15 ธันวาคม 2549 13:39 น.
แมวคราว
เกิดเป็นหญิงให้เห็นว่าเป็นหญิง
อย่าละทิ้งกริยาอัชฌาสัย
เป็นหญิงครึ่งชายครึ่งอย่าพึงใจ
ใครเขาไม่สรรเสริญเมินอารมณ์
จะกดขี่กีดกันถึงชั้นไหน
บัญญัติไว้ว่าสตรีต้องดีสม
เมื่อบ้านเมืองเบื้องหลังและสังคม
ล้วนทับถมอิตถีมีนอกใน
ข้อกฎหมายโบราณยังขานว่า
ภรรยาดั่งทาสกามรับความใคร่
ถึงสามีข่มขืนให้ขื่นใจ
จะอุทธรณ์ผิดใดมิได้เลย
กดผู้หญิงเอาไว้ไม่เงยหน้า
คนตีตราเขียนกฎหมายเจ้านายเอ๋ย
ล้วนแล้วแต่คร่ำคร่าและช้าเชย
ผู้หญิงเลยเป็นเหยื่อเบื่อบรรยาย
จะตีกรอบกันไปถึงไหนเล่า
ทีเจ้าผัวมัวเมามันน่าหน่าย
ชอบตบตีบีฑาประสาชาย
ดูวุ่นวายครอบครัวเรื่องผัวเมีย
สอนผู้หญิงรักนวลสงวนหนัก
ชายชอบชักคุยเขื่องเรื่องได้เสีย
มุดตามซ่องถองเหล้าแล้วเคล้าเคลีย
ปล่อยให้เมียอุ้มท้องนองน้ำตา
แค่ตัวอย่างยกมาอย่าว่าหญิง
เธอเป็นสิ่งควรถนอมออมรักษา
คือมิ่งมิตรเมียขวัญภรรยา
เป็นมารดาของลูกพันผูกใจ
หญิงก็คนเหมือนกันนั้นของแน่
คือเพศแม่แท้จริงแสนยิ่งใหญ่
ใช่แค่เป็นสัตว์เลี้ยงบนเตียงใคร
มีจิตใจมีความคิดไม่ผิดคน
ฉะนั้นแล้วอย่าดูถูกลูกผู้หญิง
ด้วยใจจริงเปิดไว้ในเบื้องต้น
วีรสตรีมากมายหลายล้านคน
เอาเลือดปนน้ำตาทาแผ่นดิน
จงมองคนให้เป็นคนอย่าสนเพศ
หรือหาเหตุลบหลู่มิรู้สิ้น
ค่านิยมคร่ำคร่าอย่ายลยิน
เลิกตัดสินตีตราวัดค่าคน
มุ่งยึดเอาความดีเป็นที่ตั้ง
เพศมาหลังดอกหนาอย่าสับสน
เถ้ากระดูกเคล้าคละที่ปะปน
แยกมีจนหรือหญิงชายได้ไหมเอย
หากตายแล้วเกิดใหม่ได้ดังว่า
เหล่าบรรดานารีไม่มีเฉย
คงแย่งเกิดเป็นชายด้วยหมายเชย
รักเสบยอยู่สนุกสุขสมใจ
เกิดเป็นหญิงก็เห็นว่าเป็นหญิง
ใช่ละทิ้งกริยาอัชฌาสัย
เพียงเป็นตัวของตัวเองอย่าเกรงใคร
และงามใจเช่นเพศแม่อย่างแท้จริง.
หมายเหตุ..
....กลอนบทแรกคัดมาจากสุภาษิตสอนหญิงครับ...
14 ธันวาคม 2549 12:53 น.
