28 มิถุนายน 2549 16:41 น.
แมงกุ๊ดจี่
*ฝนตกกระหน่ำคล้ายท้องฟ้าร่ำไห้ คร่ำครวญ ฟ้าคงเจ็บปวดน่าดูสินะ
ถึงได้ปล่อยให้น้ำตาไหลหลั่ง จนนองไปทั่วทุกแห่งหน...*
สายตาที่ทอดผ่านกระจกหน้าต่างบานใสออกไป ไหวหวามตามสายฝน
ที่โปรยหล่น ดูเหงา เศร้าหัวใจ น้ำตาของหญิงสาวไหลพรั่งพรูออกมาเป็นสาย...
*อย่าทำให้รัก เดี๋ยวมันหลงเดี๋ยวมันรัก ชั้นตั้งหลักไม่ทัน
เดี๋ยวจะรั้งไว้ไม่ไหว รักมันปักหัวใจทำไง จะดึงออกไปก้อดึงไม่ออก*
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ขัดจังหวะการไหวหวามของหัวใจ
ที่กำลังล่องลอย ออกไปท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย....อยู่นั้น
หญิงสาวละสายตามจากขอบหน้าต่างบานใส ดูหมายเลขที่โทร.เข้ามา...
หล่อนมองโทรศัพท์อย่างตัดพ้อ แววตาน้อยอก น้อยใจ...พร้อมกับเสียงสะอื้นเบา...
คล้ายจะร้าวรานหัวใจเหลือเกิน แล้วก็มีเสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นอยู่อย่างแผ่ว แผ่ว...
*คนใจร้าย จะโทรมาทำไม?* เสียงบ่นพึมพำของหญิงสาว พ้อออกมาเมื่อรู้ว่าใครโทรมา
*อย่าทำให้รัก เดี๋ยวมันหลงเดี๋ยวมันรัก ชั้นตั้งหลักไม่ทัน
เดี๋ยวจะรั้งไว้ไม่ไหว รักมันปักหัวใจทำไง จะดึงออกไปก้อดึงไม่ออก*
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง กลับยิ่งทำให้หญิงสาวร่ำไห้ ฟุบหน้ากับหมอน สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น...
*เป็นอะไรของเขานะทำไม? ไม่รับโทรศัพท์* เสียงนพฤทธิ์ บ่นหงุดหงิดอารมณ์ไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่
*คนใจร้ายจะโทรมาทำไม? ฉันเกลียดคุณแล้ว ฮือ ฮือออ.... * เสียงหญิงสาวตัดพ้อกับเสียงโทรศัพท์
โดยที่เจ้าตัวนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไม? คนรักจึงไม่รับโทรศัพท์ของตน...
ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง (แถวบางเขน) อิอิ
*ข้าวแกเป็นอะไรทำไม? ตาแกบวมเบ่งแบบนั้น หึ...* นิชาทำเสียงดังพร้อมกับทำหน้าตาตื่นตระหนก
*เมื่อคืนชั้นนอนไม่ค่อยหลับ ไม่มีอะไรหรอก* ต้นข้าวรีบตอบ กลัวเพื่อนจะเป็นห่วง...
*แกก็ถามไปได้ ไอ้ข้าวมันไม่มีอะไรหรอก นอกจากต้นไม้มันตายมันจึงจะเศร้า..* เสียงก้อยแทรกมา...
*ต้นไม้เหรอ? นั่นสิชั้นไม่รดน้ำสองวันแล้ว แต่ก็ช่างเถอะ* ต้นข้าวพูดไปหน้าก็ไม่หันไปมองใครกลับเหม่อลอย
ทำให้เพื่อนสาว ตะลึงตาค้าง ต่างพากันสงสัยว่าทำไม? เพราะต้นไม้ ต้นนั้นสำคัญสำหรับข้าวมาก...
*หา !! อะไรนะ ไอ้ข้าวแกไม่ห่วงต้นไม้แกแล้วเหรอ?* สามสาวพูดขึ้นพร้อมกันโดนไม่ได้นัดแนะ...
