19 พฤษภาคม 2546 22:11 น.
แมวอ้วน
รถแล่นเดินทางมาได้ซักครู่หนึ่ง จึงเริ่มเข้าเขตเมืองกรุงเทพ
" อีกไม่กี่นาทีก็ใกล้ถึงแล้วละ "
" ครับ "
" คุณแม่ขา... อย่าทิ้งหนูไป หนูรักแม่.... " แพรวเพ้อละเมอออกมาขณะนั่งหลับซบไหล่ทิว "
" ดูแล้ว เค้าคงรักแม่มากนะครับ " ทิวพูดขึ้นมา
" อือ แม่เธอเสียไปตั้งแต่แพรวยังเด็กนะ "
" ขอโทษครับพอดีผมไม่รู้มาก่อนนะ " ทิวกล่าวขอโทษอย่างจริงใจ
รถแล่นมาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง มีสนามหญ้าสีเขียวชอุ่มหน้าบ้านอย่างกว้างขวาง รั้วขนาดใหญ่ลวดลายสวยงาม หลังคาสีส้มอ่อนๆดูสบายตา ตัวบ้านสีขาวทอแสงเป็นประกาย
" นี่บ้านชั้นเอง " ลุงนกบอกกับทิว
" หา !!!! นี่บ้านลุงนกหรอครับ ยังกะ คฤหาสก์ "
ประตูบ้านเปิดออกอย่างช้าๆ เมื่อลุงนกกดสวิตซ์รีโมตในมือ รถแล่นเข้าไปจอดในโรงเก็บรถ
" แค่โรงเก็บรถก็ใหญ่กว่าบ้านเราตั้งเยอะแล้ว " ทิวคิดในใจ
แพรวตื่นขึ้นมา เมื่อรู้ตัวว่าหล่อนนั่งซบไหล่ทิวอยู่ แพรวจึงลุกขึ้นมาอย่างตกใจ
" ขอโทษที ชั้นไม่ได้ตั้งใจ " แพรวกล่าวขอโทษอย่างน้ำเสียงไม่ค่อยเป็นมิตร
" ไม่เป็นไรคับ ถือว่าผมขอโทษที่เดินชนคุณเมื่อวานละกัน "
แจ๋วคนใช้ประจำบ้าน มาขนสัมภาระท้ายรถเข้าไปเก็บในบ้าน ลุงนกพาทิวเดินดูรอบๆบ้าน แนะนำห้องต่างๆจนมาถึงห้องๆหนึ่ง
" นี่คือห้องของเธอ คงดูเล็กไปหน่อยนะ "
" โห ห้องนี้มันก็ใหญ่กว่าบ้านผมแล้วละครับ "
" พักผ่อนให้สบายก่อนละกันนะ แล้วพรุ่งนี้ชั้นจะพาไปติดต่อเรื่องโรงเรียน กับซื้อข้าวของเครื่องใช้ เอ้อ ชั้นจะให้แจ๋วเอาเสื้อผ้ามาให้ใช้ชั่วคราวละกันนะ "
ทิวรับกุญแจจากลุงนก แล้วค่อยๆไขออกอย่างช้าๆ แล้วก็มองดูรอบๆห้อง
ห้องนอนถูกประดับไปด้วยผนังสีครีมลายสวยงาม มีตู้เย็นในห้อง ห้องน้ำ โซฟา และโต็ะเขียนหนังสือทำด้วยไม้เนื้อดี พรมที่นุ่มเมื่อเท้าสัมผัสสีเขียวแก่ๆ ดูสบายตา แสงแดดส่องลอดกระจกในห้องมาจนดูสว่าง ทั้งห้องประดับประดาไปด้วยสิ่งสวยงาม ทิวหย่อนก้นลงบนเตียงอย่างช้าๆ เตียงนุ่มราวกับยัดนุ่นชั้นดีไว้หลายๆชั้น ผ้าห่มทำจากขนแกะสีขาวล้วน ทิวเปิดประตูเข้าไปในห้องน้ำ อ่างอาบน้ำสีขาวสะอาดสดใส แบ่งเป็น 2 ฟาก แห้ง/เปียก เครื่องใช้ที่จำเป็นถูกจัดเก็บไว้อย่างมีระเบียบ เสียงเคาะประตูดังขึ้นมา ทิวรีบเดินออกมาเปิดประตู
" คุณชายสั่งให้แจ๋วเอาเสื้อผ้ามาใช้สำหรับนอนคืนนี้คะ "
" ขอบคุณครับ "
ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกลทิวอาบน้ำ แต่งตัว นอนหลับสนิทบนเตียงแสนนุ่ม ตั้งแต่ตอนเย็น ค่ำคืนนี้ดูเงียบสงัด ทิวนอนหลับสบาย พร้อมทั้งกับลืมเรื่องเศร้าโศกเสียใจ เรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นกับเขาเมื่อวันก่อน
............. จบตอน ................
