31 มีนาคม 2551 17:35 น.
แมงกุ๊ดจี่
ทางชีวิตลิขิตยาก"แกไปอยู่ไหนมา"เสียงพูดที่บ่งบอกถึงความดีใจผสมปนเปกับความแปลกใจ
"ชั้นอยากพบแก"เสียงส่งผ่านเครื่องมือสื่อสารทำให้ฉันสัมผัสได้ว่าบอบช้ำ
"อืม......งั่นชั้นจะไปหาแกเอง"เสียงนั้นฟังแล้วเจ็บปวดจังนึกในใจก่อนบอกไป
"ชั้นจะรอแก"เสียงนั่นเหมือนจะร้องไห้...ฉันใจไม่ดีเลยที่รู้สึกถึงเสียงนั้น
"ชั้นเคลียร์งานก่อนนะแล้วจะรีบไป"น้ำเสียงที่ส่งผ่านกลับไปยังเครื่องมือสื่อสารนั้นหนักแน่นว่านั่นจะเป็นคำมั่นจากเพื่อนคนนี้
หากจะย้อนกลับไปคิด...
อืม...คิดดูแล้วมันก็นานมากแล้วนานจริงๆ ที่เราไม่ได้ติดต่อกันเพียงแค่ความไม่เข้าใจกัน คลื่นความถี่ของความสัมพันธ์ของเพื่อนไม่มีสัญญา ไม่รับ ไม่ส่ง ถึงกัน เนิ่นนานมากฉันเองก็รู้และเข้าใจว่าทุกคนมีทางชีวิตที่ต้องดูแลและรับผิดชอบ "แกแต่งงานก็ไม่บอก" มันเป็นเสียงที่ดังมาจากก้นบึ้งของใจและสายใยระหว่างกัน... แต่ฉันที่เดินทางเส้นเดิมนั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทุก ๆ วันยังเป็นเช่นเคยผ่านมา และยังคงผ่านไป...
ระยะเวลาที่ผ่านมา...
แกทำหน้าที่ของตัวเองดีที่สุด และชั้นก็ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดี เราต่างต้องรับผิดชอบและดูแลกำหนดเส้นทางของตัวเอง แกวุ่นวายกับชีวิตใหม่ แต่ฉันก็ยังวุ่นวายกับชีวิตเดิมเราต่างกัน แกสร้างชีวิตครอบครัวที่กำลังโตวัน โตคืน เพื่ออนาคตครอบครัวที่แกเคยฝันไว้แต่ชั้นสร้างตัวตนของตัวเองที่โตขึ้น แต่ไม่รวดเร็วแต่ค่อย ๆ ซึมไปเรื่อย ๆ แบบเฉื่อย ใช่! แกกับชั้นสร้างสิ่งที่แตกต่างกัน...
ชั้นสร้างอิสระ ให้กับตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่แกกลับสร้างกำแพงกักขังตัวเองแต่ชั้นรู้ว่าแกมีความสุขกับสิ่งที่ทำและชั้นเข้าใจมัน
ฉันนั่งคิดถึงอดีตที่ฝังลึกไว้...
และเรื่องราวที่เคยผ่านมา ภาพความผูกพันและเรื่องราวต่าง ๆ เป็นภาพที่เด่นชัดในวันนี้ทั้งที่วันผ่านมามันเลือนลางเต็มที เราไม่ได้ทะเลาะกัน แค่เราไม่แคร์กัน แต่เรายังผูกพันเสียงที่ส่งผ่านเครื่องมือสื่อสารมาฉันจำได้ว่านั้นเสียงใคร และไม่เคยลืมเลย ไม่ลืมจริง ๆ
"ถั่วงอก" คือฉายาที่ถูกตั้งให้
"แตงกวา" คือฉายาของแก
รีบเคลียร์งานทุกอย่างให้เสร็จเพื่อไปพบคนที่ไม่พบนาน ความรู้สึกคือดีใจและแปลกใจรถจดนิ่งอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งมองไปจากรั้วหน้าบ้าน มันเปลี่ยนแปลงไปเยอะมากฉันจำทางได้ดี แม้จะนานมากที่ไม่ได้มาบ้านหลังนี้ เมื่อลงจากรถเดินเข้าไปผลักประตูคงเป็นสัญชาติญาณ ที่ก่อนนั้นเคยทำประจำ ความคุ้นชินยังมีอยู่ในความรู้สึกเสมอมา..
เดินเข้าไปก็มีหญิงวันกลางคนเดินยิ้มเข้ามากอดแน่นจนฉันอึดอัดพร้อมกับคำตำหนิ
"ไปอยู่ไหน?ไม่มาเยี่ยมแม่บ้างหายเงียบไปเลย" เสียงแม่ของแตงกวาตำหนิมา
"หนูขอโทษ! ไม่ได้อยากหายไปไหน? เลยค่ะ" น้ำตาคลอเชียว...