เป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมา จนสร้างความแปลกใจให้เพื่อน ๆ
*อื้อ...* ต้นข้าวมองเพื่อน ๆ น้ำตาก็พาลจะไหลออกจากตาแดง ๆ
*แกมีอะไรข้าว ทะเลาะกับพี่นพเหรอ?* มิ้นถามพร้อมกับเอามือมาจับมือของต้นข้าว
*เปล่าหรอก * ต้นข้าวตอบ หน้าก็ฟุบลงกับโต๊ะอยู่อย่างนั้น
เดี๋ยวเพื่อน ๆ จะเห็นน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุด เพื่อน ๆ ต่างพากันทำหน้างง ๆ
*แล้วแกเป็นอะไร ไหนบอกมาสิ ชั้นรู้แล้วที่ตาแกบวม
แกร้องไห้ทั้งคืนใช่มั้ย แกบอกพวกชั้นมาเดี๋ยวนี้ไอ้ข้าว...ได้ยินเปล่า?* ก้อยทำเสียงขู่ให้เล่าเรื่องราวให้ฟัง
*พวกแกจะเอาอะไรกับฉันล่ะ ฮือออ * ต้นข้าวตอบเพื่อนไป แต่ก็ยังนั่งท่าเดิม...
*แล้วเป็นอะไร แล้วพวกชั้นจะช่วยแกยังไง* นิชาถามขึ้นบ้าง...
*เดี๋ยวจะกลับแล้วนะ วันนี้ไม่เรียนแล้ว แลคเชอร์ให้ด้วยนะ* ต้นข้าวบอกเพื่อนเสร็จหยิบกระเป๋าถือกับหนังสือ
แล้วปล่อยให้เพื่อนงง กับเรื่องที่เกิดขึ้น...
...พอถึงบ้านต้นข้าว ไปที่ระเบียงนอกห้องนอน
เธอคิดถึงต้นไม้ที่ ไม่ได้รดน้ำมานานสองวันแล้ว...
ต้นไม้ที่คนรักให้เธอในวันสำคัญ เป็นของขวัญในวันครบรอบคบกัน...
เป็นต้นมะลิลา ดอกสีขาวเล็ก ๆ ที่จะมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยเมื่อมีลมพัดเย็น ๆ
ต้นข้าวตั้งใจ วางกระถางไว้ที่ระเบียงห้องนอน เพื่อจะได้เห็นก่อนนอน และหลังตื่นนอน...
...ฝนตกอีกแล้ว ต้นไม้ต้นนี้คงอยู่ได้เพราะละอองฝนสินะ ต้นข้าวพลางนึกในใจ
มือก็ถือโทรศัพท์ไว้ แต่สายตากลับเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง...ท่ามกลางสายฝน...
แล้วเหลียวมองต้นไม้ที่เฉา อยู่ที่ระเบียง...
พี่นพ : พี่ว่าคนเรานะคบกันแล้วก็เหมือนปลูกต้นไม้ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดน่ะ..
ต้นข้าว : แต่การดูแล และเรียนรู้คน คนหนึ่งต้องมีมากน้อยแค่ไหน? อันนี้ไม่เคย และไม่เข้าใจ
พี่นพ : ไม่ใช่ปลูกทิ้งปลูกขว้างเหมือนต้นไม้ข้างถนน ฝนไม่ตกก็ตาย...
พี่นพ : หรือว่าจะเป็นไปเองเมื่ออยู่ในสถานการณ์นั้น ๆ
พี่นพ : ปลูกต้นไม้ต้องหมั่นรดน้ำพรวนดินเป็นประจำ..
ต้นข้าว : แล้วการมีคนรัก หรือว่าการมีคน คนหนึ่งเข้ามาในชีวิตต้องดูแลอย่างไร ? มันต้องยากกว่าดูแลต้นไม้แน่ ๆ เชียว.... ?
พี่นพ : ตรวจดูทุกรายละเอียด...ดินเสื่อมหรือเปล่า..ต้นและใบแข็งแรงหรือไม่
ต้นข้าว : แล้วคน ไม่เหมือนต้นไม้ นี่คะ การดูแลมันยากกว่ากันนะคะ
พี่นพ : ไม่ยากอย่างที่คิดหรอกเมื่อเรารู้จักรักอย่างถ่องแท้ รักคนอื่นไม่ใช่รักตัวเอง..
ต้นข้าว : *รักอย่างถ่องแท้..* ?