to be continued
19 พฤษภาคม 2546 21:32 น.
แมวอ้วน
ทิวเดินตามลุงนกไปขึ้นรถ เขาเปิดประตู BMW คันหรูอย่างช้าๆ แล้วมองดูรอบๆคันรถ แล้วจึงค่อยๆเข้าไปนั่งด้านในของรถ (เบาะหลัง)
" โห... รถหรูซะไม่มีงะ" ทิวคิดในใจ
เมื่อนั่งอยู่ได้ซักครู่แล้ว ลุงนกไม่ออกรถ เหมือนกำลังรออะไรอยู่
" เอ... ไปไหนของเค้าน้า " ลุงนกบ่นพึมพำๆ คนเดียว
" ใครหรอคับ " ทิวถามลุงนกเมื่อได้ยินแกบ่นเช่นนั้น
" อ๋อ ลูกสาวชั้นเองนะ พอดีเมื่อวานแกตามมาด้วย เห็นบอกว่าจะไปเดินเล่นซักหน่อย "
" อืม ครับ " ทิวตอบกลับไปแล้วคิดในใจว่าลูกสาวแกจะเป็นคนแบบไหนน้า-_-'
เมื่อทั้งสองรอกันได้ซักครู่นึงก็มีเสียงเปิดประตู พร้อมกับที่ร่างของเด็กสาวคนหนึ่งเข้ามา นั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง
" เอ้ะ นาย/เธอ คนเมื่อวานนี่นา " ทั้งสองพูดออกมาพร้อมกัน
" รู้จักกันแล้วหรอ " ลุงนกถามทั้งสองคน
" อ๋อ พอดีเจอกันเมื่อวานนะคะ/ครับ " ทั้งสองตอบพร้อมกัน (บังเอิ้ญๆ) ูู^^
" อืม นี่แพรวลูกสาวชั้นเองนะ " ลุงนกแนะนำแพรวให้ทิวรู้จัก
" เอ่อ แล้วนี่ก็ทิวพอดี ญาติๆของทิวเค้าไม่มีแล้วนะ พ่อเลยคิดว่าจะให้เค้ามาอยู่กะเรา "
" ชิ ไม่เห็นจะอยากอยู่ด้วยเลย แพรวพูดขึ้นมาเบาๆแล้วเชิดหน้าหนีทิว
พอแนะนำตัวพอเป็นพิธีให้ทั้งสองได้รุจักกันแล้ว ลุงนกจึงเริ่มออกเดินทางสู่กรุงเทพ ระหว่างทางก็พูดคุยกันไปสัพเพเหระ เมื่อผ่านไปซัก 2-3 ช.ม. แพรวเริ่มง่วงนอน จึงนั่งพิงเบาะแล้วหลับไป แต่ร่างของเธอค่อยๆคล้อยลงมาเรื่อยๆแล้วนอนซบไหล่ทิว
" เวง ยายช้างน้ำนี่มานอนซบอยู่ได้คนอยากจะนั่งสบายๆ " ทิวคิดในใจ
" เอ่อ โทษทีนะ แพรวก็แบบนี้เรื่อยแหละ ชอบนั่งหลับซบคนอื่น " ลุงนกบอกทิวเมื่อเห็นแพรวนั่งหลับซบทิวอยู่
" เอ่อๆ ไม่เป็นไรคับ " ทิวตอบกลับไป " หนักจาตายอยู่แล้วว้อย "
19 พฤษภาคม 2546 21:29 น.
