7 กันยายน 2549 11:07 น.
แมวคราว
ครั้งหนึ่งดั่งได้ยินมา... ยังมีชาวนา
หล่อล่ำกำยำเหลือหลาย
ทำนาหากินเลี้ยงกาย.. ปู่ย่าตายาย
อยู่ไร่อยู่นาป่าดอน
ชีวิตมิได้เดือดร้อน...ค่ำมาหลับนอน
กระท่อมหลังน้อยเย็นใจ
เช้าตรู่นี้ดูแจ่มใส..จูงควายออกไป
คราดไถเหมือนเช่นเป็นมา
ระหว่างทางในข้างมรรคา..ลมหนาวพัดพา
เห็นงูเห่าสาวซมซาน
หนาวเย็นเช่นชีพวายปราณ..สุดทรมาน
งอก่องอขิงนิ่งงัน
ชาวนาเอ่ยถามโดยพลัน..งูเห่าเจ้านั้น
นอนอยู่มานานแล้วฤๅ
งูสาวจับจ้องร้องอือ...อย่าทำซื่อบื้อ
จงรีบมาอุ้มดิฉัน
อยากอิงอกอุ่นคุณนั้น..หนาวหายเร็ววัน
ตัวฉันจักได้แข็งแรง..
ชาวนาฝืนยิ้มแห้งแล้ง..นัยตาเคลือบแคลง
คุณไม่กัดผมแน่นา
งูสาวร้องใส่..ไอ๊หยา..อย่าซี้ซั้วต่า
บอกว่ารีบอุ้มเดี๋ยวงอน
ชาวนาหนุ่มไม่อาทร อุ้มงูขึ้นก่อน
ควายค้อนแอบหลังชาวนา
งูเห่าสาวน้อยใจกล้า..ชม้ายชายตา
ทำหนุ่มชาวนาหวั่นไหว
อุ้มงูถึงบ้านทันใด..วางหล่อนเอาไว้
บนผ้าผืนน้อยน่านอน
งูครับจงหลับพักผ่อน..ผมขอตัวก่อน
อีกเดี๋ยวนึงครับกลับมา
งูสาวกระหยิ่มยิ้มร่า..แล้วจะรู้ว่า
พิษงูซู่ซ่าเพียงไหน
ขอหลับสักงีบรีบใย..จะกัดเมื่อใด
สุดแท้แต่ตามใจฉัน
อยากโง่ไม่อ่านนิทาน..แอบยิ้มยิงฟัน
เตรียมเขี้ยวไว้งับฉับไว
สะดุ้งตื่นพลันทันใด..กลิ่นหอมยวนใจ
อ๋อเขาคงเตรียมข้าวปลา
พักหนึ่งจึงเห็นชาวนา..เดินดุ่มมาหา
อุ้มงูเห่าสาวเข้าครัว
มือหนึ่งบีบเข้าตรงหัว...งูสาวร้องรัว
เมื่อมีดกรีดเนื้อนาสา
ลอกหนังผ่ากลางกายา..งูแผดร้องว่า..
นายจ๋าฆ่าฉันทำไม
ฉันเพียงขอพักอาศัย..ขอแค่อุ่นไอ
ฉันไม่คิดทำร้ายคุณ
ชาวนาหน้าตาเคืองขุ่น..งานนี้มีลุ้น
ทั้งคุณและผมสมกัน
ชาวนานั่นในนิทาน..ยายเล่ามานาน
ผมดูแม้ในซีดี
ยุคนั้นยุคไหนสมัยนี้..คงพอกันที
หยุดงั่งหยุดโง่โตแล้ว
ผัดเผ็ดกินแกล้มผักแพว..ที่เหลือให้แมว..
บ๊าย..บาย..งูเห่า.. เศร้าจัง...
นิทานเรื่องนี้(คงอยากจะ)สอนให้รู้ว่า..
ลงมือก่อน..ได้เปรียบครับ...
เขียนให้อ่านเล่นๆอย่าคิดมากครับ...