พี่นพ : เพราะการเอาใจใส่จะออกมาเอง...ไม่จำเป็นต้องบังคับให้มันออกมา...
ต้นข้าว : ต้นไม้ที่ข้าวดูแลไม่รู้ว่ามันจะงอกงามมั้ย ?
พี่นพ : มันอยู่ที่เราเองว่าจะดูแลมันได้ดีขนาดไหน..
ต้นข้าว : เพราะไม่รู้ว่ารดน้ำอย่างไร ใส่ปุ๋ยมากน้อยแค่ไหน?
จึงจะงอกงาม ทั้งที่เราก็อยากให้ต้นไม้นั้นงอกงาม เติบโต
พี่นพ : เรื่องนี้ต้องค่อยๆ เรียนรู้และทำความเข้าใจไปเรื่อยๆจนชำนาญแหละครับ
ต้นข้าว : *จนชำนาญ* ?
พี่นพ : มีความรู้ในการให้น้ำให้ปุ๋ย เวลาไม้ออกดอกใช้ปุ๋ยอะไร..
ต้นข้าว : เคยคิดอยากจะมีต้นไม้สักต้นไว้ดูแล แต่ก็กลัวจะดูแลไม่ได้ กลัวต้นไม้จะเหี่ยวเฉาตาย
พี่นพ : ก่อนดูแลก็ต้องรู้สิครับว่าต้นไม้ต้นนั้น ชอบปุ๋ยอะไรชอบน้ำมากน้ำน้อย ชอบสภาพแวดล้อมแบบไหน..
ต้นข้าว : งั้นก็ต้องศึกษา เรียนรู้วิธีที่จะดูแลรักษา เพื่อให้ต้นไม้นั้น งอกงามอย่างที่เรามุ่งหวังไว้
พี่นพ : ทุกสิ่งทุอย่างมันมีวิถีทางและบทสรุปอยู่ในตัวมันเองทั้งนั้น...
อยากให้ต้นไม้งอกงามก็ต้องดูแลรดน้ำ..อยากให้เขารักเราเราก็ต้องรักเขาก่อน.
.อยากให้เขาใส่ใจเราเราก็ต้องใส่ใจเขา..เป็นสิ่งที่ปฏิบัติตอบแทนซึ่งกันและกัน
ต้นข้าว : ทุกอย่างต้องเริ่มที่ตัวเราเองก่อนเสมอ ใช่หรือป่าวคะ
พี่นพ : เราอยากได้สิ่งไหนตอบแทนเราก็ต้องปฏิบัติกับเขาก่อน..เพื่อเป็นแนวทางให้เขาได้ซึมซับความรู้สึกที่มี
ต้นข้าว : ถ้างั้นเราอยากได้ความรัก เราก็ต้องรักเขาก่อนงั่นเหรอ? คะ...
พอนึกถึงสิ่งที่เคยคุยกัน กลับทำให้น้ำตาร่วงพราวราวกลับไม่เคยไหลมาก่อน...(โอเวอร์เนาะ)
พร้อมกับกดโทรศัพท์ไปเบอร์ที่เธอคุ้นเคย...เป็นอย่างดี
*สวัสดีครับ* เสียงส่งมาตามสาย ทุ้ม นุ่ม อบอุ่น (จริ๊ง จริง ๆ )
*พี่นพ ข้าวขอโทษ* ต้นข้าวพูดไปน้ำตาไหลไป เสียงที่ส่งไปตามสายสะอื้นไห้...
*เป็นอะไรเด็กดื้อ ทำไมขี้แยอย่างงี้นะ เราโตแล้วนะ* เสียงเขาบอกคนรัก เหมือนจะเอ็ดแต่ไม่ใช่
*ไม่ร้องก็ไม่ร้องค่ะ หายแล้ว* เสียงตอบกลับไป มีทั้งเสียงหัวเหราะปนเสียงสะอื้น....จากการร้องไห้
*เดี๋ยวเลิกงานแล้วพี่จะไปทำโทษคนดื้อซะหนอ่ยนะ* นพฤทธิ์เย้าคนรักเล่นอย่างอารมณ์ดี
*ค่ะ * ต้นข้าวตอบรับพร้อมกับรอยยิ้ม
*จ๊ะเดี๋ยวพี่ทำงานก่อนนะจ๊ะเด็กดื้อ* แล้วนพฤทธิ์ก็ว่างสายไป...
