19 พฤศจิกายน 2550 15:21 น.
แมวคราว
ถ้าเขียนกลอนสร้างสรรค์แล้วมันเหนื่อย
ขอเขียนกลอนเรื่อยเปื่อยดีกว่าไหม..
สังคมเน่าเฟอะฟะช่างปะไร
เป็นเรื่องเขาเรื่องใครใช่เรื่องตัว
ชั่วช่างชีดีช่างสงฆ์คงหมดเรื่อง
นี่มานั่งฝันเฟื่องให้ปวดหัว
ฝันให้โลกสวยใสไม่หมองมัว
เลยเจ็บตัวโดนด่าน่าน้อยใจ
หรือจะเขียนเพ้อพร่ำแนวน้ำเน่า
แบบที่เอาหูไปนาตาไปไร่
เขียนเพ้อเจ้อเอามันตะบันไป
ได้ภูมิใจไปวันวัน..ฉันนักกลอน
เขียนเจื้อยแจ้วเจรจาว่าฉันเก่ง
เขียนบรรเลงเรื่องรักในอักษร
หรือลอกเลียนเขาบ้างเป็นบางตอน
แล้วมานอนมานั่งฟังคำชม
เขียนแบบไร้อุดมการณ์งานขยะ
ดีกว่าจะเขียนสร้างสรรค์มันขื่นขม
ปล่อยสังคมจอมปลอมให้จ่อมจม
เมื่อนิยมกันว่างามก็ตามใจ
มานั่งนึกตรึกตรองมองงานเก่า
ถามใจเราถี่ถ้วนควรหรือไม่
หากทั้งหมดถูกเผาในเตาไฟ
คนเสียใจคือคนด่า..หรือว่าเรา..
ถ้าเขียนกลอนสร้างสรรค์แล้วมันเหนื่อย
ต้องเขียนกลอนเรื่อยเปื่อยแนวน้ำเน่า
บอกตัวเองแน่แน่ว..อย่างแผ่วเบา
กลอนน้ำเน่า..เก็บที่บ้าน..ไว้อ่านเอง...
9 พฤศจิกายน 2550 12:33 น.
แมวคราว
แล้วจะได้เห็นกันในวันนี้
หลังจากที่หลีกหลบไม่พบหน้า
หลังเรื่องราวร้อนร้ายคลี่คลายมา
หลังเย็นชาหมางเมินเดินสวนทาง
เตรียมรอยยิ้มพิมพ์ใจเอาไปด้วย
ยิ้มสวยๆอย่างมิตรไม่คิดหมาง
อาจขลุกขลักเคอะเขินเกินอำพราง
เปิดใจวางทุกสิ่งด้วยจริงใจ
แม้ไม่มีดอกไม้ให้สักช่อ
แต่จะขอสรรค์สร้างทางสดใส
และคงนอนตาหลับยามกลับไป
ไม่ปล่อยให้บางอย่างยังค้างคา
ที่ผ่านมาให้ผ่านไปไม่ขุ่นข้อง
คุยกันอย่างพี่น้องไม่ถือสา
เข้าใจผิดพร้อมเข้าใจใหม่อีกครา
อ่านแววตาเถิดจะเห็นเป็นเช่นไร
แล้วจะได้เห็นกันในวันนี้
ในวันที่หันหน้ามามองใหม่
ยื่นมือมาให้จับพร้อมปรับใจ
น่าจะคุยกันได้...ตั้งนานแล้ว..(นะ)
เขียนให้ความรู้สึกดีๆบางอย่าง...กับคนบางคน..
และสิ่งดีๆอีกหลายอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันนี้..
และนับแต่นี้เป็นต้นไป...
9 พย. 255