"ไปข้างในกันป่ะลูก " แม่แตงกวาจูงมือเข้าไปในบ้าน...
ฉันนั่งอยู่แป๊บเดียวก็ได้ยินเสียงสืบเท้ามาจากด้านหลัง เป็นเสียงที่คุ้นเคย
คุ้นหูทำให้ต้องหันกลับไปดูเพื่อความแน่ใจ แต่ภาพที่เห็นกลับทำให้ใจหายน้ำตาไหลเอ่อมาภาพหญิงสาวสวยที่เคยเห็นตอนนี้ดูผอมโทรม ซูบซีด ผิดกับที่เคยเห็นอย่างกับคนละคน
"แตงกวา..." ฉันไม่สามารถเอ่ยคำอื่นได้เลยเพื่อนสาวก็พยักหน้ารับเหมือนสัญญาณบอกว่าเราผูกพันกันแค่ไหน? ฉันเดินเข้าไปกอดร่างผอมนั้นแน่นเราต่างร้องไห้โดยไม่อายกัน
เมื่อปรับความเข้าใจกันแล้วเรารู้เข้าใจกัน และรับรู้ถึงเรื่องราวต่าง ๆ ของกันและกันว่าเพราะอะไร คือสาเหตุที่ทำให้เราต้องเคืองกันมาและเป็นแผลในใจที่ไม่สามารถหายได้
ถั่วงอก.........."เป็นไงบ้าง มีอะไรจะเล่าให้ชั้นฟังบ้าง"
แตงกวา........"เยอะแยะเลยล่ะ แกจะฟังไหวป่าววววว "
ถั่วงอก.........."ไหวอยู่แล้ว ไม่ได้ฟังเสียงแกนานมากแล้วนี่" ทุกอย่างเงียบไม่มีเสียงใด
แตงกวา........"นั่นดิเนาะ ขอโทษนะที่ไม่เข้าใจแก"
ถั่วงอก.........."อย่าไปคิดถึงมันเลย ชั้นคิดถึงและเป็นห่วงแกตลอดมารู้ไว้"
แตงกวา........"อืม...ขอบใจแกมาก ๆ"
ถั่วงอก.........."แล้วเป็นไงบ้างที่ผ่านมา มีอะไรจะพรีเซนป่าวล่ะ เล่ามาเลย"
แตงกวา........"ชั้นแต่งงานแล้ว และต้องขอโทษแกด้วยที่ไม่ได้บอก"
ถั่วงอก.........."แกใจร้ายมากเลย"
แตงกวา........"พอแต่งงานแล้ว ชั้นก็ไม่มีเวลาคิดถึงแกเลยชั้นยอมรับ"
ถั่วงอก.........."อืม...ฉันเข้าใจ"
แตงกวา........"ฉันยุ่งอยู่กับการใช้ชีวิตใหม่ สิ่งใหม่ ๆ ที่ต้องเผชิญเลยล่ะ
ชีวิตคนเราเหมือนนิยายจริง ๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นได้"
ถั่วงอก.........."อิจฉาแกจังว่ะ"
แตงกวา........"หือ...ทำไมเหรอ?"
ถั่วงอก.........."ก็แกมีโอกาสได้เห็นชีวิต รู้จักชีวิตมามากกว่าชั้น"
แตงกวา........"อืม...แต่ถ้าย้อนเวลากลับได้ชั้นจะเลือกกลับไปเป็นเหมือนเดิม
เหมือนครั้งที่ยังไม่แต่งงาน แต่จะว่าไปมันก็สุขทุกข์คนละแบบ
แต่ชั้นอาจเป็นคนที่โชคร้ายกว่าครอบครัวอื่นๆ "
ถั่วงอก.........."อะไรทำให้แกคิดแบบนั้น"
แตงกวา........"ชีวิตนี้ชั้นคิดว่าตัวเองโชคดีที่สุด แต่ก็ไม่เลยที่ผ่านมาชั้นก็ไม่คิดนะ
ไม่เคยคิดเสียใจและเสียดาย แต่ว่าฉันเรียกร้องมันกลับมาไม่ได้แล้ว"
ถั่วงอก.........."ชั้นเชื่อการตัดสินใจของแกเสมอ ไม่ว่าที่ผ่านมา หรือจนถึงวันนี้"
แตงกวา........"ขอบใจมาก แกเข้าใจชั้นเสมอ"
ถั่วงอก.........."แต่น่าน้อยใจว่ะ แกกลับไม่เคยเข้าใจชั้นเลย"
แตงกวา........"ก็แกมันคนเข้าใจยากนี่หว่า ช่วยไม่ได้" เราต่างหัวเราะในความต่างที่ลงตัว
ถั่วงอก.........."แล้วไงต่อ แกเล่าถึงตอนแต่งงานแล้วงัย"
แตงกวา........"อ้อ....นี่ไง รูปงานแต่งงานที่จัดขึ้นชั้นจะให้แกดู"
ถั่วงอก.........."ดู ดู ถึงจะไม่ได้ไปก็เหอะ"
แตงกวา........"แกนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะเรื่องแควะเนี๊ย"เสียงหัวเราะดังร่วน
ถั่วงอก.........."ขอบใจที่ชมกันซึ่ง ๆ หน้า"
แตงกวา........"งานแต่งงานชั้นจัดขึ้นแบบเรียบง่าย มีเพื่อนในที่ทำงานของชั้น
และ..(เสียงพูดหายไจได้ยินเสียงถอนหายใจแผ่ว-แผ่ว)ของเค้า
มันดูดีนะในงานทุกคนต่างอิจฉาชั้นกันทั้งน๊านที่ได้พบผู้ชายดีดี
คนนี้ ทุกคนซึ้งกับบทเพลงที่เค้าร้องให้ฉันในวันนี้...
(เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่คล้ายพยายามปลดปล่อย)
ถึงจะเป็นงานเล็ก ๆ แต่อบอุ่นนะ และเป็นความทรงจำที่สวยงาม
ชั้นคงจดจำไปจนตาย...
ถั่วงอก.........."ดูจากรูปพวกนี้แล้ว ชั้นอิจฉาเลยอ๊ะ เจ้าสาวสวยน่ารัก
เจ้าบ่าวหล่อสุภาพ คนในงานดูมีความสุขจัง บรรยายกาศแบบนี้
เรียบง่ายเป็นสไตล์ครอบครัวโห!ใครเป็นคนคิดคอนเชปนี้เหรอ?"
แตงกวา........"เราสองคนเป็นวางแผนและลำดับขั้นตอนทุกอย่าง"
ถั่วงอก.........."อืม...เดี๋ยวขอยืมคอนเชปบ้างนะ เผื่อได้แต่งกะเขาบ้าง"
ฉันหัวเราะร่วนเชียว
แตงกวา........"ได้ชั้นให้ยืม...ไม่คิดค่าลิขสิทธิ์เลยสักแดง" ยิ้มหวาน...
ถั่วงอก.........."เอ้อ...ยังไม่ได้ถามเลยว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ลืมสนิท"
แตงกวา........"ชั้นมาได้หลายวันแล้ว ฉันไปบวชชีพราหมณ์มา"
ถั่วงอก.........."ห๊ะ อะไรนะ แกว่าไงนะ แกเนี๊ยนะ"
แตงกวา........"ใช่......แกยังไม่เห็นสภาพชั้นตนที่มาถึงบ้านดูไม่ได้เลย"
ถั่วงอก.........."อืม..."
แตงกวา........"ไอ้ก๊วก(เป็นศัพท์ที่พี่น้องเค้าเรียกกัน) เห็นสภาพฉันแล้วกลัวชั้นบ้า"
ถั่วงอก.........."เลยเอาไปหาที่สงบ...ขั้นนั้นเลยเหรอ?"
แตงกวา........"ใช่...ฉันอยากพบแกแต่ตอนที่มาถึงชั้นเหมือนตายไปแล้ว
ตัวชั้นเองหน่ะยังไม่รู้เลยว่ากลับมาถึงบ้านได้ยังไง?
ชั้นเสียหลักล้มลงลุกแทบไม่ขึ้น"
ถั่วงอก.........." "__? งง ดับเบิ้ล งง เลย" แต่ยังคงเงียบเพื่อรับฟังเรื่องราวต่อ...
แตงกวา........"ฉันคิดว่าเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด ใคร ๆ ต่างอิจฉาทั้งนั้น
ที่มีเค้าร่วมชีวิต เค้าเป็นผู้ชายแสนดีที่สุด ที่ชั้นเคยพบมา
ไม่ว่าวันนี้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป แต่เค้ายังแสนดีในความรู้สึก
ของฉัน และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง....
ถั่วงอก.........."แกก็รักกันดีนินา "
แตงกวา........"ใช่เรารักกันมาก เรารักกันจนใคร-ใครต่างอิจฉา
แต่ความสุขคนเรามันสั้นนะ ก่อนที่ชั้นกลับมาหาแม่
เราก็ยังรักกันดี แต่อาจห่างเหินกันไม่มีเวลาให้กัน
เวลาพูดคุยกันน้อยลง ชั้นก็ยุ่งกับการเตรียมงานจนลืมคิดถึง
ช่องว่างที่เกิดขึ้น ชั้นเคลียดด้วย และหงุดหงิดใส่เค้าบ่อย
พักหลังมานี้ คงเป็นความผิดฉันที่ไม่ได้เอาใจใส่เค้าเท่าที่ควร
ทำให้ขาดความรัก" (เสียงสั่นเพราะร้องไห้)
ถั่วงอก..........----- มองหน้า ทำตาปริบ ๆ น้ำตาก็ไหลเอ่อร้องตามเพื่อน ------
แตงกวา........"แต่ทุกอย่างพังทลายลง หัวใจสลาย ฉันเสียหลักล้มพับลุกไม่ขึ้น
งานที่เตรียมเพื่อเปิดตัวสินค้า ทุกอย่างพังลงในวันนั้นวันที่..
