11 พฤศจิกายน 2550 11:35 น.
แทนคุณแทนไท
เธอมองดูดวงดาวอันเลื่อนลอยของฉันอย่างสงสัย พลางถามฉันว่า ฉันกำลังฝันถึงอะไร
ฉันบอกเธอว่า ฉันเพียงแต่นึกถึงเรื่องราวบางสิ่งบางอย่างที่ผ่านไปในชีวิต ฉันหาได้ฝันไม่
เธอส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวว่า สิ่งที่ฉันบอกว่าไม่นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันฝัน
ฉันหัวเราะและบอกเธอว่า ถ้าเช่นนั้นฉันก็คงจะได้ฝันมาแล้วตลอดเวลา
ฉันฝันถึงสิ่งทีอาจเป็นไปได้และอาจเป็นไปไม่ได้
ฉันฝันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วและยังไม่เคยเกิดขึ้น
ความฝันนั้นเป็นภาพนิมิตอันบรรเจิดแจ่มและน่าสะพรึงกลัว
เราฝันเมื่อหลับและฝันเมื่อตื่น ฝันกลางคืนและฝันกลางวัน
และแล้วความฝันนั้นก็สูญสลายไปในฝุ่นของสีและธุลีของแสง
ฉันฝันถึงสิ่งที่ธรรมดาที่สุด
ฝันถึงทุ่งนากว้างที่อร่ามไปด้วยสีทองของรวงข้าว
ฝันถึงตรอกซอกที่คร่ำคร่าไปด้วยสีดำของความโสโครก
ฝันถึงเรือกสวนที่ชอุ่มไปด้วยสีของใบไม้
และฝันถึงตึกใหญ่ที่ดื่มด่ำอยู่ด้วยสีแดงแห่งกิเลศ
ฉันฝันถึงสิ่งแปลกประหลาดที่สุด
ฝันถึงสรวงสวรรค์ที่งดงามไปด้วยรูลักษณ์ของเทพบุตรและเทพธิดา
ฝันถึงซากศพที่กลับผุดขึ้นสร้างความอัปลักษณ์ให้มนุษย์
ฝันถึงเรือโล้ทองที่แล่นไปในท้องทะเลลึกและลอยขึ้นสู่สรวงสวรรค์ท่ามกลางเสียงขับกล่อมอันเริงใจ
และฝันถึงมวลผีนรกที่จับระบำทำเพลงอยู่รอบกระทะน้ำมันอันเดือดพล่าน
ฉันฝันถึงความหวังของมนุษย์
ฝันถึงมนุษย์คู่แรกผู้ท้านรกและสวรรค์เพื่อสร้างโลกขึ้นมาให้อยู่ในหว่างกลาง
ฝันถึงสิ่งมีชีวิตคู่แรกที่สามารถแพร่พันธุ์ขันแข่งกับมนุษย์ จนมนุษย์ไม่อาจเทียบทันได้ในเรื่องเผ่าพันธุ์
ฝันถึงภาษาพูดครั้งแรกที่มนุษย์รู้จักใช้ปากให้เป็นประโยชน์ต่างหากไปจากการกิน
ฝันถึงภาษาเขียนครั้งแรกที่มนุษย์รู้จักใช้มือให้เป็นประโยชน์ต่างหากไปจากการทำลาย
ฉันฝันถึงความก้าวหน้าของมนุษย์
ฝันถึงมนุษย์คู่แรกที่สามารถเหาะเหินไปตามดวงดาวต่างๆเพื่อขยายพันธุ์ของตัวเอง
ฝันถึงการสู้รบระหว่างโลกต่อโลกซึ่งมีอยู่ดาระดาษไปทั่วจักรวาล
ฝันถึงสัตว์คู่แรกที่สามารถพูดภาษามนุษย์และเริ่มเป็นสัตว์ตรูที่น่ากลัวที่สุด แทนที่จะเป็นมนุษย์ต่อมนุษย์
และฝันถึงพระผู้เป็นใหญ่ในสากลจักวาลที่ลอยเด่นอยู่กลางเวหาสในวาระสุดท้ายของชีวิตทั้งมวล
เราอาจฝันไปได้ต่างๆนานา
ความฝันอาจจะสดชื่น ความฝันอาจจะขื่นขม
แต่เราก็เคยได้ฝันแล้ว และยังจะต้องฝันต่อไป
เธอพยักหน้าอย่างแย้มยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า ความฝันนั้นคือชีวิต
สิ่งที่เกิดขึ้นแก่ตัวเราไม่ได้อยู่คงที่ มันผ่านไป และผ่านไปโดยที่เราไม่สามารถจะเก็บมันไว้กับตัวเองได้
เมื่อวันใหม่มาถึง วันเก่าก็ผ่านไป
เช่นเดียวกับที่เราฝัน เมื่อเราลืมตาขึ้น ความฝันก็หายไป
ฉันไม่เห็นด้วย
เธอจึงถามว่า ถ้าเช่นนั้น ชีวิตคืออะไร
เมื่อเราก่อกองไฟขึ้น และปล่อยให้มันลุกโรจน์จนกระทั่งมอดดับ สิ่งที่เหลืออยู่คือถ่านเถ้า
เมื่อเราโค่นต้นไม้ลง และเลื่อยมันออกเป็นแผ่นๆ สิ่งที่ตกค้างอยู่คือขี้เลื่อย
เมื่อเราทำลายภูเขาลง สิ่งที่ปรากฏขึ้นก็คือที่ราบ
เมื่อเราปล่อยเวลาให้ผ่านไป สิ่งที่เรายังคงจดจำได้เสมอก็คือความหลัง
ความฝันคือสิ่งที่เกิดขึ้นและดับลงโดยไม่มีอะไรที่หลงเหลืออยู่
แต่ชีวิต-เมื่อเกิดขึ้นและดับลงแล้ว ย่อมจะต้องมีสิ่งที่คงเหลืออยู่
ไม่ว่าใครนั้นจะเลวหรือดี
ไม่ว่าใครนั้นจะมีหรือจน
เขาย่อมจะต้องมีสิ่งที่คงเหลืออยู่ทุกคน จะทนนานเพียงไหนนั่นย่อมแต่กรรมที่เขาประกอบไว้
เธออ้ำอึ้งไปครู่หนึ่งจึงถามว่า
สิ่งทีคงเหลืออยู่ของมนุษย์คืออะไร
ฉันยิ้มแย้มแจ่มใสเมื่อพาเธอไปหยุดยืนต่อหน้าพระบรมรูปทรงม้า
ฉันชี้ให้เธอดูพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
และบอกเธอว่า นั่นแหละคือสิ่งที่คงเหลืออยู่
เมื่อเราฝันนั้น พอเราตื่นขึ้น ความฝันก็หายไป
แต่ในชีวิตจริง แม้ยามที่เราหลับไปแล้วชั่วนิรันดร์ สิ่งที่เราได้ทำเอาไว้ก็ยังจะคงอยู่ และจะอยู่ตลอดไป
นั่นคือความจริง