17 สิงหาคม 2549 14:43 น.
แมงกุ๊ดจี่
.............
คุณแพร...
เธอนั่งซึมอยู่บนม้านั่งในสวน ที่ร่มรื่น สงบ และเขียวฉอุ่มสวยงาม
ดูเหมือนหญิงสาวจะไร้ชีวิตชีวา เธอดูเหม่อลอย แววตาเศร้า...
เหมือนมีสิ่งใดอยู่ในใจลึก ๆ ดูเหม่อลอย ล่องลอยแบบไร้จุดหมาย...
8 สิงหาคม 2549 18:06 น.
แมงกุ๊ดจี่
...ตึกตั๊ก ตึกตั๊ก........เสียงหัวใจของฉันมันเต้นผิดจังหวะ ไม่เหมือนอย่างเคย พร้อมกับเสียงหายใจที่ติดขัด ไม่เป็นจังหวะอย่างเคยเป็น ฉันนั่งกำมือแน่น ตัวเก็งไปหมด ฉันนั่งลำพังคนเดียวอยู่หน้าห้อง....ซึ่งก่อนหน้านั้น ฉันได้เจอผู้ชายใจดีคนหนึ่งเขาดูภูมิฐาน เขาเอ่ยบอกฉันว่า *ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อย่ากังวลเลย เดี๋ยวเดียวก็เสร็จแล้ว*
...คำพูดที่ปลอบโยนของผู้ชายใจดีคนนั้น ไม่ได้ช่วยให้ฉันคลายความกังวลอะไรเลย ฉันนั่งนิ่ง ตัวแข็งทื่ออยู่ไม่นาน สักพักได้ยินเสียงดังก้อง...ในหู *อย่าทิ้งพ่อนะ ดูแลพ่อนะ* มันวนซ้ำ ๆ ในหูเหมือนอยู่ใกล้ ๆ
ไม่ไกลจากฉันเท่าไหร่ ฉันมองไปรอบ ๆ มีภาพผู้หญิง อายุมากแล้วนอนอยู่บนเตียง สายตาเหม่อลอย จ้องมองมาทางฉันแล้วเอ่ยขึ้น *อย่าทิ้งพ่อนะ ถ้าแม่...ไม่อยู่แล้ว ดูแลพ่อด้วย อย่าลืมนะ* แม่...พร่ำบอกฉัน...ช้ำ ๆ
...ตอนนั้น ที่แม่...เอ่ยออกมาทั้งที่ลำบากในการที่จะเปล่งเสียงออกมา แต่แม่...ก็พยายามที่จะพูด ให้ฉันได้รับฟัง แต่ตอนนั้นฉันไม่ได้รับปากกับแม่ไว้ ฉันสนิทกลับแม่...ตั้งแต่เด็กจนโต... ฉันซึมซับเรื่องราวของแม่...มากกว่าใคร ๆ ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด แม่...ไม่ได้ไว้ใจฉันหรอก แม่...เคยบอกว่า ฉันเหมือนพ่อทุกอย่าง รูปร่าง หน้าตา นิสัยใจคอ ผิวพรรณ แม้นแต่โรคลมในกระเพราะ ก็ยังเหมือนพ่อ....สงสัยตอนฉันอยู่ในท้องแม่ แม่คงรักพ่อมากหรือเปล่า หรือโกรธพ่อน๊า ฉันเองก็ไม่กล้าถาม...
...เมื่อฉันเหมือนพ่อทุกอย่าง จึงทำให้ฉันพยายามทดแทนสิ่งที่แม่ขาด สิ่งที่พ่อไม่เคยให้แม่... ทุกเรื่องราวของแม่...ฉันซึมซับมาทุกอย่าง ความเจ็บปวดทุกอย่างที่พ่อทำไว้กับแม่...พ่อเจ้าชู้แค่ไหน? พ่อนอกใจแม่กี่ครั้ง ฉันรับรู้และรับทราบทุกอย่าง พี่ ๆ น้อง ๆ ไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้เลย...