เค้ามากอด...(เสียงสะอื้นและแล้วก็ปล่อยโฮออกมา)
เค้าเข้ามากอดชั้นแน่น ชึ้นก็รู้สึกว่า..แปลกทำไม? เค้าร้องไห้
แต่ทุกอย่างมีคำตอบเสมอ..เค้าสารภาพว่า..เขาเปลี่ยนไป
เค้าไม่เหมือนเดิม เค้าไม่สามารถรักผู้หญิงคนนี้ได้อีกแล้ว
แต่ชั้นยังคงเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดสำหรับเค้า...แต่เค้ารัก
ผู้ชายคนนั้นที่เค้าได้พบกัน
" (เสียงร้องไห้ปล่อยโฮเหมือนจะขาดใจ)เค้าพบกันมาระยะหนึ่ง
ถั่วงอก.........."พอเถอะพอ นิ่งซะนะ" อ้อมกอดของความผูกพันระหว่างเพื่อนอาจทำให้คลายความทุกข์บ้าง
แตงกวา........--------------มีแต่เสียงสะอื้น ร่ำไห้-----------------
ฉันเจ็บปวดกับสิ่งที่ได้รับรู้ มันบรรยายไม่ถูกเลยจริง ๆ แล้วแตงกวาล่ะ เจ็บปวดแค่ไหน?ความเจ็บของฉันไม่ได้เสี้ยวของแตงกวาเลย โชคชะตาเล่นตลกกับชีวิตคนจริง ๆ และเราก็ไม่สามารถกำหนดและล่วงรู้อนาคตได้ว่าจะพบเจอกับอะไรบ้าง... แตงกวาเองก็ไม่อาจรู้ว่าตัวเองจะพบเจอกับความล้มเหลวของชีวิต...
แตงกวา........"ฮัลโหล แกอยู่ไหน?" เสียงสดชื่นส่งผ่านมือถือมา
ถั่วงอก.........."หือ...อยู่ที่ทำงาน ทำไม?เหรอ?"
แตงกวา........"มารับหน่อยสิ อยากไปช๊อป"
ถั่วงอก.........."เดี๋ยวนะดูงานก่อนว่ามีค้างมั้ย? แล้วจะโทร.บอกนะ"
แตงกวา........"ได้ ๆ เดี๋ยววันนี้ชั้นจะค้างบ้านแกนะ โอเค.ป่าวว"
ถั่วงอก.........."ได้เดี๋ยวจะไปรับนะ"
แตงกวา........"จ้า บ๊ายบายเพื่อน"
ทุกวันนี้แตงกวายืนได้แล้ว และมีกำลังพร้อมจะก้าวกับการมีชีวิตอยู่ต่อไปข้างหน้า
ความทุกข์ทำให้คนเข้มแข็งเสมอ หากได้ผ่านพ้นมันไปได้ และจะแกร่งยิ่งกว่าเดิมแต่กว่าลุกขึ้นได้อย่างนี้ก็ใช้เวลาพอควร แตงกว่าไปบวชชี อยู่นานกว่าจะทำใจได้ทุกวันนี้ยังคงคิดถึงอยู่แต่ก็ไม่หมดอาลัยตายอยากเหมือนครั้งที่เกิดเรื่องแล้ว... และรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร กรรมนำพาโชคชะตาของมนุษย์ไม่มีใครผิดใครถูก...
2 พฤศจิกายน 2550 13:09 น.
แมงกุ๊ดจี่
สวัสดีค่ะ พี่ๆ เพื่อนๆ สมาชิก บ้านกลอนไทย...
....กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว นานมากจริง ๆ นะ คิ ๆ
ช่วงนั้นแมงกุ๊ดจี่ถูกมรสุมชีวิตหลายด้านมารุมเร้า มีการสูญเสียหลายอย่าง
ทุกอย่างเกิดขึ้นฉับพลันและรวดเร็ว แบบตั้งตัวไม่ทัน...ช่วงเวลานั้นทุกข์มากจริง ๆ
ช่วงนั้นเปลี่ยนงานใหม่ โดยท่านผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่แมงกุ๊ดจี่รักและเคารพ
ท่านให้โอกาสทำงานในองค์กรหนึ่ง จึงได้รู้จักอินเตอร์เน็ตและได้ใช้มัน
อาจจะหลงไหลด้วยซ้ำในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ช่วงที่หลงไหลนั้น ก็คือที่นี่ http://www.thaipoem.com
วันที่แรกรู้จัก เพราะค้นหาบทกลอนเกี่ยวกับคำอวยพร เกี่ยวกับงานเกษียณ...
