โครงการส่งต่อความรักและความหวัง ครั้งที่ ๑ สู่"กองทุนในสวนขวัญ จิรวรรณ แก้วพรหม" "เธอ..ไม่ได้หายไปไหน" จากวันนั้นถึงวันนี้..ที่ห่วงหา รับรู้ว่าเธอมิได้หายไปไหน ยังวนเวียนเพียรหมายสื่อสายใย ด้วยหัวใจที่ยึดถือสื่อถึงกัน จากวันนั้นถึงวันนี้..หลายปีผ่าน เธอทิ้งร่างร้างวิญญาณผ่านสวรรค์ จากด้วยรักลาด้วยจิตคิดผูกพัน โอ้อาลัยครั้งนั้นเหลือบรรเทา ถึงต่างภพต่างโลกวิโยคยิ่ง แต่ความจริงเหมือนยังยืนอยู่ที่เก่า ยังแข็งเข้มเต็มตามความเป็นเรา ยังทบเท่าทุกความในคำนึง ทุกส่วนเสี้ยวชีวิตเคยคิดร่วม ยังหลอมรวมงดงามให้ถามถึง สรรพสิ่งในเจตนายังตราตรึง อยู่เป็นหนึ่งทุกเส้นทางมิห่างไกล จากวันนั้นถึงวันนี้..ที่ห่วงหา รับรู้ว่าเธอมิได้หายไปไหน ยังวนเวียนเพียรหมายสื่อสายใย ยังส่งใจร่วมโศกสุขทุกอณู แม้มิเคยปรากฏกายให้มองเห็น ในเยียบเย็นตระหนักว่าเธอมาสู่ ทุกประสาทสัมผัสถนัดรู้ ด้วยเธออยู่กลางใจฉัน..มั่นคงแล้ว ! รัตนธาดา แก้วพรหม สำนักกวีน้อยเมืองนคร ๙ กันยายน ๒๕๕๒ แม้ดอกไม้จะราโรยและร่วงหล่น ขอดอกไม้ในใจคนอย่าเหือดแห้ง เป็นพลังเป็นศรัทธายามล้าแรง แตกแขนงแตกกอต่อต่อไป เพื่อสืบสานคุณธรรมอันสวยสด จรรโลงโลกให้งามงดสุขสดใส ขอดอกไม้ที่บานแล้วกลางดวงใจ มีแต่ให้กลิ่นหอมห้อมความดี มีแต่ให้กลิ่นหอมเพื่อมวลชน แทนคุณแทนไท ๒๖ เมษายน ๒๕๕๔ ข้าพเจ้าจะเริ่มต้นส่งมอบไมตรีจิตนี้อย่างไรดี ข้าพเจ้าพบกับตัวเองว่าทุกคนส่วนมากล้วนถามหาเหตุผลกลวิธี ในสิ่งที่พบเห็นและได้รับฟังเสมอๆ วันที่ข้าพเจ้าป่วยไข้อย่างไม่คาดหมาย และเฉียดเปิดประตูสวรรค์ไปสู่ประตูนรกนั้นข้าพเจ้ายังมีความมรู้สึกตกหล่นอีกมากโขวันเวลาที่ล่วงพ้นมิเคยรีรอและซ้ำโอกาสให้เราได้ทำสิ่งที่มัวแต่รีรอได้อีก เมษายน ๒๕๕๔ ข้าพเจ้าพักฟื้นกายธรรมชาติและจิตนิรันดร์ที่บ้านเกิด ซึ่งห้อมล้อมด้วยมหาทะเลและขุนเขาประการสำคัญอยู่ภายในอ้อมกอดของความรักของผู้ให้เลือดเนื้อ ให้ชีวิตเป็นคน ให้คนเป็นมนุษย์ และหล่อหลอมให้มนุษย์อย่างข้าพเจ้าเป็น แทนคุณแทนไท สุดแต่จิตใจใครจะคิดคำนึงถึงว่า แทนคุณแทนไท เป็นเช่นไร ระหว่างวันเวลาที่ล่วงเลยท่ามกลางพายุฝนที่พัดพาธรรมชาติ และสถาปัตยกรรมอันศิวิไลซ์ทั้งมวลพังเสียหายลงอย่างย่อยยับ ข้าพเจ้านึกเสียดายที่มิได้ให้ความเต็มกำลังสำหรับการช่วยเหลือเกื้อกูลเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ขณะหนึ่งข้าพเจ้านำพาตัวเองไปสู่เทือกเขาหลวงนครศรีธรรมราช ล่วงเลยไปพบปะและน้อมคาราวะพฤกษ์ไพร ณ บ้านคีรีวงษ์ หมู่บ้านแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ซึ่งได้รับการพัฒนาจากสมเด็จพระเทพฯ ทั่วทั้งนครศรีธรรมราชที่พบพาน เยือนเยี่ยม และแวะส่งมอบความรักให้เพื่อนผอง ข้าพเจ้าประจักษ์ใจแล้วว่า วันนี้ที่เราเห็นอาจเป็นวันสุดท้ายที่ได้พบกันก็เป็นได้ เมื่อล่วงพ้นเส้นทางสำรวจ และตรวจสอบความรัก เป้าหมายของข้าพเจ้าท้ายสุดอยู่ในสวนขวัญ ที่นั่นข้าพเจ้ามีเพียงแต่รับทราบและสัมผัสเพียงจินตนาการยามระลึกและนึกถึง ประการสำคัญข้าพเจ้าคิดถึงเพื่อนรักนาม จิราการ แก้วพรหม ลูกชายคนเดียวของสวนขวัญ ที่ทิ้งวิถีชีวิตชาวเกาะมาสานฝันของแม่ ผู้เป็นแม่พิมพ์ของชาติ และกวีผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งล่วงลับ เขาทำอะไรนะ? ข้าพเจ้าได้แต่ฉุกคิดอยู่ในจริตตัวเอง เพราะกายภาพของเขาข้าพเจ้าไม่ได้สัมผัสมานานกว่าสิบปีแล้ว ข้าพเจ้าหวังไปส่งความรักให้เขาก่อนจะลาจรกันจนมิรู้ว่าจะได้พบกันบนแผ่นดินไหนอีก บ่ายคล้อยพระอาทิตย์พร้อมจะลาฟ้าแล้วเมื่อข้าพเจ้าไปถึงที่สวนขวัญ จิราวรรณ แก้วพรหม ชายสูงวัยจ้องมองเก๋งคันงามบอกสัญชาติกรุงเทพมหานคร แบบนึกสงสัยอะไรบางประการ "ใครกันตัดกรุงเทพมหานครมานิ่งสนิทอยู่ในป่าดงนครศรีธรรมราชเช่นนี้" "สวัสดีครับ" ข้าพเจ้ายกมือไหว้ด้วยใจเคารพในโทนเสียงของคนบ้านเดียวกัน "ผมแวะมาหาจิรากานต์ครับ" ชายสูงวัยรับพยักหน้า พร้อมกับขึ้นเรือนไปเรียกลูกชายที่รักที่ผมถามถึงไม่นานกี่วินาทีที่รอพบ"เราก็ได้พบกันอีกครั้ง" เขาเชื้อเชิญให้ดื่มชา กาแฟในเรือนกิจกรรมซึ่งตั้งอยู่กลางสวนขวัญ ข้าพเจ้าลอยล่องเมื่อย่างเข้าไปในเรือนกิจกรรมนั้น หลงใหลทั้งบทกวีที่เคยคุ้นชินในวันเวลาที่ลาล่วง