แมวอ้วน
ทิวเดินตามลุงนกไปขึ้นรถ เขาเปิดประตู BMW คันหรูอย่างช้าๆ แล้วมองดูรอบๆคันรถ แล้วจึงค่อยๆเข้าไปนั่งด้านในของรถ (เบาะหลัง)
" โห... รถหรูซะไม่มีงะ" ทิวคิดในใจ
เมื่อนั่งอยู่ได้ซักครู่แล้ว ลุงนกไม่ออกรถ เหมือนกำลังรออะไรอยู่
" เอ... ไปไหนของเค้าน้า " ลุงนกบ่นพึมพำๆ คนเดียว
" ใครหรอคับ " ทิวถามลุงนกเมื่อได้ยินแกบ่นเช่นนั้น
" อ๋อ ลูกสาวชั้นเองนะ พอดีเมื่อวานแกตามมาด้วย เห็นบอกว่าจะไปเดินเล่นซักหน่อย "
" อืม ครับ " ทิวตอบกลับไปแล้วคิดในใจว่าลูกสาวแกจะเป็นคนแบบไหนน้า-_-'
เมื่อทั้งสองรอกันได้ซักครู่นึงก็มีเสียงเปิดประตู พร้อมกับที่ร่างของเด็กสาวคนหนึ่งเข้ามา นั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง
" เอ้ะ นาย/เธอ คนเมื่อวานนี่นา " ทั้งสองพูดออกมาพร้อมกัน
" รู้จักกันแล้วหรอ " ลุงนกถามทั้งสองคน
" อ๋อ พอดีเจอกันเมื่อวานนะคะ/ครับ " ทั้งสองตอบพร้อมกัน (บังเอิ้ญๆ) ูู^^
" อืม นี่แพรวลูกสาวชั้นเองนะ " ลุงนกแนะนำพริ้งให้ทิวรู้จัก
" เอ่อ แล้วนี่ก็ทิวพอดี ญาติๆของทิวเค้าไม่มีแล้วนะ พ่อเลยคิดว่าจะให้เค้ามาอยู่กะเรา "
" ชิ ไม่เห็นจะอยากอยู่ด้วยเลย แพรวพูดขึ้นมาเบาๆแล้วเชิดหน้าหนีทิว
พอแนะนำตัวพอเป็นพิธีให้ทั้งสองได้รุจักกันแล้ว ลุงนกจึงเริ่มออกเดินทางสู่กรุงเทพ ระหว่างทางก็พูดคุยกันไปสัพเพเหระ เมื่อผ่านไปซัก 2-3 ช.ม. แพรวเริ่มง่วงนอน จึงนั่งพิงเบาะแล้วหลับไป แต่ร่างของเธอค่อยๆคล้อยลงมาเรื่อยๆแล้วนอนซบไหล่ทิว
" เวง ยายช้างน้ำนี่มานอนซบอยู่ได้คนอยากจะนั่งสบายๆ " ทิวคิดในใจ
" เอ่อ โทษทีนะ แพรวก็แบบนี้เรื่อยแหละ ชอบนั่งหลับซบคนอื่น " ลุงนกบอกทิวเมื่อเห็นแพรวนั่งหลับซบทิวอยู่
" เอ่อๆ ไม่เป็นไรคับ " ทิวตอบกลับไป " หนักจาตายอยู่แล้วว้อย "
15 พฤษภาคม 2546 17:03 น.
แมวอ้วน
ในเช้าวันสดใส เสียงไก่ร้องดังก้องไปทั่วหมู่บ้านในชนบทเล็กๆแห่งหนึ่ง
เด็กตัวน้อยๆ คนหนึ่งตื่นขึ้นจากค่ำคื่นอันยาวนาน พร้อมบิดขี้เกียจไปมาในตอนเช้า เขาหยิบตะกร้าแล้วเดินออกจากบ้านเหมือนทุกๆวัน ภารกิจประจำวันของเขาในทุกๆเช้าของแต่ละวันก็คือเก็บไข่ไก่แล้วนำไปส่งให้แม่ค้าตามตลาด เพื่อหารายได้แก่ครอบครัว ป้านิด แม่ค้าประจำตลาดคนเก่าคนแก่ ประกอบอาชีพนี้มาหลายสิบปี ตะโกนว่า " อ้าวเจ้าทิวมาแล้วหรอ เร็วๆหน่อยนะวันนี้ วันอาทิตย์ลูกค้าเยอะนะ" เมื่อป้านิดพูดจบ ก็นำไข่ไก่จากตะกร้าของเจ้าทิว จากนั้นจึงยื่นตังค์ 50 บาท แก่เจ้าทิว แต่ก่อนที่ทิวจะหยิบเงินทอน 10 บาทให้แก่ป้านิด แกก็พูดตัดขึ้นมาก่อน" วันนี้เอ็งมาเรวดี ข้าแถมให้ 10 บาทเป็นรางวัลละกัน " เจ้าทิวเมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงยกมือไหว้ " ขอบคุณครับป้า ถึงป้าจะอายุ 40 ก่าแล้ว แต่ดูดีๆ เหมือน 20 กว่าเลยนะป้า " ป้านิดยิ้มกับคำที่เจ้าทิวพูด " เออๆ เอ็งไม่ต้องมายอเลย " เจ้าทิวจึงเดินกลับบ้านเปี่ยมไปด้วยความดีใจที่เค้าได้เงินมาฟรีๆ ถึง 10 บาท ถึงเงินนี้จะดูมีค่าน้อยนิดก็๋ตาม แต่สำหรับทิวแล้วมันมีค่ามหาศาลทีเดียว
ครอบครัวของทิวเป็นครอบครัวที่ฐานะค่อนข้างยากจน พ่อแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุรถคว่ำเสียไปตั้งแต่เขายังเล็ก จึงมียายของเขาเลี้ยงดูแลส่งเขาเรียนจนถึง ป.6 เมื่อทิวเดินถึงบ้านก็อาบน้ำแต่งตัว ไปช่วยยายทำอาหารตามปกติ ยายสอนเขาทุกๆเรื่อง อบรมบ่มนิสัยให้เขาเป็นคนดีตลอดมา รวมทั้งการทำอาหารด้วย ฝีมือการทำอาหารของทิวใช้ได้ทีเดียว เมื่อทิวและยายยกอาหารมาวางบนโต้ะ มองดูแล้วก็มีไม่กี่อย่าง เหมือนๆเดิม มีแต่ข้าว ไข่เจียว แล้วก็แกงจืด อาหารเหล่านี้เขาต้องกินกันทุกวัน เพราะไม่ต้องใช้เงินมาก ไข่ก็เอามาจากไก่ที่บ้านเขาเลี้ยงไว้ พวกผักต่างๆก็เอาจากหลังบ้านที่ปลูกไว้ มีเพียงแค่ข้าวเท่านั้นที่ต้องซื้อโดยเอาเงินจากการขายไข่ไก่มาซื้อ เมื่อคำนวณค่าใช้จ่ายแล้ว แทบจะไม่มีเหลือเลย ระหว่างการกินอาหารยายถามขึ้นมาว่า" ทิวเอ้ยนี่แกก็อยู่ ป.6 แล้วนะ ออกมาช่วยยายทำงานมั้ยละ " " แต่ ... ผมอยากเรียนต่อน่ะครับ " ทิวพูดขึ้นมาทันที
" ถ้าแกฝักใฝ่จะเรียนแบบนี้ยายจะไปกู้เงินธนาคาร ส่งแกเรียนต่อละกันนะ "
เย็นของวันนั้นทิวออกไปเดินเล่นตามหมู่บ้าน พลันนึกขึ้นมาได้" วันนี้มีงานวัดนี่นา " เขาจึงรีบตรงไปยังวัดประจำหมู่บ้าน เมื่อถึงหน้าวัด รถสีดำ BMW คันหนึ่งขับเข้าไปจอดด้านใน ทิวดูรถคันนั้นเป็นป้ายทะเบียนของ ก.ท.ม. คงจะเป็นพวกเศรษฐีในเมืองมาทำธุรกิจซื้อ - ขายที่ดินแถวชนบทนี้แน่ๆ ทิวไม่ได้สนใจอะไรมากหวังแค่จะสนุกกับงานวัดครั้งนี้ เมื่อเดินไปเรื่อยๆทิวหันมองซ้ายทีขวาที
จนไม่ได้ดูด้านหน้าของเขาจึงเดินไปชนกับเด็กผู้หญิงสวมแว่นคนหนึ่งเข้าอย่างจัง เธอล้มลงไปบนพื้น ทิวเอื้อมมือไปหยิบแว่นของเธอ และยื่นให้ " เอ่อ ... ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ขอโทษจริงๆคับ " ิทิวกล่าวขอโทษอย่างตกใจ " ทีหน้าทีหลังก็เดินดูตาม้าตาเรื่อมั่งสิ " เด็กสาวกล่าวสวนขึ้นมาอย่างทันควัน แล้วเชิดหน้าเดินหนีไป " ถึงจะปากร้ายไปนิด แต่ก็น่ารักดีนะไม่เคยเห็นมาก่อนเลยแฮะ ตั้งแต่เราอยู่หมู่บ้านนี้มา " เมื่อเขาเดินตามเด็กสาวนั่นไปหวังที่จะไป แต่ก็หาตัวเธอไม่เจอ เขาเดินไปได้ซักพักก็เห็นชายวียกลางคนคนหนึ่ง สวมเสื้อผ้าดูมีระดับ ใส่แหวนเพ็ชร สร้อยคอทองคำ คงเป็นเศรษฐีเจ้าของรถคันนั้นแน่ๆ ชายคนนั้นยืนคุยอยู่กับเจ้าอาวาสวัด " หลวงพ่อครับ ผมเอาเงินมาบริจาคให้สร้างวัด กับพัฒนาหมู่บ้านนะครับ" ทิวได้ยินฃายคนนั้นพูดขณะเขากำลังสนทนากับหลวงพ่อ " เศรษฐีใจดีก็มีเหมือนกันแฮะ " เขากล่าวขึ้นมาลอยๆ เมื่อตกค่ำ ทิวจึงรีบวิ่งกลับบ้านเพราะฝนกำลังใกล้จะตก เมื่อเขากลับถึงบ้านก็ต้องตกใจกับภาพที่อยู่ตรงหน้า ยายของเขานอนตัวสั่นอยู่ ทิวลองจับตัวยาย จึงรู้ว่าร้อนมาก เขาตกใจสุดขีด ยายเป็นคนแข็งแรงไม่เคยเป็นไข้มาก่อน ทิวหัวตื้อไปหมดคิดอะไรไม่ออก ในหมู่บ้านของเขาไม่มีหมอ ถ้ามีคนเจ็บป่วยก็ต้องรอถึงตอนเช้าเพื่อให้ผู้ใหญ่บ้าน พาไปเข้าโรงพยาบาลในเมือง จึงนึกขึ้นมาได้ว่าที่วัด หลวงพ่อท่านก็พอรักษาคนเจ็บป่วยเล็กน้อยได้นี่นา ทิวจึงแบกยายขึ้นบนบ่า แล้ววิ่งฝ่าฝนไปอย่างรีบร้อน ในใจเขาคิดเพียงให้ยายมีชีวิตรอดเท่านั้น เมื่อไปถึงวัดทิวตะโกนเรียกหลวงพ่อให้มาดูอาการยาย แต่สายไปเสียแล้วยายสิ้นใจไปซะเสียก่อน ทิวเสียใจเป็นอย่างมากน้ำตาไหลลงมาไม่ขาด จึงวิ่งไปตรงทุ่งนาหน้าวัด " สวรรค์ !!! ทำไมถึงกลั่นแกล้งลูกเพียงนี้ พรากพ่อแม่ของผมไปแล้ว ยังพรากยายผมไปอีกเหรอ " ทิวตะโกนลั่นดังสนั่นไปทั่ว ฝนก็ตกหนักฟ้าก็ผ่า ลงมาเปรี้ยงๆ ช่างเป็นคื่นที่โหดร้ายเสียจริงๆ ทิวล้มลงร้องไห้อย่างฟูมฟาย ขอให้ฟ้าผ่าลงมาโดนตัวเขาด้วย จะได้ตามยาย และพ่อแม่เขาไป เพราะเขาไม่เหลืออะไรอีกแล้ว แต่มีชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาที่ตัวเขา และคว้าคอเสื้อเขาไว้ "คิดอะไรโง่ๆ คนตายต่อให้ตายไปแล้วก็ฟื้นขึ้นมาไม่ได้หรอก จะทำร้ายตัวเองไปทำไม สู้อยู่มีชีวิตให้เป็นที่ภาคภูมิใจของครอบครับเจ้าไม่ดีกว่าหรอกเหรอ " ชายคนนั้นตะคอกใส่ทิว แล้วจึงยกตัวเขาไปจะพาไปเข้าในวัด " ไม่ๆ ปล่อยผม ผมอยากตาย " ทิวได้แต่ร้องตะโกน แต่ชายคนนั้นก็เอาตัวเขาเข้าไปในวัด ..... ถึงตอนเช้าของอีกวันทิวตื่นขึ้นมาตอนเช้า เขาลุกและเดินมาเห็นโลงศพของยาย ก่อนจะร้องไห้ทิวกลั้นน้ำตาไว้ " ผมจะมีชีวิตต่อไปอย่างภาคภูมืใจครับยาย " ทิวกล่าวกับร่างไร้วิญญานของยายของเขา เมื่อพูดจบหลวงพ่อเดินมาด้านหลังทิวแล้วกล่าวว่า " ทำใจเถอะทิวเอ้ย สรรพสิ่งล้วนไม่อนิจจัง เกิด แก่ เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา ถึงยายเจ้าจะไม่เสียไปในเมื่อคืนนี้ แต่ก็ต้องมีซักวันที่ยายจะจากเจ้าไป " ทิวพนมมือรับคำสั่งสอนของหลวงพ่อไว้ ในขณะนั้นก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาทิว เขานึกขึ้นได้ทันที เศรษฐีที่เข้ามาในหมู่บ้านเมื่อวาน และเป็นคนที่ช่วยเขาไว้เมื่อคืนนี้เอง " ชื่อทิวใช่มั้ย เอาหยั่งงี้มั้ย ไหนๆเธอก็ไม่เหลือใครแล้ว ฉันขอรับเธอไปเลี้ยงดูละกัน หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า เธอเป็นคนขยันขันแข็ง ตั้งใจเรียนเป็นอย่างดี ฉันจะส่งเธอเรียนจบปริญญาเลยละกันนะ " ชายคนนั้นพูดแล้วเอามือตบหลังทิวเบาๆ " แต่ มั... มันจะดัเหรอคับ ผมไม่ได้เป็นอะไรกับคุณเลยนะ " ทิวบอกกับชายคนนั้น ชายคนนั้นตอบกลับมาทันที " ไม่เป็นไรหรอก เผอิญว่าฉันชอบช่วยเหลือคนนะ " " ตกลงครับ ขอบคุณนะครับ คุณ .... " " เรียกฉันว่า ลุงนกละกัน ตามมาเรากำลังจะกลับเข้าเมืองกันพอดีเลย " ทิวเดินตามชายคนนั้นไปขึ้นรถ
............ จบตอน 1 ............
to be continued