11 มิถุนายน 2550 18:54 น.
แมงกุ๊ดจี่
ม่านหมอกคละคลุ้งเป็นควันสีขาว
ฟุ้งกระจาย เป็นไอเย็นของความสดชื่นหากสัมผัส
ว้าว! ที่แห่งนี้ใยจึงคลายวิมาน เพราะเหตุใดหนอหัวใจ
จึงรู้สึกสบาย และอบอุ่น ไม่หวาดหวั่น หวาดกลัวต่อสิ่งใดเลย
"ที่นี่ คือที่ไหน?" หญิงสาวถามชายหนุ่มที่จูงมือเดินฝ่าหมอกควัน
"ความฝันของเธอไง" ชายหนุ่มเอ่ยบอก โดยไม่ยอมหันหน้ามา
"ว้าว ! แบบนี้หรือที่เขาเรียกว่าฝันดี"
เธอถามเขาอีกพร้อมปล่อยมือแล้วค่อย ๆ หมุนตัวไปรอบ ๆ
"ใช่ เธอชอบมั้ย?" ชายหนุ่มถาม
"ชอบมากค่ะ" เธอตอบคำถามนั้นโดยที่ไม่ได้มองไปยังผู้ถามเลย
"เธอมีเวลาที่จะฝัน และมีฉันได้ไม่นานนัก" น้ำเสียงของชายหนุ่ม
ฟังแล้วช่างหม่นหมอง และสัมผัสได้ถึงความเศร้า
"อืม..." หญิงสาว งง กับสิ่งที่เขาบอกออกมา และไม่เข้าใจว่า...
ทำไม? จึงได้ไม่นาน... งง ๆ ได้แป๊บเดียวเธอก็ไม่คิดซะแล้ว
เพราะตื่นเต้นกับเรื่องใหม่ที่เข้ามาให้สัมผัส และเรียนรู้...
"ฉันฝัน และในฝันฉันมีคุณ" เธอทำหน้าสงสัย และแววตาค้นคำตอบ
แลัวหันหลังกลับไปถามผู้ที่เดินนำหน้าเธอ หลังจากเธอปล่อยมือเขาแล้ว
"แล้วคุณเป็นใคร?" เธอคว้ามือเขา เพื่อให้เขาหันกลับมาตอบคำถาม
"เป็นคนที่คุณรัก และรักคุณ" เขาตอบแต่ยังไม่หันหน้ามาเพื่อสารภาพใดใด
เพียงแต่บอกเล่าด้วยน้ำเสียงที่เปิดเผยถึงความปวดร้าว เศร้าสร้อย..
"เป็นคนที่ฉันรัก ?" เธอทำหน้างง ๆ แล้วหันไปทางเขา ที่เธอจับมือไว้
" ทำไม? ฉันไม่เคยเห็นหน้าคุณเลย และทำไม? ฉันจึงจำคุณไม่ได้"
เธอถามเขา แต่ไร้คำตอบ...
"ผมจะอยู่กับคุณได้แค่ในฝันเท่านั้น" เขาพูดเสียงเศร้าอย่างเดิม
"พอคุณตื่นคุณก็จะลืมผม" เขาเน้นน้ำเสียงเหมือนตอกย้ำความรู้สึกให้เจ็บแปลบ
" คุณกำลังจะบอกฉันว่า...ฉันรักคุณเพียงในฝันใช่ไหม?" เธอถามเขาทั้งที่ไม่เห็นหน้า
เพียงแต่รู้ว่านั้นเป็นชายหนุ่มที่เธอรู้สึกรัก โดนไม่มีเงื่อนไขใดใด
"ใช่ผมเองก็รักคุณได้ในฝันเท่านั้น" เขาตอบพร้อมกลับหน้ามาหาเธอ
เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นหน้าเขา ใช่เขาคือ *ชายในฝัน* ที่เธอเคยฝันถึงเสมอ ๆ
ใบหน้าเกลี้ยงเกลา มีคิ้วดกดำเข้ม แววตาขี้เล่น จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบาง
ที่รับกับใบหน้าเรียวมนได้รูป บนใบหน้าที่เปื้อนด้วยรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความอบอุ่น
รูปร่างที่สูงโปร่ง บ่งบอกถึงบุคลิกที่อ่อนโยน สุขมนุ่มลึกแววตากลุ้มกริ่มทรงเสน่ห์
เห็นแค่แว๊บแรกเหมือนเขาตรึงเธอไว้ สะกดไว้ด้วยเวทมนต์ซะแล้วอย่างง้าน....
"เราพบกันแค่ในฝันเท่านั้นหรือคะ" หญิงสาวถามเขาด้วยความรู้สึกที่เจ็บแปลบบ้างแล้ว
"ใช่ครับ เราเป็นได้เท่านี้" ชายหนุ่มหันมาพร้อมสบตาที่ปริมด้วยน้ำตาของหญิงสาว
"ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะฝันถึงคุณได้นานแค่ไหน?" หญิงสาวตอบกลับไป
พร้อมกันน้ำตานองหน้า ความรู้สึกปวดร้าว สับสนเกิดขึ้น จนกักเก็บน้ำตาไว้ไม่อยู่
จึงปล่อยให้พรั่งพรูออกมา ด้วยความปวดร้าวแสนสาหัสที่บาดลึกลงในหัวใจของตัวเอง
"เท่าที่คุณอยากจะฝัน หรือเมื่อคุณพบใครที่ใช่"
เขากลุ้มหน้าลงเพื่อหลบซ่อนความปวดร้าว
"แล้วคุณล่ะคะ คุณฝันถึงฉันบ้างมั้ย?"