แมวคราว
แดนใดพระบาทเยื้อง............พลันเย็น
เกษมสุขผ่อนทุกข์เข็ญ...........เกื้อให้
พระเอยพระผู้เป็น.................หทัยราษฎร์
ก้มกราบแทบบาทไท้.............เทอดจ้าว...จอมสยาม
เป็นบุญข้าบาทแล้ว................จอมบดินทร์
ได้ร่มพระภูมินทร์..................ห่มเกล้า
เย็นบุญพิรุณริน....................ฉ่ำหล้า
น้ำพระทัยพระผ่านด้าว..........เลิศล้ำ..มหาศาล
เจ็ดสิบเก้าลุผ่านล่วง...............มหาสมัย
ทรงปกครองปวงไทย........อุ่นหล้า
ทศพิธราชธรรมไซร้.........ดุจพ่อ...ไทยเฮย
เชิญเทพทุกม่านฟ้า..........ร่วมซร้อง..สรรเสริญ
ขอพระองค์ทรงเปี่ยมด้วย.........พลานามัย
แข็งแรงพระราชหฤทัย......ผ่องแผ้ว
สถิตย์ห่มดุจร่มไทร..........ขวัญเกล้า ไทยนา
ปกเกศดุจฉัตรแก้ว.........อุ่นเกล้า..นิกรสยาม..
.....ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน...
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า
ผู้ใช้นามแฝงแมวคราวและครอบครัว
13 ธันวาคม 2549 09:32 น.
แมวคราว
เชิญผู้ทอม.....ลงนั่ง...แล้วฟังว่า
เป็นตำรา...สอนใจ..ไม่ลืมหลง
จงเป็นทอม..อย่างฉลาด..และอาจอง
อย่าทนง...ตนนั้น..มันไม่ดี
ทั้งทอมเทศ..ทอมไทย..วัยกำดัด
หมั่นฝึกหัด..ท่วงท่า..เสริมราศรี
เที่ยวเดินกร่าง...ทั่วไป..ในธานี
เขาจะตี...หัวแบะ..นี่แหละกรรม
ควรนอบน้อม..เคารพครู..และผู้ใหญ่
ยกมือไหว้...พับเพียบ..ไม่เหยียบย่ำ
ความอ่อนน้อม..นี้จัก..คอยชักนำ..
คิดพูดทำ...ให้ท่านเห็น..และเอ็นดู
ยามย่างเยื้อง..ยุรยาตร..ให้อาจหาญ
ทั้งหน่วยก้าน...ฝึกให้ดี..อวดอีหนู...
เหวี่ยงสะโพก..โยกบั้นท้าย..ส่ายเหมือนงู
คนไม่รู้....จะชวนชี้..ดี้หรือทอม
อันน้ำปรุง..อบร่ำ..นำมาใส่
อย่ามากไป...จนเกินการ..ความหวานหอม
เลือกเฉพาะ..เหมาะสม..น่าดมดอม
ใช่จะหอม...อย่างน้องดี้...นี้ไม่งาม
อีกเสื้อผ้า..หน้าผม....สมสง่า
สะอาดตา...เอาไว้..ไม่มองข้าม
ซักแล้วรีด..ใช่เดินผ่าน..นงคราญ..จาม..
ปล่อยเกลื้อนลาม...แถวปกเสื้อ...ถึงเนื้อคอ
อีกทั้งเล็บ..เก็บให้สั้น..ต้องหมั่นตัด
ตะไบขัด...คมออกไป..ไม่เหลือหลอ
วาสลีน...ชะโลมไว้...ไม่รีรอ
พร้อมตีต่อ.....ภาคสนาม..สงครามรัก
ดูแลฟัน..เหงือกลิ้น..ไร้กลิ่นปาก
สาวก็อยาก...หอมแท้..แม้ฟันหัก..
ยามพลิกพลิ้ว..ชิวหา..ดูน่ารัก..
นี่คือหลัก...แห่งวิชา..อนามัย
สูบบุหรี่..เป็นที่ทาง...อย่างมีมาด
อย่าเรี่ยราด..รายทาง..สร้างวิสัย
หากรบกวน..คนข้างข้าง..อย่าวางใจ
ขออภัย..เขานิดหนึ่ง...จึงเข้าที
อันสุรา...แปลว่าเหล้า..อย่าเมาหนัก..
รู้หยุดพัก...ดูแลตับ..ปรับเข้าที่
เมารากเขียว..จนเหลือง..เปลืองสิ้นดี
หมดราศี..ตอนเพื่อนหาม..ยามที่เมา
กินดื่มเที่ยว..ให้รู้จัก..ควักตังค์บ้าง..
