6 มกราคม 2552 14:33 น.
แมวคราว
จะเขียนกลอนไปทำไม..พ่อไม่อยู่
ตาจะดูอันใดก็ไม่สน
ทั้งหมดจิตหมดใจในผู้คน
ฟ้าเบื้องบนท่านดู..เหมือนรู้ใจ
จะเขียนกลอนไปทำไม..พ่อไม่อยู่
มันหดหู่เหนื่อยล้าจะหาไหน
ตอนพ่ออยู่ก่อนนั้นผิดกันไกล
ทำอะไรมียิ้มพ่อรออยู่เรือน
จะเขียนกลอนไปทำไม..พ่อไม่อยู่
มันอดสูใจคอยจะลอยเลื่อน
ขอปิดฉากจากนี้นับปีเดือน
แวะมาเยือน..ก่อนลาไกล..เพื่อนไทยโพ
จะเขียนกลอนไปทำไม..พ่อไม่อยู่
ปิดประตูลงสลักไว้อักโข
เก็บกลอนเก่าหนหลังชั่งกิโล
ลาไทยโพ...คิดถึงพ่อ..ต้องขอบาย...
คิดถึงเพื่อนๆเสมอครับ..
แมวคราว..
6 ธันวาคม 2551
25 ธันวาคม 2551 14:23 น.
แมวคราว
สิบนิ้วลูกกราบลงตรงอกพ่อ
ผู้เกิดก่อหน่อเนื้อเป็นเชื้อสาย
รักปราณีมีอยู่มิรู้คลาย
ลูกเกิดกายสืบสกุลอบอุ่นครัน
ลูกเติบใหญ่ได้ดีเพราะมีพ่อ
ทั้งเกิดก่อนำทางอย่างสร้างสรรค์
จับมือเขียนกอไก่ให้ทุกวัน
พ่อบากบั่นพากเพียรส่งเรียนมา
สู้งานหนักงานเบาเอาทุกอย่าง
พ่อแผ้วทางรากฐานการศึกษา
หวังให้ลูกได้ดีมีวิชา
พ่อเหนื่อยล้าเพียงใดใจอดทน
รักห่วงพ่อลูกรู้อยู่เต็มอก
ไม่เคยตกห้วงอบายได้สักหน
นึกหน้าพ่อทรหดยอดอดทน
เป็นยอดคนยอดชีวิตจึงคิดดี
พ่อเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามาพอแล้ว
เสียงเคยแจ้วแหบเครือจนเหลือที่
ทั้งโรคภัยนานาประดามี
พรากชีวีลับล่วงดวงวิญญา
ไม่มีพ่อเคียงข้างเหมือนอย่างเก่า
ลูกหงอยเหงาใจแป้วแล้วพ่อจ๋า
ด้วยความรักอาลัยในบิดา
ส่งกลอนมาด้วยรักและภักดี
ให้อยู่เย็นเป็นสุขทุกภูมิภพ
ได้คำรพพระอารยเมตรัยในทุกที่
อยู่สวรรค์ชั้นฟ้าสุขาวดี
แม้นบุญมีขอเป็นลูกทุกชาติไป
สิบนิ้วลูกกราบลงตรงเท้าพ่อ
จากนี้ขอส่งกุศลผลบุญให้
จูบมือพ่อบอกลาแสนอาลัย
พ่อยังอยู่ในหัวใจลูกนิรันดร์.
แมวคราว....
25 ธันวาคม 2551
พ่อจ๋า..ลูกรักพ่อที่สุดในโลก
พ่ออยูในหัวใจลูกเสมอ....
3 ธันวาคม 2551 16:36 น.
