4 กรกฎาคม 2548 17:03 น.
แม่มดน้อยค่ะ
บางครั้งเราก็มองข้ามสิ่งเล็กๆน้อยๆไป
เพียงเพราะใช้เวลาสั้นๆ ตัดสินสิ่งนั้นว่า "ไร้สาระ"
หลายวันก่อน เพื่อนคนหนึ่งถามฉันว่า
"ทำไมต้องมียางลบอยู่บนหัวดินสอ ? "
ฉันไม่ได้สนใจคำถามนั้นเท่าไหร่
เพียงรู้สึกว่าเป็นคำถามที่ไม่มีสาระอะไรมากมาย
แต่ก็ตอบเล่นๆไปว่า
"เพื่อความสะดวก หรือไม่ก็ช่วยให้คนขี้ลืมและชอบวางยางลบไม่เป็นที่ ได้มียางลบใช้มั้ง"
เพื่อนของฉันยิ้ม ก่อนจะตอบฉันสั้นๆว่า
"ไม่ใช่"
"อ้าว. . .งั้นเพราะอะไรล่ะ"
ฉันอดที่จะถามไม่ได้
"คนเราสามารถทำผิดกันได้"
". . . . . . . . . . . . . . . . . . "
ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง หลังได้ยินคำตอบ
ปล่อยให้เจ้าของคำถามเดินจากไป
โดยไม่ได้อธิบายอะไรมากไปกว่าคำตอบสั้นๆของเขาจะอธิบายฉัน
คำถามของเพื่อนที่ฉันเคยมองว่าไร้สาระ
กลับทำให้ฉันเก็บมาคิดแทบทุกขณะที่สมองว่าง
เย็นวันนั้น ฉันจึงหยิบโทรศัพท์เขียนข้อความส่งถึงเพื่อนๆด้วยประโยคที่ซ้ำกัน. . .
"ทำไมต้องมียางลบอยู่บนหัวดินสอ
. . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . .
เพราะคนเรามีสิทธิ์ทำผิดกันได้
. . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . . . . .
แต่จงจำไว้ว่า. . .เราไม่ควรใช้ยางลบให้หมดก่อนดินสอ
เพราะนั่นอาจหมายความว่า เรากำลังทำผิดซ้ำๆ จนความผิดนั้นอาจสายเกินแก้"
ฉันเองยังไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่คิดต่อจากเพื่อนจะถูกต้องหรือไม่
และเพื่อนๆที่ได้รับข้อความจากฉัน
จะเข้าใจในสิ่งที่ฉันต้องการจะบอกหรือเปล่า
จะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ. . .นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการนัก
สิ่งที่ฉันอยากได้รับ คือ เพื่อนของฉันจะคิดต่อจากความคิดของฉันอย่างไร
และลึกๆ ฉันแค่หวังว่า เพื่อนของฉันจะกล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด
และไม่ประมาทในการกระทำของตัวเอง. . .
เพียงแค่นั้น ฉันก็หมดห่วง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
14 พฤศจิกายน 2546 22:18 น.
