19 พฤศจิกายน 2547 12:50 น.

จดหมายวันพักร้อน

แทนคุณแทนไท

วันจันทร์~~ 

...ที่นี่แดดแรงอีกตามเคย และก็ค่อย ๆ แรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อล่วงเข้าบ่าย ๆ กว่าจะซาก็ใกล้มืดพอดี ถ้าอยู่ในอาคารบ้านเรือนก็ไม่เท่าไร เพราะถึงแดดจะค่อนข้างร้อนแต่อากาศโดยรวมถือว่าปรกติ แต่ถ้าออกไปโดนแดดแห้ง ๆ แบบเดี๋ยวนี้คงจะร้อน ๆ แสบ ๆ เอาเรื่องอยู่ ช่วงนี้ก็อ่านหนังสือนั่นนี่ไปเรื่อยเหมือนเดิมแหละ พรุ่งนี้จะมีสอบกฎหมายอีกครั้ง แต่วันนี้แทบจะไม่ได้อ่านเนื้อหาอะไรที่จะต้องสอบสักเท่าไหร่เลย มีแต่พลิกตัวอย่างข้อสอบอ่านไปบ้างเรื่อย ๆ แล้วก็หันไปอ่านหนังสืออื่น ๆ ที่อ่านอยู่เป็นประจำ เขียนอะไรต่ออะไรบ้าง ทำงานบ้างสลับ ๆ กันไป 
				
30 ตุลาคม 2547 13:58 น.

รสชาติของความรัก

แทนคุณแทนไท

เขาเจอเธอในงานเลี้ยงแห่งนึง
เธอดูโดดเด่นมาก
และมีคนมากมายรุมล้อมเธอ
ในขณะที่เขาดูเป็นผู้ชายธรรมดาคนนึง
ไม่มีใครใส่ใจเขาเลย

และหลังงานเลี้ยงเลิก
เขาได้มีโอกาสชวนเธอไปทานกาแฟต่อ
เธอประหลาดใจมาก
แต่ท่าทีที่สุภาพของเขา ทำให้เธอตอบตกลง


พวกเขานั่งในร้านกาแฟดีๆ แห่งนึง
เขาดูประหม่าจนพูดอะไรไม่ออก
เธอรู้สึกอึดอัดมาก
จนคิดในใจว่า
ได้โปรดให้ฉันกลับบ้านเหอะ

แต่ทันใดนั้น.....

เขาถามบ๋อยว่า ขอเกลือป่นได้ไหม
อยากเอามาใส่ในกาแฟ
ทุกคนในร้านหันมาจ้องเขาด้วยความประหลาดใจ
เขาอายจนต้องก้มหน้า
แต่ก็ยังเติมเกลือลงในกาแฟ และก็ดื่มมันเสียด้วย

ทำให้เธอต้องถามเขาอย่างอดไม่ได้ว่า
ทำไมชอบกาแฟรสชาติแบบนี้
เขาตอบว่า เมื่อเขายังเด็ก
บ้านเกิดเขาอยู่ริมทะเล
เขาเป็นลูกน้ำเค็ม
เล่นกับทะเลทุกวัน เคยชินกับรสเค็มของเกลือ
เหมือนกับรสชาติของกาแฟเค็ม
เพราะฉะนั้นเมื่อทุกครั้งที่เขาได้ลิ้มรสกาแฟเค็มๆ
เขาก็จะคิดถึงวัยเด็ก
คิดถึงบ้านเกิด
เขาคิดถึงพ่อแม่ทียังอยู่ที่นั่น


เขาเล่าไปก็น้ำตาไหลอาบแก้ม
เธอรู้สึกสงสารเขาจับใจ
นั่นเป็นความในใจลึกๆ ของเขา
ผู้ชายคนไหนที่กล้าบอกว่าเขาคิดถึงบ้าน
แสดงว่าเขาต้องรักครอบครัวอย่างมาก
และมีความรับผิดชอบต่อครอบครัว
ดังนั้นเธอก็เริ่มประทับใจในตัวเขา
เริ่มชวนเขาคุย
เล่าถึงบ้านเกิดของเธอบ้าง
ชีวิตในวัยเด็ก ครอบครัวของเธอ
เธอกับเขาคุยกันถูกคอมากขึ้นเรื่อยๆ
และจากการเริ่มต้นที่ดี
ทำให้เขากับเธอคืบหน้าความสัมพันธ์ต่อไป