...ฉันไม่ได้ดีใจหรอก ที่รู้เห็นเรื่องราวพวกนี้ ฉันเสียใจต่างหาก และร้าวรานในหัวใจ รักและสงสารแม่มากแค่ไหน? แต่ฉันทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นั่งอยู่ข้าง ๆ เป็นเพื่อนแม่ ร้องไห้ไปกับแม่เท่านั้นเอง...พ่อไม่ใช่บุคคลที่น่าประทับใจสำหรับลูก ๆ ทุกคน แต่พ่อใม่เคยสอนให้ลูกเป็นคนไม่ดีเลย มีประโยชน์หนึ่งที่พ่อบอกพวกเราเสมอ *รักที่จะเป็นอะไรให้เลือกเอา รักดีก็ทำ รักชั่วก็ทำ* พ่อให้อิสระกับพวกเรา พ่อไม่มาดูแลพวกเรา ทำให้เราไม่ยอมที่จะเป็นคนไม่ดีในสายตาของใคร ๆ
...วันที่แม่ออกจากโรงพยาบาล เพื่อกลับมาบ้าน เป็นวันที่ทรมานในหัวใจเหลือเกิน ฉันไม่ได้ไปทำงาน ฉันนั่งอ่านหนังสือให้แม่ฟัง ใคร ๆ บอกว่าฉันบ้าไปแล้ว ไม่หรอกฉันไม่ได้บ้า... เพราะหนังสือที่ฉันอ่านเป็นคัมภีร์พระไตรปิฎก ทำให้ใคร ๆ คิดว่าฉันเป็นบ้าไปแล้ว แม่เริ่มไม่ไหวแล้ว...ฉันเอียงตัวไปแนบแก้มแม่ และพูดข้าง ๆ หูบอกให้แม่ท่องพุทธโธ พุทธโธ พุทธโธ
*คิดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไว้ในใจนะแม่นะ*
...ฉันจับมือแม่ไว้มั่น แม่พยายามพูด แต่ไม่มีแม้นเสียงเปล่งออก สายตาของแม่ดูวิงวอน...เห็นสายตาแม่แล้วทำไม? ฉันจะไม่รู้ว่าท่านต้องการอะไร ฉันตัดสินใจ บอกแม่ออกไป...*แม่ไม่ต้องห่วงนะ หนูจะดูแลพ่อ จะไม่ทิ้ง และจะคอยดูแลน้อง แม่ไม่ต้องห่วงนะ* ฉันพูดเสียงดังฟังชัด ปะปนกับเสียงร้องไห้ โฮของพี่สาว และพ่อที่อยู่รอบ ๆ ข้าง... ปู่และญาติ ดึงตัวฉันออกมา เพื่อไม่ให้น้ำตารดศพแม่ มือของแม่ยังกำมือของแน่น ตาของแม่ไม่ปิด ฉันค่อย ๆ เอื้อมมือไปปิดตาแม่ เพื่อให้แม่หลับตาให้สนิท เหตุการณ์วันนั้นทำให้ฉันรู้สึกผิด ผิดจนถึงทุกวันนี้...
...แหลม แหลม...เสียงดังมาจากข้างหลังทำให้ฉันสะดุ้งตื่นจากพะวังภ์ ฉันหันไปมองพร้อมกับปาดน้ำตาที่ไหลมาจากไหนก็ไม่รู้ แล้วมองหน้าพี่ชาย เห็นเขามาแล้วทำให้ฉันอุ่นใจขึ้นเยอะ ความหวาดกลัววิตกกังวลหายไปบ้าง แต่ก็ยังมีอยู่
พี่ชายของฉันนั้นเอง เขาเรียบร้อนหน้าตาตื่นมา แล้วถามขึ้นแบบเรียบ ๆ ในแบบของเขา *พ่อเป็นไงบ้าง...* เขาเอ่ยถามหน้าของเขาเหมือนเฉย ๆ
แต่แววตาเขาก็กังวลไม่ต่างจากฉันหรอก *ไม่รู้หมอยังไม่ออกมาเลย* ฉันตอบไปด้วยเสียงสะอื้นในคอ... พี่คงไม่รู้สินะว่าฉันกลัวแค่ไหน?
...สักพักผู้ชายใจดีคนที่ปลอบฉันก่อนหน้านั้น เดินออกมาจากห้อง...ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วนะ คนไข้ต้องฟักฟื้นที่โรงพยาบาลก่อน ประมาณ 1 อาทิตย์นะ ฉันมองหน้าพี่แล้ว ความกังวลใจ ที่มีบนใบหน้าก็หายไป ฉันเอยขึ้นพร้อมยกมือไหว้เขา *ขอบคุณมากคะหมอ* แล้วหมอก็เดินจากไป...การผ่าตัดของพ่อผ่านได้ด้วยดี รอแค่การฟักฟื้นเท่านั้น อีก 1 อาทิตย์ก็กลับบ้านได้แล้ว...
4 กรกฎาคม 2549 11:50 น.
แมงกุ๊ดจี่
ถึงคนพิเศษ...ของความคิดถึง...
...นอกหน้าต่างบานใสฝนตกปรอย ๆ ด้วยล่ะ
ทำให้คิดถึง ใครสักคน แต่กลายเป็นว่าคิดถึงใครทุกคนไปแล้วตอนนี้...
คิดถึงคนที่อยู่ไกลแล้ว มันคล้ายล่องลอย คล้ายไม่มีตัวตน
คล้ายกับว่าเป็นสายลม สายฝน... ร่วงหล่นลงมาแล้วจางหาย หายไป...
28 มิถุนายน 2549 16:41 น.
แมงกุ๊ดจี่
*ฝนตกกระหน่ำคล้ายท้องฟ้าร่ำไห้ คร่ำครวญ ฟ้าคงเจ็บปวดน่าดูสินะ
ถึงได้ปล่อยให้น้ำตาไหลหลั่ง จนนองไปทั่วทุกแห่งหน...*
สายตาที่ทอดผ่านกระจกหน้าต่างบานใสออกไป ไหวหวามตามสายฝน
ที่โปรยหล่น ดูเหงา เศร้าหัวใจ น้ำตาของหญิงสาวไหลพรั่งพรูออกมาเป็นสาย...
*อย่าทำให้รัก เดี๋ยวมันหลงเดี๋ยวมันรัก ชั้นตั้งหลักไม่ทัน
เดี๋ยวจะรั้งไว้ไม่ไหว รักมันปักหัวใจทำไง จะดึงออกไปก้อดึงไม่ออก*
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ขัดจังหวะการไหวหวามของหัวใจ
ที่กำลังล่องลอย ออกไปท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย....อยู่นั้น
หญิงสาวละสายตามจากขอบหน้าต่างบานใส ดูหมายเลขที่โทร.เข้ามา...
หล่อนมองโทรศัพท์อย่างตัดพ้อ แววตาน้อยอก น้อยใจ...พร้อมกับเสียงสะอื้นเบา...
คล้ายจะร้าวรานหัวใจเหลือเกิน แล้วก็มีเสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นอยู่อย่างแผ่ว แผ่ว...
*คนใจร้าย จะโทรมาทำไม?* เสียงบ่นพึมพำของหญิงสาว พ้อออกมาเมื่อรู้ว่าใครโทรมา
*อย่าทำให้รัก เดี๋ยวมันหลงเดี๋ยวมันรัก ชั้นตั้งหลักไม่ทัน
เดี๋ยวจะรั้งไว้ไม่ไหว รักมันปักหัวใจทำไง จะดึงออกไปก้อดึงไม่ออก*
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง กลับยิ่งทำให้หญิงสาวร่ำไห้ ฟุบหน้ากับหมอน สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น...
*เป็นอะไรของเขานะทำไม? ไม่รับโทรศัพท์* เสียงนพฤทธิ์ บ่นหงุดหงิดอารมณ์ไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่
*คนใจร้ายจะโทรมาทำไม? ฉันเกลียดคุณแล้ว ฮือ ฮือออ.... * เสียงหญิงสาวตัดพ้อกับเสียงโทรศัพท์
โดยที่เจ้าตัวนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไม? คนรักจึงไม่รับโทรศัพท์ของตน...
ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง (แถวบางเขน) อิอิ
*ข้าวแกเป็นอะไรทำไม? ตาแกบวมเบ่งแบบนั้น หึ...* นิชาทำเสียงดังพร้อมกับทำหน้าตาตื่นตระหนก
*เมื่อคืนชั้นนอนไม่ค่อยหลับ ไม่มีอะไรหรอก* ต้นข้าวรีบตอบ กลัวเพื่อนจะเป็นห่วง...
*แกก็ถามไปได้ ไอ้ข้าวมันไม่มีอะไรหรอก นอกจากต้นไม้มันตายมันจึงจะเศร้า..* เสียงก้อยแทรกมา...
*ต้นไม้เหรอ? นั่นสิชั้นไม่รดน้ำสองวันแล้ว แต่ก็ช่างเถอะ* ต้นข้าวพูดไปหน้าก็ไม่หันไปมองใครกลับเหม่อลอย
ทำให้เพื่อนสาว ตะลึงตาค้าง ต่างพากันสงสัยว่าทำไม? เพราะต้นไม้ ต้นนั้นสำคัญสำหรับข้าวมาก...
*หา !! อะไรนะ ไอ้ข้าวแกไม่ห่วงต้นไม้แกแล้วเหรอ?* สามสาวพูดขึ้นพร้อมกันโดนไม่ได้นัดแนะ...
เป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมา จนสร้างความแปลกใจให้เพื่อน ๆ
*อื้อ...* ต้นข้าวมองเพื่อน ๆ น้ำตาก็พาลจะไหลออกจากตาแดง ๆ
*แกมีอะไรข้าว ทะเลาะกับพี่นพเหรอ?* มิ้นถามพร้อมกับเอามือมาจับมือของต้นข้าว
*เปล่าหรอก * ต้นข้าวตอบ หน้าก็ฟุบลงกับโต๊ะอยู่อย่างนั้น
เดี๋ยวเพื่อน ๆ จะเห็นน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุด เพื่อน ๆ ต่างพากันทำหน้างง ๆ
*แล้วแกเป็นอะไร ไหนบอกมาสิ ชั้นรู้แล้วที่ตาแกบวม
แกร้องไห้ทั้งคืนใช่มั้ย แกบอกพวกชั้นมาเดี๋ยวนี้ไอ้ข้าว...ได้ยินเปล่า?* ก้อยทำเสียงขู่ให้เล่าเรื่องราวให้ฟัง
*พวกแกจะเอาอะไรกับฉันล่ะ ฮือออ * ต้นข้าวตอบเพื่อนไป แต่ก็ยังนั่งท่าเดิม...
*แล้วเป็นอะไร แล้วพวกชั้นจะช่วยแกยังไง* นิชาถามขึ้นบ้าง...
*เดี๋ยวจะกลับแล้วนะ วันนี้ไม่เรียนแล้ว แลคเชอร์ให้ด้วยนะ* ต้นข้าวบอกเพื่อนเสร็จหยิบกระเป๋าถือกับหนังสือ
แล้วปล่อยให้เพื่อนงง กับเรื่องที่เกิดขึ้น...
...พอถึงบ้านต้นข้าว ไปที่ระเบียงนอกห้องนอน
เธอคิดถึงต้นไม้ที่ ไม่ได้รดน้ำมานานสองวันแล้ว...
ต้นไม้ที่คนรักให้เธอในวันสำคัญ เป็นของขวัญในวันครบรอบคบกัน...
เป็นต้นมะลิลา ดอกสีขาวเล็ก ๆ ที่จะมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยเมื่อมีลมพัดเย็น ๆ
ต้นข้าวตั้งใจ วางกระถางไว้ที่ระเบียงห้องนอน เพื่อจะได้เห็นก่อนนอน และหลังตื่นนอน...
...ฝนตกอีกแล้ว ต้นไม้ต้นนี้คงอยู่ได้เพราะละอองฝนสินะ ต้นข้าวพลางนึกในใจ
มือก็ถือโทรศัพท์ไว้ แต่สายตากลับเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง...ท่ามกลางสายฝน...
แล้วเหลียวมองต้นไม้ที่เฉา อยู่ที่ระเบียง...
พี่นพ : พี่ว่าคนเรานะคบกันแล้วก็เหมือนปลูกต้นไม้ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดน่ะ..
ต้นข้าว : แต่การดูแล และเรียนรู้คน คนหนึ่งต้องมีมากน้อยแค่ไหน? อันนี้ไม่เคย และไม่เข้าใจ
พี่นพ : ไม่ใช่ปลูกทิ้งปลูกขว้างเหมือนต้นไม้ข้างถนน ฝนไม่ตกก็ตาย...
พี่นพ : หรือว่าจะเป็นไปเองเมื่ออยู่ในสถานการณ์นั้น ๆ
พี่นพ : ปลูกต้นไม้ต้องหมั่นรดน้ำพรวนดินเป็นประจำ..
ต้นข้าว : แล้วการมีคนรัก หรือว่าการมีคน คนหนึ่งเข้ามาในชีวิตต้องดูแลอย่างไร ? มันต้องยากกว่าดูแลต้นไม้แน่ ๆ เชียว.... ?