แม่มดน้อยค่ะ
ผ้าม่านริมหน้าต่างค่อยๆ ขยับแย้มเผยให้เห็นโลกอุ่น ๆ นอกห้องสีชมพูจร๋าของฉัน
รอยยิ้มของดวงตะวันส่งแสงสีแดดมาทักทาย พร้อมๆ กับฟ้ากว้างที่แย้มยิ้มอย่างเบิกบานอยู่นอกห้อง เมฆสีขาวลอยล่อง หมุนตัวเป็นรูปแมลงบ้าง ดอกไม้บ้างเต็มท้องฟ้า
เช้านี้อากาศดีจัง ฉันพูดกับตัวเองขณะที่หลบเงียบอยู่ตรงเก้าอี้สีขาวข้างหน้าต่าง เลื่อนมือที่วางอยู่เหนือขอบหน้าต่าง จับปากกาที่นอนนิ่งอยู่บนสมุดเล่มเล็ก ๆ ที่เปรอะเปื้อนด้วยฝันและร้อยพันความรู้สึกของฉัน
แน่นอนล่ะ. . .ที่เช้านี้ฉันยังคงแต้มฝันลงในสมุดเล่มเล็กอีกเช่นทุกวัน
นานทีเดียวที่ฉันจ้องมองเส้นตรงสีดำบนแผ่นกระดาษสีขาว ที่ขีดเป็นเส้นบรรทัดเต็มสองหน้ากระดาษ
วันนี้ฉันจะเก็บอะไรมาวางไว้เหนือเส้นสีดำเหล่านี้ดีล่ะ
มากพอแล้วกับบทกวีของความคิดถึง
เพียงพอแล้วกับความรู้สึกของความเหงา
เกินพอแล้วกับความฝันที่เลื่อนลอย
แล้ววันนี้ฉันจะขยับปลายปากกาเล่าอะไรดีล่ะ
ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจปิดสมุดและวางปากกาไว้ที่เดิม คงไม่จำเป็นหรอกนะ ที่เราจะต้องอธิบายทุกสิ่งทุกอย่าง
ถ้อยคำ. . .บางทีก็น้อยเกินกว่าจะนำมาอธิบายเรื่องของหัวใจ ปล่อยความรู้สึกให้มันซุกซ่อนอยู่ข้างในนั่นแหละดีแล้ว
สำหรับฉันถ้อยคำในความเงียบน่าเอ็นดูและงดงามที่สุด บทกวีที่เขียนไม่จบ แต่เราก็รู้ดีว่าบทกวีที่เราเขียนจะจบลงอย่างไร จดหมายที่ไม่ได้เขียน แต่ความคิดถึงและความห่วงใยส่งไปถึงปลายทางแล้ว
เพราะความรู้สึกเดินทางเร็วกว่าตัวอักษร
เก็บถ้อยคำเหลือไว้ในความเงียบบ้าง. . . . เพื่อวันที่เรานั่งอยู่คนเดียวเพียงลำพัง ไม่มีสมุดบันทึก ไม่มีปากกา ถ้อยคำเหล่านั้นจะได้ออกมาทักทายหยอกล้อกับเรา
เหมือนที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้. . .เหลือที่ไว้ในความเงียบเพื่อให้ถ้อยคำได้ซุกตัวอยู่กับฉันนานๆ. . .
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
18 กรกฎาคม 2546 20:35 น.
แม่มดน้อยค่ะ
เสียงเพลงสายลมขับกล่อมทุกชีวิตเล็ก ๆ ในทุ่งหญ้ากว้าง ดอกหญ้าเต้นระบำตามท่วงทำนองของสายลม ผีเสื้อน้อยใหญ่โน้มตัวลงมาโค้งควงดอกหญ้าเป็นคู่เต้น
หมอกบางค่อยๆ เคลื่อนตัวจางหายไปเมื่อแสงสีแดด สาดส่องลงมาเติมความอบอุ่นให้กับทุกชีวิตบนพื้นผิวโลก
ขบวนมดตัวจิ๋ว ตั้งแถวเดินตรงเหมือนหนึ่งขีดเส้นไว้ ไม่มีตัวใดแตกแถว ไม่มีตัวใดหยุดเดิน ทุกตัวมุ่งเดินไปข้างหน้าที่มองไม่เห็นว่าแถวจะสิ้นสุดลงตรงไหน
ดอกหญ้ายังคงลู่เอนไปตามทำนองเพลงของสายลม กลิ่นของน้ำค้างบนยอดหญ้า ทักทายแมลงตัวน้อยบินมาสัมผัสความหอมหวานของกลิ่นไอยามเช้า ก่อนแสงแดดจะแทะเลียจนหมดสิ้น