จนที่สุด เธอก็ค้นพบว่า
เขาคือผู้ชายแบบที่เธอต้องการอย่างแท้จริง
เขาใจกว้าง อ่อนโยน อบอุ่น และดูแลเป็นอย่างดี
เขาเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ
แต่เธอเกือบจะมองข้ามเขาไป!
ต้องขอบคุณกาแฟแก้วนั้น
และชีวิตรักที่สวยงามเช่นนี้ ก็เหมือนดังเรื่องทั่วไป
เมื่อเธอตกลงใจแต่งงานกับเขา
และก็มีความสุขมาโดยตลอด....
โดยทุกๆ ครั้งที่เธอชงกาแฟให้กับเขา
เธอต้องใส่เกลือลงไปในกาแฟให้ทุกครั้งไป
เธอรู้ว่านี่เป็นกาแฟที่เขาชอบมากที่สุด


หลังจากนั้นอีก 40 ปี
เขาก็จากเธอไป
ทิ้งจดหมายไว้ให้เธอฉบับนึง
ข้างในมีใจความว่า

ที่รัก อภัยให้ผมด้วย
ที่ต้องโกหกคุณชั่วชีวิต
มีเรื่องเดียวเท่านั้นที่ผมโกหกคุณ เรื่องกาแฟเค็มนั่น
จำวันแรกที่เรามีนัดกันได้ไหม
ผมประหม่ามากในตอนนั้น
จริงๆ แล้วผมต้องการน้ำตาล แต่ผมพูดผิดเป็นขอเกลือ
ซึ่งมันยากที่จะกลับคำในตอนนั้น ผมจึงต้องปล่อยมันไป
ซึ่งผมไม่คิดว่า
นั่นจะทำให้เราได้เริ่มต้นการพูดคุยกัน
ผมพยายามที่จะสารภาพกับคุณหลายต่อหลายครั้ง
แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะสารภาพออกไป
ทำให้ผมสัญญากับตัวเองว่า
จะไม่โกหกอะไรคุณอีกแม้แต่ครั้งเดียว
ตอนนี้ผมจากไปแล้ว ผมไม่ต้องหวาดกลัวอะไรอีก
ดังนั้นจึงเล่าความจริงในจดหมายฉบับนี้


แท้จริงแล้วผมไม่ได้ชอบทานกาแฟรสเค็มเลยแม้แต่น้อย
มันรสชาติค่อนข้างแย่ทีเดียว
แต่ว่าผมทานมันตลอดทั้งชีวิตตั้งแต่ได้รู้จักคุณ
ผมไม่เคยนึกเสียใจในสิ่งที่ทำเพื่อคุณเลย

การได้พบคุณเป็นความสุขอันยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดชีวิตของผม
ถ้าผมได้มีโอกาสมีชีวิตอีกครั้ง
ผมก็ยังอยากจะได้พบคุณ
และมีคุณเป็นภรรยาผมอีกครั้งเช่นกัน
แม้ว่าผมจะต้องดื่มกาแฟรสเค็มอีกตลอดชีวิตก็ตาม!


น้ำตาของเธอหยดใส่กระดาษจดหมายจนเปียกชุ่ม
และหลังจากนั้น หากมีใครถามเธอ
กาแฟรสเติมเกลือรสชาติเป็นเช่นไร

เธอก็จะตอบเสมอว่า " มันหวาน "				
8 กันยายน 2547 10:40 น.