6 กันยายน 2549 18:44 น.
แมวคราว
กลิ่นข้าวใหม่...หอมหวาน..ซ่านนาสิก
เขยิบยิก...น้ำลายหิว..ท่วมชิวหา
ยืดคอสูด...ลมหายใจ..ไม่นำพา
เกรงสายตา..มองปราม..ต้องห้ามใจ
กลิ่นปลาทู..ทอดเกรียม..เตรียมรอท่า
นึกรสปลา..เพิ่มกระหาย..น้ำลายไหล
นั่นพะโล้...ชิ้นหมูแดง..เห็นแกว่งไกว
ลอยคู่ไข่..ใบงาม..ในชามแกง
เสียงจานช้อน..กระทบกัน..สั่นในอก
ให้วิตก...ใจโยน..เหมือนโดนแกล้ง
ยิ่งยินเสียง..บดเคี้ยว...สิ้นเรี่ยวแรง
นึกอยากแย่ง..ก้างปลา..เอามากิน
หมาบ้านอื่น..นึกดู..ช่างหรูหรา
แอบอิจฉา....เขาเอาใจ..ไข่ในหิน
อาหารเม็ด..ครบหมู่..ได้อยู่กิน
วิตามิน..บำรุงขน..เฝ้าปรนเปรอ
หมาบ้านนี้..แสนเทวษ..กินเศษผัก
อาหารหลัก..เหลือจากเขา..เหมาเสมอ
หัวปลาทู...คลุกข้าว..ทุกคราวเจอ
นอนละเมอ..ถึงเนื้อสัน..ขบฟันกราม
เสียงพูดคุย..ฟังเหมือน..เงินเดือนออก
ทั้งต้นดอก..โดนหักไป..อย่าได้ถาม
วันนี้จึง..เพิ่มไข่...ได้อีกชาม
กินกันตาม..ประสายาก..ลำบากครัน
ยินเสียงเพรียก..เรียกหา..มากินข้าว
ตาลุกวาว..ระริกรื่น..ตื่นจากฝัน
เงยหน้ามอง...จ้องนาย..ทุกข์หายพลัน
สุขรายวัน..ตามประสา..หมาจับกัง..
6 กันยายน 2549 14:37 น.
แมวคราว
สูถือดี..พันพรือ..ถึงลือว่า
กูชั่วช้า..บัดซบ..คบไม่ได้
ทั้งหลอกปลิ้น..กินตัว..ทั้งหัวใจ
แถมสิ้นไร้...อดสู..เพราะกูทำ
สูตอหลด..ตอแหล..เฝ้าแฉฉาว
ความยืดยาว..ใส่ไคล้..ให้จนหนำ
สุพวกมาก..ลากไป..ใช้กระทำ
ทั้งเหยียบย่ำ..ซ้ำข่ม..กูจมดิน
ก็แล้วไซ..สูไม่คิด..สักนิดหนึ่ง
สูไม่ซึ้ง..ไอไหร...เพราะใจหิน
ทั้งดีชั่ว..ทั่วไป..หาได้ยิน
ชอบพลิกลิ้น...ดีเอา..เข้าใส่ตัว
ถ้าสูเป็นคนดี..อย่างที่ว่า..
ก็ไม่น่า..แหลงไหร..ให้มันมั่ว
คนอิไป..หรืออิมา..นั้นอย่ากลัว
ก็ถ้วนทั่ว..ปฐพี..เขามีกัน
ถ้าถึงครา..อกหนอง..ก็ต้องทุ่ม
อิเดินดุ่ม..ไปข้างหน้า..สูอย่าฝัน
อยู่กับสู..หู่หด..แสนกดดัน
ก็เลิกกัน..ขาดวิ่น..สิ้นกันไป
ความชั่วสู..ก่ายกอง..กูมองเฉย
จะเที่ยวเอ่ย..แหลงว่า..ก็หาไม่
ยังให้เกียรติ..อย่างที่..มีน้ำใจ
ก็แล้วไซ...สูคิด...ผิดกับกู
ได้แต่แผ่..เมตตา..ว่าพุดโถ..