หญิงสาวถามเขากลับแล้วสบตาเอาคำตอบ
"ผมจะอยู่ในฝันคุณ เมื่อคุณฝัน ผมไม่สามารถฝันถึงคุณได้
เพราะนี่เป็นฝันของคุณ มันเป็นความต้องการของคุณ
เมื่อคุณไม่ต้องการ ผมก็หมดความหมายสำหรับคุณ" ชายหนุ่มกล่าว
"ถ้างั้น ตอนนี้ฉันฝันอยู่ นี่เป็นความฝันของฉัน?" หญิงสาวกล่าว
พร้อมเอามือปาดน้ำตาบนแก้มป่องสองข้าง แล้วยิ้มแก้มปริที่เปื้อนทั้งน้ำตา...
"ครับ ตอนนี้ฝันว่ามีผมอยู่เคียงข้าง" ชายหนุ่มหันมายิ้มให้ด้วยความอ่อนโยน และอบอุ่น
"ถ้าอย่างนั้น ทุก ๆ คืนฉันจะฝันถึงคุณ" หญิงสาวตอบพร้อมรอยยิ้มที่สดใส
"เราจะพบกันในฝันทุกคืนครับ" ชายหนุ่มยิ้มพร้อมจับมือเธอไว้บ่งบอกว่านั้นคือคำสัญญา
กริ๊งงงงงงงงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงง....
เสียงนาฬิกาปลุกเวลา 06.00 น. เข็มยาวกับเข็มสั้นตรงกันพอดี๊ พอดีเลย
"เช้าแล้วเหรอ? เนี๊ย?" จามจุรี โงนเงนลุกขึ้นจากเตียงทั้งที่ยังหลับตา
"มัยมันเช้าเร็วจังหว่า อยากนอนต่อจังเลย" หญิงสาวบนพึมพำเดินเข้าห้องน้ำ
เวลาบ่าย 3 โมงครึ่งพอดี...
"จุรี เธอไปทำอะไรมามัยหน้าตาเหมือนคนไม่ได้นอนเลย"
เสียงของ จิ (จิรภา) เพื่อนสนิทในที่ทำงานทักขึ้น
"อืม...ฉันไม่ได้นอนเลย มัวแต่ฝันทั้งคืน" หญิงสาวตอบเพื่อนพร้อมยิ้ม ๆ
"ฝันเหรอ? บ้าป่าวว่ะ" จิมองหน้าเพื่อแบบงง ๆ
"ก็แสดงว่าหลับสิถึงฝันยัยบ๊อง" หล่อนย้ำ
"เอ่อ ฝันดีซะด้วย นะจะบอกให้" ตอบซ้ำทำหน้าตาทะลึ่งอีกนะ
"ฝันถึงหนุ่มรูปงานหรือย่ะ ยัยบ๊อง" พูดจบก็หัวเราะคิกคักใหญ่
"แปลกนะฉันพึ่งจะฝันก็เมื่อคืนนี้แร่ะ เหมือนจริงซะด้วยนะ"
จุรีเล่าให้เพื่อนสาวฟังพร้อมกับสีหน้าครุ่นคิด ถึงเรื่องราวเมื่อคืนที่ตัวเองฝันถึง
"ฝันกลางคืนแย่ กว่าฝันกลางเลยนะจะบอกให้ หรือไม่ก็ฟุ้งซ่านแล้วเธอหน่ะ"
เพื่อนสาวแหย่ให้ พร้อมกับพูดประชดอีกด้วยสิ
"อืมอาจจะจริง" หญิงสาวตอบเพื่อนสาวแต่แววตาก็ยังเหม่อลอย
เพราะยังคิดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับฝันที่เกิดขึ้นในขณะที่ตัวเองหลับไหลเมื่อคืน...
หล่อนพยายามคิดว่าเหตุใดจึงได้ฝันถึงชายหนุ่มคนนั้น แล้วเขาเป็นใคร?
