืองแน่นเต็มท้องถนน ภาพความวุ่นวายของผู้คนตั้งแต่วัยเรียนไปจนถึงวัยทำงานมีให้เห็นกันอยู่ทุก ๆ เช้า
แต่ฉัน. . .วันนี้ไม่มีเรียน ขอทำตัวสวนกระแสหน่อยแล้วกัน. . .
ฉันเอื้อมมือไปตบนาฬิกาที่ส่งเสียงทำลายฝันจนกระเจิงแรงจนมันอาจจะพังในไม่ช้า ด้วยความหงุดหงิดนิด ๆ เพราะเมื่อคืนกว่าจะหลับได้ก็เล่นเอาเกือบเช้าแล้วนี่นา
ขออีก 5 นาทีนะ
ฉันพูดกับตัวเองทั้งที่ยังสลึมสลืออยู่ แล้วหลับไปอย่างที่บอก
5 นาที >> 10 นาที >> 20 นาที >>30 นาที และก็ 2 ชั่งโมง. . . .
11 โมง ตายล่ะ!!!
ฉันแทบจะร้องไห้ เมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่แขวนติดอยู่กับฝาผนัง. . .ฉันรีบลุกขึ้นจากเตียง เหมือนมีสปริงติดอยู่ในตัว
------เช้าวันจันทร์กับความขี้เซาของฉันเริ่มต้นขึ้นแล้ว -----
19 มีนาคม 2546 16:52 น.
แม่มดน้อยค่ะ
ถ้านิยามความรักคือการให้
ฉันก็พร้อมที่จะมอบความรักให้กับทุกสิ่งบนโลก. . .
ไม่ว่าจะเป็นสายลมที่ปัดเป่าความผ่าวร้อน
ไม่ว่าจะเป็นไออุ่นจากแสงตะวันที่ขับไล่ความเหน็บหนาว
หรือจะเป็นท้องฟ้า น้ำทะเล แสงจันทร์และแสงดาวที่อยู่เป็นเพื่อนยามฉันเหงา
หรือแม้กระทั่งเมฆฝนที่หอบความชุ่มชื้นให้ฟ้าใสหลังฝนซา
พราะทุกสิ่งบนโลกล้วนเป็นเพื่อนของฉัน
ฉันจึงตอบแทนเพื่อนของฉันด้วยรัก
สำหรับเธอ. . . . .
เธอเป็นมากกว่าเพื่อน มากกว่าที่จะให้ฉันเรียกว่าพี่ชาย
สิ่งที่ฉันจะตอบแทนจึงไม่ใช่แค่เพียงรัก (แน่ ๆ)
แล้วฉันควรจะตอบเเทนเธอด้วยอะไร. . . .
อะไรที่จะเหมาะกับรอยยิ้มตรงมุมปากที่เธอมอบให้ฉัน. . .เมื่อฉันทำผิด
อะไรที่จะเหมาะกับเสียงหัวเราะในลำคอที่เธอมอบให้ฉัน. . .เมื่อฉันทำหน้าสงสัย
อะไรที่จะเหมาะกับมืออุ่น ๆ ที่กุมฉันไว้. . .เมื่อฉันไม่สบายใจ
อะไรที่จะเหมาะกับอ้อมแขนที่โอบกอดฉันไว้. . .เมื่อฉันร้องไห้
และอะไรอีกมากมายที่ฉันรับรู้ได้ถึงความห่วงใย และ อาทรของเธอ. . . .
เพราะเธอคือคนพิเศษของฉัน
ความรักเพียงธรรมดาที่ฉันมอบใครต่อใครมากมายบนโลก
คงไม่อาจตอบแทนเธอได้ (มันคงน้อยเกินไป). . . .
ถ้าฉันจะขอตอบแทนเธอด้วยความรักพิเศษจากหัวใจล่ะ. . .เธอจะยินดีรับมันไว้มั้ย
เพราะความรักพิเศษจากหัวใจ. . .ฉันเก็บเอาไว้ให้คนพิเศษเพียงคนเดียว. . .
~นั่นคือเธอ~
10 พฤศจิกายน 2545 02:55 น.