ท่องนะโม..พึ่งธรรมะ..เอาต่ะ...สู
กูขอใช้..ชีวา..ภาษากู
ขอแต่สู..อย่าหวา..อย่าจองเวร...
คำแปล..
พันพรือ...อย่างไร
ปลิ้น.......หลอกลวง
อิ.....จะ
ฉาว...ดัง
ไซ........ทำไม
ไอไหร....อะไร
แหลง...พูด..
ทุ่ม..ละทิ้ง
พุดโถ..พุทโธ
เอาต่ะ..เอาเถอะ
ภาษา...ประสา
อย่าหวา..อย่าดีกว่า
6 กันยายน 2549 10:56 น.
แมวคราว
กระสุนยิง..อย่างจัง..ข้างหลังแฟลต
นกเซแซ่ด...กลิ้งตลบ..จบสังขาร
ร่างสังเวย..กระสุนใคร..คนใจมาร
ส่อสันดาน..หยาบช้า..น่าละอาย
เคยเปล่งเสียง..เริงร่า..ประสาสัตว์
กระสุนซัด..ร่วงไป..น่าใจหาย
นิจจาเจ้า..หนอนก..มาตกตาย..
คนยิ้มพราย...ได้ประลอง..ความคล่องมือ
เจ้านกเคย..เกาะนิ่ง..กิ่งมะขาม
เจื้อยแจ้วตาม..หมู่ไม้..ด้วยใสซื่อ
ไม่นึกเป็น...เป้าให้..ใครฝึกปรือ
เพราะนั่นคือ...ความหยาบ.ในคราบคน
มองซากนก..อกแห้ง..แล้งในจิต
เจ้าทำผิด..สิ่งใด..ให้ฉงน
หรือผีห่า..ซาตาน..เข้าดาลดล
สำคัญตน..เหนือกว่าสัตว์..ขัดลูกตา
แต่กับสัตว์...เดรัจฉาน..ยังพาลได้
กับคนไซร้...หากเขม่น..คงเข่นฆ่า
ศีลธรรมเสื่อม..สังคมทราม..ตามกันมา
ไม่นำพา...ถ้วนทั่ว..รู้ชั่วดี
มองดูซาก..นกน้อย..อย่างสร้อยเศร้า..
วิญญาณเจ้า..จงพ้นทุกข์..มีสุขขี
เกิดชาติหน้า..ชาติไหน..ให้ไปดี
และหลีกหนี..ไกลกิเลส..ของเศษคน...
5 กันยายน 2549 15:30 น.
แมวคราว
อันร่มเงา...เจ้าดอกไม้..ไร้ประโยชน์..
แฝงแต่โทษ...อัปลักษณ์..อย่างหนักหนา
ก่อนเป็นซาก..ล้มตาย..วายชีวา
ดอกไม้ฆ่า...แล้วกลืนกลบ..ดูดศพกิน
หวังเพื่อชู....ช่อบาน..อย่างกร้านแกร่ง..
ล้วนแต่แฝง....เลศนัย....ด้วยใจหิน
คนผ่านทาง....สักกั่คน..ที่ยลยิน
จะได้กลิ่น....มรณะ...เคล้าคละปน
เหมือนภายนอก..สดใส..หัวใจบาป
ปิดความหยาบ....ด้วยสดใส..ไร้หมองหม่น..
ใต้ภิภพ....ศพทิ้งร่าง..อย่างมืดมน..
สักกี่คน....จะรู้เห็น..ความเป็นมา...
ถึงดอกไม้..จะดูดี....ที่สวยหวาน
แต่ช่างกร้าน....กลีบหยาบ..ด้วยบาปหนา
ถึงกลบเกลื่อน....อย่างไร..ไม่นำพา
กาลเวลา.....คงเผยสู่....ผู้เด็ดดม....