4 กรกฎาคม 2548 17:03 น.

ทำไมต้องมียางลบอยู่บนหัวดินสอ

แม่มดน้อยค่ะ

บางครั้งเราก็มองข้ามสิ่งเล็กๆน้อยๆไป
เพียงเพราะใช้เวลาสั้นๆ ตัดสินสิ่งนั้นว่า "ไร้สาระ"


หลายวันก่อน เพื่อนคนหนึ่งถามฉันว่า 
"ทำไมต้องมียางลบอยู่บนหัวดินสอ ? "
ฉันไม่ได้สนใจคำถามนั้นเท่าไหร่ 
เพียงรู้สึกว่าเป็นคำถามที่ไม่มีสาระอะไรมากมาย
แต่ก็ตอบเล่นๆไปว่า 
"เพื่อความสะดวก หรือไม่ก็ช่วยให้คนขี้ลืมและชอบวางยางลบไม่เป็นที่ ได้มียางลบใช้มั้ง"

เพื่อนของฉันยิ้ม ก่อนจะตอบฉันสั้นๆว่า 
"ไม่ใช่"
"อ้าว. . .งั้นเพราะอะไรล่ะ" 
ฉันอดที่จะถามไม่ได้ 

"คนเราสามารถทำผิดกันได้"
". . . . . . . . . . . . . . . . . . "  
ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง หลังได้ยินคำตอบ
ปล่อยให้เจ้าของคำถามเดินจากไป 
โดยไม่ได้อธิบายอะไรมากไปกว่าคำตอบสั้นๆของเขาจะอธิบายฉัน

คำถามของเพื่อนที่ฉันเคยมองว่าไร้สาระ 
กลับทำให้ฉันเก็บมาคิดแทบทุกขณะที่สมองว่าง
เย็นวันนั้น ฉันจึงหยิบโทรศัพท์เขียนข้อความส่งถึงเพื่อนๆด้วยประโยคที่ซ้ำกัน. . .

	"ทำไมต้องมียางลบอยู่บนหัวดินสอ
            	. . . . . . . . 
	. . . . . . . . . . . . . .
 	เพราะคนเรามีสิทธิ์ทำผิดกันได้
	.  . . . . . . . .
	. . . . . . . . . . . . . . .
	แต่จงจำไว้ว่า. . .เราไม่ควรใช้ยางลบให้หมดก่อนดินสอ
	เพราะนั่นอาจหมายความว่า เรากำลังทำผิดซ้ำๆ จนความผิดนั้นอาจสายเกินแก้"

ฉันเองยังไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่คิดต่อจากเพื่อนจะถูกต้องหรือไม่ 
และเพื่อนๆที่ได้รับข้อความจากฉัน
จะเข้าใจในสิ่งที่ฉันต้องการจะบอกหรือเปล่า

จะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ. . .นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการนัก
สิ่งที่ฉันอยากได้รับ คือ เพื่อนของฉันจะคิดต่อจากความคิดของฉันอย่างไร
และลึกๆ ฉันแค่หวังว่า เพื่อนของฉันจะกล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด
และไม่ประมาทในการกระทำของตัวเอง. . .

เพียงแค่นั้น ฉันก็หมดห่วง


     * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *				
14 พฤศจิกายน 2546 22:18 น.

ถ้ อ ย คำ ใ น ค ว า ม เ งี ย บ

แม่มดน้อยค่ะ

ผ้าม่านริมหน้าต่างค่อยๆ ขยับแย้มเผยให้เห็นโลกอุ่น ๆ นอกห้องสีชมพูจร๋าของฉัน
	รอยยิ้มของดวงตะวันส่งแสงสีแดดมาทักทาย พร้อมๆ กับฟ้ากว้างที่แย้มยิ้มอย่างเบิกบานอยู่นอกห้อง เมฆสีขาวลอยล่อง หมุนตัวเป็นรูปแมลงบ้าง ดอกไม้บ้างเต็มท้องฟ้า
 	เช้านี้อากาศดีจัง  ฉันพูดกับตัวเองขณะที่หลบเงียบอยู่ตรงเก้าอี้สีขาวข้างหน้าต่าง เลื่อนมือที่วางอยู่เหนือขอบหน้าต่าง จับปากกาที่นอนนิ่งอยู่บนสมุดเล่มเล็ก ๆ ที่เปรอะเปื้อนด้วยฝันและร้อยพันความรู้สึกของฉัน
	แน่นอนล่ะ. . .ที่เช้านี้ฉันยังคงแต้มฝันลงในสมุดเล่มเล็กอีกเช่นทุกวัน
	นานทีเดียวที่ฉันจ้องมองเส้นตรงสีดำบนแผ่นกระดาษสีขาว ที่ขีดเป็นเส้นบรรทัดเต็มสองหน้ากระดาษ