แม่มดน้อยค่ะ
ฉันนั่งลงข้างหน้าต่างในมุมที่สว่างที่สุดของห้อง หยิบไดอารี่สีชมพูเล่มเก่าออกมาจากกล่องเล็กๆ ซึ่งเก็บรวบรวมความทรงจำเอาไว้มากมาย ฉันค่อยๆเปิด
ทีละหน้า และอ่านมันอย่างตั้งใจ น่าแปลก. . ที่ไดอารี่เล่มนี้ไม่มีเรื่องของฉันเลย เพราะ - -ฉัน เขียน เรื่อง ของ เรา- -
ดอกหญ้าดอกเล็ก ๆ ที่ถูกทับจนแห้งในหน้าแรกทำให้ฉันนึกไปถึงคนที่ยื่นดอกไม้ดอกนี้ให้ฉัน ดอกไม้เล็ก ๆ น่ารักดีเน๊อะ. . . เขาพูดก่อนจะยื่นให้ฉัน เขาคงอยากให้ฉันดูเท่านั้น โดยที่อาจจะไม่ได้คิดอะไรเลย แต่มันกลับเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับฉัน และ เป็นเรื่องราวในบันทึกหน้าแรกของไดอารี่เล่มนี้ด้วย
ฉันเก็บรวบรวมทุกความรู้สึกที่ฉันได้รับจากเขา ถ่ายทอดลงในไดอารี่เก่าเก่าเล่มนี้ เริ่มตั้งแต่วันแรกที่ฉันย้ายมาอยู่โรงเรียนเดียวกับเขา เขาคือเพื่อนคนแรกของฉันและเป็นความรักครั้งแรกของฉันด้วยเช่นกัน เขียนอะไรเหรอ ฉันเห็นเธอเขียนมันทุกวันเลยนะ เขามักถามฉันบ่อย ๆ เขาไม่เคยรู้หรอกว่าในไดอารี่เล่มนี้ฉันเขียนอะไร. . . . .แต่เขารู้ดีว่าฉันรักไดอารี่เล่มนี้มากแค่ไหน เพราะฉันเคยร้องไห้มาครั้งนึง เมื่อรู้ว่าไดอารี่เล่มนี้หายไป และเขาก็ช่วยฉันหาจนเจอ น่าตลกที่ฉันลืมมันเอาไว้ในโต๊ะเรียนตอนพักกลางวัน มันคงมีความหมายกับเธอมากซินะ ถึงทำให้เธอร้องไห้ได้. . .ฉันอยากเป็นส่วนหนึ่งในไดอารี่เล่มนี้จัง เขาพูดหลังจากช่วยฉันหาได้อารี่ ฉันอดที่จะยิ้มไม่ได้ . . . ก็เธอนั่นแหละที่อยู่ในไดอารี่เล่มนี้ของฉัน . . .
ฉันต้องยิ้มเมื่อเปิดไดอารี่มาถึงหน้านี้ หน้าที่ฉันสอดกระดาษสมุดแผ่นเล็กๆเอาไว้ด้วย เวลาที่เธอยิ้มน่ารักจัง ฉันพอจะรักเธอได้มั๊ย คือข้อความในกระดาษแผ่นนั้นที่ส่งมาให้ฉันจากโต๊ะหลังห้องในคาบเรียนวิชาสังคมศึกษาที่น่าเบื่อด้วยอาจารย์ที่สอนเหมือนบ่น จนไม่ค่อยจะมีใครตั้งใจเรียนเท่าไร ฉันอ่านจดหมายเล็ก ๆ ของเขา แล้วให้คำตอบด้วยการยิ้มกลับไปเท่านั้น ไม่มีคำตอบอื่น ตอบกลับไป ฉันจึงคิดว่าฉันจะเขียนไดอารี่เล่มนี้แทนคำตอบของฉัน ให้เขาในวันวาเลนไทน์
ความใกล้ชิดของเขา ค่อย ๆ เปลี่ยนความรู้สึกของฉัน จนฉันไม่สามารถจะรู้สึกกับเขาเหมือนกับที่รู้สึกกับเพื่อนคนอื่น ๆ ได้ ฉันคิดว่าฉันเริ่มชอบเขาแล้วล่ะ เราโทรศัพท์คุยกันเกือบทุกวัน แต่ทุกครั้งที่คุยกันฉันไม่เคยพูดอะไรที่จะสื่อให้เขารู้เลยว่าฉันชอบเขาและเขาเองก็คงไม่รู้เช่นกันว่าฉันคิดยังไงกัเขา พอดีว่างหนะ ไม่รู้จะทำอะไรดี เลยโทรมาคุยกับเธอดีกว่า ฉันใช้ประโยคนี้แทนคำพูดว่า ฉันคิดถึงเธอ และ ช่วงนี้อากาศหนาว ห่มผ้าหนาๆ ล่ะ ถ้าเธอไม่สบายจะเรียนไม่ทันคนอื่นเค้านะ แทน คำพูดว่า ฉันเป็นห่วงเธอ ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมฉันจึงไม่เคยบอกให้เขารู้เลยว่า ความรู้สึกจริง ๆ ของฉันเป็นอย่างไร แต่อีกไม่กี่วันเขาก็จะได้รับรู้ความรู้สึกของฉันแล้วล่ะ. . ก็วันวาเลนไทน์ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วนี่นา. . .
