12 มิถุนายน 2550 19:05 น.
แมงกุ๊ดจี่
มาหลอกล่อพอเพ้อแล้วเธอจาก
ที่พร่ำฝากเพียงล้อเล่นเป็นเรื่องขำ
แกล้งหว่านล้อมเผลอไผลใจถลำ
เหมือนมาย้ำ...แผลเป็น...เซ่นรักลวง...
เพียงสนุกสุขสันต์เรื่องหรรษา
คงเห็นว่าด้านชาใจใบกลวง
ไร้รู้สึก รู้สา ไร้ค่าห่วง
ใจหนึ่งดวง...หรือวัตถุ...บรรจุวาง...
โปรดรับรู้หัวใจใช่ของเล่น
จะคอยเซ่นอารมณ์ระทมคว้าง
เพื่อคลายความเหงาเศร้าไปพลาง
คราเหงาจาง...กลับกรอกบอกขอลา
โปรด"อย่า"ย้ำแผลเป็นเพื่อเซ่นรัก
คนอกหัก...เข็ดขยาด...หวาดผวา
หากถูกทิ้งเจ็บแปลบจนแทบบ้า
โปรดเมตา...อย่าหมายทำร้ายเลย...
10 มิถุนายน 2550 16:14 น.
แมงกุ๊ดจี่
ลมพัดพลิ้วหวาบหวิวระริ้วไหว
อุ่นละไม...ลึกล้ำกำซาบทรวง
มากมายรายล้อมพร้อมด้วยห่วง
สิ่งทั้งปวง...คือรู้สึกส่วนลึกใจ...
ที่ตรงนี้...มีมากหลากสำแดง
มิเคยแฝงแกล้งฝืนหยิบยื่นให้
ด้วยถ้อยคำล้ำค่ามากกว่าใด
เรืองไสว...ด้วยจิตมิตรไมตรี...
ที่ตรงนี้...มากพร้อมรายล้อมรัก
พึงประจักษ์...ร่วมทางหว่างวิถี
มีมากหลายเพื่อนผองและน้องพี่
เหล่ากวี...รังสรรค์...ประพันธ์กลอน...
ที่ตรงนี้...มีความรักสมัครสมาน
ร่วมสืบสาน...อนุรักษ์ในอักษร
มอบความรัก ห่วงใย ใจอาทร
นำบทกลอน...เป็นสื่อ...ยื้อไมตรี...
8 มิถุนายน 2550 16:56 น.
แมงกุ๊ดจี่
ม่านสายหมอกหลอกตาอย่างบางเบา
คล้ายเลือนเงา...ความรัก...ถักสานฝัน
สัญญาณเหมือนเลือนร้างห่างสัมพันธ์
กาลแปรผัน...หมุนเวียนแปรเปลี่ยนไป...
เปรียบเหมือนมีกำแพงดั่งแกล้งขวาง
หรือใครวาง...เว้นช่อง...ต้องละไว้
ฝันได้เคียงเพียงภาพ...ตราบสิ้นไขย
มิอาจใกล้...ร่วมฝัน...ดั่งสัญญา....
หมอกคลีคลายบางเบาพบเงารัก
เห็นประจักษ์...ความจริง...สิ่งค้นหา
เหมือนซ่อนเร้นเป็นภาพที่ฉาบทา
กาลผ่านมา...กระจ่างใสในห้วงจินต์...
ได้โปรดเถิด!บรรเจิดเกิดรักหวาน
ขอก้าวผ่านเข้าใกล้...ใจถวิล
อยากพบรักสดใส ในดวงวิญญ์
ก่อนจักสิ้น...ลมปราณ...วิญญาณดับ...
3 มิถุนายน 2550 15:51 น.