และมหัศจรรย์ในวรรณกรรม และบทกวีอีกมากมายประมาณห้ามความรู้สึกได้ พระอาทิตย์กำลังจะลาฟ้าไปทุกครา การเจรจาปราศัยระหว่างเพื่อนก็สั้นนัก ข้าพเจ้าได้แต่ส่งความปรารถนาดี คิดถึง และถามไถ่สาระความเป็นไปแต่มิได้ละเอียดละออนัก วันนี้ที่ทราบแต่เพียงว่า ที่รักของข้าพเจ้ากลับมาอยู่บ้าน สานฝันเจตนารมณ์แม่ในการสร้างสรรค์แผ่นดินของเขา ให้เป็นพื้นที่การเรียนรู้วรรณกรรม บทกวี การอนุรักษ์ การปกป้อง และการรักษาไว้ในทุกๆรูปแบบ ภายใต้กองทุนในสวนขวัญ จิราวรรณ แก้วพรหม(กองทุนเพื่อส่งเสริมและพัฒนาทักษะการอ่าน การคิด การเขียน งานวรรณกรรมของเยาวชน และกิจกรรมส่งเสริมภาษาไทย) เพื่อนซึ่งข้าพเจ้ารักกำลังสานฝันแม่ ร่วมกับชายสูงวัยและน้องสาวอีกคนของเขา แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็นได้คือ หลุมดำของทุนนิยม ซึ่งความเป็นศิลปินของเขามิอาจนำพาเจตนารมณ์ไปสู่เป้าหมายที่หวังวาดได้เต็มกำลัง อย่างน้อยทรัพย์ที่เราสมมุติที่สำคัญสิ่งหนึ่งคือเงิน ก็เป็นปัญหาและอุปสรรค ซึ่งขัดแย้งกับความเป็นศิลปินของเขาโดยสิ้นเชิง น้ำท่วมรอบนี้หนังสือในห้องหนังสือ ซึ่งเป็นหนึ่งในการเรียนรู้เสียหายไปพอสมควร นั่นเป็นสิ่งแรกที่ข้าพเจ้ารับทราบ และอีกประการสำนักพิมพ์ของเขาเองพิมพ์หนังสือวรรณกรรมและบทกวีขึ้นมาจำนวนหนึ่งชุดรวมทั้งสิ้นสองพันเล่ม ซึ่งยังมิได้นำไปเป็นเครื่องบรรณาการยังห้างร้านเพื่อแลกกลับมาพร้อมจำนวนเงินที่จะได้เพียงน้อยนิดจากราคาที่แสดงไว้ ซึ่งนี่ล่ะช่างขัดต่อวิสัยของเขาโดยสิ้นเชิง ผมถามเขาว่า "ขายได้บ้างหรือยัง" แต่ชายชราสูงวัยเป็นผู้ตอบ "ยังไม่ได้ขาย ทั้งที่พิมพ์มานานนักแล้ว" พระอาทิตย์ลาขอบฟ้าแล้ว น้องสาวผู้ทำหน้าที่นำพาข้าพเจ้าแวะส่งมอบความรักและความหวังส่งสัญญาณให้ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าคงต้องกล่าวคำลากันสักที เนื่องด้วยเรามีภาระที่สุราษฎร์ธานีในเวลาค่ำๆ วันนั้นข้าพเจ้าจากลาเพื่อนผู้ซึ่งข้าพเจ้าโหยหาจักพบเขาอยู่เสมอ ร่ำลาทั้งๆที่ยังไม่อิ่มความรู้สึกและมีบางอย่างที่ติดค้างอยู่ในใจ ........อาจหมายรวมถึงน้องสาวคนงามของเขาด้วย ข้าพเจ้าแค่คิดขำๆ.......... หลังจากลาจากกันยังไม่พ้นรอบสี่สิบแปดชั่วโมง ในจริตก็นึกและอยากพบเจอหน้าเขาผู้จากมาอีกครั้ง "ข้าพเจ้าประสงค์สิ่งใด" นั่นคือรู้สึกนึกคิดที่คงพยายามถามในตอนนั้น อาการป่วยไข้ยังไม่ใคร่ดีขึ้นเท่าใดนักแต่หัวใจข้าพเจ้าดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ข้าพเจ้าพยายามแย้มยิ้มและเริงร่า เพื่อคลายความเป็นห่วงของผู้ให้กำเนิดเพื่อจะเรียนให้ท่านทราบว่า ข้าพเจ้าจะกลับไปเยือนสวนขวัญอีกวัน มิมีข้อความใดขัดขวางปรารถนาแห่งข้าพเจ้า ด้วยท่านคงรู้ได้จากแววตาที่ยังไม่อิ่มสุขในวันที่จากลาเพื่อน และเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ข้าพเจ้าขับรถด้วยตนเองโดยมั่นใจว่าจะไม่เผลอไปจีบนางฟ้าในขณะขับรถเป็นแน่แท้ ถึงกระนั้นแม้มีแรงกระตุ้นเพียงไหน กว่าจะทำให้ร่างกายตื่นตัวพอที่จะออกจากบ้านได้เวลาก็ปาเข้าไปบ่ายคล้อยย่ำเย็นแล้วกับระยะทางหกสิบกิโลเมตร ....... ในรู้สึกนิกคิดเวลาเพียงสิบห้านาทีสวนขวัญคงถึงดังหวัง........ และเมื่อไปถึงอีกครั้งข้าพเจ้าพบน้องสาวคนงามของเพื่อนอยู่บนเรือนสอบได้ความว่า พี่ชายไปตัดผมในตลาดสักพักคงกลับมา แทนที่จะเป็นการโชคร้ายที่ยังไม่ได้พบ แต่นับเป็นความโชคดีในระหว่างรอได้เสพย์ธรรมชาติวรรณกรรมที่ทราบในภายหลังว่าเป็นสวนขวัญสวนหลากพรรณไม้ ในพื้นที่กว่าสิบไร่ แต่อาจด้วยเนื่องพรรณไม้ที่พบเห็นในสวนขวัญก็มิได้มีความแตกต่างกับพรรณไม้ที่ข้าพเจ้าคุ้นชิน อาจเนื่องด้วยเราเป็นคนพื้นถิ่นเดียวกัน ระหว่างรอข้าพเจ้าจึงจมปลักอยู่ในศาลาการเรียนรู้ที่มีหนังสือ วารสาร วรรณกรรม บทกวี และสิ่งควรค่าแก่การรับรู้เพื่อเก็บไว้ในรอยหยักของสมอง ทั้งที่ตั้งใจเรียนยังไร้ผล เกรดคงหล่นเพราะมัวคิดคณิตศาสตร์ คนจะดีจะเลวดังมุ่งมาด ใช่เป็นปราชญ์วิชานี้วิชาเดียว เป็นหนึ่งในบทกวีที่ข้าพเจ้าคุ้นชิน ซึ่งเพื่อนข้าพเจ้าประชดประชันไว้ได้อย่างน่าฟังในวัยเยาว์ ก่อนตามมาด้วยบทกวีพ่อสอนลูกซึ่งเขียนตอบความรู้สึกลูกชายไว้ได้อย่างน่าฟังเช่นกัน ทั้งนี้พ่อของเขาเขียนให้ลูกชาย