และน้ำตาของฉันก็ต้องไหลออกมา เมื่อฉันเปิดไดอารี่มาจนถึงหน้าสุดท้าย ซึ่งมีเพียงคราบน้ำตาเท่านั้น ฉันไม่ได้เขียนอะไรลงไปในหน้านี้เลย. . . เพราะทุกอย่างมันจบลงแล้ว เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดมันเกิดขึ้นก่อนที่ฉันจะหยุดเขียนไดอารี่ 1 วัน หากจะนับจากวันนั้นมาถึงวันนี้ก็เกือบจะ 3 ปีแล้วล่ะ ที่เขาจากฉันไป โดยไม่หวนกลับมาหาฉันอีกเลย
เขาประสบอุบัติเหตุก่อนวันวาเลนไทน์ เพียงแค่ 2 วัน ซึ่งมันก็หมายความว่า ไดอารี่เล่มนี้ถูกปิด และเก็บเอาไว้ โดยที่ยังไม่ได้ยื่นให้กับเขาตามที่ฉันตั้งใจเอาไว้ ฉันไม่สามารถจะอธิบายความรู้สึกออกมาได้ ฉันไม่อาจจะบอกว่าความรู้สึกนั้น เรียกว่า "เสียใจ" เพราะฉันคิดว่ามันมากกว่านั้น มากจนไม่มีคำพูดใดใช้แทนได้ เมื่อฉันรู้ข่าวของเขา หัวใจของฉันแทบหยุดเต้น ลมเย็นพัดผ่านตรหน้าฉันเพียงแค่เบา ๆ แต่กลับทำให้ฉันรู้สึกชาไปหมดทั้งหน้า น้ำตาไหลออกมาเองโดยไม่รู้ว่ามันจะหยุดไหลเมื่อไหร่ เพียงแค่นี้เองหรือที่คนบนฟ้าทิ้งไว้ให้กับฉัน จะมีใครสักกี่คนที่ยอมรับการสูญเสียได้ โดยเฉพาะสูญเสียคนที่เรารักไป โดยที่ยังไม่ได้บอกให้เขาได้รู้เลยว่าเรารักเขามากแค่ไหน
ในตอนนี้ฉันทำได้แค่เพียงนั่งมองดาว ดาวดวงที่ฉันและเขาเคยมองด้วยกัน หวังว่าเขาจะอยู่ตรงนั้นและมองเห็นฉันที่กำลังมองเขาอยู่ สักวันฉันจะไปที่ดาวดวงนั้นให้ได้ . . .เราไปด้วยกันนะ ฉันยังจำน้ำเสียงและแววตาที่เปี่ยมด้วยความฝันเหมือนเด็ก ๆ ของเขาได้ดี แต่ตอนนี้คนที่มองดาวดวงนั้นอย่างมีความหวังกลับกลายเป็นฉันเอง และเขาก็ใช้สถานที่นี้บอกคำว่า รัก กับฉัน ส่วนฉันแม้อยากจะพูดคำนั้นออกไปมากแค่ไหน ฉันก็ยังไม่กล้าที่จะพูดคำสั้น ๆ คำนั้นออกไปอยู่ดี. . .