ทำไม? ทุกวันที่ผ่านมาเธอไม่เคยเจอเขาสักที่ ไม่ว่าที่ไหน? ไม่ว่าจะขึ้นรถเมล์
ในที่ทำงาน ลูกค้าที่เคยนัดพบ หรือห้างสรรพสินค้าที่เคยไปเดินซื้อของ
แล้วเขาเป็นใครกันนะ เธอถึงได้เพ้อเจ้อ ฟุ้งซ่านฝันถึงเขาได้ เป็นเรื่องราวขนาดนี้
หญิงสาวทำหน้างง ๆ แล้วหันไปมองหน้าเพื่อนสาว
"ฉันจะบอกให้ เล่นเน็ตมากไปรู้ป่าว มันไม่มีหรอกผู้ชายรักจริงในอินเตอร์เน็ต"
เพื่อนสาวสบตาแล้วเอ่ยออกมาเหมือนรู้ทันว่าเพื่อนตัวเองฟุ้งซ่านไปไกล กับโลกออนไลน์
เพราะหลังๆ เห็นจุรีจะใช้มากเหลือเกินช่วงนี้ และมีอะไรมาเล่าให้เธอฟังมากมาย เหลือเกิน
และดูเหมือนเพื่อนสาวจะมีความสุข และสนุกกับการที่ได้เล่าข่าวสาร และบทความ
ที่เธออ่านเจอ แต่หลัง ๆ เธอหลงเข้าไปเวปหนึ่งที่พูดถึงเรื่องของ "Somat"
ใช่คู่แท้ที่เพื่อนสาวค้นหามาเกือบทั้งชีวิต เธอจึงสรุปว่าเพื่อนตัวเองกำลังเข้าขั้น..
ฟุ้งซ่านหลงทิศทางไปกับโลกอินเตอร์เน็ต...
"เอ่อ อาจจะจริงของเธอ" เพราะฉันไม่เคยฝันแบบนี้ซักที "
ช่างมันเถอะ ยังไงมันก็เป็นแค่ความฝัน" ทั้งสองคนหัวเราะคิกคักกันใหญ่
แล้วแยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่ปกติ...
....................................................................................................................
เพียงหนึ่งคืนเท่านั้นใจฉันขอ
หวังพนอ...ได้เคียงเพียงในฝัน
เสมือน*รัก*บรรจบจึงพบกัน
รักนิรันดร์...ในฝัน...ยังหวังเคียง...
"ราตรีหนึ่งซึ่งมีเธอ" เป็นซีรี่ส์รักออนไลน์...
ตั้งใจเขียนเรื่องนี้เพราะผู้เขียน(ขอแทนตัวว่าผู้เขียนนะค่ะ)
เคยรู้สึกแบบนี้ ในบางช่วงอาจแทรกซ้อนความรู้สึก
ที่เป็นความรู้สึกของผู้เขียนลงไป ผสมผสานกับจินตนาการ
ผูกเข้ากับเนื้อเรื่องบางตอน อาจจะแบ่งเป็นภาค ๆ หรือเป็นตอน ๆ
เพราะในแต่ละช่วงเวลาที่ค้นพบความรู้สึกของตัวเองนั้นแตกต่าง
บางครั้งก็พบความรู้สึกพิเศษ ไม่มีเหตุผลจะค้นให้ตัวเองเข้าใจได้
เพราะว่ามัน..เป็นรักเพ้อฝัน บนโลกอีกโลกที่เปรียบเสมือนโลกจริง
ที่ความรู้สึกก้ำกึ่งระหว่างความเป็นจริงในชีวิตประจำวัน
และ ความเสมือนจริงในโลกออนไลน์ ที่ไม่อาจจะคิดกล่าวโทษ
พรหมลิขิต หรือโชคชะตา นำพามาให้พบเจอ หรือโทษว่าเพียง...
คืนหนึ่งซึ่งฟุ้งซ่าน จนแยกไม่ออกว่าเป็นความจริงหรือความฝัน....
จากใจใบน้อย : แมงกุ๊ดจี่ขี้ควาย...
19 เมษายน 2550 12:11 น.
แมงกุ๊ดจี่
"ยืนอยู่ตรงนี้ คิดเหรอว่าจะเจอคนที่ดีกว่า"
เสียงของบุรุษที่อยู่ตรงหน้าเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงหยามหยัน
กึ่งสะกดเก็บน้ำเสียงไม่ให้เปิดเผยเสียงหัวเราะเพื่อเยาะเย้ย.....
ในดวงตาเหมือนวิงวอน แต่ซ่อนไว้ด้วยเล่ห์เหลี่ยม และมารยา
เหมือนแววตานั้น หมายจะเอาชนะซึ่งคนที่รัก
คงไม่อาจตำหนิเขา ที่แสดงอาการออกมาอย่างนั้น
คงเป็นเพราะเขาได้พบกับความไม่ใยดี ของหญิงที่รัก
ที่อาจจะรัก หรือไม่รักเขา... ทำไงได้ล่ะ
คนเรามี ค ว า ม คิ ด ค ว า ม ต้ อ ง ก า ร ที่ต่างกันไป...
บ่อยครั้งที่ถามหารักแท้...
และสงสัยว่าหน้าตาของ "รั ก แ ท้" เป็นอย่างไรหนอ ?
เคยเพียรถามหลายต่อหลายคน ที่พบความรัก เคยเจอคนรัก
แต่ทุกครั้งที่ถามไป ไม่มีคำตอบกลับมาให้ได้คลายสงสัย.......
แต่วันนี้
เมื่อได้พบ... ค น ที่ รั ก
และเขาที่พร้อมจะทำทุกอย่างให้ แต่ทำไม? จึงไม่ยอมรับ
กลับอยากโบยบินหาอิสระ อยากไขว่คว้าสิ่งที่มองไม่เห็นต่อไป...
เพราะไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดนี้เป็นความรักที่เรียกว่า "รั ก แ ท้"
แววตาที่วิงวอน เอาจริงเอาจัง...
ยังคงจ้องเขม็ง มาสู่อีกดวงตาคู่หนึ่ง ที่ยังประจันตรงหน้า
อีกแววตาวิงวอน แต่อีกแววตาหวาดหวั่นและประหม่า หวั่นไหว
"ตกลงจะแต่งงานกันไหม? " น้ำเสียงเอาจริง และแววตาเอาจริง
ทำหัวใจที่อิสระดวงหนึ่งต้องนิ่งงัน กับสิ่งที่กำลังดำเนินไปอย่างเงียบ เงียบ...
"ขอเวลาคิดหน่อยได้ไหม?" คงทำได้เพียงเท่านี้
ในนาทีที่สับสนอย่างนั้น ไม่เข้าใจว่าต้องการความมั่นใจหรือว่า...?
ต้องการถ่วงเวลาเอาไว้ แต่ข้างในความคิดก็พุ่งพล่านว่า เมื่อไม่รักเขา...
แล้วทำไม? ตัวเองยังรั้งเขาไว้ล่ะ แล้วทำไม? ไม่ปล่อยเขาไป....
"ทำไม? ต้องคิดล่ะเวลาเดินไปเรื่อย ๆ นะ และตอนนี้
เวลาก็ไม่ได้หยุดหมุนนะ เรามีเวลามากพอเหรอ? ที่จะทำเล่น เล่น
เหมือนที่กำลังเป็นอยู่ ทุกอย่างต้องสร้างหลัก ปักฐานแล้วนะควรจะเป็นผู้ใหญ่ซะที"
ได้ฟังที่เขาเอ่ยขึ้นก็จริงนะ แต่ว่าก็ยังอดคิดทะลึ่งไม่ได้ว่า
รอเป็นกำนันเลยไม่ได้เหรอ? ฉันมันไม่เอาไหน?เลยนี่นา ไม่เหมาะที่จะมีครอบครัว
ฉันเป็น "ว่าที่...เจ้าสาว"
แต่....ก็ไม่รู้ว่าจะได้เป็นเจ้าสาวหรือไม่
สิ่งที่รออยู่ข้างหน้ามีอะไรบ้างนะ อุปสรรคจะหนักมากน้อย
ไม่รู้เลย พอใจไหม?ในสิ่งที่กำลังเป็นตอนนี้ พอใจมาก....
แต่ในบางครั้งทำไม? จึงโหยหาใครสักคนที่จะเคียงข้างจับมือร่วมก้าว
12 มีนาคม 2550 13:19 น.
แมงกุ๊ดจี่
เหลือบเงาไม้ ร่ำไร พลิ้วไหวบนพื้นน้ำ
ในสระบริเวณสวนสาธารณะริมหนองหาร
ฉันมองออกไปยังท้องฟ้ากว้าง ขอบฟ้าจรดกับผืนน้ำกว้าง ดูไกลสุดสายตา
ทำให้เผลอเหม่อลอยออกไป...
ฉันค่อย ๆ ยื่นมือออกไปสัมผัสกับลมร้อน
ที่พัดเข้ามาจากขอบฟ้าที่นั่งมองเมื่อครู่ ปล่อยให้ลมพัดวนซ้ำ
ปะทะมือเรียวสองข้าง และปล่อยให้พัด วนเวียนอยู่รอบกาย
เสื้อสาย กระโปรง ปลิวพลิ้วไหวตามแรงลม พร้อมกับหลับตา
เพื่อสัมผัสกับสายลมที่มาปะทะเป็นจังหวะ เป็นระลอก
พัดกรรโชกมาจากเวิ้งน้ำกว้าง ฉันหลับตาแล้วปล่อยจินตนาการล่องออกไป
ทุกสิ่งที่อยู่รอบกายฉัน และอยู่ในรู้สึกส่วนลึกข้างใน...
เรื่องเล่านิทานของความรัก...
และแล้วนิทานของความรักก็ได้เกิดขึ้น เป็นเรื่องราวให้เล่าขาน...
เป็นเรื่องราวของบางหัวใจ... ซึ่งเป็นหัวใจที่ช่างฝัน และมีไฟฝันที่แรงกล้า
บทพิสูจน์ของความรักเป็นอย่างไร ? หนึ่งหัวใจบริสุทธิ์อยากจะไขว่คว้ามา และ
พร้อมที่จะค้นหาสิ่งที่เรียกว่า "ค ว า ม รั ก" ว่ามีความสวยงาม งดงามเพียงใด
ใช่ ใช่แล้ว...
หัวใจดวงบางนี้ เคยคาดหวังกับความรัก...
มันทั้งสวย ทั้งหรู หวานชื่น และงดงาม แต่นั้นเป็นเพียงภาพฝัน
เป็นนิยายที่สร้างจากจินตนาการ ของคนที่โหยหาความรัก...
แต่เมื่อถึงบทพิสูจน์...
เปล่าเลย สิ่งที่คิดว่าสวยงามนั้น...