ทำให้พบ http://www.thaipoem.com และประทับใจในสมาชิกที่มีความน่ารัก
และปรารถนาดีต่อกัน ซึ่งช่วงนั้นเรามองว่าโลกแห่งนี้มันมีความจริงใจกันแค่ไหน?
หลังจากที่เข้ามาขโมยกลอนไป 1 บท (กลอนบทนั้นของพี่ราชิกา ไม่รุ้ว่าพี่เขาจำได้มั้ย?
ว่าเคยบอกไปแล้ว) ก็เข้ามาบ่อย ๆ แต่ไม่ได้สมัครสมาชิกหรอก มาอ่านอย่างเดียวเพราะชอบ
แต่เขียนไม่เป็น ก็อ่านให้ความทุกข์มันเบาบางในหัวใจ เพราะรู้สึกละมุนละไมดีจัง
เมื่อได้ไล้สายตาไปตามตัวอักษรแต่ละบรรทัด....
เกือบสองปีที่อ่านอย่างเดียว....
จากนั้นก็อยากเขียนเป็นบ้าง ก็สมัครสมาชิก และก็เป็นสมาชิกที่แย่มาก ๆ
มะกรูดทำผิดหลายอย่าง ผิดกด ผิดกติกาของที่นี่ หลายอย่าง... (อันนี้ผู้ดูแลระบบคงรู้)
สมัครสมาชิกครั้งแรกชื่อกิ่งไผ่ แต่ลืม password ไปแล้ว (พอมีทางได้คืนมามั้ยคะ ผู้ดูแลระบบ)
รู้สึกว่าที่นี่อบอุ่น สนุกสนาน และมีมิตรภาพที่งดงาม...
มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นที่นี่ ซึ่งสมาชิกเก่า ๆ คงรู้กันดี และเข้าใจกันดี
(ถ้าไม่เข้าใจกันดีก็อาจหาย ๆ ไป) เพราะหลากเรื่องราวที่เกิดขึ้น....
----------------------------------------------------------------------------------------------------
(ต่อจากกระทู้ ความคิดเห็น)
ตั้งแต่วันแรกที่รู้จัก http://www.thaipoem.com
มีโอกาสได้รู้จักมิตรภาพ ความรัก และความเจ็บปวด ที่หลากหลายเหลือเกิน
โลกโซเบอร์บางคนก็คิดว่าเป็นโลกเสมือนจริง ไม่มีใครจะจริงใจให้แก่กันสักเท่าไหร่
อันนี้มันก็จริงนะ เพราะในบ้านกลอนเชื่อมั้ย เคยเจอคนที่หลอกลวงสารพัดเลยล่ะ
และเจอคนที่จริงใจกับเราจริง ๆ ประสบการณ์มันมากมายเหลือเกิน สิ่งที่เกิดขึ้นเหรอ?
เสียใจนะ แต่ก็ต้องยิ้มรับมันแม้นว่าจะเจ็บปวดสักเท่าใด....
เริ่มต้นการเขียนกลอนนี้ไม่เพราะนะ (ปัจจุบันก็จับพลัดจับพลู ) เพราะเขียนไม่เป็นเลย
ได้ผู้ใหญ่ใจดีหลายท่านที่สอนและแนะนำการเขียนให้ ซาบซึ้งและระลึกถึงเสมอ
และเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ต่างให้กำลังใจในการเขียนในช่วงเวลานั้น
ทุก ๆ คน คงมีความสุขสนุกสนาน และมีแต่มิตรภาพงาม เต็มบ้านกลอนไทย...
เราต่างได้เพื่อน ได้กำลังใจ ได้รับความอุ่นใจ จากเพื่อน ๆ สมาชิก ณ บ้านแห่งนี้
อยากบอกความนัยเปิดใจรัก thaipoem.com
http://www.thaipoem.com...
ทำให้มะกรูดมีกำลังใจ และคลายความเศร้าหมองในจิตใจได้อย่างปาฏิหารย์
http://www.thaipoem.com
ทำให้มะกรูดรู้จักความรัก และรู้จักการให้ และรักใคร ใคร คนอื่นเป็น
http://www.thaipoem.com
ทำให้มะกรูดผิดหวัง จากการคาดหวังจากใครบาง คนบางใคร เหล่านั้น
http://www.thaipoem.com
ทำให้มะกรูดได้รับมิตรภาพงาม ความจริงใจ ที่ปรารถนาดีที่มอบให้ซึ่งกัน
V
V
V
V
และสุดท้าย
http://www.thaipoem.com
ทำให้มะกรูดเสียตังค์ 5 5 5 ล้อเล้ง.....