พี่นพ : ตรวจดูทุกรายละเอียด...ดินเสื่อมหรือเปล่า..ต้นและใบแข็งแรงหรือไม่
ต้นข้าว : แล้วคน ไม่เหมือนต้นไม้ นี่คะ การดูแลมันยากกว่ากันนะคะ
พี่นพ : ไม่ยากอย่างที่คิดหรอกเมื่อเรารู้จักรักอย่างถ่องแท้ รักคนอื่นไม่ใช่รักตัวเอง..
ต้นข้าว : *รักอย่างถ่องแท้..* ?
พี่นพ : เพราะการเอาใจใส่จะออกมาเอง...ไม่จำเป็นต้องบังคับให้มันออกมา...
ต้นข้าว : ต้นไม้ที่ข้าวดูแลไม่รู้ว่ามันจะงอกงามมั้ย ?
พี่นพ : มันอยู่ที่เราเองว่าจะดูแลมันได้ดีขนาดไหน..
ต้นข้าว : เพราะไม่รู้ว่ารดน้ำอย่างไร ใส่ปุ๋ยมากน้อยแค่ไหน?
จึงจะงอกงาม ทั้งที่เราก็อยากให้ต้นไม้นั้นงอกงาม เติบโต
พี่นพ : เรื่องนี้ต้องค่อยๆ เรียนรู้และทำความเข้าใจไปเรื่อยๆจนชำนาญแหละครับ
ต้นข้าว : *จนชำนาญ* ?
พี่นพ : มีความรู้ในการให้น้ำให้ปุ๋ย เวลาไม้ออกดอกใช้ปุ๋ยอะไร..
ต้นข้าว : เคยคิดอยากจะมีต้นไม้สักต้นไว้ดูแล แต่ก็กลัวจะดูแลไม่ได้ กลัวต้นไม้จะเหี่ยวเฉาตาย
พี่นพ : ก่อนดูแลก็ต้องรู้สิครับว่าต้นไม้ต้นนั้น ชอบปุ๋ยอะไรชอบน้ำมากน้ำน้อย ชอบสภาพแวดล้อมแบบไหน..
ต้นข้าว : งั้นก็ต้องศึกษา เรียนรู้วิธีที่จะดูแลรักษา เพื่อให้ต้นไม้นั้น งอกงามอย่างที่เรามุ่งหวังไว้
พี่นพ : ทุกสิ่งทุอย่างมันมีวิถีทางและบทสรุปอยู่ในตัวมันเองทั้งนั้น...
อยากให้ต้นไม้งอกงามก็ต้องดูแลรดน้ำ..อยากให้เขารักเราเราก็ต้องรักเขาก่อน.
.อยากให้เขาใส่ใจเราเราก็ต้องใส่ใจเขา..เป็นสิ่งที่ปฏิบัติตอบแทนซึ่งกันและกัน
ต้นข้าว : ทุกอย่างต้องเริ่มที่ตัวเราเองก่อนเสมอ ใช่หรือป่าวคะ
พี่นพ : เราอยากได้สิ่งไหนตอบแทนเราก็ต้องปฏิบัติกับเขาก่อน..เพื่อเป็นแนวทางให้เขาได้ซึมซับความรู้สึกที่มี
ต้นข้าว : ถ้างั้นเราอยากได้ความรัก เราก็ต้องรักเขาก่อนงั่นเหรอ? คะ...
พอนึกถึงสิ่งที่เคยคุยกัน กลับทำให้น้ำตาร่วงพราวราวกลับไม่เคยไหลมาก่อน...(โอเวอร์เนาะ)
พร้อมกับกดโทรศัพท์ไปเบอร์ที่เธอคุ้นเคย...เป็นอย่างดี
*สวัสดีครับ* เสียงส่งมาตามสาย ทุ้ม นุ่ม อบอุ่น (จริ๊ง จริง ๆ )
*พี่นพ ข้าวขอโทษ* ต้นข้าวพูดไปน้ำตาไหลไป เสียงที่ส่งไปตามสายสะอื้นไห้...
