20 ธันวาคม 2552 20:13 น.
แมงกุ๊ดจี่
แหงนมองดาวพราวฟ้านภากว้าง
ใจเคว้งคว้างมองดาวพราวสดใส
อ้อนคำรักฝากคิดถึงอีกหนึ่งใคร
แม้ห่างไกลฟ้าปลายยังหมายรอ...
เงียบสงัดดึกดื่นค่อนคืนเหงา
เสียงเพลงเบาอ้อนฝากแค่อยากขอ
หวังเพียงให้บุรุษหนึ่งได้ซึ้งพอ
สำเนียงคลอบรรเลงบทเพลงส่ง...
"อธิษฐาน" วอนดาว ณ ราวฟ้า
ฝากดาราทอแสงแห่งประสงค์
สื่อความหมายจากใจไปย้ำลง
"รักมั่นคง" มิคลายแห่งสายใย...
ถึงเนิ่นนานก็พร้อมจะยอมรับ
แม้นานนับ "สิบปี" ที่ขานไข
มอบรักมั่นประดับสำหรับใจ
นานเท่าใดคงมั่นตราบวันวาย...
แหงนมองฟ้ายามดึกรู้สึกร้าว
ฝากดวงดาวไปอ้อนคงผ่อนคลาย
แม้ทางเลือกอาจมากฟังหลากหลาย
ด้วยใจหมายอยากเคียงเพียงหนึ่งเดียว...
2 ธันวาคม 2552 01:07 น.
แมงกุ๊ดจี่
นิ่งทบทวนปล่อยใจครวญใคร่คิด
"เรามีสิทธิ์ครอบครองห้องใจหรือ"
"หลากรู้สึก"ถ้อยความติดตามตื้อ
ทุกอย่างคือ? "รักจริง" หรือ "อิงนัย"
อาจบางครั้ง...พลั้งเผลอละเมอร่ำ
ดวงจินต์คร่ำครวญหาพาอ่อนไหว
ราตรีร้าวหนาวเหน็บเจ็บทรวงใน
สุดขานไขบอกเล่าความเศร้าตรม
จึงปลดปล่อยความคิดพินิจตรอง
ใช้สมองพิเคราะห์อย่างเหมาะสม
หลายเหตุผล...เงื่อนไขในอารมณ์
พิศคำพรมจากใคร "คนไกล" กัน
คิดครวญใคร่มีสิทธิ์เพียง "คิดถึง"
เกินคว้าดึงครองเคียงได้ "เพียงฝัน"
คอยพร่ำเพ้อฝ่ายเดียวอยากเกี่ยวพัน
ทุกสิ่งนั้น...เหมือนต่างยิ่งห่างไกล
อาจบางครั้งเหมือนใกล้แต่ไกลห่าง
เหมือนเส้นทาง....ขนานเกินขานไข
รักเราห่างเท่าเดิม...ยากเพิ่มไหม่
หรือเผื่อใครแทรกกลางระหว่างเรา
11 พฤศจิกายน 2552 09:08 น.
แมงกุ๊ดจี่
เพราะอักษรย้อนรอยใจคอยหลง
หยาดรดลง...บาดใจ...ให้มีแผล
เจ็บปวดร้าวหวาดหวั่นรักผันแปร
ถ้อยแน่วแน่...แท้จริงคือสิ่งลวง...
วันวารผ่านทุกอย่างกระจ่างจิต
คราเมื่อพิษความรักลามลุกล่วง
แสนสาหัส...แทบแย่ในแดดวง
ร้าวหนักหน่วงเพราะพจน์หยาดรดมา...
จดหมายอ้อนก่อนคบจะลบทิ้ง
รักไม่จริง...เข็ดขยาดหวาดผวา
รอยพจน์คราจำเนียรเพียรส่งหา
แค่อักษรา...เพลิดเพลินคงเกินพอ...
รอยสวาทขาดลงสิ้นคงมั่น
รักผูกพันเลือนหายกลายงอนง้อ
ปิดฉากรักห่างไกลหัวใจขอ
ยากสานต่อมาคบจบบริบูรณ์....
31 ตุลาคม 2552 18:15 น.
แมงกุ๊ดจี่
ยังเหลือเพียงรอยจางเพราะห่างไกล
นานเท่าไหร่คอยเคียงแต่เพียงหนึ่ง
ความผูกพัน...ทรงค่าอย่างตราตรึง
นัยคำนึง...พร้อมเคียงเพียงหนึ่งชาย...
บนวิถี...ก้าวไปแม้นไหวหวั่น
บ้างโศกศัลย์บ้างเหงายามเปล่าดาย
เพียงผินมองดาวเดือนก็เลือนหาย
ได้ผ่อนคลาย "คิดถึง" ซึ่งบางใคร...
เดียวดายเหงาเจ็บหนาวคราวถวิล
ปล่อยดวงจินต์ปลิดปลิวลอยลิ่วไหว
ลมหนาวพลิ้วพัดโชยก็โหยไห้
อยากอยู่ใกล้...อิงกายแต่ชายเดียว...
เหลือหนึ่งใครเดินตามรอยความหลัง
เกินข้ามฝั่งความเหงาอันเปล่าเปลี่ยว
มิคลอนแคลนทรงจำย้ำแน่นเหนียว
ดุจเชือกเกลียว...ผูกพันอย่างมั่นคง...
ก็ตระหนัก...รักเป็น...เส้นขนาน
ถูกเพรงกาลแบ่งคั้นกั้นประสงค์
สักวันหนึ่ง "จำหยุด" สิ้นสุดลง
จินต์ดำรง...ตราบสิ้นดวงวิญญาณ....
23 ตุลาคม 2552 01:01 น.
แมงกุ๊ดจี่
คือความเหงาชั่วคราวเปรียบราวฝัน
คล้ายสัมพันธ์ลางเลือนจึงเลือนหาย
แค่บางครั้งแรงอ่อนเพียงผ่อนคลาย
แท้เปล่าดายปลายทางระหว่างเรา...
คนสองคนเพียงพบแล้วลบเลือน
ผ่านวันคืนเสมือนกลบเกลื่อนเหงา
ปล่อยหัวใจดับกระหายระบายเศร้า
ร่วมบรรเทาปลอบประโลมเร้าโรมใจ
ผ่านแล้วเลย...อย่าย้อนอาวรณ์ถึง
"รักหวานซึ้ง" นิยามความอ่อนไหว
ข้อตกลงแสนเสรีไม่มีใจ
รักมิเป็นของใครในความจริง...