อย่าเที่ยวสร้าง...ความตระหนี่..อายดี้เขา
แต่อย่าทุ่ม..หมดตัว..จนมัวเมา
ถ้ารักเรา..แน่แท้..ช่วยแชร์กัน
จงเอาใจ..ผู้ดี้...ที่รักยิ่ง
เขาเป็นหญิง...บอบบาง..นางในฝัน
จะหนักเบา..เอาแรง..เข้าแบ่งปัน
ใช่กะฟัน..แล้วทิ้ง..หญิงระทม
อันผู้ทอม..ย่อมจะดี..ตรงมีกึ๋น
อย่าทำมึน..เข้าใกล้ชิด..ทำหนิดหนม
ชอบจ้องสาว..ทะลุผ้า..ถึงหน้านม
อาจระบม...ไปทั้งตัว..เพราะหัวงู
อย่าอวดร่ำ..อวดรวย...ด้วยผยอง
สาวอาจมอง...ผ่านข้าม..ความเลิศหรู
เป็นตัวของ..ตัวเอง..ลองเพ่งดู
เอาดีสู้...เข้าไว้..ไม่รอรี
อันหญิงมั่ว..กามา..อย่ากรายใกล้
แพร่โรคภัย..หลากล้วน..ไม่ควรที่
หญิงงกเงิน..เกินไป..ใช่หญิงดี
เป็นราคี...แก่ชีวิต...จงคิดตรอง
จะดูคน..ดูให้นาน..โบราณว่า
กริยา..ส่อสกุล..พาขุ่นข้อง
อีกปากหวาน..ก้นเปรี้ยว..อย่าเหลียวมอง
อันคู่ครอง..อาจไม่..ใช่คู่ควง..
ผมเขียนมา..ทั้งหมด....จดจำไว้
เพราะใส่ใจ..เท่าที่เห็น..และเป็นห่วง
นายแมวคราว..หวังดี..ไม่มีลวง
แต่ผมง่วง...ไว้คราวหน้า..มาใหม่เอย..
12 ธันวาคม 2549 14:23 น.
แมวคราว
บัดเสียงท้องโครกครากว่าอยากข้าว
เอิ้นลูกสาวย่างปลาดุกจนสุกหอม
ฟ่าวเฮ็ดเด้ออย่าให้ทันแมงวันตอม
เคล้าเครื่องพร้อมลาบปลาดุกช่างสุขใจ
กินพริกป่นข้าวคั่วจนหัวหงอก
บ่มักดอกบักพิซซ่าอย่ามาใกล้
หลายปีดนลูกสาวเข้ากรุงไกร
มันจากไปบัดเดือนหนึ่งจึงมายาม
ลมหนาวมาวอยวอยค่อยเซาฮ้อน
ยอดม่วงอ่อนผลิแล้วใกล้แนวขาม
ลอมเฟียงเหลืองเรืองรองต้องแดดงาม
ไก่ตอดตามพงหญ้าหาแนวกิน
ต้มหน่อไม้ใส่ย่านางย่างปลาดุก
มันเคล้าคลุกปนอยู่บ่ฮู้สิ้น
ไผ่เสียดสีอีออแอ่นดังแคนพิณ
ช่างคุ้นชินชีพนักเสี่ยวฮักแพง
มื่ออื่นนี้อีลูกหล่าสิลาแล้ว
พ่อคงแกร่วคอยท่าสีหน้าแห้ง
เซาคึดห่วงเด้อหล่าอย่าคลางแคลง
พ่อมีแฮงพออยู่ดอกบอกตามตรง
ได้อาศัยอาอาวคราวเจ็บป่วย
หลานสาวช่วยหุงหาพาข้าวส่ง
คอยตักน้ำเติมท่าคราแลงลง
พ่อยังคงอยู่ได้สบายดี
มองสักใหญ่ใกล้รั้วปลิดขั้วหล่น
สู้แดดฝนหลายฤดูยังอยู่ที่
เหมือนพ่ออยู่กับปู่ย่าด้วยปราณี
ให้ไปดีแถนช่วยอำนวยพร
อยุ่กรุงเทพกรุงไทยปลอดภัยเด้อ
อย่าไปเผลอให้เพิ่นตั๋วมัวออดอ้อน
หมั่นสวดมนต์ภาวนาคราสินอน
บัดทุกข์ฮ้อนเย็นหนาวส่งข่าวนำ
ข้ามถนนเบิ่งไปทั้งซ้ายขวา
ย่านรถราแล่นเลียบสิเหยียบซ่ำ
ยามสิ้นเดือนบัดเยือนมาสิพาทำ
ลาบส้มตำบักหุ่งน้อยคอยลูกกิน
นาก็แล้วเสร็จไปได้พักผ่อน
คอยลูกย้อนคื นหลังยังแดนถิ่น
เดือนละครั้งยังดีชูชีวิน
ยังได้ยินแซ่วเสียงเอียงหูฟัง
บัดเสียงท้องโครกครากว่าอยากข้าว
เอิ้นลูกสาวอย่าลืมหนอพ่ออยู่หลัง
เพลงกรุงเทพกรุงไทยอย่าไปฟัง
แว่วลำดังโอ้ละหนอ..พ่อยังคอย..
คำนิยาม
ฟ่าว-รีบ
เอิ้น-เรียก
เฟียง-ฟาง
ยาม-เยี่ยม
เฮ็ด-ทำ
ดน-นาน
เซา-คลายหรือเบาลง
แถน-เทวดา
ตั๋ว-หลอกต้ม
1 ธันวาคม 2549 10:40 น.
แมวคราว
อลังการงานสร้างกลางท้องทุ่ง
แสงเรืองรุ่งฉาบฉายระบายสี
ทั้งทุ่งทองทาทาบอาบรวี
เขียวขจีสุมทุมพุ่มพฤกษ์ไพร
ภูเขาเขินเนินทอดยอดสล้าง
เสียดฟ้ากว้างโดดเด่นเห็นไกลใกล้
เป็นแนวแหว่งแบ่งหล้าพนาลัย
บอกโดยนัยเขตคั่นกั้นฟ้าดิน
เบื้องบนนกผกผินบินอากาศ
เบื้องล่างวาดธารใสไม่สุดสิ้น
ปลาใหญ่น้อยลอยร่าเที่ยวหากิน
รื่นระรินระรี้ริกพลิกหงายตัว
แว่วกระดึงกึงก้องมาก่องแก่ง
กรุ๋งกริ๋งแกร๋งผ่านหมอกออกสลัว
ลูกหลานนาหน้าอ่อนต่างต้อนวัว
บ้างเย้ายั่วหยอกกันลั่นทางเดิน
สะเดาดอกออกหอมล้อมแนวป่า
บนกิ่งหว้านกเกาะลืมเหาะเหิน
เข้าจิกกินลูกสุกสนุกเพลิน
ร้องชวนเชิญพวกกันสนั่นไป
เสียงใบตาลต่องแต่งแกว่งลมต้อง
ลูกสุกกองร่วงหล่นบนลานใหญ่
ทั้งฝูงวัวแวะกินฝ่าริ้นไร
เคล้ากระไอดินชื้นคืนหมอกพรม
น้ำค้างพราววาววับจับยอดหญ้า
พอแดดกล้าต้องตามดูงามสม
ดั่งกลุ่มแก้วก่องเก็จเกาะเม็ดกลม
เมื่อแดดลมเริ่มแรงก็แห้งไป
ทิวข้าวน้อมค้อมรวงด้วยถ่วงหนัก
ไกวกรกวักชาวนาให้มาใกล้
แม่โพสพรำร่ายสบายใจ
แลไสวเรืองรุ่งทั้งทุ่งทอง
หมู่เมฆขาวพราวกั้นราวชั้นม่าน
วิหคผ่านพุ่มพฤกษ์กู่กึกก้อง
มาเกาะกล้วยก้านแก่เที่ยวแลมอง
เข้าจิกจ้องเครืองามอร่ามตา
อลังการงานสร้างกลางทุ่งข้าว
ทั้งหนุ่มสาวห้อมล้อมกันพร้อมหน้า
ร้องฮาเฮเห่ลั่นบนคันนา
ก่อนรำร่าควงเคียวเข้าเกี่ยวรวง.