ก้อนเมฆสีขาวลอยตัวอยู่เหนือทุ่งหญ้าและสายลม หากแต่บทเพลงของสายลม ยังส่งเสียงกล่อมให้เมฆขาวขยับตัวช้าๆ เริงร่าทั่วทั้งแผ่นฟ้าสีสวยเหมือนมีใครสักคนหยิบเอาพู่กันจุ่มสีมาระบายไว้
ใบไม้สีฟางร่วงหล่นจากต้น มีสายลมเข้ามาประคองไว้ให้ปลิวหมุนก่อนลงสู่พื้นดิน ที่พรมด้วยหยดน้ำค้างอุ่นอย่างช้า ๆ
ในบ้านหลังเล็ก หน้าต่างบานกว้างเปิดรับกลิ่นไอยามเช้าไว้ แต่เจ้าของบ้านยังคงซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น คลอกับเสียงเพลงเบาๆ ที่เปิดทิ้งไว้ซ้ำไปซ้ำมาตั้งแต่เมื่อคืน
" แ ก้ ม . . . แ ก้ ม "
เสียงแหบแห้งแข่งกับเสียงเพลงในห้องปลุกให้เจ้าของชื่อลืมตาตื่น และหันไปมองที่มาของเสียงข้างหน้าต่างบานนั้น
" มีอะไรเหรอไม้ มาเช้าจัง"
เธอพูด ยังคงนอนอยู่บนเตียงเหมือนเก่า
" ลุกซิ . . .วันนี้เราสัญญาว่าจะพาเธอไปเดินเล่นที่ทุ่งหญ้า ลืมแล้วเหรอ "
เขาพูด อยากจะปีนหน้าต่างเข้าไปดึงตัวผู้หญิงขี้เซาให้ลุกขึ้น
" ไว้สาย ๆ หน่อยได้มั้ย ? "
เธอต่อลองก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้า
"ไม่ได้. . .แก้ม ตื่นซิ !! "
เสียงพูดจบลงพร้อมกับที่เขาปีนหน้าต่างเข้ามาในห้องนอนของเธอ
" ไปล้างหน้า !! "
เขาลากเสียงยาว พร้อมกับดึงแขนของเธอให้ลุกขึ้นนั่ง เธอไม่ได้แปลกใจว่าเขาเข้ามาได้ยังไง เพียงแค่แอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะลุกไปล้างหน้าตามคำสั่งของเขา
21 มิถุนายน 2546 18:42 น.
แม่มดน้อยค่ะ
เ ช้ า วั น ฟ้ า ใ ส
ต้ น ห ญ้ า ส ว ม เ สื้ อ สี เ ขี ย ว
อ อ ก วิ่ ง เ ล่ น ใ น ทุ่ ง ก ว้ า ง
แ ม ล ง ตั ว น้ อ ย ส ว ม เ สื้ อ สี รุ้ ง
อ อ ก บิ น เ ล่ น ใ น ทุ่ ง ก ว้ า ง
ด อ ก ไ ม้ เ ล็ ก ๆ ส ว ม เ สื้ อ สี ข า ว
ทั ก ท า ย แ ม ล ง ตั ว น้ อ ย
ต้ น ห ญ้ า เ ป็ น เ พื่ อ น ข อ ง ทุ่ ง ก ว้ า ง
แ ม ล ง เ ป็ น เ พื่ อ น ข อ ง ด อ ก ไ ม้
ท้ อ ง ฟ้ า เ ป็ น บ้ า น ข อ ง พ ว ก เ ข า
ทุ ก ๆ วั น
แ ล ะ ทุ ก ๆ วั น
เ ด็ ก ช า ย แ ล ะ เ ด็ ก ห ญิ ง อ อ ก วิ่ ง เ ล่ น กั บ ด ว ง ต ะ วั น
ด ว ง ต ะ วั น เ ป็ น เ พื่ อ น ข อ ง เ ด็ ก น้ อ ย
เ ด็ ก น้ อ ย รั ก ด ว ง ต ะ วั น
ต ะ วั น จ๋ า
แ ส ง แ ด ด จ๋ า
พ รุ่ ง นี้ เ ร า ม า วิ่ ง เ ล่ น กั น อี ก น ะ
เ ด็ ก น้ อ ย พู ด ก่ อ น จ ะ จู ง มื อ ค ว า ม มื ด ก ลั บ บ้ า น
เ ด็ ก น้ อ ย เ จ อ พ ร ะ จั น ท ร์
เ ด็ ก ช า ย แ ล ะ เ ด็ ก ห ญิ ง อ อ ก เ ดิ น เ ล่ น กั บ พ ร ะ จั น ท ร์
พ ร ะ จั น ท ร์ เ ป็ น เ พื่ อ น ข อ ง เ ด็ ก น้ อ ย
พ ร ะ จั น ท ร์ จ๋ า
แ ส ง จั น ท ร์ จ๋ า
พ รุ่ ง นี้ เ ร า ม า เ ดิ น เ ล่ น กั น อี ก น ะ
เ ด็ ก น้ อ ย พู ด ก่ อ น จ ะ จู ง มื อ คำ สั ญ ญ า ก ลั บ บ้ า น
พ รุ่ ง นี้ . . .