มันอาจจะ แ ค่ อ า จ จ ะ เท่านั้น มันสวยงามในความรู้สึก
แต่ก็เจ็บร้าวในก้นบึ้งของหัวใจดวงเว้าแว้ง ก่อนนั้นซึ่งเคยบอบบาง...สมบูรณ์
บริบทของความรักสร้างสิ่งมหัศจรรย์มากมาย ที่ปะปนในบางช่วงเวลา
อย่างที่ใคร ใคร ชอบบอกว่า ความรัก สุข-ทุกข์ ปะปน นั้นคือพื้นฐาน
ในวันเหงา เหงา...
ก็ยังดีที่มีเงาความรัก มาหล่อเลี้ยงหัวใจที่ขาดวิ่น...
ซึ่งก่อนนั้นเคยแตกกระจาย เหลือเพียงเศษซาก ความภักดิ์เท่านั้น
คงเป็นความภักดิ์ของหัวใจหนึ่ง แต่อีกหัวใจหนึ่งคงไม่ใช่ ไม่ใช่ "ความรัก"
ถ้อยที่พร่ำจำนรรจ์...
ฉันรับฟังเสมอ นั้นคือคำว่า "รัก"
เมื่อหัวใจรับสัมผัสมันรู้สึกแปลกหรือเพราะไม่เคยได้ซึมซับ
คำ "รัก" ที่ใครคนหนึ่งเคยเอ่ยกระซิบข้างหู อย่างนั้นหรือ?
ยังคงนั่งเหงาอยู่หน้าบ้าน
เหม่อลอย ปฏิเสธหัวใจตัวเองไม่ได้ ว่าคิดถึง คิดถึงมาก
แปลกนะ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ารักนั้นหลุดลอยไปแล้ว แต่ก็ยังวาดภาพรักนั้น
ประดับไว้ในความทรงจำ อย่างสวยงาม เป็นภาพความรักที่งดงามในรู้สึก
เพราะว่า...
ฉันห้ามหัวใจไม่ได้ ขัดรู้สึกตัวเองไม่ได้
"หัวใจมีดวงเดียว และรักได้หลายครั้งจริง
แต่...หัวใจดวงนี้อยากมีรักเดียวคือ คุณ"
สายลมล่องปลิ้ว...
ฉันลืมตา ใยใจหวีดหวิวเหลือเกิน
ณ ขอบฟ้า ที่ตรงนั้นจะมีใครคอยฉันอยู่ ?
อยากจะรู้จัง ขอบฟ้า สิ้นสุดตรงไหน? กันนะ
เพราะฉันวาดหวัง ใครคนนั้นเขาจะรออยู่ตรงนั้นไง ณ ขอบฟ้า...
6 มีนาคม 2550 13:13 น.
แมงกุ๊ดจี่
อากาศวันนี้สดใสดี...
เช้านี้ ก่อนไปทำงานอากาศแจ่มใส...
ฉันแหงนหน้ามองฟ้า นี่สินะความหวังของมนุษย์
เหมือนนกกาบินออกจากรวงรัง ฉันปิดประตูล็อคกุญแจบ้าน
เพื่อออกไปทำงานในตอนเช้า...
5 กุมภาพันธ์ 2550 16:10 น.
แมงกุ๊ดจี่
"ให้อภัยสักครั้งหนึ่งเธอคงไม่ใจร้าย ถ้าไม่สายไปมาคืนดีกันได้ไหม?
ให้อภัยสักครั้งหนึ่งเธอคือคนสำคัญของใจ อยากบอกเธอว่าเสียใจ
อยากให้เธอรู้ทั้งใจยังรักเธอ" เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้น วนไปมาซ้ำ ๆ
ฉันงัวเงียหรี่ตามองหาโทรศัพท์ มือก็ควานหา ปกติมันอยู่ข้างหมอนนี่หวา...
เอ่อเจอแล้ว...
"สวัสดีค่ะ" เสียงอู้อี้ ของคนเพิ่งตื่นนอน
"ยังไม่ตื่นอีกเหรอย่ะหล่อน " เสียงโวยวายดังตาสายมา
"อื้อ ๆๆ ใครว่ะ " ฉันโวยกลับมั่ง ตาก็ยังปิด..ซุกตัวใต้ผ้าห่มอุ่น คริ ๆ
"ตื่นได้แล้ว นอนกินบ้านกินเมืองรึไงย่ะ" เสียงมันยังโวยไม่เลิกยัยคนนี้
"ก็อากาศมันหนาวเย็นจะตาย ใครจะตื่น" ฉันตอบกลับ
"ลุกได้แล้ว นี่มัน 9 โมงเช้าแล้ว 11 โมงเจอกัน ฉันจะรอหล่อนที่หน้าร้าน Savensen"
เสียงหล่อนสั่งเจื้อยแจ้วมาตามสาย...