เหรียญในมือ

แทนคุณแทนไท

เคยได้ยินเรื่องอยู่เรื่องหนึ่ง... มีผู้ใหญ่เขาเล่นกับเด็ก 
ผู้ใหญ่กำเหรียญอยู่ในมือ แล้วถามเด็กว่าอยากรู้ไหม ในมือของ ท่านมีอะไร 
ถ้าอยากรู้ให้เขกพื้น 5 ที เด็กก็เขก แต่ผู้ใหญ่ก็ยังไม่ยอมบอก 
แล้วก็ถามอีกว่าอยากรู้จริงๆ ไหม ถ้าอยากรู้จริงๆ ให้เขกพื้นอีก 10 ที 
เด็กก็เขกอีกด้วยความอยากรู้ คราวนี้ผู้ใหญ่แบมือให้ดู 
เด็กก็ได้พบว่าเป็นแค่เหรียญธรรมดาเหรียญหนึ่งเท่า นั้น ต่อมาผู้ใหญ่กำมืออีก 
แล้วถามอีกเหมือนเดิมว่าอยากรู้ไหมว่ามือท่านมีอะไร คราวนี้เด็กไม่สนใจ 
ไม่อยากรู้แล้ว จริงๆ ก็ 
คือเมื่อเด็กได้รู้แล้วว่าในมือผู้ใหญ่เป็นแค่เหรียญธรรมดาเท่านั้น 
ไม่มีอะไรพิเศษเลย เขาก็เลยไม่สนใจอีก... 
นี่แหละ คนเราก็เป็นแบบนี้ ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา 
ไขว่คว้าเพื่อให้ได้รับรู้ เมื่อเราได้รู้แล้วว่ามันคืออะไร มันเป็น ยังไง 
เราก็ไม่สนใจมันอีก ถามว่าเหรียญในมือเปลี่ยนไปไหม 
ค่ามันน้อยลงไหม เปล่าเลย 
ค่าของมันเท่าเดิม ยังคงเป็น เหรียญๆเดิม ทั้งก่อนและหลังที่เราเห็น 
แต่ความรู้สึกของเราต่างหากล่ะที่เปลี่ยนไป 
ก็เป็นเพราะความรู้สึกที่เอื้อมไม่ถึงไปไม่ถึงนั่นแหละที่ทำให้เราเห็นคุณค่าของ 
สิ่งที่อยู่ไกล ต่อเมื่อได้สิ่งนั้นมาแล้ว ได้รู้จักแล้ว 
เราก็ไม่บางคนที่เราแอบประทับใจ หรือแอบปลื้มมานาน 
พอได้รู้จักพูดคุยกันแค่ไม่กี่คำก็รู้แล้วว่าคนนี้ไม่ใช่ คิดอะไรไม่ เหมือนกัน 
มองกันคนละด้าน...บรรดาคนของสังคม 
เป็นขวัญใจของคนมากมาย เพราะดูดี มีอารมณ์ขัน 

