27 กันยายน 2550 13:43 น.
แมงกุ๊ดจี่
"อยากรู้ว่าจะมีใครมั๊ย ที่มีความรักแล้วต้องเก็บเอาไว้
และเมื่อได้พบทีไร ถึงแม้ดีใจก็ต้องฝืนทำตัวเหินห่าง
ทั้งที่หัวใจอยากบอก แต่ก็ดูเหมือนมีอะไรมาขวาง
จะต้องทำอย่างไร กับรักที่ไม่มีหนทาง"
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ ดังวนไปมาซ้ำ ๆ สองรอบแล้ว....
ฉันงัวเงีย หยีตาควานหากระเป๋าสะพายใบเก่าที่เคยไว้ข้างเตียง
คว้าหยิบโทรศัพท์รุ่นเก๋ากึก มารับสายให้เสียงเงียบเพื่อตัดความรำคาญ
"ฮัลล....โหล" หน้าก็ยังซุกอยู่กับตุ๊กตาตัวโปรดเหมือนเด็ก...
"ปาาาาา... ติ..." เสียงอุทานมาตามสาย เป็นเสียงของพี่สาวฉันนั่นเอง
"อืม...มีอะไร? โทร.มาแต่เช้า" ฉันถามกับไปแบบหงุดหงิดหน่อย ๆ
"ไม่กลับมาบ้านเหรอ? พ่อจะทำบุญ รอให้พร้อมหน้ากัน" เสียงคุณนายแว๊กมาตามสาย
"อืม...จะไปแต่สาย ๆ หน่อยนะ" ฉันตอบไปแบบงัวเงีย เบลอ ๆ ยังตื่นไม่เต็มตา
"เอ่อ...ต้องออกมานะ ได้ยินหรือเปล่า? " เสียงหล่อนยังคงแว๊ก ๆ ๆ
"เอ้อ ๆ รู้แล้ว ๆ แค่นี้นะขอนอนก่อนแล้วสาย ๆ จะออกไป" ฉันรีบกดวางสาย
แล้วฟุบหน้ากับตุ๊กตา เพื่อนอนต่อ แต่จริงแล้วไม่ได้หลับหรอก หลับแต่ตาเท่านั้น
เพราะความคิดทุกอย่างตื่นแล้วไม่สามารถหลับ จนต้องปล่อยความคิดล่องลอยไป....
....เมื่อกี้ฉันไม่ได้เล่าให้พี่สาวฟังว่าเมื่อคืนฉันฝันเห็นแม่
แม่มาหาฉันเมื่อคืน... แต่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฉันไม่รู้ว่านั้นเป็นฝันหรือเป็นอะไรแน่
หรือเป็นจิตใต้สำนักตัวเอง แม่มานั่งร้องไห้ ไม่พูดไม่จาอะไร ฉันไม่เห็นหน้าแม่
แต่รู้ว่าแม่ร้องไห้และจ้องมองมาที่ฉัน ฉันทำอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่านะ
หรือมีเหตุอะไร? หน้ายังซุกอยู่ในท่าเดิม ดวงตายังคงหลับแต่ความคิดไม่หลับ....
หรือปิดเลย กลับคิดกังวลเตลิดไป ถึงไหนๆ กับความฝันเมื่อคืน...
หลายปีแล้วที่ฉันไม่มีแม่คอยเป็นแรงบันดาลใจ.....
ให้คิด ให้กระทำ ให้ยิ้มสู้กับปัญหาและคอยเป็นสิ่งเร้าให้วาดความฝัน ความหวังต่าง ๆ
ในทุก ๆ วันฉันอยู่ไปงั่น ๆ เอง บางทีก็เหนื่อยกับวันเวลาที่ผ่านไปแบบไร้สิ่งกระตุ้น
บางครั้งก็เป็นในแบบนี้ก็ดีแล้ว อยู่ไปในแบบที่เป็นตอนนี้ก็ดีที่สุดแล้ว... สำหรับตัวเอง
ทำให้นึกย้อนไปถึงครั้งที่แม่ปวดหนัก ที่ต้องเข้า ๆ ออกๆ จากโรงพยาบาล...
มันเจ็บปวดใจดีจัง ฉันสูญเสีย ลูกของแม่ทุกคนสูญเสีย แต่ทุกคนก็เข้มแข็งอยู่ได้...
เพียงแค่คิดถึง แววตาหญิงชราที่เห็นเมื่อคืนในความฝัน ที่ผุดขึ้นในมโนภาพเจ็บปวดดีจัง
มันช่างชัดเจน ภาพหญิงชราร้องไห้ คนที่ร้องไห้ เป็นหญิงชราที่ฉันรักเคารพ และบูชา
มันเจ็บปวดมากเมื่อคิดถึงแววตาอ้อนวอนนั้น...
หรือว่า...แม่ผิดหวังกับลูกสาวคนนี้...นะ
หรือแม่เป็นห่วงน้องแต่ทุกคนก็ไม่เห็นต้องมีอะไรน่าเป็นห่วงนี่นา...
ในทุกครั้งที่ตัวเองมีปัญหา ก็ต้องเขียนจดหมายบอกเล่าให้แม่ฟังทุกครั้ง
จดหมายหลาย ต่อหลายฉบับถูกหย่อนลงตู้ไปรษณีย์ หน้าซองจ่า ถึงดวงดาว...
ฉันอัดอั้นเกิดจะเล่าให้พี่สาว พี่ชายและน้อง ๆ ฟัง แม้แต่พ่อฉันก็ไม่เคยปรึกษา
ใด ๆ เลย เพราะท่านเลี้ยงเราแบบผู้ใหญ่เกินไป เมื่อเกิดปัญหาจึงแก้ไขเองเสมอ ๆ
ที่แม่มาหาฉัน....?