โดยฉันทานุมัติของผู้เป็นแม่ซึ่งลงนามร่วมด้วยช่วยกันประมาณว่า เมื่อเรียนด้วยตั้งใจยังไร้ผล ต้องคิดค้นหาวิธีที่ข้องเกี่ยว ว่าเหตุใดจึงไร้ผลจนซีดเซียว จะยาเยียวได้ด้วยวิธีใด เกรดไม่หล่นถ้ามัวคิดคณิตศาสตร์ ส่วนที่ขาดอย่ายอมแพ้คิดแก้ไข ยิ่งไม่รู้ต้องยิ่งเรียนพากเพียรใจ ความยิ่งใหญ่อยู่ที่กล้าพยายาม คนจะดีเรืองรุ่งดั่งมุ่งมาด เมื่อไม่ขลาดไม่พ่ายแพ้แก่คำหยาม ต้องต่อสู้เอาชนะประกาศนาม อย่าเข็ดขามต้องแข็งเข้มให้เต็มตน ใช่แค่ปราชญ์วิชานี้วิชาเดียว ต้องข้องเกี่ยวทุกวิชาอย่าหมองหม่น วิชานี้ก็ต้องได้ให้ยินยล เพื่อเป็นผลที่เกิดเลิศทุกทาง พ่อเชื่อว่าลูกของพ่อก็ทำได้ ถ้าลูกนั้นตั้งใจไม่เหินห่าง ทั้งเลือดพ่อทั้งใจแม่ที่วาดวาง อยู่ในเรือนอยู่ในร่างของลูกแล้ว คนอื่นอื่นก็ใช่ว่าจะเก่งกาจ ลูกสามารถกว่าใครใครที่ในแถว คนเขาเห็นเขารู้อยู่ทุกแนว ต่างหวานแว่วชื่นชมนิยมกัน ฯลฯ จากพ่อและแม่ของลูก ๑๑ ธันวาคม ๒๕๓๗ นอกจากบทกวีที่หลากหลาย และหนังสือหลายเล่มที่ข้าพเจ้าหยิบจับมาเสพเก็บไว้ในรอยหยักของสมอง ข้าพเจ้าแลเห็นร่องรอยของกิจกรรมอื่นๆในสวนแห่งการเรียนรู้ สะดุดตากับธงสีเขียวอ่อน ข้อความต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน และป้ายชื่อ"ชมรมกวีน้อยเมืองนคร" ระหว่างเวลาผ่านไปนานพอควรแต่ไม่นานเกินจะรอ ข้าพเจ้าก็พบเขาอีกครั้งกับทรงผมซึ่งใครก็ออกแบบไม่ได้ ตอนตะวันกำลังจะลาฟ้าไปแล้ว เพื่อนคงไม่ถามเพื่อนว่า จะมาทำไมอีก หรือว่ามาด้วยความประสงค์ใด ด้วยเพราะในใจทราบแต่เพียงว่าเราคงยังไม่อิ่มเอมในการพบเจอกัน การสนทนาปราศัยเริ่มขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ข้าพเจ้าได้พบว่าที่แห่งนี้ไม่กี่วันก่อนเป็นศูนย์รวมรองรับผู้ประสบภัยธรรมชาติพายุฝนและน้ำท่วม ศูนย์รวมของอาสาสมัครช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในการจัดเสบียง ลำเลียงความรัก และความหวังไปยังเพื่อนมนุษย์ที่ติดค้างอยู่บนหุบเขา ที่แม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้มีเครื่องมือศิวิไลซ์ล้ำก็ไร้ความสามารถใดที่จะเข้าถึง หุบเขาหลวงกรุงชิง นครศรีธรรมราช นี่คือลานสนทนาในค่ำนี้ ข้าพเจ้าได้แต่ถามว่าวันเวลาที่ล่วงพ้นที่รักได้ทำอะไรบ้าง และก็ได้แต่เพลิดเพลินฟังสิ่งที่เขาอรรถและอธิบายให้ฟัง มีทั้งการเดินเท้าวันละมากกว่าแปดกิโลเมตร การช่วยเหลือเกื้อกูลเพื่อนบ้าน การสอนเด็ก อ่านและเขียนหนังสือ เขียนวรรณกรรม เขียนบทกวี สอนการเรียนรู้การอนุรักษ์ธรรมชาติ และเป็นหนึ่งในผู้นำทางความคิดในการนำข้อมูลไปชี้แจงให้ประชาชนในพื้นถิ่นรับมือกับโรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงไฟฟ้าซึ่งหน่วยงานข้ามชาติใช้คนไทยบางจำพวกมาพร่ำบอกซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า มีความคุ้มค่าและเหมาะสม แตกต่างจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะอย่างสิ้นเชิง ธงเขียวคือสัญลักษณ์ของการต่อสู้นี่เอง ผมคิด และปัจจุบันชาวบ้านลงนามกว่าหมื่น โดยให้ผู้นำในชุมชนและตัวแทนของชาวบ้านในทุกระดับลงนามให้สัตยาบันร่วมกันว่าจะปฏิบัติการพัฒนาในสิ่งที่มิได้ทำลายวิถีชุมชน การถามไถ่ สุข เศร้า ประสาเพื่อนทำให้วันเวลาล่วงเลยเข้ามาใกล้เที่ยงคืนเต็มที พิลึกนักชายหนุ่มรูปงามนั่งคุยกันโดยมีเพียงน้ำชา กาแฟ น้ำร้อน และยาใบจาก เป็นเครื่องเคียงเท่านั้น คงถึงเวลาที่จะได้ลากันจริงๆและอาจได้พบกันใหม่ เมื่อได้พบกันอีกไม่วว่าเมื่อใด แผ่นดินไหน เสียดายจริงๆที่มิอาจค้างแรมที่นั่น แม้น้องสาวของเขาจะงามเหลือเกิน เพราะข้าพเจ้ารู้ถึงความเป็นห่วงของคนที่บ้าน ซึ่งโทรหาทุกสิบนาที ข้าพเจ้าจำใจจากลาสวนขวัญโดยมิได้กล่าวคำลาชายชรา เพราะท่านได้ไปปฏิบัติหน้าที่บางประการเพื่อชุมชน ซึ่งข้าพเจ้ายังไม่กระจ่างแจ้งว่าคืออะไร เสียงเขาก่อนจากผมจำได้ว่า "แล้วพบกันใหม่" และส่งความรักให้ข้าพเจ้าด้วยถ้อยคำให้ใช้ความระมัดระวังในการขับรถ ซึ่งได้แต่ก็ตอบขอบคุณ และเย้าว่าจะใช้ความเร็วเท่าใดคงบอกไม่ได้ เพราะข้าพเจ้ามาที่นี่ด้วยความรู้สึก และจากที่นี่ไปด้วยความรู้สึก (แต่ยนตรกรรมของญี่ปุ่นข้าพเจ้าคงไม่อาจหาญขับรถเกิน ๒๔๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ขณะขับรถกลับบ้าน ข้าพเจ้าได้พูดคุยกับสหายคนหนึ่ง โดยมินึกพิศวาสใดมากกว่าให้เธอนำพาข้าพเจ้ากลับถึงบ้านโดยไม่ล่องลอยหนีไปจีบนางฟ้าเสียก่อน ข้าพเจ้าจึงได้แต่นึกขอบคุณ(ฝนที่หล่นมาจากฟ้า) เช้านั้นตื่นขึ้นมา ข้าพเจ้าพบประสงค์บางประการที่นำพาให้ข้าพเจ้าไปเยือนสวนขวัญถึงสองรอบ ข้าพเจ้ามิรู้ว่าชายชรากับลูกชายผู้ไม่ได้ทำงานในระบบทุนนิยม และน้องสาวของเขาอีกคนจะใช้ทรัพย์ใดมาส่งต่อเจตนารมย์กองทุนในสวนขวัญของเมียและแม่ และกิจกรรมทางสังคมอีกมากมายในพื้นที่ที่เขาทำ ข้าพเจ้าตัดสินใจแล้ว... วันนี้ข้าพเจ้ามีกองทุนส่งต่อความรัก และความหวัง และจะส่งต่อไปยังกองทุนในสวนขวัญ โดยช่วยกำจัดข้อจำกัดของเขาเหล่านั้น เพราะความเป็นศิลปิน ข้าพเจ้าคิดไม่ออกว่าเขาและเธอจะเอื้อนเอ่ยขออะไรจากใครได้ ตัวอย่างที่ปรากฎชัดคือ มิสามารถเปลี่ยนจริตแม้กระทั่งการนำหนังสือดีๆออกมาวางจำหน่าย และนี่คือวรรณกรรมและบทกวีสองเล่มที่เขียนไว้โดยผู้ที่จากไป ซึ่งพ่อและลูกได้รวบรวมและจะตีพิมพ์ตามความประสงค์ของแม่ประกอบด้วย วรรณกรรมเรื่องสั้นเรื่อง "สิ่งที่เหลืออยู่" ๑เล่ม และกวีนิพนธ์เรื่อง"อย่าร้องไห้"อีกหนึ่งเล่ม พี่ผองน้องเพื่อนท่านใดปรารถนาจะส่งต่อความรักและความหวังไปด้วยกัน โปรดลงชื่อแจ้งความประสงค์ซื้อหนังสือหรือซื้อเจตนารมณ์ในราคา ๑๕๐ บาทต่อเล่ม ด้วยความเคารพในมิตรไมตรี ปล.โปรดสั่งจองและโอนเงินให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๔ และจะจัดสรรจำนวนเงินส่งต่อความหวังและความรักไปยังกองทุนในสวนขวัญ จิรวรรณ แก้วพรหม โดยมีรายชื่อผู้สนับสนุนกองทุนแนบ ทั้งนี้ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาหลักฐานการโอนเงินของท่าน สุดแล้วแต่ความกรุณา ปล. ๒ ในความปรารถส่วนตน หวังวาดจะกระจายวรรณกรรรมของอันทรงคุณค่า ซึ่งได้บันทึกบอกเล่าความรู้สึกไว้ตั้งแต่ปี ๒๕๑๗ สัก ๑,๐๐๐ เล่ม ภายใน ๒๐ พฤษภาคม นี่คือความหวังวาดจากเพื่อนถึงเพื่อน (ด้วยใจคารวะ) ข้อมูลเพิ่มเติม (๑) ว่าด้วย..ในสวนขวัญ จิรวรรณ แก้วพรหม ว่าด้วย... ในสวนขวัญ จิรวรรณ แก้วพรหม ร่มรื่นโดยธรรมชาติ ภาษาวรรณกรรม ความงามความดีและวิถีไทย เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ อาจารย์จิรวรรณ แก้วพรหมและครอบครัวได้ร่วมตั้งเจตนาว่า...... บ้านกลางสวนบนพื้นที่ประมาณ ๑๐ ไร่ จะปลูกต้นไม้นานาพรรณให้ร่มรื่น เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ตามธรรมชาติของเด็กๆ และผู้ที่สนใจการคิดการเขียนสร้างสรรค์งานวรรณกรรม โดยจัดกิจกรรมง่ายๆ ที่นัดหมายเด็กๆกลุ่มเล็กๆมาทำกิจกรรมทางภาษาและวรรณกรรมร่วมกันในวันหยุดเรียน มีเพื่อนพ้องน้องพี่นักเขียนนักกลอนแวะเวียนมาช่วยกันเป็นวิทยากร รวมทั้งเป็นแหล่งชุมนุมของผู้สนใจงานวรรณกรรมที่จะมาทำกิจกรรมร่วมกัน เช่นเดียวกับที่เคยเป็นสถานที่ชุมนุมและก่อเกิด ชมรมดอกไม้นครศรีธรรมราช และ กลุ่มนาคร มาแล้วในอดีต เพื่อเป็นการสนองเจตนารมณ์ดังกล่าว ครอบครัวและญาติมิตรจึงได้กำหนดเปิดบ้านสวนเป็นแหล่งเรียนรู้ขึ้น ตั้งแต่ในโอกาสงานบำเพ็ญกุศลครบ ๑๐๐ วัน อาจารย์จิรวรรณ แก้วพรหม เมื่อวันเสาร์ที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ โดยตั้งชื่อสวนให้เป็นที่รำลึกถึงว่า ในสวนขวัญ จิรวรรณ แก้วพรหม (ชื่อ ในสวนขวัญ จิรวรรณ แก้วพรหม นั้น มาจากชื่อหนังสือรวมเรื่องสั้นสั้นสำหรับเด็กของอาจารย์จิรวรรณเล่มหนึ่ง คือ ในสวนขวัญ ซึ่งพิมพ์เผยแพร่มาก่อนหน้านี้ จึงนำมาตั้งเป็นชื่อสวนให้เป็นที่รำลึกถึงและสนองเจตนารมณ์) สถานที่ตั้งของ ในสวนขวัญ จิรวรรณ แก้วพรหม อยู่ในบริเวณบ้านเลขที่ ๗/๑ ถนนพ่อเฒ่าผู้ใหญ่อ้น สุรพจน์ หมู่ที่ ๔ ตำบล ท่าขึ้น อำเภอ ท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ติดทางหลวงสายนครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี ช่วงหลักกิโลเมตรที่ ๑๑๗-๑๑๘ หมายเลขโทรศัพท์ ๐๗๕-๕๒๑๕๙๙ และ ๐๘๑ ๖๐๖๘๘๕๓ กองทุนในสวนขวัญ จิรวรรณ แก้วพรหม เป็นกองทุนที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาทักษะการอ่าน การคิด การเขียนงานวรรณกรรมของเยาวชน สนับสนุนการจัดกิจกรรมทางด้านภาษาไทย วรรณกรรม