ทำให้ใครต่อใครพา กันปลื้มจนออกนอกหน้า 
แต่หากได้มานั่งจับเข่าคุยกันแล้ว 
ถ้าเขาไม่ได้มีความคิดหรือความเป็นตัวของตัวเองที่โดดเด่น เขาก็ 
แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ความคิดก็เหมือนคนอื่นๆ 
ความรู้สึกประทับใจในตอนแรกก็กลายเป็นเฉยๆไป... ในทางกลับกัน บางครั้ง 
กับคนที่เหมือนไม่มีอะไรน่าสนใจ หน้าตาธรรมดา มีชีวิตอย่างเรียบง่าย 
แต่แค่ได้คุยกันครั้งเดียว กลับรู้สึกดี รู้สึกว่า คนนี้มีอะไรไม่ธรรมดา 
เริ่มรู้สึกว่าน่าสนใจ และอยากเจอเขาอีกเรื่อยๆ 
ความดีในตัวต่างหากที่สำคัญ 
เมื่อได้เรียนรู้กันและกันแล้ว ความน่ารัก ความมีน้ำใจ 
ความเสียสละต่างหากที่จะทำ ให้ไม่รู้จักเบื่อ 
สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่ทำให้อีกฝ่ายอยากค้นหา ติดตาม เห็นคุณค่า 
และไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไป ไม่ใช่เพียง รูปลักษณ์ภายนอก 
ที่เมื่อได้มาแล้วก็เท่านั้น เหมือนเดิม ไม่มีอะไรแปลกใหม่ 
ไม่มีอะไรให้น่าที่จะรัก น่าที่จะค้นหาอีก 
ในความเป็นจริงแล้ว
คนเราอาจจะได้เจอสิ่งที่อยู่ในมือที่แตกต่างกันออกไป 
บางครั้งเราอาจได้พบเพชรแท้ และ เรียนรู้ค่าซึ่งไม่มีวันสิ้นสุดของมัน 
หรืออาจได้เจอเหรียญสลึงที่ไม่มีคุณค่ามากมายให้ค้นหา 
หรือเจอเพียงมือที่กำความว่าง เปล่าไว้ภายใน... 
แต่ในบางครั้งเราอาจจะพลาด 
ไม่รู้จักแม้คุณค่าของเพชรที่เราได้เห็น 
หรือเห็นว่าเหรียญสลึงในมือนั้นมีคุณ 
ค่าเกินกว่าที่มันเป็น ในชีวิตหนึ่งของคนเราสามารถปิ๊งคนได้หลายคน 
ประทับใจใครได้หลายหน แต่จะมีสักกี่คนที่ใช่ ที่ตรงกับเรา ไม่ 
มีใครสามารถบอกได้ว่าในชีวิตจะได้พบกับคนที่ "ใช่เลย" ไหม
บางครั้งเราอาจกำลังแอบปลื้มคนๆหนึ่งที่เราเพิ่งได้รู้จัก 
อยากคุยอยากเจอหน้าตลอดเวลา แต่พอเจอปัญหา มีเรื่องอยากเล่า 
เรากลับรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนที่เราต้องการ เรากลับเลือกที่จะ 
คุยกับคนอีกคนที่เราสนิทมานาน 
เพราะความรู้สึกมันบอกเองว่าคนๆนี้แหละ
ถึงจะเป็นคนที่เราสามารถคุยได้ทุกเรื่อง 
เข้าใจ เรา เขา...ก็ยังคงเป็นเขาอย่างที่แล้วๆมา ไม่มีอะไรหวือหวา 
ทุกอย่างเป็นของมันอย่างนี้มานานจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา จน 
ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เราต้องการจริงๆ 
แปลกคนที่ใกล้ชิดกับเราที่สุดมักถูกมองข้ามไปเสมอ

ยิ้มซิก่อนอ่านต่อ

เคยได้ยินไหมที่ผู้ใหญ่มักจะบอกว่าถ้าจะรักใคร 
คิดจะแต่งงานกับใคร ถ้าเป็นผู้ชายให้นึกถึงตอนที่ผู้หญิงคนนั้นหน้า 
มันอยู่ในครัว นั่งเลี้ยงลูก ไม่ได้แต่งหน้า ไม่น่ามอง ถ้าเป็นผู้หญิง 
ให้นึกถึงตอนที่ผู้ชายคนนั้นหัวล้าน อ้วนพุงพลุ้ย นุ่ง กางเกงขาสั้นอยู่กับบ้าน 
ไม่หล่อไม่เท่อีกต่อไป เรารับได้ไหม 
เรายังจะรักเขาอยู่ไหมเพราะเมื่อถึงตอนนั้น 
ความสวยงาม ภายนอกจะค่อยๆ หมดไป 
ความรู้สึกเป็นพิเศษกับคนๆ นี้จะถูกความเคยชินเข้ามาแทนที่ 
แต่เราจะยังรักเขาอยู่ได้ก็ด้วยความดี 
ในตัวเขา ความเข้าใจ ความเอื้ออาทรต่อกัน 