"อิหยังน้อ คนสินอนเด๊เนี๊ย ฮู้บ่" ฉันพูดแบบโมโห ๆ ก็อากาศมันหนาวใครอยากจะตื่น
"ไม่ต้องนอนแล้ว เดี๋ยวจะพาหนุ่มไปแนะนำให้รู้จัก" เสียงหล่อนพูดตื่นเต้นม๊าก มาก
"ฮ๊ะ ฮ่ะ อั่นหยังหน่ะ "
"พอบอกว่าเป็นเรื่องหนุ่ม ๆ หูพึ่งเชียวนะย่ะ" มันกระแนะกระแหน ฉันจริงเพื่อนคนนี้
"เออ ๆ 11 โมง หน้า Savensen เจอกัน" ฉันตอบไปเพื่อปัดความรำคาญ
จริง ๆ ก็เป็นอย่างที่มันบอกนั้นแร่ะ เดี๋ยวต้องไปเจอชายหนุ่มต้องแต่งตัวสวยหน่อย อิอิ
ใช้เวลาในการอาบน้ำแต่งตัวก็ 40 นาทีได้
วันนี้เลือกใส่เสื้อสีดำแขนยาว กางเกงยีนส์ตัวโปรด อิอิ
ไม่ปล่อยผมสลวย เลือกที่จะรวบผมไว้ แล้วปล่อยหน้าม้าลงมาหน่อย ๆ
เลือกกระเป๋าใบโปรด อิอิ ใบนี้แพงที่สุดเท่าที่เคยซื้อมา (ไม่ได้อวดนะแค่เล่าให้ฟัง คริ ๆ)
หันซ้าย หันขวา หน้ากระจก อืม...โอเค ออกนอกบ้านได้แล้ว
ใช้เวลาในการเดินทาง อีก 20 นาที...
มาถึงหน้าร้านไอศกรีม 10.30 น. พอดี อืม...ยังพอมีเวลาเตล็ดเตร่สักพัก
เดินไปร้านซีเอ็ดฯ เพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอ...ดีก่าาาา...อิอิ
"ให้อภัยสักครั้งหนึ่งเธอคงไม่ใจร้าย ถ้าไม่สายไปมาคืนดีกันได้ไหม?
ให้อภัยสักคครั้งหนึ่งเธอคือคนสำคัญของใจ อยากบอกเธอว่าเสียใจ
อยากให้เธอรู้ทั้งใจยังรักเธอ" เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้น...
มองดูชื่อในหน้าจอก็เห็นว่าเป็นยัยเพื่อนตัวแสบ...
"สวัสดีย่ะ" ฉันตอบกลับอย่างอารมณ์ดี
"เดี๋ยวจะถึงแล้วนะ หล่อนถึงไหน?แล้วย่ะ" เสียงเจื้อยแจ้วจนแสบแก้วหู..
"อืมฉันมาถึงตั้งแต่ 10.30 นาฬิกา แล้วย่ะ" ฉันโต้แย้งไป
น้ำเสียงฉันกำลังตำหนิมันอยู่...ว่ารอนานแล้วนะ
"จะถึงแล้วเนี๊ย ! รออยู่หน้าร้านไอศกรีมนั่นแร่ะ ถึงแล้ว" หล่อนยืนยัน
"เอ่อ ๆ แค่นี้แร่ะ เดี๋ยวจะไปรอ" ฉันตอบไป...
...ฉันก็อดที่จะสำรวจตัวเองไม่ได้ เพราะยัยเพื่อนบอกว่าจะพาหนุ่มมาด้วย
เข้าห้องน้ำส่องกระจกสักหน่อยก็ดี... หมุนซ้าย หมุนขวา อืม...ใช้ได้... คริ ๆ
เดินไปหน้าร้านไอศกรีมก็เห็นยัยตัวแสบโบกไม้ โบกมือ ยิ้มแต้ อยู่หน้าร้าน...
ฉันส่งยิ้มดีใจเพราะไม่ได้พบ กันนานมากแล้ว
ปีเกือบสองปีแล้ว ส่วนใหญ่ก็คุยโทรศัพท์ซะมากกว่า
ล่าสุดที่เจอกันเป็นวันที่เพื่อนสาวมีปัญหาชีวิตรุมเร้าอย่างหนัก...
"มาถึงนานแล้วเหรอ?" หล่อนถามพร้อมกับมากอดด้วยความคิดถึง
ฉันโอบกอดรับรอยสวมกอด เหมือนหล่อนจะคิดถึงมาก...
"เฮ้ย ๆๆ ฉันหายใจไม่ออก" ฉันบอกเป็นสัญญาณ ก่อนจะไอ...แค๊ก ๆๆ
"ก็มันคิดถึงนิ ไม่เจอตั้งนาน เกือบสองปีแล้วนะ" หล่อนพูด ๆ พูด ฉันได้แต่ยิ้มรับ..
"เอ้อ เกือบลืมแนะนำหนุ่มให้รู้จัก" หล่อนบอก
ตัวฉันเองก็ลืมมองคนรอบข้าง เพราะดีใจที่ได้เจอเพื่อนสาวตัวแสบ...