ศิลปวัฒนธรรมและกิจกรรมพัฒนาสังคม ทั้งที่จัดโดย ในสวนขวัญฯ เอง และจัดร่วมกับองค์กรอื่นๆ ที่มาของกองทุนฯ จากการร่วมก่อตั้งของครอบครัว ญาติมิตรและท่านที่เคารพนับถือ รวมทั้งการจัดหารายได้อื่นๆ เช่น การบริจาคสมทบ การจัดจำหน่ายหนังสือ เป็นต้น โดยมีตัวแทนของญาติมิตรและท่านที่เคารพนับถือเป็นกรรมการ บริหารกองทุนฯ บ้านหนังสือ ครูแต๋ว เป็นห้องสมุดที่ญาติมิตรร่วมกันจัดตั้งขึ้นเป็นที่ระลึกในวาระครบรอบ ๑ ปี แห่งการจากลาสู่สุคตินิรันดร์ของอาจารย์จิรวรรณ แก้วพรหม ผู้เป็นครูบรรณารักษ์ซึ่งทุ่มเทอุทิศตนอีกคนหนึ่ง เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๑ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชน และเป็นแหล่งในการศึกษาค้นคว้าของเยาวชน ครูอาจารย์และบุคคลทั่วไปที่เข้ามาร่วมกิจกรรม ณ ในสวนขวัญฯ เรือนสัมมนาในสวนขวัญ เป็นสถานที่ชุมนุมทำกิจกรรม ทั้งในส่วนที่เป็นอาคารประชุม ร่มไม้ชายสวน พื้นบ้านลานทราย เพื่อรองรับการจัดกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งเป็นสถานที่ค้างพักแรมของกิจกรรมค่ายสร้างสรรค์ เริ่มดำเนินการและเปิดใช้ตั้งแต่วันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๓ กรอบความคิดของกิจกรรมการเรียนรู้ ในสวนขวัญ จิรวรรณ แก้วพรหม เรียนรู้ ฝึกฝนพัฒนาทักษะทางด้านภาษา วรรณกรรม ศิลปวัฒนธรรม เรียนรู้ท่ามกลางวิถีแห่งธรรมชาติ ร่มไม้ชายสวน อบอวลด้วยแมกไม้นานาพรรณ เรียนรู้พัฒนาทักษะชีวิต การอยู่ร่วมอย่างกัลยาณมิตร รับผิดชอบตนเอง เอื้ออาทรกันและกัน เรียนรู้วิธีคิด พัฒนาศักยภาพตนเองอย่างมั่นคงยั่งยืนตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เรียนรู้คุณค่าชีวิตและสังคมแห่งการพึ่งพิง เรียบง่ายและอบอุ่น ในวิถีไทยและวิถีธรรม องค์ประกอบสนับสนุนกิจกรรมการเรียนรู้ สถานที่กลางสวนในเนื้อที่ประมาณ ๑๐ ไร่ เป็นสัดส่วน มีความเป็นส่วนตัวและร่มรื่นเป็นธรรมชาติ บ้านหนังสือครูแต๋ว เป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาค้นคว้า ส่งเสริมพัฒนานิสัยรักการอ่าน การเขียน การคิดเชิงสร้างสรรค์ เรือนสัมมนาในสวนขวัญ เป็นสถานที่ชุมนุมทำกิจกรรม ทั้งในส่วนที่เป็นอาคารประชุม ร่มไม้ชายสวน พื้นบ้านลานทราย เพื่อรองรับการจัดกิจกรรมต่างๆ ศิลปินและผู้ใหญ่ในแวดวงภาษา วรรณกรรม ศิลปวัฒนธรรม เป็นที่ปรึกษาและแวะเวียนมาเยี่ยมเยียน คณะวิทยากรผู้มีประสบการณ์และทุ่มเทอุทิศตนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะ คณะวิทยากรด้านกิจกรรมค่ายสร้างสรรค์ ดนตรีบันเทิงผ่อนคลาย พัฒนาเสริมสร้างสุขภาวะอย่างมืออาชีพ คณะทำงานสนับสนุนด้านสถานที่ อาหารและอื่นๆ อย่างเจ้าของบ้านดูแลลูกหลานเครือญาติ การเดินทางสู่ ในสวนขวัญ จิรวรรณ แก้วพรหม จากนครศรีธรรมราช เดินทางตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๑ ตอน ท่าศาลา-สิชล เลยจากตัวอำเภอท่าศาลา ๗ กม. ตั้งอยู่ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ ๑๑๗-๑๑๘ (ก่อนถึงปั๊มน้ำมัน ปตท. ๑๐๐ เมตร) เห็นป้าย ถนนพ่อเฒ่า ผู้ใหญ่อ้น สุรพจน์ ด้านซ้ายมือ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนพ่อเฒ่าฯ เพียง ๕๐ เมตร ก็ถึงแล้ว ในสวนขวัญ จิรวรรณ แก้วพรหม ขอต้อนรับญาติมิตรด้วยความยินดียิ่ง (๒) โครงการกวีน้อยเมืองนคร ความเป็นมา มีแนวคิดพื้นฐานจากนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ที่มุ่งเน้นให้นักเรียนมีทักษะทางภาษาไทย ตระหนักในคุณค่าอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น และส่งเสริมความเป็นเลิศทางภาษาไทยแก่นักเรียน ในขณะเดียวกันจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางศิลป วัฒนธรรมและภาษา เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น เมืองนักปราชญ์เมืองเจ้าบทเจ้ากลอน มาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันจนเป็นมรดกและเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่โดดเด่นของจังหวัด เพื่อสนองตอบต่อนโยบายของหน่วยงานต้นสังกัดและสนองตอบต่อการสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมดังกล่าวจึงก่อเกิดโครงการกวีน้อยเมืองนครขึ้นตั้งแต่ครั้ง สำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดนครศรีธรรมราชเมื่อ ปี พ.