	             วันนี้ฉันจะเก็บอะไรมาวางไว้เหนือเส้นสีดำเหล่านี้ดีล่ะ

                                   มากพอแล้วกับบทกวีของความคิดถึง
                                   เพียงพอแล้วกับความรู้สึกของความเหงา
                                   เกินพอแล้วกับความฝันที่เลื่อนลอย

                 แล้ววันนี้ฉันจะขยับปลายปากกาเล่าอะไรดีล่ะ

                      ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจปิดสมุดและวางปากกาไว้ที่เดิม คงไม่จำเป็นหรอกนะ ที่เราจะต้องอธิบายทุกสิ่งทุกอย่าง 
                      ถ้อยคำ. . .บางทีก็น้อยเกินกว่าจะนำมาอธิบายเรื่องของหัวใจ ปล่อยความรู้สึกให้มันซุกซ่อนอยู่ข้างในนั่นแหละดีแล้ว 
                      สำหรับฉันถ้อยคำในความเงียบน่าเอ็นดูและงดงามที่สุด  บทกวีที่เขียนไม่จบ แต่เราก็รู้ดีว่าบทกวีที่เราเขียนจะจบลงอย่างไร จดหมายที่ไม่ได้เขียน แต่ความคิดถึงและความห่วงใยส่งไปถึงปลายทางแล้ว 
                               
                                   เพราะความรู้สึกเดินทางเร็วกว่าตัวอักษร
 	              
                      เก็บถ้อยคำเหลือไว้ในความเงียบบ้าง. . . . เพื่อวันที่เรานั่งอยู่คนเดียวเพียงลำพัง ไม่มีสมุดบันทึก ไม่มีปากกา ถ้อยคำเหล่านั้นจะได้ออกมาทักทายหยอกล้อกับเรา

                     เหมือนที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้. . .เหลือที่ไว้ในความเงียบเพื่อให้ถ้อยคำได้ซุกตัวอยู่กับฉันนานๆ. . .
                               

               * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * 				
18 กรกฎาคม 2546 20:35 น.

เก็บเสียงเพลงสายลม. . .มากล่อมเธอ

แม่มดน้อยค่ะ

เสียงเพลงสายลมขับกล่อมทุกชีวิตเล็ก ๆ ในทุ่งหญ้ากว้าง ดอกหญ้าเต้นระบำตามท่วงทำนองของสายลม ผีเสื้อน้อยใหญ่โน้มตัวลงมาโค้งควงดอกหญ้าเป็นคู่เต้น
          หมอกบางค่อยๆ เคลื่อนตัวจางหายไปเมื่อแสงสีแดด สาดส่องลงมาเติมความอบอุ่นให้กับทุกชีวิตบนพื้นผิวโลก
          ขบวนมดตัวจิ๋ว ตั้งแถวเดินตรงเหมือนหนึ่งขีดเส้นไว้ ไม่มีตัวใดแตกแถว ไม่มีตัวใดหยุดเดิน ทุกตัวมุ่งเดินไปข้างหน้าที่มองไม่เห็นว่าแถวจะสิ้นสุดลงตรงไหน
          ดอกหญ้ายังคงลู่เอนไปตามทำนองเพลงของสายลม กลิ่นของน้ำค้างบนยอดหญ้า ทักทายแมลงตัวน้อยบินมาสัมผัสความหอมหวานของกลิ่นไอยามเช้า ก่อนแสงแดดจะแทะเลียจนหมดสิ้น
          ก้อนเมฆสีขาวลอยตัวอยู่เหนือทุ่งหญ้าและสายลม หากแต่บทเพลงของสายลม ยังส่งเสียงกล่อมให้เมฆขาวขยับตัวช้าๆ เริงร่าทั่วทั้งแผ่นฟ้าสีสวยเหมือนมีใครสักคนหยิบเอาพู่กันจุ่มสีมาระบายไว้
          ใบไม้สีฟางร่วงหล่นจากต้น มีสายลมเข้ามาประคองไว้ให้ปลิวหมุนก่อนลงสู่พื้นดิน ที่พรมด้วยหยดน้ำค้างอุ่นอย่างช้า ๆ 
          ในบ้านหลังเล็ก หน้าต่างบานกว้างเปิดรับกลิ่นไอยามเช้าไว้ แต่เจ้าของบ้านยังคงซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น คลอกับเสียงเพลงเบาๆ ที่เปิดทิ้งไว้ซ้ำไปซ้ำมาตั้งแต่เมื่อคืน

          " แ ก้ ม . . . แ ก้ ม "
เสียงแหบแห้งแข่งกับเสียงเพลงในห้องปลุกให้เจ้าของชื่อลืมตาตื่น และหันไปมองที่มาของเสียงข้างหน้าต่างบานนั้น
          " มีอะไรเหรอไม้  มาเช้าจัง" 
   เธอพูด ยังคงนอนอยู่บนเตียงเหมือนเก่า
          " ลุกซิ . . .วันนี้เราสัญญาว่าจะพาเธอไปเดินเล่นที่ทุ่งหญ้า  ลืมแล้วเหรอ "
   เขาพูด อยากจะปีนหน้าต่างเข้าไปดึงตัวผู้หญิงขี้เซาให้ลุกขึ้น
          " ไว้สาย ๆ หน่อยได้มั้ย ? "
   เธอต่อลองก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้า
          "ไม่ได้. . .แก้ม  ตื่นซิ !! " 
   เสียงพูดจบลงพร้อมกับที่เขาปีนหน้าต่างเข้ามาในห้องนอนของเธอ
          " ไปล้างหน้า !! "
   เขาลากเสียงยาว พร้อมกับดึงแขนของเธอให้ลุกขึ้นนั่ง  เธอไม่ได้แปลกใจว่าเขาเข้ามาได้ยังไง เพียงแค่แอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะลุกไปล้างหน้าตามคำสั่งของเขา				
21 มิถุนายน 2546 18:42 น.

พ รุ่ ง นี้ แ ล ะ เ ด็ ก น้ อ ย

แม่มดน้อยค่ะ

เ ช้ า วั น ฟ้ า ใ ส
          ต้ น ห ญ้ า ส ว ม เ สื้ อ สี เ ขี ย ว
          อ อ ก วิ่ ง เ ล่ น ใ น ทุ่ ง ก ว้ า ง
          แ ม ล ง ตั ว น้ อ ย ส ว ม เ สื้ อ สี รุ้ ง
          อ อ ก บิ น เ ล่ น ใ น ทุ่ ง ก ว้ า ง 
          ด อ ก ไ ม้ เ ล็ ก ๆ   ส ว ม เ สื้ อ สี ข า ว 
          ทั ก ท า ย แ ม ล ง ตั ว น้ อ ย 
          ต้ น ห ญ้ า เ ป็ น เ พื่ อ น ข อ ง ทุ่ ง ก ว้ า ง
          แ ม ล ง เ ป็ น เ พื่ อ น ข อ ง ด อ ก ไ ม้ 
          ท้ อ ง ฟ้ า เ ป็ น บ้ า น ข อ ง พ ว ก เ ข า 

          ทุ ก   ๆ   วั น 
          แ ล ะ ทุ ก   ๆ   วั น 
          เ ด็ ก ช า ย   แ ล ะ   เ ด็ ก ห ญิ ง   อ อ ก วิ่ ง เ ล่ น กั บ ด ว ง ต ะ วั น 
          ด ว ง ต ะ วั น เ ป็ น เ พื่ อ น ข อ ง เ ด็ ก น้ อ ย 
          เ ด็ ก น้ อ ย รั ก ด ว ง ต ะ วั น
                ต ะ วั น จ๋ า 
                แ ส ง แ ด ด จ๋ า 
                พ รุ่ ง นี้ เ ร า ม า วิ่ ง เ ล่ น กั น อี ก น ะ 
          เ ด็ ก น้ อ ย พู ด ก่ อ น จ ะ จู ง มื อ ค ว า ม มื ด ก ลั บ บ้ า น

          เ ด็ ก น้ อ ย เ จ อ พ ร ะ จั น ท ร์
          เ ด็ ก ช า ย   แ ล ะ   เ ด็ ก ห ญิ ง   อ อ ก เ ดิ น เ ล่ น กั บ พ ร ะ จั น ท ร์
          พ ร ะ จั น ท ร์ เ ป็ น เ พื่ อ น ข อ ง เ ด็ ก น้ อ ย
                พ ร ะ จั น ท ร์ จ๋ า 
                แ ส ง จั น ท ร์ จ๋ า 
                พ รุ่ ง นี้ เ ร า ม า เ ดิ น เ ล่ น กั น อี ก น ะ 
          เ ด็ ก น้ อ ย พู ด ก่ อ น จ ะ จู ง มื อ คำ สั ญ ญ า ก ลั บ บ้ า น

                พ รุ่ ง นี้ .  .  .
                พ รุ่ ง นี้ .  .  .
                พ รุ่ ง นี้ น ะ .  .  .
          
          เ ด็ ก ห ญิ ง ส ง สั ย
               
                พ รุ่ ง นี้ คื อ อ ะ ไ ร 
                พ รุ่ ง นี้ คื อ เ มื่ อ ไ ห ร่ 
                พ รุ่ ง นี้ ใ จ ดี ห รื อ เ ป ล่ า 
                พ รุ่ ง นี้ อ้ ว น ห รื อ ผ อ ม 
          
          เ ด็ ก ช า ย ส่ า ย ห น้ า 
          เ ด็ ก ช า ย ไ ม่ รู้
          เ ด็ ก ช า ย ต อ บ ไ ม่ ไ ด้

          เ ด็ ก น้ อ ย ส อ ง ค น ไ ม่ รู้ จั ก พ รุ่ ง นี้ 
          ไ ม่ เ ชื่ อ ใ จ พ รุ่ ง นี้ .  .  .
          เ ด็ ก น้ อ ย ไ ม่ ย อ ม ก ลั บ บ้ า น 
          เ ด็ ก น้ อ ย ก ลั บ ไ ป เ ดิ น เ ล่ น กั บ พ ร ะ จั น ท ร์ อี ก ค รั้ ง
          เ ดิ น เ ล่ น จ น เ ช้ า 
          แ ส ง จั น ท ร์ ห า ย ไ ป 
          พ ระ จั น ท ร์ ห า ย ตั ว 
          ด ว ง ต ะ วั น อ อ ก ม า วิ่ ง เ ล่ น กั บ เ ด็ ก น้ อ ย อี ก ค รั้ ง
          เ ด็ ก น้ อ ย ส อ ง ค น ดี ใ จ
          ถ้ า ร อ พ รุ่ ง นี้ .   .   . 
          จ ะ ไ ด้ เ ดิ น เ ล่ น กั บ พ ร ะ จั น ท ร์ ห รื อ เ ป ล่ า
          จ ะ ไ ด้ วิ่ ง เ ล่ น กั บ ด ว ง ต ะ วั น ไ ห ม

                พ รุ่ ง นี้ จ ะ มี ห รื อ เ ป ล่ า 
                พ รุ่ ง นี้ จ ะ มี อี ก ไ ห ม 
                พ รุ่ ง นี้ จ ะ ม า ถึ ง เ มื่ อ ไ ห ร่ 
                พ รุ่ ง นี้ จ ะ ร อ เ ร า ไ ห ม 
                พ รุ่ ง นี้ จ ะ มี จ ริ ง ๆ  เ ห ร อ 
                มี ใ ค ร รู้ จั ก พ รุ่ ง นี้ บ้ า ง 
          
          เ ด็ ก น้ อ ย ส อ ง ค น ยั ง ส ง สั ย
          เ ด็ ก น้ อ ย ไ ม่ รู้ จั ก วั น พ รุ่ ง นี้ 
          จึ ง ไ ม่ ไ ว้ ใ จ วั น พ รุ่ ง นี้ .   .   .


           อ ย่ า เ ชื่ อ ใ จ ฉั น   เ พ ร า ะ ฉั น ไ ม่ เ ค ย รั บ ป า ก สั ญ ญ า กั บ ใ ค ร 
          
          เ ด็ ก น้ อ ย ส ะ ดุ้ ง
          เ สี ย ง ข อ ง พ รุ่ ง นี้
          พ รุ่ ง นี้ พู ด กั บ เ ด็ ก น้ อ ย 
          พ รุ่ ง นี้ อ ยู่ ไ ห น 
          เ ด็ ก น้ อ ย ส อ ง ค น ม อ ง ห า 
          อ อ ก วิ่ ง ต า ม ห า พ รุ่ ง นี้ ใ น ทุ่ ง ก ว้ า ง
          แ ต่ แ ล้ ว ก็ ไ ม่ เ จ อ พ รุ่ ง นี้.   .   .  
          
          วั น พ รุ่ ง นี้ ที่ ม อ ง ไ ม่ เ ห็ น .   .   .   .




        * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *				
8 พฤษภาคม 2546 04:50 น.

“เราจะพบเจอกัน. . .ในวันดอกไม้บาน”

แม่มดน้อยค่ะ

"เ ร า จ ะ พ บ เ จ อ กั น .   .   . ใ น วั น ด อ ก ไ ม้ บ า น"


   เธอร้องไห้ทำไม 
น้ำอุ่นหยุดเสียงสะอื้นพลางยกมือขึ้นปาดหยดน้ำตาที่กำลังไหล เมื่อได้ยินเสียงของใครคนหนึ่ง เธอเหลียวมองรอบตัว แต่ก็ไม่เจอใคร  จึงคิดไปว่าเธอคงจะหูฝาดไปเท่านั้น
   อย่าร้องไห้ไปเลยนะ
เสียงนั้นยังเป็นเสียงเดิมที่เธอได้ยินครั้งแรก เธอจึงรู้ว่าไม่ใช่แค่หูฝาดไปแน่ๆ แต่มีคนพูดกับเธอจริงๆ
   ใครหน่ะ ออกมานะ
น้ำอุ่นเป็นฝ่ายพูดบ้าง เธอหันไปมองรอบๆ ตัวของเธออย่างระแวง แต่ก็ไม่พบใครเลย เพราะที่นี่เป็นทุ่งหญ้ากว้าง มีแค่ต้นไม้ใบหญ้าและนกตัวเล็กๆ เท่านั้น
   ถ้าไม่ออกมาจะร้องไห้จริงๆนะ. . .
เธอไม่ได้แค่ขู่แต่ส่งเสียงร้องลั่นออกมาจริงๆ ด้วย
   พอแล้วๆ. . .ฉันอยู่นี่ มองขึ้นมาบนต้นไม้ซิ
        น้ำอุ่นทำตามคำสั่งของเสียงนั้น และเธอก็มองเห็นที่มาของเสียงจริงๆ เป็นเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอ ในชุดสีขาวสะอาดตา ดวงตากลมโตสีครามคล้ายท้องฟ้า ปากเล็กแดงคล้ายเด็กผู้หญิงค่อยๆ เผยเป็นรอยยิ้มให้กับเธอ 
   วันนี้มีเรื่องอะไรไม่สบายใจเหรอ
เขาถามเมื่อกระโดดลงจากต้นไม้และมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ
   เธอรู้ได้ไง ว่าฉันไม่สบายใจ
น้ำอุ่นถามอย่างแปลกใจ
   เพราะเธอจะมาที่นี่ทุกครั้งที่เธอรู้สึกไม่สบายใจ มาร้องไห้อยู่ใต้ต้นไม้ต้นนี้ และเหม่อมองก้อนเมฆที่นี่เป็นประจำ
   เธอรู้ได้ยังไง
น้ำอุ่นยังไม่ลดความสงสัย
   เพราะฉันจะมาอยู่ที่นี่ทุกครั้งในเวลาที่ฉันมีความสุข
น้ำอุ่นก้มหน้า น้ำตาซึมอยู่ตรงขอบตาของเธอ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
   แต่ฉันไม่เคยมีความสุขเลย
   ทำไมเธอจะไม่มีล่ะ เธอไม่เคยมองสิ่งที่อยู่รอบตัวของเธอด้วยรอยยิ้มต่างหาก
น้ำอุ่นจ้องหน้าเขา ไม่เข้าใจในคำพูดเท่าไร
   ไปกับฉันซิ ฉันจะทำให้เธอเห็นว่าโลกใบนี้มีแต่รอยยิ้ม เธอจะได้หยุดร้องไห้เสียที
        เขาไม่ได้รอฟังคำตอบจากเธอ กลับคว้าข้อมือเล็กๆ วิ่งไปตามทุ่งหญ้า ดอกไม้หลากสีต่างพากันเบ่งบานส่งกลิ่นหอมไปทั่วพื้นที่โล่งกว้างสีเขียว เขาเก็บดอกไม้ดอกเล็กๆ ยื่นให้เธอ ก่อนจะพูดกับเธอว่า
   เวลาที่เธอยิ้ม ใบหน้าของเธอจะสดใสและสวยงามเหมือนดอกไม้ดอกนี้
        เธอยิ้มให้กับคำพูดของเขา และเขาเองก็ยิ้มให้กับเธอเช่นกัน มิตรภาพจากคนแปลกหน้าได้เริ่มต้นขึ้น ทั้งสองคนเดินเล่นกันในทุ่งหญ้าที่คล้ายกับดินแดนของความฝัน สายลมที่พัดผ่านหน้าเธอทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังบินอยู่เหนือก้อนเมฆที่เธอชอบมองดูอยู่บ่อยๆ เธอมาที่นี่หลายครั้งและดูเหมือนจะเป็นบ้านอีกหลังของเธอ แต่เธอไม่เคยเห็นความสวยงามของที่นี่เลย จนวันนี้เธอรู้สึกหลงรักที่นี่ น้ำตาที่เปื้อนแก้มเหือดแห้งไปจนมองไม่เห็นแม้แต่คราบน้ำตา ใบหน้าแดงระเรื่อเพราะแสงแดดทำให้เธอดูน่ารักมากขึ้นในสายตาของเขา   ทั้งสองคนเดินจูงมือพูดคุยกันจนตะวันลาลับขอบฟ้า. . .และการจากลาของเขาสองคนก็กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาด้วยเช่นกัน
   เธอควรจะกลับบ้านได้แล้วนะ
เขาเอ่ยขึ้นเมื่อพาเธอมายืนอยู่ใต้ต้นไม้ต้นเดิม และเห็นว่าเวลาล่วงเลยมามากแล้ว
   แล้วเมื่อไหร่เราจะได้เจอกันอีก
เธอรู้สึกไม่อยากจากเขาไปวันนี้เลย มันเหมือนเวลาของความสุขได้จากเธอไปด้วย
   ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันคงไม่ได้มาที่นี่อีกนาน
เขาตอบเธอด้วยน้ำเสียงเเผ่วเบา
   นานแค่ไหน. . .
เธอถามเขา
   นานแสนนาน. . .
        น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อได้ฟังคำตอบของเขา เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเสียใจขนาดนี้ ความผูกพันที่เกิดขึ้นเพียงแค่ ไม่กี่ชั่วโมง มันทำให้เธอเป็นอาลัยอาวรเขาได้มากขนาดนี้เลยเหรอ แต่สำหรับเขาแล้วเขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่ความผูกพันที่เพิ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่ความผูกพันระหว่างเขาและเธอเกิดขึ้นนานกว่านี้
   เธอร้องไห้ทำไมน้ำอุ่น
เขาพูดก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้เธอ อย่างอ่อนโยน
   สัญญากับฉันได้มั้ย. . .ถ้าเธอกลับมาที่นี่. . .เธอจะไม่ร้องไห้อีก
เขาพูดพร้อมกับยื่นแขนมาจับไหล่ของเธอไว้ทั้งสองข้าง
   ได้. . .ฉันสัญญา. . .
คำพูดที่ใช้เวลาชั่งใจไม่นานนักถูกพูดออกมาอย่างหนักแน่น พร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ
   และเธอต้องให้สัญญากับฉันด้วยว่าเราจะกลับมาพบกันอีก
เธอพูดและยื่นนิ้วก้อยเรียวเล็กขึ้นมาเขาจึงยื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยวไว้ ก่อนจะล้วงมือไปในกระเป๋าหยิบอะไรขึ้นมาอย่างหนึ่ง
   เราจะมาเจอกันที่นี่อีกครั้ง ในวันดอกไม้บาน
เขาพูดพร้อมกับยื่นเมล็ดดอกไม้ในมือให้เธอ มันมีขนาดเล็กไม่ต่างจากเมล็ดถั่ว และเขาก็เก็บอีกเมล็ดหนึ่งไว้กับตัวของเขา
   ดอกไม้ทั้งสองดอกจะบานพร้อมกัน
เขาบอกเธอ
   ฉันจะทำให้ดอกไม้ บานเร็วๆ แล้วเรากลับมาเจอกันตรงนี้นะ
เธอพูดก่อนจะวิ่งออกไปจากทุ่งหญ้ากว้าง ด้วยรอยยิ้มที่เปื้อนบนใบหน้าเนียนใส แต่ไม่ทันไรเธอต้องหยุดเท้าเหมือนลืมอะไรไปอย่างหนึ่ง
   เธอชื่ออะไรนะ
เธอตะโกนถามชื่อเขา
   เมฆ เรียกฉันว่า เมฆ
เธอยิ้มให้เขาอีกครั้งและวิ่งออกไปโดยไม่ได้หันหลังกลับมามองเขาอีก. . .				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแม่มดน้อยค่ะ
Lovings  แม่มดน้อยค่ะ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแม่มดน้อยค่ะ
Lovings  แม่มดน้อยค่ะ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแม่มดน้อยค่ะ
Lovings  แม่มดน้อยค่ะ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแม่มดน้อยค่ะ