แมวคราว
ดูเศร้าสร้อยน้อยใจในตาพ่อ
คล้ายตัดพ้อบางอย่างกลางลมหนาว
พ่อไม่เคยเอ่ยเอื้อนเหมือนทุกคราว
แต่เรื่องราวล้นแล้วผ่านแววตา
เดือนละครั้งเดือนละหนได้ยลลูก
ใจพันผูกทุกนาทีล้วนมีค่า
มาชั่วสองสามคืนชื่นชีวา
ก่อนลูกยาลาลับกลับนคร
แม้เพียงสองสามคืนพ่อชื่นจิต
อยู่ใกล้ชิดเห็นหน้าเหมือนคราก่อน
ทั้งป้อนข้าวป้อนยาห่วงอาทร
ยามลมอ่อนพาเดินพ่อเพลินใจ
เอาน้ำอุ่นแช่เท้าทุกเช้าตรู่
เฝ้าเช็ดถูล้างหน้าล้างตาให้
เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่อุ่นละมุนละไม
ถุงเท้าใส่หุ้มห่มกันลมเย็น
พ่อร้อนไหมหนาวไหมเฝ้าไต่ถาม
ดอกไม้งามปลูกไว้ให้พ่อเห็น
ถากถางหญ้างานประจำลูกทำเป็น
เอาพ่อนั่งรถเข็นชี้ชวนชม
นั่นกังหันหมุนติ้วปลิวลมหนาว
บางใบร้าวยุ่ยย้วยไม่สวยสม
ค่อยซื้อหามาใหม่ไว้เล่นลม
พ่อเคยชมมันด้วยว่าสวยดี
ดอกเฟื่องฟ้าหน้าบ้านบานแล้วพ่อ
งามลออหมดจดล้วนสดสี
ทั้งแสดส้มอมชมพูพ่อดูซี
และปีบน้อยต้นนี้แตกใบแล้ว
นั่นดูฝูงวัวควายกรายหน้าบ้าน
คนต้อนผ่านเสียงก้องร้องลำแจ้ว
เสียงกระดิ่งคอวัวดังทั่วแนว
เริ่มหนาวแล้วปีใหม่ใกล้เข้ามา
เมื่อตุลาปีนี้พี่ชายใหญ่
มีหลานน้อยคนใหม่ให้ปู่จ๋า
พ่อเตรียมตัวรับขวัญอุ้มหลานยา
จะหน้าตาเหมือนใครดูให้ดี
เข็นรถพ่อเข้าบ้านนั่งนานแล้ว
เสียงลมแว่วอื้ออึงมาถึงนี่
ทั้งหนาวลมหนาวฟ้าประดามี
อาหารดีอุ่นรอพ่อในครัว
ลูกป้อนข้าวป้อนน้ำทำหน้าที่
ลูกสะใภ้คนดีถี่ถ้วนทั่ว
ช่วยหยิบจับคุยจ้อเหมือนพ่อตัว
ลูกหัวใจระรัวด้วยปรีดา
รุ่งเช้าเก็บเสื้อผ้าร่ำลาพ่อ
ถึงครานับวันรออีกเดือนหน้า
อีกตั้งเกือบเดือนหนึ่งจึงจะมา
รักและห่วงบิดาแต่จำเป็น
กราบพ่อลงตรงไหล่หัวใจแป้ว
ต้องลาลับกลับแล้วไม่มาเห็น
บรรยากาศช่างเงียบยะเยียบเย็น
เกินจะเร้นใจร้าวเมื่อคราวลา
ให้อยู่ดีมีแฮงแข็งแรงหนอ
บุญลูกก่อคราใดให้รักษา
ลูกทั้งรักห่วงใยในบิดา
จำใจลาจากไกลไปอีกเดือน
อย่าเศร้าสร้อยน้อยใจไปเลยพ่อ
ลูกเองก็ต้องรอใช่ลอยเลื่อน
ไม่เคยลืมหรอกพ่อรออยู่เรือน
อีกหนึ่งเดือนพบกัน..ลูกสัญญา..
รักและห่วงพ่อที่สุด...
แมวคราว..
3 ธันวาคม 2551
13 พฤศจิกายน 2551 14:52 น.