แมงกุ๊ดจี่
รูปนี้มอบแด่พี่ฤกษ์ คริ ๆ
นิทราฝันฟุ้งเฟื่อง ณ เมืองแมน
เปรียบดั่งแดนโชติช่วงสรวงสวรรค์
เหมือนดั่งวิมานสราญรื่นชื่นชีวัน
แสนสุขสันต์...บ้านกองโตมโหฬาร... นี่คือวิมานของแมงกุ๊ดจี่ ฮี่ ๆๆ
ด้วยรายล้อมพร้อมพรั่งดั่งญาติมิตร
แนบสนิท...ด้วยรัก...สมัครสมาน
คอยเกื้อกูลยามตรมดั่งลมปราณ
มิหักหาญ...ช้ำเติม...เพิ่มทุกข์ตรม... พี่ ๆ เค้าไม่เหมือนตะเองหร๊อก
หลงรักแมงขี้ควายหรือชายชีกอ
งามลออ..จนเอ่ยบอกออกปากชม
เหมือนอุตพิดกลิ่นหอมอยากดอมดม
กลิ่นอาจม...ลอยคลุ้ง...จรุงใจ.... เอิ๊ก ๆ คงชอบกลิ่นละสิถึงตามมา
ชื่นชอบกลิ่นเหม็นแล้วใยแจวหนี
วางท่าที...แกล้งพร่ำ...ทำสาไถย
บอกน้ำท่วมล้นหลากจึงจากไป
หลุดเร็วไว...จากบ่อ...พ่อลีลา... กะว่าจะจับทำปลาร้าซะหน่อย...
ดอกอุตพิด
ลักษณะพืช พืชล้มลุกที่มีหัวใต้ดิน
เจริญงอกงามและออกดอกในฤดูฝน
ใบกลมโตปลายแหลม แต่มีส่วนเว้าลึกทำให้คล้ายกับ
แบ่งใบออกเป็นสามส่วน ก้านใบยาว ดอกออกจากโคน
เป็นสีม่วงแกมน้ำตาลกลิ่นเหม็นคล้ายอาจม เวลาบานยามเย็น
ส่วนที่เป็นพิษ ลำต้น
สารพิษและสารเคมีอื่นๆ calcium oxalate
การเกิดพิษ ถ้ารับประทานเข้าไปจะเกิดอาการไหม้
ที่เพดานปาก ลิ้นและคอ กล่องเสียงจะบวมการเปล่งเสียงจะผิดปกติ
อาเจียน ท้องเสีย
ข้อมูลประกอบ : http://www.thairath.co.th/news.php?section=agriculture03&content=47371
28 พฤษภาคม 2550 10:48 น.
แมงกุ๊ดจี่
คงไม่มี สิทธิ์อันใด เพื่อได้ดั่ง
มิคิดหวัง คือสิ่งใด ใคร่สนอง
แม้วันนี้ จะเจ็บแปลบ ยามแอบมอง
มิอาจครอง...ฝืนไขว้คว้า...ได้มาชม...
หาเหตุผล อยากจะจบ ให้ลบเลือน
หวังแกะเงื่อน ในรอยคำ ทำระทม
วันเวลา มันผันผ่าน หวานเป็นขม
สัมพันธ์ล่ม ข่มเจ็บปวด รวดร้าวทรวง...
เหมือนก่อนนั้น ลุ่มหลงเห็น เป็นภาพฝัน
เพียงพบกัน ยามหลับไหล ในบางห้วง
ฝันกลางวัน เพ้อเรื่องจริง และสิ่งลวง
ทั้งที่กลวง ไร้ก้อนเนื้อ เพื่อรักใคร...
มิอาจโทษ คิดโกรธเคือง เรื่องเจ็บร้าว
หากคิดสาว ความเป็นมา เหมือนสาไถย
เพราะตัวเอง อ่อนหัดจะ ระวังภัย
จึงหลงไหล ติดวังวน บนไซเบอร์...
ความทรงจำ อยู่ภายใน ใช่หวาดหวั่น
ยังตามฝัน คอยขีดเขียน เพียรเสนอ
เรื่องของใจ ปล่อยไปใน โลกไซเบอร์
เพียงอาจเผลอ หลงเพ้อพร่ำ ร้องคร่ำครวญ...