*เป็นอะไรเด็กดื้อ ทำไมขี้แยอย่างงี้นะ เราโตแล้วนะ* เสียงเขาบอกคนรัก เหมือนจะเอ็ดแต่ไม่ใช่
*ไม่ร้องก็ไม่ร้องค่ะ หายแล้ว* เสียงตอบกลับไป มีทั้งเสียงหัวเหราะปนเสียงสะอื้น....จากการร้องไห้
*เดี๋ยวเลิกงานแล้วพี่จะไปทำโทษคนดื้อซะหนอ่ยนะ* นพฤทธิ์เย้าคนรักเล่นอย่างอารมณ์ดี
*ค่ะ * ต้นข้าวตอบรับพร้อมกับรอยยิ้ม
*จ๊ะเดี๋ยวพี่ทำงานก่อนนะจ๊ะเด็กดื้อ* แล้วนพฤทธิ์ก็ว่างสายไป...
---------------------------------------------- พักสายตา ---------------------------------------------------
แล้วความรักของคุณล่ะคะ มีนิยามคืออะไร ท้องฟ้า ท้องทะเล หรือจะทุ่งหญ้าที่กว้างงงงง...
หรือว่าจะเป็นต้นไม้อย่างความรักของต้นข้าว อิอิ...
คุณรู้มั้ย ต้นข้าวเป็นอะไร ให้ทายค่ะ... ทายเล่น ๆ ลองดูกันค่ะะ..
ขอบคุณนักแสดงกิตติมศักดิ์ทุกท่านค่ะ...อิอิ
นพฤทธิ์ [พระเอก]
ต้นข้าว [นางเอก]
ก้อย, มิ้น, นิชา เพราะร่วมก๊วนของต้นข้าว
พี่ต้นกล้า [พี่ชายของต้นข้าว] ยังไม่ปรากฏตัวเลยอ่ะ ไว้ม้วนสองน๊า อิอิ...
13 มิถุนายน 2549 10:56 น.
แมงกุ๊ดจี่
ถึงคุณ... _ _ _ _
ฉันขอโทษนะค่ะ ที่วันนี้ฉันอยากเขียนถึงคุณ
บางความรู้สึกของหัวใจ ยังต้องการเวลาที่จะหาคำตอบที่ดีที่สุด
คุณเข้าใจในข้อนี้ดีนะค่ะ และคุณคงไม่ว่า...
แล้วคุณเป็นอย่างไรบ้างค่ะ นานมากแล้วที่เราไม่ได้พบกัน
หลังจากวันที่เราจากกันวันนั้น ฉันได้แต่คิดถึง....*คุณ*
ยิ่งคิดยิ่งทำให้ซึ้งถึงความเหงา ว่ามันทรมานมากแค่ไหน? เพิ่งเข้าใจ
อยากเจอคุณจังเลย อยากบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย
ที่ฉันมีโอกาสไปพบเจอมาในช่วงเวลาที่ไม่มีคุณเคียงข้าง...
แม้ว่าทุก-ทุกอย่างดูเนินนาน ห่างหายกันไปนาน
ไม่ว่านานเท่าไหร่ยังคอยแต่ห่วงหาคุณ คุณเท่านั้น
หลายสิ่งหลายอย่างผ่านเข้ามา ในช่วงเวลาที่เราห่างกัน
ฉันรู้ซึ้งแล้วว่า...*ฉันรักคุณ* "เพิ่งรู้ซึ้งในหัวใจ รักเธอยิ่งกว่าเคยรักใคร
เพิ่งรู้ว่ารักเธอที่สุด ยิ่งรู้ซึ้งยิ่งเสียใจ รักจนไม่อาจจะรักใครได้อีกเลย"
สิ่งเดียวจริง ๆ ติดอยู่ในใจ สิ่งเดียวที่ทำให้เราโกรธกัน เก็บความในใจ เก็บไว้
ต้องคอยกลบเกลื่อนว่าไม่เจ็บปวด ทั้งที่จริงทรมานเหลือเกินวันที่ไม่มีคุณเคียง...
วันนี้ฉันเจ็บปวดมากที่เป็นสาเหตุให้เราทั้งสองแยกจากกัน...
หากขอโทษก็คงไม่สามารถย้อนกลับเวลานั้นมาได้อีกแล้ว...
คำว่า *รัก* ที่คุณเคยอยากฟัง ฉันเอ่ยในตอนที่ทุกอย่างสายไป ฉันขอโทษ...
อดีตก็คืออดีต ฉันเข้าใจข้อนี้ดี คุณยังเป็นคนของหัวใจ ที่ยังงดงามในความทรงจำเสมอ...
เพิ่งรู้ว่ารักเธอที่สุด ยิ่งรู้ซึ้งยิ่งเสียใจ รักจนไม่อาจรักใครได้อีกเลย