แมวคราว
บ้านหลังนั้นรกร้างริมทางผ่าน
ฝากระดานผุเก่าจนเสาโผล่
กระจกแหว่งเว้นร่องเป็นช่องโต
หลังคาโหว่มองเห็นเด่นแต่ไกล
กระเบื้องบิ่นสิ้นสวยด้วยอายุ
หน้าต่างผุลูกฟักแตกแยกรอยใหญ่
เหล่าแมงมุมปักหลักคอยชักใย
มองทางใดรกเรื้อจนเหลือมอง
ตรงเรือนครัวของบ้านเป็นลานโล่ง
หลังคาโปร่งระบายควันเป็นชั้นช่อง
เหลือเศษเตาชิ้นหนักที่หักกอง
มดจับจองเป็นถ้ำเข้าทำรัง
ผงขี้เถ้าเก่ายุ่ยเป็นขุยขาว
ต่อเรื่องราวคำนึงถึงความหลัง
เคยรุนฟืนใส่เตาเฝ้าระวัง
น้ำเดือดพลั่งชิมชมทั้งต้มแกง
ที่บ่อน้ำกลางบ้านขี้คร้านตัก
ดึงถังหนักเหลือดีพี่เคยแกล้ง
บางฤดูบ่อนี้ออกสีแดง
สารส้มแกว่งพอใช้ไม่อับจน
สังกะสีสนิมเขรอะเปรอะไปทั่ว
น้ำฝนรั่วลงมาคราหน้าฝน
ที่บันไดเรียงหลั่นขึ้นชั้นบน
เมื่อได้ยลภาพหลังยังผุดพราว
ยังแว่วเสียงไก่ขันตะวันรุ่ง
ควันระรวยพวยพุ่งแม่หุงข้าว
ลงบันไดแวะปลุกตื่นทุกคราว
หลายเรื่องราวที่ผ่านณ.บ้านแดง
มะพร้าวงอกออกผลเป็นต้นใหญ่
ใครกองไว้เกลื่อนกล่นล้วนผลแห้ง
ได้น้ำฝนชูช่ออกหน่อแทง
เมื่อลมแรงมะพร้าวไหวกรีดใบกราว
ที่คอกหมูคอกไก่ไม่เหลือหลง
หักพังลงตามกาลเป็นลานขาว
วัชพืชเลื้อยรัดระบัดราว
ออกดอกพราวที่บ้านร้างริมทางจร
ต้นเงาะแก่แลตระหง่านที่ด้านข้าง
มาหักกลางผุพังผิดครั้งก่อน
เคยปีนป่ายล้อลิงยิ่งอาวรณ์
เด็ดลูกอ่อนโดนเอ็ดเข็ดไปนาน
ขนุนหนังต้นนั้นก็พลันหาย
มาล้มตายรสล้ำทั้งฉ่ำหวาน
แกะเม็ดต้มแบ่งกันเมื่อวันวาน
แสนสำราญบ้านสวนชวนรื่นรมย์
ที่โต๊ะหินเก่าแก่แม่เคยนั่ง
เล่าให้ฟังใกล้ชิดสนิทสนม
ชวนลูกคุยบ่อยครั้งนั่งรับลม
เคล้าผสมเป๊กโป๊กโขลกเครื่องแกง
เคยเล่นแบดหน้าบ้านที่ลานโล่ง
เป่าน้ำยาลูกโป่งไล่ยื้อแย่ง
นกขุนทองตัวดีมีหงอนแดง
เคยร้องแกล้งเรียกลูกไก่วิ่งไปมา
ถึงหน้านุ่นวุ่นวายเก็บขายนุ่น
ได้เป็นทุนกินใช้ไม่สูญค่า
แม่สั่งสอนขึ้นใจแต่ไรมา
ให้รู้ค่าทุกสิ่งไม่ทิ้งเปลือง
อีกหลายหลากมากมีที่บ้านเก่า
ทั้งสุขเศร้าล่วงผ่านนับนานเนื่อง
ก่อนจรจากบ้านแดงมาแฝงเมือง
ได้รุ่งเรืองหน้าที่มีการงาน
เยือนบ้านแดงอีกคราเพลานี้
บ้านร้างที่ผุพังเหมือนสังขาร
ความคิดถึงดึงฉุดหยุดอยู่นาน
เกิดอาการหวั่นไหวให้อาวรณ์
หญ้าขึ้นดกรกเรื้ออยู่เหนือเข่า
ดูเงียบเหงาเงียบงันผิดวันก่อน
ผ่านร้อนหนาวลมกรรโชกคอยโยกคลอน
ไม่แน่นอนเหมือนชีวิตอนิจจัง
ยืนนิ่งนึกตรึกตราอยู่หน้าบ้าน
ภาพวันวานจู่จู่ไหลพรูพรั่ง
ยิ่งเนิ่นนานสะท้านไหวในภวังค์
ก่อนหันหลัง...กลั้นน้ำตา..ลาบ้านแดง..
แมวคราว......
แด่..บ้านแดง...ที่รักและอาลัย..
13 พย.2551.
11 พฤศจิกายน 2551 12:00 น.
แมวคราว
กระทงน้อยลอยมาน้ำตาหลั่ง
ภาพความหลังฝังอยู่ไม่รู้หาย
นึกกาลก่อนย้อนหลังยังเสียดาย
ล้วนเรียงรายครึ้มไปไม้ใหญ่น้อย
ข้าสวยใสสะอาดตากว่าที่เห็น
ปลาว่ายเล่นเป็นทิวทั้งซิวสร้อย
มีเรือพายเรือแจวเป็นแถวลอย
ล้วนคนคอยรักษาคงคานี้
ผ่านเรือกสวนไร่นาธัญญาผล
ให้สัตว์คนทั่วไปได้สุขขี
ทั้งกินอาบแหวกว่ายสายนที
มลพิษไม่มีที่เปื้อนปน
มาวันนี้ยีย่ำทำลงได้
ช่างกลับกลายอาเพศไร้เหตุผล
ข้าทรุดโทรมลงนี้ฝีมือคน
ทำเอาจนสิ้นดีไร้ที่งาม
ทั้งโรงงานปล่อยน้ำดำสนิท
ปนสารพิษไหลพรั่งดังหยาบหยาม
พลาสติกโฟมลอยกระเพื่อมดูเสื่อมทราม
จะหางามที่ไหนไม่เห็นมี
เมื่อคนทิ้งขยะท่วมร่วมกันย่ำ
คงคาช้ำอมทุกข์ไม่สุขขี
เหมือนหญิงสาวถูกล่าพรหมจารีย์
และย่ำยีซ้ำซากจากมือมาร
แหงนหน้ามองจันทร์เพ็ญงามเด่นฟ้า
อกคงคาหมองไหม้ดั่งไฟผลาญ
เคยเพริดแพร้วแพรวพราวมายาวนาน
คงถึงคราเป็นตำนานในกาลนี้
ขอขมาข้าใยไร้เหตุผล
ฝีมือคนแน่ชัดทำบัดสี
พิสูจน์ความจริงใจหากใยดี
เลิกย่ำยีล้ำรุกทุกธารา
อย่าดีแต่ปล่อยกระทงลอยลงน้ำ
ทำไปตามประเพณีตีสองหน้า
หมดงานแล้วลืมไปไม่นำพา
ปล่อยให้ข้าเน่าเหม็นดังเช่นเคย
กระทงน้อยลอยมาคงคาร่ำ
สุดชอกช้ำหม่นไหม้แล้วใจเอ๋ย
แสงประทีปจากกระทงคงไหลเลย
เหมือนเยาะเย้ย..สายน้ำเน่าในเงาจันทร์.
แมวคราว...
11 พย. 2551
มอบบทกลอนนี้แด่พระแม่คงคาทุกสาย
ด้วยรักและบูชาคารวะ...
ร่วมกันดูแลสภาพแวดล้อมโลกให้ลูกหลานของเรานะครับ...