พ รุ่ ง นี้ . . .
พ รุ่ ง นี้ น ะ . . .
เ ด็ ก ห ญิ ง ส ง สั ย
พ รุ่ ง นี้ คื อ อ ะ ไ ร
พ รุ่ ง นี้ คื อ เ มื่ อ ไ ห ร่
พ รุ่ ง นี้ ใ จ ดี ห รื อ เ ป ล่ า
พ รุ่ ง นี้ อ้ ว น ห รื อ ผ อ ม
เ ด็ ก ช า ย ส่ า ย ห น้ า
เ ด็ ก ช า ย ไ ม่ รู้
เ ด็ ก ช า ย ต อ บ ไ ม่ ไ ด้
เ ด็ ก น้ อ ย ส อ ง ค น ไ ม่ รู้ จั ก พ รุ่ ง นี้
ไ ม่ เ ชื่ อ ใ จ พ รุ่ ง นี้ . . .
เ ด็ ก น้ อ ย ไ ม่ ย อ ม ก ลั บ บ้ า น
เ ด็ ก น้ อ ย ก ลั บ ไ ป เ ดิ น เ ล่ น กั บ พ ร ะ จั น ท ร์ อี ก ค รั้ ง
เ ดิ น เ ล่ น จ น เ ช้ า
แ ส ง จั น ท ร์ ห า ย ไ ป
พ ระ จั น ท ร์ ห า ย ตั ว
ด ว ง ต ะ วั น อ อ ก ม า วิ่ ง เ ล่ น กั บ เ ด็ ก น้ อ ย อี ก ค รั้ ง
เ ด็ ก น้ อ ย ส อ ง ค น ดี ใ จ
ถ้ า ร อ พ รุ่ ง นี้ . . .
จ ะ ไ ด้ เ ดิ น เ ล่ น กั บ พ ร ะ จั น ท ร์ ห รื อ เ ป ล่ า
จ ะ ไ ด้ วิ่ ง เ ล่ น กั บ ด ว ง ต ะ วั น ไ ห ม
พ รุ่ ง นี้ จ ะ มี ห รื อ เ ป ล่ า
พ รุ่ ง นี้ จ ะ มี อี ก ไ ห ม
พ รุ่ ง นี้ จ ะ ม า ถึ ง เ มื่ อ ไ ห ร่
พ รุ่ ง นี้ จ ะ ร อ เ ร า ไ ห ม
พ รุ่ ง นี้ จ ะ มี จ ริ ง ๆ เ ห ร อ
มี ใ ค ร รู้ จั ก พ รุ่ ง นี้ บ้ า ง
เ ด็ ก น้ อ ย ส อ ง ค น ยั ง ส ง สั ย
เ ด็ ก น้ อ ย ไ ม่ รู้ จั ก วั น พ รุ่ ง นี้
จึ ง ไ ม่ ไ ว้ ใ จ วั น พ รุ่ ง นี้ . . .
อ ย่ า เ ชื่ อ ใ จ ฉั น เ พ ร า ะ ฉั น ไ ม่ เ ค ย รั บ ป า ก สั ญ ญ า กั บ ใ ค ร
เ ด็ ก น้ อ ย ส ะ ดุ้ ง
เ สี ย ง ข อ ง พ รุ่ ง นี้
พ รุ่ ง นี้ พู ด กั บ เ ด็ ก น้ อ ย
พ รุ่ ง นี้ อ ยู่ ไ ห น
เ ด็ ก น้ อ ย ส อ ง ค น ม อ ง ห า
อ อ ก วิ่ ง ต า ม ห า พ รุ่ ง นี้ ใ น ทุ่ ง ก ว้ า ง
แ ต่ แ ล้ ว ก็ ไ ม่ เ จ อ พ รุ่ ง นี้. . .
วั น พ รุ่ ง นี้ ที่ ม อ ง ไ ม่ เ ห็ น . . . .
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
8 พฤษภาคม 2546 04:50 น.
แม่มดน้อยค่ะ
"เ ร า จ ะ พ บ เ จ อ กั น . . . ใ น วั น ด อ ก ไ ม้ บ า น"
เธอร้องไห้ทำไม
น้ำอุ่นหยุดเสียงสะอื้นพลางยกมือขึ้นปาดหยดน้ำตาที่กำลังไหล เมื่อได้ยินเสียงของใครคนหนึ่ง เธอเหลียวมองรอบตัว แต่ก็ไม่เจอใคร จึงคิดไปว่าเธอคงจะหูฝาดไปเท่านั้น
อย่าร้องไห้ไปเลยนะ
เสียงนั้นยังเป็นเสียงเดิมที่เธอได้ยินครั้งแรก เธอจึงรู้ว่าไม่ใช่แค่หูฝาดไปแน่ๆ แต่มีคนพูดกับเธอจริงๆ
ใครหน่ะ ออกมานะ
น้ำอุ่นเป็นฝ่ายพูดบ้าง เธอหันไปมองรอบๆ ตัวของเธออย่างระแวง แต่ก็ไม่พบใครเลย เพราะที่นี่เป็นทุ่งหญ้ากว้าง มีแค่ต้นไม้ใบหญ้าและนกตัวเล็กๆ เท่านั้น
ถ้าไม่ออกมาจะร้องไห้จริงๆนะ. . .
เธอไม่ได้แค่ขู่แต่ส่งเสียงร้องลั่นออกมาจริงๆ ด้วย
พอแล้วๆ. . .ฉันอยู่นี่ มองขึ้นมาบนต้นไม้ซิ
น้ำอุ่นทำตามคำสั่งของเสียงนั้น และเธอก็มองเห็นที่มาของเสียงจริงๆ เป็นเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอ ในชุดสีขาวสะอาดตา ดวงตากลมโตสีครามคล้ายท้องฟ้า ปากเล็กแดงคล้ายเด็กผู้หญิงค่อยๆ เผยเป็นรอยยิ้มให้กับเธอ
วันนี้มีเรื่องอะไรไม่สบายใจเหรอ
เขาถามเมื่อกระโดดลงจากต้นไม้และมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ
เธอรู้ได้ไง ว่าฉันไม่สบายใจ
น้ำอุ่นถามอย่างแปลกใจ
เพราะเธอจะมาที่นี่ทุกครั้งที่เธอรู้สึกไม่สบายใจ มาร้องไห้อยู่ใต้ต้นไม้ต้นนี้ และเหม่อมองก้อนเมฆที่นี่เป็นประจำ
เธอรู้ได้ยังไง
น้ำอุ่นยังไม่ลดความสงสัย
เพราะฉันจะมาอยู่ที่นี่ทุกครั้งในเวลาที่ฉันมีความสุข
น้ำอุ่นก้มหน้า น้ำตาซึมอยู่ตรงขอบตาของเธอ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
แต่ฉันไม่เคยมีความสุขเลย
ทำไมเธอจะไม่มีล่ะ เธอไม่เคยมองสิ่งที่อยู่รอบตัวของเธอด้วยรอยยิ้มต่างหาก
น้ำอุ่นจ้องหน้าเขา ไม่เข้าใจในคำพูดเท่าไร
ไปกับฉันซิ ฉันจะทำให้เธอเห็นว่าโลกใบนี้มีแต่รอยยิ้ม เธอจะได้หยุดร้องไห้เสียที
เขาไม่ได้รอฟังคำตอบจากเธอ กลับคว้าข้อมือเล็กๆ วิ่งไปตามทุ่งหญ้า ดอกไม้หลากสีต่างพากันเบ่งบานส่งกลิ่นหอมไปทั่วพื้นที่โล่งกว้างสีเขียว เขาเก็บดอกไม้ดอกเล็กๆ ยื่นให้เธอ ก่อนจะพูดกับเธอว่า
เวลาที่เธอยิ้ม ใบหน้าของเธอจะสดใสและสวยงามเหมือนดอกไม้ดอกนี้
เธอยิ้มให้กับคำพูดของเขา และเขาเองก็ยิ้มให้กับเธอเช่นกัน มิตรภาพจากคนแปลกหน้าได้เริ่มต้นขึ้น ทั้งสองคนเดินเล่นกันในทุ่งหญ้าที่คล้ายกับดินแดนของความฝัน สายลมที่พัดผ่านหน้าเธอทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังบินอยู่เหนือก้อนเมฆที่เธอชอบมองดูอยู่บ่อยๆ เธอมาที่นี่หลายครั้งและดูเหมือนจะเป็นบ้านอีกหลังของเธอ แต่เธอไม่เคยเห็นความสวยงามของที่นี่เลย จนวันนี้เธอรู้สึกหลงรักที่นี่ น้ำตาที่เปื้อนแก้มเหือดแห้งไปจนมองไม่เห็นแม้แต่คราบน้ำตา ใบหน้าแดงระเรื่อเพราะแสงแดดทำให้เธอดูน่ารักมากขึ้นในสายตาของเขา ทั้งสองคนเดินจูงมือพูดคุยกันจนตะวันลาลับขอบฟ้า. . .และการจากลาของเขาสองคนก็กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาด้วยเช่นกัน