มีคนเคยกล่าวไว้อีกว่าถ้าจะรักใครสักคน
ให้พยายามใช้สมองในอัตราที่ใกล้ๆ 
กับการใช้หัวใจ อย่ารักจนหลง อย่าให้ ความรักทำให้เราตาบอด 
ให้มองด้วยสายตาคนภายนอกซึ่งเป็นคนที่ปรารถนาดีต่อเรา 
ว่าเขามีความเห็นอย่างไร 
การปรึกษาผู้ ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนยังคงได้ผลดีอยู่เสมอ 
อย่าหลงคนที่ตอนจีบตอนเพิ่งคบกันเขามาคอยเอาใจ 
เพราะไม่มีใครทำอะไรโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนถ้าเราไม่รัก ไม่สนใจเขา 
ไม่เคยดีกับเขาเลย วันนี้เขาอาจยังอยู่กับเราและดีกับเรา 
แต่ถ้าวันหนึ่งเขาเจอคนที่ดีกับเขามากๆ อย่างที่เขาดีกับ เราในวันนี้ 
เขาจะยังทนเราอยู่ไหม... อย่าหลงคนที่วันนี้เขาอดทนกับเราเหลือเกิน 
เพราะความอดทนทุกคนมีขีดจำกัด
อย่าหลงคนที่ดีผิดปกติและทำกับเราอย่างคนพิเศษจนน่าใจหาย 
เพราะไม่มีใครทำอย่างนี้ในเราได้ตลอดเวลาไปตลอดชีวิตแต่ 
ให้เห็นค่าของคนที่ทำให้เรารู้สึกได้ว่าเขาพยายามและอยากจะทำอะไรให้เรา 
อย่างน้อยก็เกือบๆ เท่ากับที่เขาอยากทำให้ตัวเขา เอง
เพราะคนที่ให้เราได้ขนาดนี้หรือมากกว่านี้ก็คงมีแต่พ่อกับแม่เท่านั้น 
ถ้าได้เจอคนแบบนี้ อย่าปล่อยให้ผ่านไป และรู้ไว้
ด้วยว่าเราคือคนที่โชคดีที่สุดแล้ว 

ในบางครั้งเมื่อเรารอความรักเรากลับหามันไม่พบ 
แต่เมื่อเราไม่ต้องการมันกลับประดังเข้ามาจนตั้งตัวไม่ติด ดังคำที่ว่า 
Love is something, That can't be predicted, 
It comes as a surprise, when you least expect it. 

ไม่มีใครรู้หรอกว่าความรักที่แท้จริงจะมาถึงเมื่อไหร่ เราจะได้เจอคนๆ 
นั้นเมื่อไหร่ หรือคนๆ นี้ที่เจอจะใช่คนที่เรารอ ไหม 
บางคนอาจได้เจอคนๆนั้นตั้งแต่ยังเด็กเป็นเพื่อนเล่นกันมา 
ในขณะที่บางคนกลับใช้เวลารอคอยครึ่งค่อนชีวิตกว่าจะได้ เจอ 
บางคนคิดว่าใช่แน่นอนแล้ว แต่สุดท้ายกลับต้องแยกจากกัน 
บางคนรู้จักกันมานานไม่ได้คิดอะไรกลับได้ลงเอยกันในที่สุด
ความรักไม่ใช่เรื่องของการชั่งน้ำหนักว่าใครดีกว่าใคร 
แต่เป็นเรื่องของใครเหมาะสำหรับเรามากกว่า ความรักขึ้นอยู่กับ โอกาส เวลา 
สถานการณ์ ถ้าคนที่เหมาะสมก้าวเข้ามาในชีวิตเราในเวลาที่เหมาะสม เราพร้อม 
เขาพร้อม นั่นก็เป็นโชคของเรา เป็นสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในชีวิต 
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร คนๆนั้นจะต้องยอมเสียสละ ยอมปรับตัวให้เข้ากับเรา 
ทำเพื่อเรา ในขณะ เดียวกัน เราจะต้องเห็นค่าของเขามากพอที่เราจะเสียสละ 
และปรับตัวเพื่อเขาเช่นกัน 

คู่ของใครก็สำหรับคนนั้น ถ้าคนๆนี้ของเราเขาทำเพื่อเราทุกอย่าง 
ถึงเราจะไม่สวย ไม่หล่อ ไม่โดดเด่นกว่าใครๆ เขาก็ยังคงมองเราเพียงคนเดียว 
ปฏิบัติต่อเราอย่างเสมอต้นเสมอปลาย 
และทำให้เรารู้สึกว่าเรามีค่าสำหรับเขาซะเหลือเกิน.... 
ถึงตอนนั้นคนรอบข้างเราจะดี จะน่ารัก จะเป็นยังไงไม่สำคัญแล้ว 
ไม่ต้องพิจารณาแล้ว... เพราะถ้าเราได้เจอคนที่เหมาะสม ที่ เข้ากับเราได้ 
คนที่เราแน่ใจว่าเขามีค่าสำหรับเราจริงๆ 
เราก็ไม่จำเป็นต้องมองใครอีกแล้วในโลกนี้... 