"นี่อั่งเปา" หล่อนแนะนำให้รู้จัก ฉันมองแล้วต้องยิ้ม เป็นเรื่องที่เซอร์ไพส์มาก ๆ
"โอ้โห! ทำไม? รูปหล่ออย่างนี้นะ " ฉันยิ้มรับกับแววตาที่ค้นหา และดูท่าขี้สงสัย
แต่เป็นแววตาที่ไร้เดียงสาเพื่อหาคำตอบ และตื่นเต้น แววใสมองตาแป๋วเลยนะ
"อั่งเป่า นี้ป้ามะกรูดนะลูก" หล่อนพูดพร้อมกับอุ้มเด็กชายอายุ 11 เดือน
"อั่งเป่าเหรอ? " ฉันเอ่ยขึ้น ใช่ของขวัญพิเศษสำหรับหล่อน แต่อั่งเป่าไม่เหมือนแม่เลย
"โตขนาดนี้แล้วเหรอ? " ฉันเอ่ยขึ้นต่อ
เพราะครั้งสุดท้ายที่ฉันเจออั่งเป่ายังอยู่ในท้อง ได้ 4 เดือนเอง...ยังเป็นวุ้นอยู่เลย
"หล่อใช่มั้ยล่ะ นี่แร่ะชายหนุ่มที่จะแนะนำวันนี้" พอหล่อนพูดจบ ฉันก็มีรอยยิ้ม
เปื้อนแก้มปริ จนไม่อยากหุบ
"โอ้โห! นี่เป็นคู่เดทที่อายุน้อยที่สุดที่เคยเดทเลยนะเนี๊ย" พอพูดจบ
ก็พากันหัวเราะครึ้นเครงกัน อั่งเปาเหมือนรู้ว่าพูดถึงยิ้มใหญ่เลย น่ารักจริง ๆ
...ทักทายกันได้สักพักมันจะใกล้เที่ยงแล้วนิ
พากันไปหาข้าวกินดีก่าาา เดทครั้งนี้ประทับใจไม่น้อย...
"กินข้าวเสร็จแล้ว ฉันฝากอั่งเปาหน่อยสิ" พูดจบพร้อมทำสายตาอ้อนวอนตามเคย
"อืม...แล้วหนุ่มน้อยจะอยู่กลับฉันเหรอ?แก" ฉันพูดจบก็มองหน้าหนุ่มน้อย
แหม๋เจ้าชู้แต่เด็ก ทำตาหวานส่งมาเชียวนะ พอรู้เขาพูดถึง โตขึ้นคงไม่ใช่เล่นนะเนี๊ย...
"ได้อยู่แล้ว อั่งเปาน่ารัก" หล่อนรีบรับรอง (แม่มันเห็นแก่ตัวเกินไปเปล่า?)
"แก จะไปไหนย่ะ " ฉันพูดประชดหล่อนไป...
"เดี๋ยวฉันมา ขอเวลา 30 นาที" หล่อนยืนยันคำพูดว่าต้องไปแน่ ๆ
"อืม ก็ได้ ก็ได้ " ฉันหันไปหาอั่งเปา
"เนอะอั่งเปาเนอะ ๆ แม่เปิดโอกาสให้ป้าจีบแล้วลูก" ฉันยิ้มหวานให้หลาน
"อืม....อิ่มแล้ว เดี๋ยวฉันมานะ" แล้วมันก็ลุกไปเลย ดูมานสิ จริง ๆ เลย
...วันนี้อั่งเปาคงเป็นตุ๊กตาของคุณป้าแล้วลูก อิอิ
ไม่ใช่นางงามแต่ก็รักเด็กได้นี่นาเน๊อะ ฉันมองหน้าอั่งเปาแล้วยิ้ม...
วันนี้ป้าพาเที่ยวห้างลูก เดี๋ยวเราไปกันเลย อั่งเปาน่ารักมาก ไม่งอแงเลย
เลี้ยงง่าย แม่เค้าเองก็หลงลูกจะตาย ถ้าไม่ใช่ฉันคงไม่กล้าฝากหรอกนะเนี๊อ (โม้จังเนาะ)
เวลาผ่านไปนานแล้วนี่หว่า ทำไม? ยัยเพื่อนตัวแสบยังไม่มาอีกนะ
"เดี๋ยวเราเดินเล่นกันก่อนเนาะ อั่งเปาเนาะ" ฉันคุยกับหนุ่มน้อย...
อั่งเปาเลี้ยงง่ายสมกับแม่มานโม้ไว้จริง ๆ น่ารัก อั่งเปาเป็นลูกครึ่ง จปล.
พ่อเป็นจีน แม่เป็นลาวภูไท เลยกรายเป็นจีนปนลาว เหอ ๆ
เดินไปเรื่อย ๆ ผ่านหน้าร้านทอง มองซ้ายมองขวา
อืมอั่งเปามีสร้อยทอง นี่หว่า อิอิ สองสลึงได้...
อั่งเปายิ้มดีใจแน่ ๆ เลย เงียบ ๆ ไว้ลูกเดี๋ยวแม่อั่งเปารู้ ฉันพรึมพรำบอกเด็กน้อย
ฉันถอยสายสร้อยทองอั่งเปาออก ใส่ให้ใหม่เรียบร้อย (เอ๊ะ ๆ อย่าเพิ่งคิดว่าจะขโมยนะฮ
อืม...ฉันรีบสวมสายสร้อยคืนให้อั่งเปาใหม่
"หมั้นไว้ก่อนนะลูกนะะะ" พูดยังไม่ทันจบ มีมือตบพัวะเข้าที่หัว...
"โอ้ยใครว่ะ เจ็บนะโว้ย" ฉันโวยวายก่อนหันหน้าไปหาต้นเหตุ
"นี่หล่อนลูกฉันยังไม่ทันโตเลยนะแก" ยัยเพื่อนตัวแสบมันโวยวายมาดูดิ
"อะไรกัน ฉันก็แค่อยากให้หลาน แกเกี่ยวไรด้วย ยัยนี่แปลกเนาะ โย่วว" ฉันบ่น
"เน๊อะอั่งเปา เนอะ " ฉันหันไปหยอกหลานต่อ โดยไม่สนใจแม่มาน อิอิ
"ฉันเป็นแม่มันนี่นา ทำไม? จะไม่เกี่ยว" มันยังพร่ามันหายดูดิ
"เอ่อ แค่ซื้อจี้อันเล็ก ๆ ให้อันไม่ถึงพัน แกทำโวยไปได้หรือมันน้อยไปย่ะ"
พูดประชดหน่อยก็ไม่ได้ทำหน้างอนะ
"เปล่า? ไหน?ดูดิ อืมสวยดี เหมาะกับอั่งเปา" หน้าตายิ้มอย่างพอใจยัยตัวแสบ
"ทำไม? แกไม่แต่งงานซะทีล่ะ" มันมองหน้ายังมาพูดแทงใจดำฉันอีกนะ
"ฉันรออั่งเปาโตก่อน ฉันหมั้นไว้แล้วนิ" ฉันพูดหน้าตาเฉย...
"แกตัดสินใจหาใครสักคนได้แล้ว ฉันว่านะแกน่ามีครอบครัวได้แล้ว"
ทำพูดดีจริง ๆ เพื่อนฉัน
"มาเดือดร้อนอะไรกับฉัน เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะย่ะ"
ฉันพูดจบ ก็ทำให้บรรยากาศเงียบ ใบหน้าเพื่อนสาวกลับหม่นเศร้าทันที
ทำให้ใจเริ่มไม่ดีแล้วสิ พูดไม่คิดอีกแล้วฉัน...
"อืม...ไว้อั่งเปามีสาว มาขอแต่งงานแล้วฉันก็ค่อยแต่งก็ไม่สาย.." ฉันพูดให้ติดตลก...
"ตามใจแก ก็ดี หล่อนจะได้ไม่ต้องลำบากอย่างฉัน" ทำหน้าเศร้าอีกแล้วยัยเพื่อนบ้า
"ลำบากอะไร ดูสิ อั่งเปาเป็นของขวัญที่น่ายินดีจะตาย" ฉันปลอบเพื่อนสาว...
....อั่งเปาเป็นเด็กน่ารักมาก แต่อาภัพแต่เด็ก
เพราะกำพร้าพ่อ เพราะความผิดพลาดของแม่...เพื่อนฉันเป็นคนน่ารัก
นิสัยดีตั้งแต่สมัยเรียน เขาโดนฉันรังแกตลอดเลย อิอิ ฉันไม่ดีเท่ามันหรอก...เพื่อนคนนี้
....วันที่ร้องไห้ทุรนทุราย อยากเอาอั่งเปาออกตอนอายุครรภ์ได้สี่เดือน
ฉันยังจำได้ ตอนนั้นเราทะเลาะกันอย่างหนักมาก ฉันไม่อยากให้เพื่อนต้องบาป
พยายามเกี่ยกล่อม และช่วยแก้ไขปัญหาทุกอย่าง และทุกวันนี้เขายืนได้ด้วยตัวเอง
และมีหลักยึดก็คือ "ลูก" ผู้หญิงเมื่อมีลูกก็ทำให้กลายเป็นคนเข้มแข็งขึ้น อดทนขึ้น
ตอนนี้ดูท่าหล่อนมีความสุขมาก และรักอั่งเปามากอั่งเปาเป็นขวัญที่ดีและมีค่าสำหรับหล่อน
เธอเข้มแข็ง เป็นได้ทั้งพ่อและแม่ และสามารถเลี้ยงลูกคนเดียวได้ จนฉันทึ่ง และอึ้ง
ที่เพื่อนฉันยืนได้อย่างเข้มแข็ง...
....บ่ายสองแล้วต้องไปส่งสองแม่ลูกขึ้นรถประจำทาง
เพราะบ้านหล่อนอยู่อีกอำเภอ นั่งรถอีกชั่วโมงครึ่งกว่าจะถึง...
...."เรื่องลาวสาวแมงกุ๊ดจี่" ก็แค่เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
แต่ดูเหมือนฉันนินทาเพื่อนยังไงไม่รู้เนอะ แต่ฉันก็รักเพื่อนคนนี้มาก
และเดทของฉันวันนี้ก็มีค่ามาก ฉันก็ยังเป็นแบบลาว ๆ อย่างสาวแมงกุ๊ดจี่...