---------------------------------------------- พักสายตา ---------------------------------------------------
แล้วความรักของคุณล่ะคะ มีนิยามคืออะไร ท้องฟ้า ท้องทะเล หรือจะทุ่งหญ้าที่กว้างงงงง...
หรือว่าจะเป็นต้นไม้อย่างความรักของต้นข้าว อิอิ...
คุณรู้มั้ย ต้นข้าวเป็นอะไร ให้ทายค่ะ... ทายเล่น ๆ ลองดูกันค่ะะ..
ขอบคุณนักแสดงกิตติมศักดิ์ทุกท่านค่ะ...อิอิ
นพฤทธิ์ [พระเอก]
ต้นข้าว [นางเอก]
ก้อย, มิ้น, นิชา เพราะร่วมก๊วนของต้นข้าว
พี่ต้นกล้า [พี่ชายของต้นข้าว] ยังไม่ปรากฏตัวเลยอ่ะ ไว้ม้วนสองน๊า อิอิ...
13 มิถุนายน 2549 10:56 น.
แมงกุ๊ดจี่
ถึงคุณ... _ _ _ _
ฉันขอโทษนะค่ะ ที่วันนี้ฉันอยากเขียนถึงคุณ
บางความรู้สึกของหัวใจ ยังต้องการเวลาที่จะหาคำตอบที่ดีที่สุด
คุณเข้าใจในข้อนี้ดีนะค่ะ และคุณคงไม่ว่า...
แล้วคุณเป็นอย่างไรบ้างค่ะ นานมากแล้วที่เราไม่ได้พบกัน
หลังจากวันที่เราจากกันวันนั้น ฉันได้แต่คิดถึง....*คุณ*
ยิ่งคิดยิ่งทำให้ซึ้งถึงความเหงา ว่ามันทรมานมากแค่ไหน? เพิ่งเข้าใจ
อยากเจอคุณจังเลย อยากบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย
ที่ฉันมีโอกาสไปพบเจอมาในช่วงเวลาที่ไม่มีคุณเคียงข้าง...
แม้ว่าทุก-ทุกอย่างดูเนินนาน ห่างหายกันไปนาน
ไม่ว่านานเท่าไหร่ยังคอยแต่ห่วงหาคุณ คุณเท่านั้น
หลายสิ่งหลายอย่างผ่านเข้ามา ในช่วงเวลาที่เราห่างกัน
ฉันรู้ซึ้งแล้วว่า...*ฉันรักคุณ* "เพิ่งรู้ซึ้งในหัวใจ รักเธอยิ่งกว่าเคยรักใคร
เพิ่งรู้ว่ารักเธอที่สุด ยิ่งรู้ซึ้งยิ่งเสียใจ รักจนไม่อาจจะรักใครได้อีกเลย"
สิ่งเดียวจริง ๆ ติดอยู่ในใจ สิ่งเดียวที่ทำให้เราโกรธกัน เก็บความในใจ เก็บไว้
ต้องคอยกลบเกลื่อนว่าไม่เจ็บปวด ทั้งที่จริงทรมานเหลือเกินวันที่ไม่มีคุณเคียง...
วันนี้ฉันเจ็บปวดมากที่เป็นสาเหตุให้เราทั้งสองแยกจากกัน...
หากขอโทษก็คงไม่สามารถย้อนกลับเวลานั้นมาได้อีกแล้ว...
คำว่า *รัก* ที่คุณเคยอยากฟัง ฉันเอ่ยในตอนที่ทุกอย่างสายไป ฉันขอโทษ...
อดีตก็คืออดีต ฉันเข้าใจข้อนี้ดี คุณยังเป็นคนของหัวใจ ที่ยังงดงามในความทรงจำเสมอ...
เพิ่งรู้ว่ารักเธอที่สุด ยิ่งรู้ซึ้งยิ่งเสียใจ รักจนไม่อาจรักใครได้อีกเลย
6 มิถุนายน 2549 10:30 น.
แมงกุ๊ดจี่
*ความรัก*
ฉันเคยสงสัย ว่าอย่างไรเรียกว่า *ความรัก*
มาวันนี้ก็ยังไม่คลายความสงสัย ว่าความรักเป็นอย่างไร?
เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีความทะเยอทะยาน อยากจะเป็น
อยากจะทำตามฝัน ซึ่งทุกคนล้วนมีความฝัน มากมายหลายอย่าง
สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้างแต่ก็ยังอยากจะฝัน
การเผชิญโลกที่โหดร้าย ไม่เคยได้รับการเห็นอกเห็นใจ
หรือความช่วยเหลือใด ใด จากใคร
บางครั้งก็เกิดความท้อแท้ อยากจะหายไปจากโลกใบกว้างใบนี้
ทำไม? จึงรู้สึกทรมานจัง...
เด็กผู้หญิงที่ยังใสซื่อ บริสุทธิ์ กับการเผชิญโลกกว้างเพียงลำพัง
เมื่อความจำเป็นทำให้ต้องคิดเอง ตัดสินใจเอง เพื่อจะก้าวเดินบนถนนชีวิต
แม้ว่าการเดินไม่งดงาม อย่างใครหลายคน และการก้าวย่างอาจมองไม่เห็น
อนาคตที่สดใส เธอไม่มั่นใจหรอกที่จะไปไขว่คว้าความฝันได้สำเร็จ
แต่เธอจะหยุดความฝันนั้นไม่ได้ เพราะความฝันเป็นแรงผลักดัน
ที่จะทำให้มีความกล้า ความอดทน ความเข้มแข็งเพื่อก้าวเดินไป
บนถนนชีวิต ต้องเผชิญหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย ความโหดร้ายบั่นทอนบ้าง
บ้างครั้งก่อเกิดความท้อแท้ สิ้นหวัง แต่ก็ต้องก้าวเดิน...ต่อไปแม้อ่อนแอ
ไร้แรงเดิน ล้มลุกคุกคลาน ก็ต้องก้าวเดินไป จนกว่าจะหมดลมหาย...
การใช้ชีวิตที่มุ่งมั่นจะทำความฝันให้สำเร็จ
ทนตรากตรำ จนลืมคิดถึงความรู้สึก *รัก* รักคนรอบข้าง
หรืออาจเพราะรักตัวเอง จนลืมคิดถึงคนอื่น จากการที่ได้เผชิญโลกที่โหดร้าย
ทำให้จิตใจ หยาบกระด้าง ไม่มีความอ่อนหวาน
ณ วันนี้ จิตใจก็ยังกระด้าง...
ไม่เคยเข้าใจว่า *ความรัก* แท้จริงต้องมากน้อยเท่าไหร่ จึงจะพอเหมาะ
รักเพื่อนอย่างไร จึงพอดี รักคนรอบข้างอย่างไรจึงจะพอควร
หรือเพราะรักตัวเองมากไป จนลืม ลืมคิดถึงคนรอบข้าง
วันนี้สงสัยว่าการรักใครสักคนหนึ่ง ต้องปฏิบัติอย่างไร?
ไม่เข้าใจเลย ว่ารักหรือเปล่า? หรือเป็นเพียงคนที่ผ่านเข้ามาทักทาย
พอคุ้นเคยก็ผ่านไป... ไม่มีนิยายเป็นหลักยึด ไม่มีนวนิยายให้คิดถึง
ไม่มีแบบฉบับที่จะเป็นตัววัดได้ ว่าต้องรักอย่างไร
รักอย่างคู่รักต้องปฏิบัติอย่างไร? เป็นแบบไหน?
ฉันเคยรักใครบ้างไหม? นอกจากตัวเอง...
ขอเป็นในแบบที่เป็น อย่างที่ฉันเป็นอาจไม่ถูกใจใคร
อาจไม่ตรงกับนิยามของบางใจ อาจทำร้ายใครไปบ้าง(โดยไม่ตั้งใจ)
ฉันไม่ได้ภาคภูมิใจ แต่ฉันไม่สามารถเป็นในแบบอื่นได้
ในแบบของฉัน ไม่มีข้อกำหนด ไม่มีกฏ ไม่มีเงื่อนไข
ไม่มีแบบแผนใดใด มีเพียงความคิดที่อิสระ
จนมันยากที่ใครจะเข้าใจ จนบางครั้งดูไร้สาระ ในสายตาของใครหลายคน...
แต่ก็ช่างเถอะ นั้นแหละ *ผู้หญิงคนนั้น*