ถ้าหากไม่เจอคนๆนั้น หรือไม่เจอคนที่เห็นค่าของเรา
ก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจ เพราะเรามีค่า 
และเราควรจะ รู้ว่าค่าของตัวเองมีมากเพียงใด..."เพชร" 
ไม่ว่าจะมีคนพบหรือไม่ก็ยังเป็นเพชร ธาตุแท้ของเพชรไม่เคยเปลี่ยน "เรา" 
ไม่ว่าจะ ได้เจอคนๆ นั้นหรือไม่ เราควรจะรู้ค่าของตนเอง เห็นค่าของตนเอง 
และรู้ด้วยว่าคุณค่าของเราไม่เคยเปลี่ยนไปเช่นกัน เหมือนเหรียญในมือ 
ไม่ว่าเราจะอยากดูหรือไม่ ผู้ใหญ่จะแบมือให้ดูหรือไม่ 
เหรียญก็ยังคงเป็นเหรียญๆ เดิม 
และค่าของมันก็ ไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิมเลย รู้สึกเป็นพิเศษอีก

ปลหัวใจผมผมว่าผมรู้นะอยู่ที่ใคร แหละรอรักที่หมายใจได้นิรันดร				
28 มิถุนายน 2547 14:05 น.

จดหมายใจ

แทนคุณแทนไท

พระจันทร์ที่ ๒๘ มิถุนาย์ ๔๗

เรียงร้อยที่กระทรงการค้า ประเทศไทย

ถึงคุณอันเป็นที่รัก.

ราตรีกาลนี้ที่ผมกำลังนิ่งนึกถึงคุณ คุณกำลังคำนึงนึกถึงใครอยู่น่ะคนดี *-*
จดหมายฉบับนี้อาจเป็นจดหมายฉบับแรกที่ผมส่งมาถึงคุณนับแต่วันที่เรากล่าวลากันอย่างเป็นทางการ 
ที่รักของผม (ขออภัยน่ะครับที่ผมอาจเอื้อมที่จะใช้คำนี้แด่คุณ เพราะจนเวลาล่วงมา ณ.บัดนี้ คุณยังเป็นหญิงอันเป็นที่รักของผมเสมอเสมอ แม้ถึงว่าสำหรับคุณ ผมเป็นเพียงเสี้ยวอดีตที่ผ่านพ้นไปหลายเพลาแล้วก็ตามที) 
ที่รักของผมวันนี้ในวันเวลาที่ความสำพันธ์เราได้สงบเงียบลงสิ้นแล้วเช่นนี้ 
ผมจึงได้กล้าที่จะส่งปรารถนาในหัวใจมาวางลงตรงหน้าคุณอีกสักครั้งหนึ่ง 
...
วันคืนที่ล่วงมาจนวันนี้ คุณสบายดีหรือไรที่รัก 
...
คุณอาจแปลกความรู้สึกที่ได้เห็นวลีแบบนี้จารึกผ่านถ้อยอักษรจากผมถึงคุณเป็นครั้งแรก 
ไม่แปลกหรอกที่รัก ที่ผมจะถามคุณด้วยวลีที่มิเคยถามคุณเลยสักครั้งเช่นจดหมายฉบับเก่าก่อนที่เคยสื่อส่งถึงคุณในกาลอดีตนั้น 
คงเป็นเพราะวันนี้ ทุกความคำนึงนึกยามเมื่อผมรู้สึกถึงคุณ ภาพแห่งความเป็นไปแห่งคุณ ช่างเลือนลางยิ่งที่รัก 
ผมจึงจะกล่าวแค่ปรารถนา ให้ชีวิตคุณงดงามอย่างเช่นที่ผ่านมา ก็หาทำให้ผ่อนความรู้สึกห่วงใยลงได้ไม่
...
คุณคงสบายดีน่ะที่รัก 
คงมีชิวิตที่งดงามดั่งที่คุณวาดหวัง สมปรารถนาดั่งที่คุณเลือกเป็น
...
				
Calendar
Lovers  2 คน เลิฟแทนคุณแทนไท
Lovings  แทนคุณแทนไท เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแทนคุณแทนไท
Lovings  แทนคุณแทนไท เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแทนคุณแทนไท