6 มิถุนายน 2549 10:30 น.
แมงกุ๊ดจี่
*ความรัก*
ฉันเคยสงสัย ว่าอย่างไรเรียกว่า *ความรัก*
มาวันนี้ก็ยังไม่คลายความสงสัย ว่าความรักเป็นอย่างไร?
เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีความทะเยอทะยาน อยากจะเป็น
อยากจะทำตามฝัน ซึ่งทุกคนล้วนมีความฝัน มากมายหลายอย่าง
สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้างแต่ก็ยังอยากจะฝัน
การเผชิญโลกที่โหดร้าย ไม่เคยได้รับการเห็นอกเห็นใจ
หรือความช่วยเหลือใด ใด จากใคร
บางครั้งก็เกิดความท้อแท้ อยากจะหายไปจากโลกใบกว้างใบนี้
ทำไม? จึงรู้สึกทรมานจัง...
เด็กผู้หญิงที่ยังใสซื่อ บริสุทธิ์ กับการเผชิญโลกกว้างเพียงลำพัง
เมื่อความจำเป็นทำให้ต้องคิดเอง ตัดสินใจเอง เพื่อจะก้าวเดินบนถนนชีวิต
แม้ว่าการเดินไม่งดงาม อย่างใครหลายคน และการก้าวย่างอาจมองไม่เห็น
อนาคตที่สดใส เธอไม่มั่นใจหรอกที่จะไปไขว่คว้าความฝันได้สำเร็จ
แต่เธอจะหยุดความฝันนั้นไม่ได้ เพราะความฝันเป็นแรงผลักดัน
ที่จะทำให้มีความกล้า ความอดทน ความเข้มแข็งเพื่อก้าวเดินไป
บนถนนชีวิต ต้องเผชิญหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย ความโหดร้ายบั่นทอนบ้าง
บ้างครั้งก่อเกิดความท้อแท้ สิ้นหวัง แต่ก็ต้องก้าวเดิน...ต่อไปแม้อ่อนแอ
ไร้แรงเดิน ล้มลุกคุกคลาน ก็ต้องก้าวเดินไป จนกว่าจะหมดลมหาย...
การใช้ชีวิตที่มุ่งมั่นจะทำความฝันให้สำเร็จ
ทนตรากตรำ จนลืมคิดถึงความรู้สึก *รัก* รักคนรอบข้าง
หรืออาจเพราะรักตัวเอง จนลืมคิดถึงคนอื่น จากการที่ได้เผชิญโลกที่โหดร้าย
ทำให้จิตใจ หยาบกระด้าง ไม่มีความอ่อนหวาน
ณ วันนี้ จิตใจก็ยังกระด้าง...
ไม่เคยเข้าใจว่า *ความรัก* แท้จริงต้องมากน้อยเท่าไหร่ จึงจะพอเหมาะ
รักเพื่อนอย่างไร จึงพอดี รักคนรอบข้างอย่างไรจึงจะพอควร
หรือเพราะรักตัวเองมากไป จนลืม ลืมคิดถึงคนรอบข้าง
วันนี้สงสัยว่าการรักใครสักคนหนึ่ง ต้องปฏิบัติอย่างไร?
ไม่เข้าใจเลย ว่ารักหรือเปล่า? หรือเป็นเพียงคนที่ผ่านเข้ามาทักทาย
พอคุ้นเคยก็ผ่านไป... ไม่มีนิยายเป็นหลักยึด ไม่มีนวนิยายให้คิดถึง
ไม่มีแบบฉบับที่จะเป็นตัววัดได้ ว่าต้องรักอย่างไร
รักอย่างคู่รักต้องปฏิบัติอย่างไร? เป็นแบบไหน?
ฉันเคยรักใครบ้างไหม? นอกจากตัวเอง...
ขอเป็นในแบบที่เป็น อย่างที่ฉันเป็นอาจไม่ถูกใจใคร
อาจไม่ตรงกับนิยามของบางใจ อาจทำร้ายใครไปบ้าง(โดยไม่ตั้งใจ)
ฉันไม่ได้ภาคภูมิใจ แต่ฉันไม่สามารถเป็นในแบบอื่นได้
ในแบบของฉัน ไม่มีข้อกำหนด ไม่มีกฏ ไม่มีเงื่อนไข
ไม่มีแบบแผนใดใด มีเพียงความคิดที่อิสระ
จนมันยากที่ใครจะเข้าใจ จนบางครั้งดูไร้สาระ ในสายตาของใครหลายคน...
แต่ก็ช่างเถอะ นั้นแหละ *ผู้หญิงคนนั้น*
24 พฤษภาคม 2549 15:46 น.
แมงกุ๊ดจี่
การได้รู้จักใครสักคนเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ก็ที่จะมีโอกาสได้ใกล้ ได้ค้นหาความเป็นตัวตนของใครสักคน
คงเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา....
ถึง...คุณ____ (คนเคยรู้สึกดี)
เวลาของเรา การพบกันของเราคงจะเร็วไป
และแตกต่างกันในหลายอย่าง ความคิด ความต้องการ
จดหมายฉบับนี้ที่จะเขียนถึงคุณ เป็นฉบับที่ 2 ที่จะเขียน
แต่คงไม่ถึงคนรับอย่างแน่นอน การเขียนถึงคุณในครั้งนี้
ฉันคนเดิม หัวใจเดิม แต่ความรู้สึกใหม่...
*ใหม่* อย่างไรหรือ?
ฉบับแรก ฉันเขียนถึงคุณด้วยความรู้สึกผูกพันและซาบซึ้ง
ฉบับที่สอง ฉันเขียนด้วยความรู้สึกที่เจ็บร้าว ปวดพร่าไปทั้งหัวใจ
ฉันเคยถามตัวเองอยู่เสมอ การที่จะดูแลรักษาความรู้สึกของใครสักคน
ที่เป็นคนสำคัญหรือ *ผู้เป็นที่รัก* สำหรับเรานั้น ต้องดูแลใส่ใจมากแค่ไหน?
ฉันเพียรถามตัวเองอยู่เสมอมา และคอยปฏิบัติให้ดีอย่างที่สุด
แต่ที่สุดของฉันมัน ดีแล้วหรือ? สำหรับ*ผู้เป็นที่รัก* ฉันไม่มีคำตอบ
*ฉันขอโทษคุณนะค่ะ* ฉันคงทำได้ไม่ดีพอ เพราะปฏิเสธความเป็นตัวของตัวเองไม่ได้
คุณ___ ค่ะ สำหรับเรื่องที่ผ่านมานั้น ฉันคงทำใจยอมรับไม่ได้
ฉันไม่โทษหรือโกรธคุณหรอกนะค่ะ แต่การที่คุณทำอย่างนั้น มันเป็นการกระทำที่
หักหาญน้ำใจ และทำลายเกียรติของผู้หญิงที่คุณบอกว่ารัก และเป็นคนสำคัญ...
ขอได้มั้ย? ขอให้คุณลืมไป ลบล้างไป ฉันให้*อภัย* คุณ...
แต่ต้องแลกกับเงื่อนไข แค่เพียงข้อเดียว...
ข้อเดียวเท่านั้นเองค่ะ ที่ฉันจะขอคุณ...
"จากนี้ไป เราอย่าเจอกัน และขอร้องคุณอย่าร้องขอในสิ่งที่เคยได้"
เท่านี้เอง คุณให้ฉันได้มั้ย? ถ้าหากความเป็นลูกชายยังมีพอ
ขอเถอะ ! นะ ขอร้อง ได้โปรดปล่อยฉันไป
หัวใจที่เคยบอกว่าคุณว่าเข้มแข็ง...
ตอนนี้มันแหลกยับ ไม่เหลือชิ้นดีแล้ว
หากจะประสานใหม่ก็คงไม่เหมือนเดิม เพราะใจฉันเจ็บร้าวเหลือเกิน...
จดหมายฉบับนี้คงเป็นฉบับสุดท้ายที่จะเขียนถึงคุณแล้ว *โชคดีนะ*
ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง
คนไม่สำคัญ....
23 มีนาคม 2549 16:02 น.
แมงกุ๊ดจี่
บ่าย ๆ ของวันหยุดที่สดใส....
กับสายลมพัดเย็น ทำให้สุขหัวใจ แต่ก็อดเหงาไม่ได้...
ผืนน้ำกว้าง ๆ ลมพัดเย็น ๆ ฉันนั่งหลับตาอยู่ริมน้ำ
*ให้อภัยสักครั้งหนึ่ง เธอคงไม่ใจร้าย
ถ้าไม่สายไป มาคืนดีกันได้ไหม? ให้อภัยสักครั้งหนึ่ง
เธอคือคนสำคัญของใจ อยากบอกเธอว่าเสียใจ อยากให้เธอรู้ทั้งใจยัง รักเธอ*
เสียงโทรศัพท์ ดังขึ้น ฉันมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์
หมายเลยนั้น ไม่คุ้นเลย ฉันนั่งฟังอยู่นาน ไม่แน่ใจว่าจะรับดีมั้ย?
แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ฉันตัดสินใจรับสาย
ไม่ว่าจะเป็นใครฉันต้องเข้มแข็ง...
*สวัสดีค่ะ * ฉันกล่าวสวัสดี คนต้นสายที่โทรมา
*เป็นไงบ้าง ? * เสียงต้นสายตอบกลับมา
หัวใจของฉันเต้นระรัว เสียงที่ผ่านคลื่นดิจิตอลมานั้น
ทำไม? ฉันจะจำไม่ได้ เป็นเสียงที่ฉันคุ้นเคยมานาน
และผูกพันมากมาย...แม้ว่าจะไม่ได้ยินมันมานนาน
เกือบจะครบปีแล้ว แต่ฉันจำได้ดี
*สวัสดีค่ะ ขอสายใครค่ะ* ฉันพูดออกไป น้ำเสียงนั้นคู่สายต้นทาง
คงจับได้ว่าประม่า และหวั่นไหว เพราะเสียงที่ส่งไป
มันสั่นแทบจะอยู่ในลำคอทีเดียว...
*พี่รู้ว่าเราจำได้...* เสียงต้นสายตอบกลับมา...ฉันเงียบอยู่เป็นนาที
ฉันพูดอะไรไม่ออก ไม่ออกจริง ๆ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำ
ว่า...จะเริ่มต้นพูดคุยกับเขายังไงดี
ฉันรู้สึกแน่นหน้าอกพิกล มันอธิบายไม่ถูก...
*เราสบายดีใช่มั้ย? แล้วเรื่องเรียนไปถึงไหน? แล้ว *
เค้าถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอย่างที่เคยเป็น..
*จบแล้วใช่มั้ย? แล้วรับปริญญาจะไม่บอกพี่หน่อยเหรอ? ฮึ*
เขาเป็นฝ่ายพูดอยู่ฝ่ายเดียว ฉันได้แต่นิ่งเงียบรับฟัง
*เออ...คือออ * ฉันถอนหายใจยาว อยากพูดแต่ก็พูดอะไรไม่ออก
*ฟังพี่อยู่ใช่มั้ย? อย่าคิดอะไรมากเลย สบาย ๆ พี่บอกแล้วไง*
เสียงอบอุ่นนั้นส่งผ่านมาทำให้ฉันกล้าที่จะพูดมากขึ้น
*พี่ _ _ _ _ ไม่โกรธเหรอ?* ฉันถามกลับไป...ใจก็สั่น ๆ
*เรื่องอะไรเหรอ? ฮึ* เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนอย่างที่ฉันคุ้ยเคย
*เรารับปริญญาวันไหน? บอกหน่อย* เขาก็พูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในวันที่ผ่านเลยนั้น...
*วันที่ 31 มีนาคม นี้ค่ะ* ฉันตอบกลับไปโดยที่ไม่คิดมากเลย
แต่ข้างในหัวใจอยากบอกใจแทบขาดเลยล่ะ
*จ๊ะ งั่นแค่นี้ก่อนนะ พี่มีงานต้องทำ เดี๋ยวจะโทรหาเราใหม่นะ*
พูดจบสายโทรศัพท์ก็ตัดไปเลย ฉันไม่ได้พูดอะไรตอบไป
มันทั้งอึ้ง งง เซ่อ ๆ และดีใจ เสียใจ เจ็บปวด มีความสุข รู้สึกแปลก ๆ
ฉันมองออกไปตามสายลมที่พัดเย็นอยู่เมื่อครู่ แต่ตอนนี้
มันกลับกลายเป็นสายลมร้อน พลอยทำให้ใจฉันว้าวุ่น
กระวนกระวายใจ ปนสับสน อยู่เนือง ๆ อะไรกัน
ฉันลืมเขาไปแล้ว แล้วทำไม? วันนี้เขาต้องกลับมา...
ฉันไม่แน่ใจว่าจริง ๆ ในหัวใจฉันต้องการยังไงแน่...
วันที่เราห่างกันไป ฉันเป็นต้นเหตุ ฉันเป็นทำความผิดทุกอย่าง
แต่ในเหตุผลเขาก็รู้ดี ว่าทำไม? แล้ววันนี้เขากลับมาทำไม?
ไม่เข้าใจเลย...เขาน่าจะเกลียด และโกรธฉันมากกว่า
ที่ฉันเลือกเดินเส้นทางที่ผู้ใหญ่ชี้บอกทางให้ฉัน...
แต่เสียงหัวใจของฉันตลอดเวลาที่ผ่านมานานนั้น
มันยังต้องการ เขามาเคียงข้าง แต่ฉันทำไม่ได้ ไม่ได้จริง ๆ
ดีใจ แต่ทำไม? รู้สึกทรมานจังนะ ฉันต้องทำยังไงนะ
ยอมรับ และรักษาความรักที่เคยมีไว้เหรอ?
หรือจะปล่อยให้หลุดลอยไปอีกครั้ง...
ฉันควรทำอย่างไร?
27 มกราคม 2549 13:28 น.
แมงกุ๊ดจี่
นั่งเหม่อมองออกไปตามสายลมหนาว
มองเห็นผืนน้ำกว้างกับท้องฟ้าใส สีฟ้าครามยามบ่าย...
วันนี้...ฉันมานั่งทำอะไรที่นี่ รู้ว่าจะเศร้า รู้ว่าจะเจ็บแต่ฉันก็อยากจะมาที่ตรงนี้
ที่ ที่ ฉันเคยมานั่งคุย สนุกสนานหัวเหราะยิ้มร่าทั้งวัน และเป็นวันที่ได้พบหน้าเขาคนนั้นครั้งแรก...
20 มกราคม 2549 17:03 น.
แมงกุ๊ดจี่
16.45 น. วันสุข(ศุกร์) สุดสัปดาห์
ฉันนั่งอ่านบทความเรื่องเก่าครั้งเคยเขียนไว้ คราอารมณ์เหงา...
ไล่ลงมาเรื่อย ๆ จนมาถึงคอมเม้นต์ ที่ 1 ไล่ลงมาเรื่อย ๆ ฉันไปสะดุดกับ
นามหนึ่ง * ตามตะวัน *
===> ตามตะวัน ?
ในความรู้สึก เมื่อได้อ่านในโสตประสาทของฉันไปสะดุดกับคำนี้
เหมือนจะมีความหวัง แต่ทำไมเหมือนจะไปไม่ถึง
และทำไม? ดูเหมือนหงอยเหงาซะเหลือเกินนะ
การตามหา หรือว่าค้นหาบางสิ่งบางอย่าง
เหมือนจะมีความหวังและคาดหวัง และบางทีก็อาจรู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว
ฉันเองก็เป็นเช่นนั้นอยู่เสมอ ๆ บางความฝันของฉันเพียรทำมานาน
นานมาก มากจริง ๆ อาจเป็นสิบปี แต่บางเรื่องฉันแทบไม่ต้องทำอะไรเลย
กลับเห็นและได้มาในเวลานั้นเลย...
*ตามตะวัน*
แหงนหน้ามองฟ้าคราอ่อนแอ
ไม่ท้อแท้...สิ้นหวังยังมุ่งหน้า
บนหนทางมากขวากหนามข้ามฝ่า
แม้อ่อนล้า...จะทนบนทางไกล...
*ตามตะวัน* เดินไปไม่ท้อ
จะทักทอ...ให้เป็นจริงสิ่งฝันใฝ่
หากเหนื่อยยากมากเท่าใด
ขอมุ่งไป...ไม่ท้อรอสู่ประตูชัย...
แม้ตะวันทอแสงแดดมาแผดเผา
จะทนเอา...เพียงแค่ได้ชิดใกล้
หากแม้ไม่อาทรหรือห่วงใย
โปรดเผาไหม้...อย่ามีปราณีกัน...
*** ตามตะวัน ***
ชอบในนามปากกานี้...
คิดถึงคุณเสมอนะค่ะ คุณกลายเป็นเพื่อนที่คุ้นเคยแล้วสิ...