เธอควรจะกลับบ้านได้แล้วนะ
เขาเอ่ยขึ้นเมื่อพาเธอมายืนอยู่ใต้ต้นไม้ต้นเดิม และเห็นว่าเวลาล่วงเลยมามากแล้ว
แล้วเมื่อไหร่เราจะได้เจอกันอีก
เธอรู้สึกไม่อยากจากเขาไปวันนี้เลย มันเหมือนเวลาของความสุขได้จากเธอไปด้วย
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันคงไม่ได้มาที่นี่อีกนาน
เขาตอบเธอด้วยน้ำเสียงเเผ่วเบา
นานแค่ไหน. . .
เธอถามเขา
นานแสนนาน. . .
น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อได้ฟังคำตอบของเขา เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเสียใจขนาดนี้ ความผูกพันที่เกิดขึ้นเพียงแค่ ไม่กี่ชั่วโมง มันทำให้เธอเป็นอาลัยอาวรเขาได้มากขนาดนี้เลยเหรอ แต่สำหรับเขาแล้วเขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่ความผูกพันที่เพิ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่ความผูกพันระหว่างเขาและเธอเกิดขึ้นนานกว่านี้
เธอร้องไห้ทำไมน้ำอุ่น
เขาพูดก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้เธอ อย่างอ่อนโยน
สัญญากับฉันได้มั้ย. . .ถ้าเธอกลับมาที่นี่. . .เธอจะไม่ร้องไห้อีก
เขาพูดพร้อมกับยื่นแขนมาจับไหล่ของเธอไว้ทั้งสองข้าง
ได้. . .ฉันสัญญา. . .
คำพูดที่ใช้เวลาชั่งใจไม่นานนักถูกพูดออกมาอย่างหนักแน่น พร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ
และเธอต้องให้สัญญากับฉันด้วยว่าเราจะกลับมาพบกันอีก
เธอพูดและยื่นนิ้วก้อยเรียวเล็กขึ้นมาเขาจึงยื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยวไว้ ก่อนจะล้วงมือไปในกระเป๋าหยิบอะไรขึ้นมาอย่างหนึ่ง
เราจะมาเจอกันที่นี่อีกครั้ง ในวันดอกไม้บาน
เขาพูดพร้อมกับยื่นเมล็ดดอกไม้ในมือให้เธอ มันมีขนาดเล็กไม่ต่างจากเมล็ดถั่ว และเขาก็เก็บอีกเมล็ดหนึ่งไว้กับตัวของเขา
ดอกไม้ทั้งสองดอกจะบานพร้อมกัน
เขาบอกเธอ
ฉันจะทำให้ดอกไม้ บานเร็วๆ แล้วเรากลับมาเจอกันตรงนี้นะ
เธอพูดก่อนจะวิ่งออกไปจากทุ่งหญ้ากว้าง ด้วยรอยยิ้มที่เปื้อนบนใบหน้าเนียนใส แต่ไม่ทันไรเธอต้องหยุดเท้าเหมือนลืมอะไรไปอย่างหนึ่ง
เธอชื่ออะไรนะ
เธอตะโกนถามชื่อเขา
เมฆ เรียกฉันว่า เมฆ
เธอยิ้มให้เขาอีกครั้งและวิ่งออกไปโดยไม่ได้หันหลังกลับมามองเขาอีก. . .