หากฉันบอกคำว่ารักกับเขาตั้งแต่วันนั้น ไดอารี่หน้าสุดท้ายคงไม่มีแค่รอยเปื้อนของน้ำตาเท่านั้น ข้อความที่แทนความรู้สึกดีๆ ระหว่างเราสองคนน่าจะเป็นความทรงจำสุดท้ายที่อยู่ในไดอารี่เล่มนี้
+ + + . . .สักวันฉันจะตามเธอไป รอฉันด้วยนะ ฉันจะพูด คำพูดนึงกับเธอ คำพูดที่เธออยากฟังจากฉัน ทุกความรู้สึกที่อยู่ในไดอารี่ ที่เธอไม่เคยรู้ว่าฉันเขียนอะไร ฉันจะบอกกับเธอเอง อย่าเพิ่งหนีฉันไปไหนอีกล่ะ รอฉันอยู่ที่ดาวดวงนั้นนะ เพื่อให้ฉันได้บอกกับเธอสักครั้งว่า "รั ก" . . . + + +
หากรู้ตัวว่ารักใคร
จงบอกออกไปว่ารักเขา
หากหัวใจไม่มีใครเป็นเงา
อย่าลืมว่าเราต้องรักตัวเท่าหัวใจ. . . .
17 กันยายน 2545 12:50 น.
แม่มดน้อยค่ะ
นับตั้งแต่วันแรกที่ฉันได้เริ่มเรียนรู้กับสิ่งใหม่ ๆ กับชีวิตที่แปลกไปกว่าเดิมในรั้วมหา'ลัย ก้าวแรกของการเริ่มต้นที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับน้ำใส ๆ ที่เปื้อนแก้ม และรอยยิ้มของคนแปลกหน้า ที่นำพาฉันไปสู่มิตรภาพ
บ่อยครั้งที่ฉันยังรู้สึกเหงา และนึกถืงเพื่อนเก่า ๆ สมัยมัธยม ภาพเก่า ๆ ระหว่างฉันและเพื่อน ๆ ยังคงชัดเจน และดูเหมือนว่าจะไม่มีวันลบเลือนไปได้ เพื่อนใหม่ไม่สามารถทำให้ฉันลืมเพื่อนเก่าได้
การเรียนที่ต้องอยู่ในหอพัก ทำให้ฉันคิดถึงบ้าน คิดถึงครอบครัว ฉันอาจจะมีเวลาว่างพอที่จะโทรกลับบ้านเพื่อคุยกับแม่ได้ทุกวัน แต่ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันสามารถทำได้ แม้ฉันจะปรารถนาก็ตาม ทุกครั้งที่ฉันคุยกับแม่ทางโทรศัพท์ ฉันต้องร้องไห้ทุกครั้งไป และฉันก็ทำให้แม่ต้องร้องไห้ด้วยเสมอ เสียงสั่นเครือของแม่ที่สื่อมาตามสาย บ่งบอกให้ฉันรับรู้ถึงความรัก และความห่วงใย มันยากยิ่งกว่าที่จะอธิบายความรู้สึกระหว่างฉันกับแม่ได้ ฉันไม่อยากทำให้แม่เป็นห่วง และ ร้องไห้เวลาที่คุยกับฉัน แม้ฉันจะพยายามไม่เล่าถึงความทุกข์ใจให้แม่ฟัง แต่ฉันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะร้องไห้ จนแม่ต้องได้ยินเสียงสะอื้น
ความห่างไกล ทำให้ความรักของเราใกล้กันมากขึ้น ความห่วงใยชัดเจนขึ้นทุก ๆ ขณะ และฉันเองก็รับรู้ตลอดเวลาว่า "แม่" รักฉันมากเพียงใด ฉันเชื่อว่าลูกทุกคนต้องเข้าใจความรู้สึกของฉันดี และย่อมมองเห็นความรู้สึกเหล่านี้ด้วยหัวใจของตัวเราเอง
" รักแม่มากกว่ามาก"