คงเป็นเพราะจดหมายฉบับสุดท้ายที่ส่งไปหรือเปล่า? นะ
ลูกขอโทษ ลูกกระทำสิ่งที่เลวร้ายไม่น่าให้อภัย ลูกไม่สง่างามอย่างที่แม่ต้องการ...
ฉันยอมรับว่าเคยทำให้แม่ร้องไห้
ท่านเสียน้ำตากับสิ่งที่ฉันทำเพราะความดื้อรั้นของฉันที่ฝืนอยากจะทำ...
ทำสิ่งที่ตัวเองต้องการกระทำ แต่มันก็ไม่เคยมีสักครั้งผิดพลาด แต่ก็คงบาปไม่น้อย
ที่ทำให้แม่ต้องคอยเป็นห่วง และท่านคงจะรับไม่ได้กับความผิดพลาดในชีวิตที่ฉันตัดสินใจทำ
แต่ก็ยังโชคดีที่ท่านเป็นห่วง แต่ความผิดพลาดไม่เคยเกิดขึ้น...เพราะท่านยังหัวโบราณ
กับยุคของท่านเอง แต่จะว่าไปแล้วท่านก็คงเป็นห่วง พยายามสอนสิ่งที่เป็นยุคของท่าน
แต่ฉันกลับทรพี คิดว่ายุคของท่านเชย แต่ก็ไม่ใช่ไม่ปรับใช้กับยุคปัจจุบันหรอกนะ...
แต่ทุกวันนี้....
ฉันทำอะไรตามความพอใจ ทำทุกอย่างแบบคิดน้อย และให้อิสระกับความคิด
ให้มากซะจนบางครั้งก็ต้องมานั่งนึกเสียใจ และคิดย้อนกลับไปว่าถ้าแม่เห็น แม่คงเสียใจ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าบ่อยครั้งที่เผลอ และทำแบบไม่เคยยั้งคิด มันต่างจากเมื่อก่อนมาก ๆ มากจริงๆ
ทุกครั้งที่จะตัดสินใจทำอะไร ? ต้องเอาแม่เป็นหลักยึดว่าผลที่ออกมาจะทำให้แม่สะเทือนใจ
และทุกข์กับการกระทำของตัวเองมากแค่ไหน?
ปัจจุบัน...
ฉันกลายเป็นคนที่ไม่รอบคอบ ใช้ชีวิตแบบติดเสรีเกินไป...
เป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ ในหลาย ๆ เรื่องจนบางครั้งมานั่งคิดย้อนไปก็แทบไม่น่าเชื่อ
ว่าตัวเองจะทำอะไรได้แบบนั้น ฉันจะพยายามจะกลับไปเป็นคนเดิมแบบที่เคยมีแม่เคียงข้าง...
รู้ทั้งรู้....
ว่าแม่ไม่เคยห่างไปไหน? จากหัวใจดวงที่อ่อนแอใบนี้เลย...
แม่เคียงข้างฉันเสมอ... แต่ฉันกลับคิดว่าแม่จากไปแล้วท่านคงไม่รับรู้อะไรแล้ว
จึงทำให้ทุกครั้งของการตัดสินใจในบางครั้ง ประมาทและไร้สติยั้งคิด
ฉันจะกลับไปเหมือนเดิม เป็นคนเดิมที่แม่ไว้วางใจ มั่นใจที่จะฝากพ่อ
ฝากน้องไว้ให้ดูแล... ฉันจะต้องสง่างามอย่างที่แม่คาดหวังไว้ให้ได้..........
หนูรู้ว่าแม่....
คอยมองดูความประพฤติของหนู ไม่ห่างไปจากหนูเลย...
ดวงดาวที่กระพริบนั่นไง ? ที่คอยสบตาหนูเสมอ ๆ หนูจะคิดให้มากค่ะแม่...
และจะสัญญาว่าจะบอกเล่าแต่เรื่องราว ที่ดี ๆ ที่ตัวเองทำ เรื่องเลวร้ายจะไม่มี
ไม่มี...ในจดหมายฉบับต่อ ต่อไปนะคะแม่... หนูจะทำแต่สิ่งที่ดี และควรกระทำนะคะ
คิดถึงดวงดาว...ที่ท่อแสงประกายบนฟ้าเสมอ...
สบแสงดาวพราวฟ้า..."ดวงตาแม่"
เปรียบดูแลปลอบปลุก...ลูกลุกเดิน
ส่องนำทาง...แก่ลูกสาวก้าวเผชิญ
หมายสรรเสริญลูกตนเป็น "คนดี"
สบแสงดาวกราวน้ำตาร้องหาแม่
คราพ่ายแพ้...เคว้งคว้าง...กลางวิถี
เหม่อมองบนท้องนภา...ยามราตรี
คล้ายดวงดาราเปล่งรัศมีมาที่ "เรา"
สบแสงดาวคราวใด...ไร้ท้อแท้
เพราะรู้แน่แม่เคียงอยู่...รู้ดั่งเงา
คอยอยู่ใกล้เสมอ...ยามเผลอเศร้า
ปลอบบรรเทาความทุกข์ที่รุกราน
สบแสงดาวร้าวรู้สึก...เมื่อนึกถึง
ใครคนหนึ่ง...อ่อนล้ามิกล้าหาญ
พลาดพลั้งครั้งก่อนมาย้อนผ่าน
ดั่งคอยพลาญดวงจินต์และวิญญา
สบแสงดาวพราวฟ้า...นภากว้าง
แม้เคว้งคว้าง...เท่าใด...ยังไขว่คว้า
สบแสงดาวเจิดจรัส....ด้วยศัทธา
คนอ่อนล้า....จะไปต่อ....ท้อก็ทน..