I Love http://www.thaipoem.com เท่านี้แร่ะค่ะ
แต่ว่า....เง้อ อ อ ....อ
จากนี้คงไม่ได้เข้ามาแล้ว "กรุณาอย่าลืมฉัน" คนเรามีเรื่องราวมากมายใช่มั้ยค่ะ
ต้องมีสิ่งที่เลือก และยอมรับ เพื่อก้าวต่อสู้ไปในวังวนของวัฏจักรการดำรงชีพ
ความอยู่รอดของมนุษย์ ขึ้นอยู่กับตัวเอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครเราจำเป็นต้องเลือก
แมงกุ๊ดจี่ก็ต้องเลือกทางเดินสำหรับต้อง และยอมรับเพื่อปล่อยวาง ปลดปล่อย
เรื่องราวต่าง ๆ ให้ผ่านไป และแก้ไขมันด้วยสติปัญญา.....
ได้โปรดอย่าลืมฉัน....
ตอนนี้มะกรูดเหนื่อย เหนื่อยเหลือเกิน...
ขอหลบไปเพื่อค้นหาตัวเองสักพัก ตั้งหลักได้แล้วจะกลับมาใหม่....
เพื่อน ๆ http://www.thaipoem.com คงไม่ลืมกัน มะกรูดมั่นใจ
บางอย่างต้องการเวลาเพื่อค้นหา อาจช้า อาจเร็ว หรืออาจหาไม่เจอ
ทางออกคงมีให้เราก้าวเดิน......
รักษาใจหายดีแล้วจะมาหา ฉันสัญญา....
--------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอให้ทุกคนมีความสุข
มิตรภาพงามล้ำ ซาบซึ่งจิต
ขอบคุณ มิตรภาพงาม จากหัวใจงามทุกดวง
--------------------------------------------------------------------------------------------------
ปล่อยวางเว้น...เลิกละ...เพื่อสะสาง
เรื่องทุกอย่างเว้นวรรคตั้งหลักใหม่
พร้อมพินิจ...รู้คิดตรอง...ลองแก้ไข
คิดครวญใคร่ฝ่าฟัน *ด้วยปัญญา*
ปล่อยวางเว้น...เรื่องราวสิ่งร้าวราน
ให้พ้นผ่าน....เลยล่วง....อย่าห่วงหา
มองปัญหารอบคอบคิด *พิจารณา*
มั่นศัทธา....แห่งหัวใจ....ก้าวไปต่อ
ปล่อยวางเว้น...ทุกสิ่งแล้วนิ่งเฉย
เรื่องใดเคย....ทำผิด....อย่าคิดท้อ
บอกเตือนตน....ทำให้ดีเท่านี้พอ
เพื่อสิ่งรอ....คืออนาคตอันงดงาม
ปล่อยวางเว้น...ความทุกข์ที่จุกอก
อย่าสะทกสะท้านหากใครหยาม
รู้จักข่ม...เตือนตนไว้...ในทุกยาม
ให้คอยปราม...ความคิดใช้จิตตรอง...
ปล่อยวางเว้น...หยุดถือ...หรือยึดติด
ปลดดวงจิตต์...ของตนที่หม่นหมอง
ดำเนินชีพ....เรียบง่ายปลายครรลอง
เพียงประคอง....ดวงจินต์ถึงสิ้นลม...
17 ตุลาคม 2550 07:56 น.
แมงกุ๊ดจี่
เสียงลมพัดพลิ้วมาเป็นระลอกริ้ว
ส่งผลทำให้กิ่งไม้ ใบไม้ปลิวอยู่ไหว ไหว...
แต่เหตุใด หัวใจจึงไหวตามการเคลื่อนไหวของใบไม้...
ดึกสงัดแล้ว แต่ทำไม ? ดวงตาจึงแข็งทื่อไม่ยอมปิดลงเลย...
ฉันนั่งรับลมอยู่ระเบียงหลังบ้าน....
นั่งอยู่เป็นนานแล้ว ตั้งแต่หัวค่ำจนดึกดื่น...
คอยเหม่อมองดูดวงตะวันยอแสง จนกระทั่งลาลับไปไร้สิ้นแสง
ก้มซบหน้ากับเข่า ท่านั่งชันขึ้นบนเก้าอี้โยก ตัวโปรดของพ่อ...
ผ่านไปอีกแล้วหนึ่งวันอีกไม่นาน"พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว" ฉันบอกตัวเองพรึมพรำอย่างเบา
เร็วจังอีกไม่นานก็จวนจะสิ้นปีแล้ว "ตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม" จะพ้นไป
นั่งทอดถอนลมหายใจหลายรอบแล้ว แต่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังวิตกกังวลกับสิ่งใดหนอ?
ฤดูกาลผ่านผันเร็วบ้าง ช้าบ้าง บางครั้งก็ไม่รู้สึกเลยว่ามันผ่านพ้นไป ถึงไหน ไหน.
ฉันเงยหน้ามองท้องฟ้า...
ฟ้าสวยดี ฤดูกาลนี้ น้ำค้างกำลังเริ่มลงอากาศเย็นวาบกระทบผิวยามลมโชยมาแต่ละที
เสียงเพลงที่เปิดไว้คลอแว่วมาตามสายลม เหงาดีแท้ บรรยากาศนี้บทเพลงก็ช่างเหลือ
ช่างบังเอิญเล่น ถึงเพลงที่เข้ากับบรรยากาศแท้....
"ผ่านลมหนาว จะกี่คราวก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีใครให้ใจอุ่น
อยากจะหา คนที่ทำให้ใจสมดุลย์ แต่ไม่เคยสมหวังสักที... "
ลมหนาววาบหวิว น้ำค้างก็หนาววูบวาบแท้ แต่อารมณ์นี้ไม่เห็นกลัวเป็นไข้สักนิดเลย
ฟังเพลงแล้วทำให้คิดย้อนกลับไป เมื่ออดีต เจ็บร้าวหนาวเหน็บแบบสะใจไร้คำตอบ
ความปวดร้าวบวกกับอากาศเย็นทำให้สะท้อนผิวกายร้าวไปถึงหัวใจเชียว เง้อความรัก
ทำให้คิดถึงประโยคหนึ่งที่เคยเห็นบ่อย ๆ ในหน้าเว็ป "อารมณ์คนในอารมณ์เพลง"
มันก็จริงนะคน "เหงาได้ขนาดนี้เชียว อารมณ์คนอ่อนไหว"
"ใกล้หน้าหนาวทุกครั้ง ไม่มีคนคอยคิดถึง
อยากมีใครให้รัก ให้ซึ้ง เหมือนคนอื่นเขา
ใกล้หน้าหนาวทุกครั้ง คล้ายฤดูกาลยิ่งเหงา
ต้องทนหนาวกับใจที่เหงา คนเดียวอย่างเดิม... "
อากาศแบบนี้ บรรยายเหงา ๆ มองดาวบนฟ้าก็พอทำให้ผ่อนคลายได้บ้างในรู้สึก
"ความคิดถึงเกิดขึ้นเมื่อคิดถึง" ทำให้คิดถึงประโยคนี้จัง อารมณ์เหงารุมเร้ายกใหญ่
หัวใจสั่นคลอน ปลดล่องลอยไป ตามลมหนาวที่พัดพลิ้ว ลิ้วล้อกับน้ำค้างกลางหาว
บนฟ้าดวงดาวสวยงามฟ้าเปิดปลอดโปรงดีจัง ระยิบระยับแวววาวแสงดาวพราวเต็มฟ้า
"ลมหนาวมาเมื่อใด ใจฉันคงยิ่งเหงา
คืนวันที่มันเหน็บหนาว ไม่รู้จะทนได้นานเท่าไร
ลมหนาวมาเมื่อใด กลัวฉันกลัวขาดใจ เพราะหัวใจ
ที่มันอ่อนไหว ไม่เคยได้รักจากใคร เสียที... "
แม่จ๋า.....
บางเสี้ยวอารมณ์ ยากจะข่มให้ความแปรปรวนในอารมณ์คงดังเดิมเช่นปกติยากจริง
นานแล้วที่ไม่ออกมารับบรรยากาศแบบลูกทุ่ง ๆ บ้านนาของบรรยากาศที่จิตสำนึกนั้น
คอยโหยหาอยู่เสมอ ๆ แต่ไม่ค่อยได้มาสัมผัสกับบรรยากาศนี้สักเท่าไหร่ เนิ่นนาน...
เนิ่นนานมาก จนทนอาการร่ำร้องของหัวใจตัวเองไม่ไหว...
หมอกควันคละคลุ้งมันรู้สึกเย็นวาบแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย ฉันลืมหายใจหรือ ?
ก็ไม่นิ แต่ในรู้สึกเหมือนฉันไม่ได้หายใจ ไม่มีการสูบลมเข้าปอดและไม่รู้สึกว่า...
ผายลมออกจากปอด รู้สึกตัวเบาสบายคล้ายล่องลอยอยู่กลางอากาศ ฉันมองรอบตัว
เห็นแต่ควันสีขาว แต่สักพักเริ่มจาง ๆ กลายเป็นสว่างจ้า...
"แหลม...แหลม " ฉันรู้สึกตกใจและระคนดีใจที่ได้ยินเสียงคุ้นเคยที่ดังมาจากด้านหลัง
ฉันรีบหันหลังกลับไปดู เพราะคนที่จะเรียกฉันมีแค่สองคน มีแม่ และพ่อ เท่านั้น
ภาพที่ปรากฏตรงหน้านั้นทำฉันยิ้มดีใจ นั้นแม่นี่นา วันนี้แม่สวยจังแม่ใส่ผ้าซิ่นไหมแท้
สีเม็ดมะขามเป็นไหมมัดหมี่ที่ท่านทอเองกับมือ และใส่เสื้อผ้าหางกระรอกสีออกน้ำตาล
ที่พี่สาวซื้อผ้าฝากจากกรุงเทพ ฯ แล้วนำไปตัดเป็นเสื้อให้เข้าชุดกับผ้าซิ่นไหมแท้ของแม่
ท่านสวยมาก หน้าตาผ่องใส ผิวพรรณดูผุดผาด แววตาแจ่มใส ยิ้มอบอุ่นให้ฉันแต่ไกล
"แหลม แหลม " ได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลังทำฉันสะดุ้ง นี่มันเสียงพ่อนี่นา เง้อ..อ..อ
ฉันทำหน้าตางัวเงีย ค่อย ๆ หรี่ตาข้างนึ่ง อ้าวสว่างจ้าแล้วนี่หว่า เง้อ.อ..อ พ่อเปิดไฟ
"บ่ย่านติ มานั่งหยังอยู่หนี่ โอโต๋นิเนาะ" เสียงพ่อเอ็ดดังก่อนเดินไปเปิดหลอดไฟอีกดวง
"ฟืนไฟกะบ่เปิดน้อ อยู่คนเดียวกะ บ่ย่านหยังเนาะ" คำพูดของพ่อทำให้ฉันนึกขึ้นได้
ว่าตัวเองนั่งตั้งหัวค่ำจนดึกดื่นแล้วก็เผลอหลับไป....
"ฮาดดดดด เช๊ย.ย..ย...ย " คัดจมูกจริงวุ้ยส์....
"เปนได๋ เปนไข่คั๊กบาดนิ ใหย๋ปานนิกะบ่จักความเนาะ" เสียงพี่แกบ่น ๆ เง้อ.อ..อ
ฉันไม่มีข้อโต้แย้งใด ใด เพราะตัวเองก็ผิดจริง โตขนาดนี้แล้วยังมานั่งตากน้ำค้างอยู่อีก
มิหน่ำซ้ำ นั่งตากลมจนมือซีดเลย หวัดรับประทานละคร๊าบบบบทั่น...
ฉันนั่งมองสังเกตอาการกริยาของพ่ออยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกับท่านได้แต่มอง
"ไป๋แมะไปนอน ยังมานั่งหยังอยู่หนี่ " แล้วท่านก็เดินไปปิดหลอดไฟ ที่อยู่ด้านใต้ถุน
แล้วเปิดไว้แต่ระเบียงหลังบ้าน ฉันเข้าไปในบ้านแบบไม่มีอาการขัดเคือง ให้ท่านว่าต่อ
"หายากินซะเด้อ."เสียงพี่แกตะโกนสั่งตามมาจากข้างหลัง ฉันเองไม่ได้หันกลับไปมอง..
ฉันงอนพ่อมานานแล้ว มันได้หลายเดือนแล้ว...
มันมีวันหยุดติดกันหลายวัน จึงออกมาเปลี่ยนบรรยากาศที่บ้าน มันเป็นครั้งแรกเลยล่ะ
ในรอบหลายเดือน ฉันไม่เคยโผล่หัวมาเลย พ่อให้พี่สาวโทร.ตามก็ไม่ยอมออกไปหา
แต่ท่านก็รู้ว่าฉันเป็นคนที่ได้อุปนิสัยของท่านมากที่สุดในจำนวนลูกทั้งหมด ฉันถอดมา
ถอดแบบพิมพ์เดียวกับท่านเลยเชียว ซึ่งท่านก็รู้ว่าฉันดื้อ รั้น เลี้ยงยาก และนิสัยเด็ดขาด
กว่าใคร ๆ ซึ่งมากกว่าพี่ชายของฉันเสียอีก...
เดินเข้ามาถึงห้องนอนทำให้นึกถึงสิ่งที่กึ่งฝัน กึ่งตื่นก่อนนี้...
แม่คงดีใจ ที่ฉันกลับมาบ้าน ฉันคงบาปไม่น้อยที่ทำตัวแบบนี้ แต่ทำไงได้ล่ะเน้อ...
ก็คนเรามันมีเหตุผลนี่นา แม่ก็รู้นี่....ว่าพ่อเป็นไง เง้อ.อ..อ...อ ไม่วายแก้ตัวแล้วตรู
แต่ฉันก็ไม่ลืมสัญญา ที่รับปากกับแม่ไว้หรอกหน่า... ก็ฉันยังโทร.ถามข่าวคราวของพ่อ
กับพี่สาวประจำ ๆ เพียงแต่ไม่ได้ออกมาพบปะหน้าเท่านั้นเอง...
แม่จ๋า...
หนูจะไม่ลืมสัญญา...
----------------------------------------------------------------------------------------------
สัญญาณลมหนาวอีกครา "ตุลาคม"
ถึงคราวขม...เมื่อเข้าสู่...ฤดูหนาว
คนเดียวดายหนาวเหน็บเร้นเจ็บร้าว
เมื่อทุกคราว...ยังคงเป็นเช่นผ่านมา...
----------------------------------------------------------------------------------------------