ศ.๒๕๔๕ และต่อเนื่องมาโดยสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษานครศรีธรรมราชเขต๔ เป็นเจ้าภาพสืบต่อ แต่ยังคงพื้นที่การสนับสนุนส่งเสริมครอบคลุมทั่วทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราชโดยได้ประสานความร่วมมือสนับสนุนการดำเนินงาน โครงการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ โครงการอาศรมวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ สำนักศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครศรีธรรมราชทุกเขต วัตถุประสงค์สำคัญ ๑.เพื่อพัฒนาครูผู้สอนภาษาไทยให้มีทักษะความสามารถในการเขียนบทร้อยกรองและมีกลวิธี ในการจัดกิจกรรม การสอนเขียน บทร้อยกรองแก่นักเรียน ๒. เพื่อพัฒนานักเรียนให้มีทักษะความสามารถในการเขียนบทร้อยกรองจนมีความเป็นเลิศ ทางด้านการเขียน บทร้อยกรองแและสามารถนำทักษะความสามารถดังกล่าวไปใช้ในการพัฒนาตนเอง ต่อไป ภาพงานชุมนุมกวีน้อยเมืองนคร ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ เครดิตภาพ คุณ พิมพ์ใจ เชาว์นุกูล ชุมนุมกวีน้อย กิจกรรมสำคัญของโครงการประกอบด้วย ๑.กิจกรรมพัฒนาครู โดยการจัดการประชุมสัมมนา กิจกรรมค่ายครูกวีน้อย กิจกรรมเดินทางสัญจร กิจกรรมการพบปะเสวนากับนักคิดนักเขียน ฯลฯ เพื่อพัฒนาทักษะความสามารถในการเขียนบทร้อยกรองและพัฒนาทักษะกลวิธีในการสอนเขียนบท ร้อยกรอง แก่นักเรียน เป็นการจัดไฟเติมใจให้มั่นคงต่อเนื่องและสร้างปฏิสัมพันธ์ แห่งความร่วมงานประสานใจซึ่งกันและกัน ๒. กิจกรรมส่งเสริมพัฒนานักเรียน โดยจัดกิจกรรมการเรียนการสอน กิจกรรมค่ายกวีน้อย กิจกรรมชมรมกวีน้อย ฯลฯ เพื่อพัฒนาทักษะความสามารถในการเขียนบทร้อยกรอง แก่นักเรียน อย่างต่อเนื่องโดยตลอดปี ๓. กิจกรรมส่งเสริมความเป็นเลิศ โดยจัดกิจกรรมการแข่งขันบทร้อยกรองทั้งภายใน จังหวัดที่เชื่อมโยงประสานงานการจัดกับทุกหน่วยงานทุกองค์กร และการพานักเรียน กวีน้อยเดินทางไปแข่งขัน ในระดับชาติ ฯลฯ เพื่อส่งเสริมความเป็นเลิศให้เป็นที่ปรากฏต่อสาธารณะ ๔. กิจกรรมการส่งเสริม เผยแพร่ โดยการจัดพิมพ์ผลงานบทร้อยกรองของครูและนักเรียนกวีน้อยเผยแพร่ จัดแสดงนิทรรศการผลงานในวาระโอกาส ต่างๆ การจัดรายการเพื่อภาษาและวรรณศิลป์ทางสถานีวิทยุ การเขียนบทความเผยแพร่ทางวารสาร และหนังสือพิมพ์ ฯลฯ เพื่อเป็นการ ประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ สร้างกระแสคุณค่าและความสำคัญแก่สังคมทั่วไป ๕. กิจกรรมประสานสัมพันธ์ โดยการร่วมมือกับสถาบัน หน่วยงานและองค์กรต่างๆ จัดกิจกรรม ส่งเสริมการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ทางด้านบทร้อยกรอง ภาษาไทยและศิลปวัฒนธรรม เพื่อสร้างเครือข่ายและพลังแห่งความร่วมมือซึ่งกันและกัน ท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ ให้เกียรติเยี่ยมในสวนขวัญ จิรวรรณ แก้วพรหม นับเป็นความโชคดีของกวีน้อยอย่างยิ่ง ด้วยความดีใจเป็นที่สุด กวีน้อยเมืองนคร
มีชายคนหนึ่งหลงรักงานศิลปะมาก โดยเฉพาะภาพเขียน แต่อย่างว่า สมัยนี้พบเจอแต่ภาพถ่าย วันหนึ่ง ที่ตลาดนัดซึงเงียบเหงา เขาพบคนเขียนรูปคนหนึ่ง กำลังนั่งเขียนรูป เขาเฝ้ามองด้วยความตั้งใจ โอ ฝีแปรง และการลงสีช่างงดงาม ภาพท้องทะเลสีคราม ฟองคลื่น และพระอาทิตย์ที่กำลังจะลาฟ้า มีเรือกอและ ผูกผ้าแพรสีใส ดูทำให้ท้องทะเลยามเย็นสดชื่นขึ้น "นี่แหละ ศิลปะ ที่เราเฝ้าหา" เขาบอกตัวเอง คุณครับ ภาพเขียนคุณงามจัง เขาเอ่ย ชายเขียนภาพเงยหน้าขึ้นมามองเขา ด้วยสีหน้าเรียบเฉย "มันคือทัศนะคติและธรรมชาติในความฝันของข้า" ชายเขียนรูปกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย ขอซื้อได้ไหมน่ะ (เขาคิดในใจ) ชายผู้รักศิลปะ เฝ้ามองฝีแปรง และภาพวาดอย่างหลงใหล และหลงรัก ศิลปะที่แท้จริง ต้องเป็นแบบนี้ซิ มิใช่ โพสการ์ด ตามตรอกถนนข้าวสาร ผมชอบภาพเขียนคุณนะครับ เขากล่าว มันคือจิตวิญาณ และชีวิตของข้า ข้าเขียนมันมาจากใจ (ชายเขียนรูปพูด) สองคน หนึ่งชายนั่ง ดู และอีกหนึ่งชายทำงาน และทำหน้าที่ของตนต่อไป ขอซื้อได้ไหมนะ (ชายผู้รักศิลปะคิดในใจ) แต่ถ้าซื้อไปเราจะเอาไปเก็บไว้ที่ไหน ที่บ้านมีภาพเขียนอีกภาพซึ่งได้มาเมื่อนานมาแล้ว (เขาคิด) นี่คุณ ชอบภาพเขียนข้าจริงเหรอ (ชายเขียนรูปถามหลังละมือจากวางพู่กัน) ครับ (เขากล่าวสั้นๆ แววตาจับลึกลงไปในท้องทะเลและฟองคลื่นภาพเขียนนนั้น) แต่ข้ามันแค่จิตรกรไร้นามนะ ทำไมคุณไปเดินหาชมภาพงามๆตามสถานที่แสดงภาพศิลป์หละ ไม่รู้ซิ ผมชอบภาพคุณ ผมอยากจะขอซื้อไว้ แต่เกรงว่าความงามของภาพจะหม่นหมอง เพราะที่บ้านผมไมมีที่ว่างเหมาะเจาะกับงานงดงามแบบนี้ (เขากล่าว) ไม่เป็นไร แค่มีคนชอบข้าก็ยินดีแล้ว (ช่างเขียนกล่าว) และภาพวาดข้าคงจะกองเรียงไว้ในตู้โน่น เขาชี้มือไป ภาพคุณสวยจริงๆครับ (ชายผู้รักงานศิลปะกล่าวอีกครั้ง) ก่อนเดินจากไป ในวินาทีนั้น เขาเพิ่งได้รู้ว่า ศิลปะที่งดงามไม่จำเป็นต้องมาจากจิตรกรลือนาม เขาอยากได้มัน แต่ที่บ้านคับแคบ และไม่มีที่ว่างเหมาะที่จะซื้อหาภาพงามไปวางได้ และบ่อยครั้ง เมื่อเขาพบงานศิลปะที่ไหน เขามักจะคิดถึงภาพนั้น ภาพท้องทะเลสีคราม ฟองคลื่น เรือกอและ ผูกผ้าแพรสีใส และพระอาทิตย์ที่กำลังจะลาฟ้า บางคราวอดไม่ไหว ย้อนเดินไปที่ตลาดนั้น เห็นภาพงามยังกองวางอยู่ในตู้ มันสวยจริงๆ (ทุกครั้งที่เขาคิด หัวใจก็พองโตเหมือนรักแรกพบ) แค่ได้รู้ว่ายังมีงานศิลปะดีดีก็สุขใจแล้ว อยู่มาวันหนึ่ง เขาเดินไปยังร้านนิตยสาร หยิบหนังสือกีฬาพาดหัว "สิงห์ซื้อสากกะเบือ หงส์จิกปีศาจ" (เขาฉีกยิ้มที่มุมปากก่อนวางลงชั้นวาง) นั่น นิตยสารท่องเที่ยวไทย รายเดือนเมืองไทยนี่ช่างงดงามนัก" และแล้วภาพถ่ายหนึ่งในนิตยสาร - คุ้นตา เหมือนเคยเห็นที่ไหน อะไรกันนี่ เขาตกใจ ภาพเขียนที่เขาเจอที่ตลาด นี่มันภาพถ่ายนี่ เหมือนภาพนั้นมาก แต่นั้นคือภาพเขียน นี่ไม่ใช่ถ่ายจากภาพเขียน ภาพถ่ายทะเลไทยอันวิไลล้ำที่ไหนสักที่ ภาพถ่ายชัดเจนว่าเป็นภาพจากไหน แต่...การเขียนภาพหละ ภาพถ่าย กลายเป็นภาพเขียน หัวใจเขาหลุดหล่น คิดถึงศิลปะ และถ้อยคำที่ก้องหูเขาของคนเขียนภาพ มันใช่หรือไม่ใช่จิตวิญาณ และชีวิตของเขา และเขียนมันมาจากใจจริงหรือไม่ (เขารู้คำตอบ) เขาเสียใจ และหัวใจเลื่อนลอย แต่ไม่ได้นึกตำหนิอะไรมากกว่าเสียใจ ฝีแปรงเขาดี การลงสีสวย และแสงเงาก็งาม แต่มันไม่ใช่ศิลปะจากจิตวิญาณ นั่นคือสิ่งที่เขาโศกเศร้า วันนี้ เขายังชื่นชมภาพเขียนผืนนั้น และนับถือฝีมือช่างเขียน เพียงแค่ เขาแค่ผิดหวังวิธีการ ของคนที่บอกว่ารักศิลปะเท่านั้นเอง ความรักไม่ได้เกิดจากจิตวิญญาณหรือ แค่มีสารกระตุ้นและแบบร่าง ก็สร้างรักได้แล้วหรือ อนิจจา เมื่อพระจันทร์ที่แสนเศร้า / แทนคุณแทนไท
หากความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเริ่มต้นจากความรัก ไปสู่เวลาที่เหมาะสม บุตรย่อมเกิดจากความรัก หาใช่ดีเอ็นเอไม่ และผู้ใดปรารถนาพิสูจน์ทราบชีวิตด้วยดีเอ็นเอ ความทนุถนอมของหญิงชายซึ่งมีต่อบุตรนั้น ชัดแจ้งอยู่ในพันธุกรรมแห่งความประพฤติฯที่ดีงามแล้ว ดีเอ็นเอ ให้เลือดเนื้อก้อนนึงเป็นชีวิต ความรักให้ชีวิตๆหนึ่ง เป็นคน และสำนึกรู้ผิดชอบให้คนๆหนึง เป็นมนุษย์ บุตร จึงเป็นเครื่องหมายของความรัก ความเพรียบพร้อม และความรับผิดชอบ ที่เธอทั้งหลายควรเป็นผู้สร้างไว้เป็นอนาคต เป็นความหวัง ให้โลกได้สถาพรสืบไป เด็กน้อย ไร้เดียงสาเกินกว่าจะลืมตามาพบความจริงว่าได้เป็นชีวิตที่มีข้อยกเว้น ว่างเปล่าจากความรัก และโดดเดี่ยวจากผู้สร้าง ถ้าเธอเคยมีความรัก เธอจะรู้ว่ายิ่งใหญ่... เมื่อเธอเคยมีสำนึกผิดชอบ เธอจะรู้ว่าไพศาล... แหละลูกของเธอปรารถนาสองสิ่งที่ว่านั้นร่วมกัน เธอทั้งหลายพิศมัยโลกที่งดงามเพียงไหน ก็อย่าได้ละทิ้งจารีตอันดีงาม ที่พระผู้สร้างได้มอบไว้ ให้เธอเป็นผู้จรรโลงโลก บุตร คืออัญมณีอันเลอค่าของพ่อแม่ แม้ว่าสุดท้ายอาจไม่ได้อยู่ด้วยกันนิจนิรันดร์ ขอให้เธอทั้งหลายกตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้รัก ผู้สร้าง ให้มีชีวิต ให้เป็นคน และให้เป็นมนุษย์ พระฤหัสฯ ที่ ๗ ตุลา ๕๓ ปัญญาวชิโร / แทนคุณแทนไท
ดั่งว่า อักษรามีชีวิต... ปล่อยให้ความคิดได้เคลื่อนไหว... อยู่ใน กระบัดกระบวน ณ ส่วนใจ.... ภายใต้ รู้สึกที่ดีงาม... และเป็นเหมือนเช่นบางใครในหลายแสนล้านชีวิต บนโลกแห่งความพิไลใบนี้ บางบัดของวินาที ท่ามแสงราตรีที่คลี่ผ่านม่านสวรรค์ของจันทร์เพ็ญ ชีวิตจึ่งมิได้เริ่งรื่นเช่นที่เคยวาดปรารถนา รัตติกาลแห่งความโศกดายจึงมิเคยหน่ายที่จะมาสวัสดี และวิสาสะที่จะอนุมานเอาว่า ข้าคือ เพื่อนรัก วันหวาน คงเป็นอีกหลายปรารถนาของหลายใคร ที่จะสุขสัมผัสกับนิมิตฝันนั้น ชั่วนิจและนิรันดร แต่ใครเล่า ที่จักคว้าปรารถนานั้นมาได้ครอง แม้สักเพียงครึ่งเสี้ยวของปรารถนาใจ บทกวีแห่งความรัก จึ่งเป็นเหมือนนิยาย ที่ไม่เคยสิ้นสายฤทัยหมาย ยังคงขับขานสวนกระแสความอันตธานที่เปล่าดายของบางใคร ที่เผชิญได้แต่ความผิดหวัง เท่าไหร่แล้วหละ เคยมีประวัติศาสตร์ใด เคยจารสัดส่วนจำนวนหนึ่งผู้พลาดพ่ายกับหลายผู้คาดหวังไว้หรือไม่หนอ ณ มหาทะเลแห่งความรัก จึ่งมิแปลกอะไร ที่ปรารถนาอันมิเคยสิ้น จะยังคงหวังว่า เมื่อมรสุมร้ายแห่งบุพเพฯพัดผ่านไป อุ่นชื่นแห่งวาสนา อาจมาเยือนข้าบ้าง เพราะฉะนั้น ถึงมหาสตรีทั้งหลายจักหักห้ามหัวใจ มิให้เข้ามาข้องใกล้ข้าสักเพียงใด ก็อย่าหมายเลยว่า จักหักห้ามหทัยข้า ที่เปี่ยมหวังปรารถนาถึงบางสตรีเจ้าได้ ความรักของข้า ถึงว่ามิสูงสง่าเลอค่า ฤๅ เลิศล้ำดุจอัญมณีสีขาวแห่งท้องทะเล สิ่งนั้นก็มิอาจทำให้ข้า สิ้นศรัทธาว่า ข้าพ่ายแล้วที่จักหาสตรีใด อันหมายปรารถนาความรักจากข้า เพราะสิ่งที่ข้าเป็น ก็หาไม่ ดูก่อน บางใครทั้งหลาย ข้าบรรณาการความรักด้วยสิ่งใด ท่านว่าข้าบรรณาการด้วยสิ่งใดเล่า บทกวีที่ข้าเขียน ถึงมิได้เข้าใกล้พื้นห้องหทัยหวานของสตรีผู้ข้าหมาย ก็มิได้เลวร้ายพอที่จักทำให้ข้าสิ้นศรัทธาหวัง และพาลชังความพิไล อันเป็นความอัศจรรย์ อันเกิดขึ้นโดยธรรมบนโลกนี้ ดูก่อน อักษราทั้งหลาย ท่ามความเสแสร้งและแกล้งเป็นบนนิมิตมายานี้ จักมีสิ่งใด ที่เราต่างยอมปรารถนาใกล้ แหละศิโรราบ เท่าความรักอีกหนอ นี่หละ คือรักจากข้า ท่ามมรสุมแห่งบุเพ ณ มหาทะเลแห่งความรัก ด้วยหัวใจ เมษายน ๕๐ นครศรีธรรมราช / แทนคุณแทนไท
แพรพิมพ์ ที่รัก... ขณะที่ผมกำลังชื่นรู้สึก อยู่กับสายฝนในเมืองนี้ ... เช้านี้ผมได้ข่าวจากสายฝน ... ข่าวว่าคุณกำลังป่วยเจ็บเพราะพิษฝน เธอบอกผมว่า คุณนอนซมไข้มาหลายวันแล้ว ... หมอก็ไม่ได้ใกล้ หยูกยาก็ไม่ได้รักษา ... ขังตัวอยู่กับตัวเองในโลกว้าง และร้างซึ่งมิตรสหายมาหลายราตรีกาล คุณฟูมฟาย แหละร่ำไห้ กับอะไรซักอย่าง ? ... .... แพรพิมพ์ที่รัก... ทำไมหนอ แค่ละอองฝนทำคุณท้นท้อ แหละสิ้นอาลัยหวังในชีวิตได้ถึงเพียงนี้เลยเช่นนั้นหรือ ผมไม่อยากเชื่อ ไม่อยากเชื่อเลยแพรพิมพ์.... ... นางฟ้าผู้สดใส ดุจเทพธิดาแห่งหน้าร้อน ไยจึงได้แพ้พ่ายแก่พิษฝนหนอ ...ผมถามใจ ฤๅ เพราะว่า... ลมฝนได้นำพาฤดีกาลที่แสนเศร้าใด มาบรรณาการแด่นางฟ้าของผม ... แพรพิมพ์ คุณทุกข์ท้อกับสิ่งใด ไยคุณไม่ฝากลมฝนมาบอกข่าว เล่าให้ผมฟังบ้าง อย่างน้อยนะสร้อย อย่างน้อย คุณจะมีผม มีผมเป็นเพื่อนทุกข์ เพื่อนทุกข์ของคุณไง ... ผมจำได้นะแพรพิมพ์... ฤดูกาลของปีก่อน ลมร้อน เธอพาผมมาเจอคุณ คุณ... ซึ่งสอนความสดใส เดียงสา และสง่างาม ท่ามกลางความสร้อยเศร้าของผม ... นางฟ้าซึ่งเอื้อมหัตฐ์แห่งความเมตตา คว้าผู้เศร้าปรารถนาให้หลุดพ้นจากความทรมาน ... คุณ...ผู้สอนให้รู้จักส่วนสุขบนเรือนปรารถนาที่เจ็บปวด ผู้เป็นมากกว่าสายลมในหน้าร้อน แหละยิ่งกว่าผู้ปรากฏกาย... ท่ามกลางมิตรสหายในราตรีกาล ผู้เงียบสงบ ในความเริงร่า... แหละเรียบง่าย ในความว้าวุ่น ผู้สอนให้ผู้ไม่เคย... ได้คุ้นชิน เรียนรู้ เข้าใจ และแบ่งปัน ... นางฟ้าแห่งหน้าร้อน ไยจึ่งทุกข์เศร้าในหน้าฝนหนอ ผมห่วงคุณจริงเชียว ... คุณจะนึกคิดสักครั้งไหมนะ ว่าผมเพียรพยายามส่งแรงปรารถนาถึงคุณมาหลายราตรีกาลแล้ว ... แต่ไม่เลย ไม่เคยสำเร็จสักครั้ง ... ลมฝนปฏิเสธที่จะนำพาปรารถนาแห่งผม ไปบรรณาการแด่คุณ .... เธอบอกผมว่า.... ตราบเท่าที่คุณ ผู้เป็นนางฟ้าของหน้าร้อน มิเคยส่งสารแห่งความปรารถนา มาถึงสายลม ความปรารถนาแห่งผม จักสูญหายระหว่างทาง หากเพียรพยายามย่างกรายเข้าไปในฤดีกาลที่ร้อนรุม บนโต๊ะหนังสือของผม จึ่งมีกองแห่งปรารถนาที่ไร้ค่านั้น กองสุมอยู่จนเหลือประมาณ ... แพรพิมพ์... แพรพิมพ์ที่แสนรัก... แหละขณะที่ผมกำลังชื่นรู้สึก อยู่กับลมแห่งฤดูฝนในเมืองนี้ ... เป็นอีกเช้านี้ ที่ผมได้ข่าวจากสายลม ละอองน้ำค้าง ... ข่าวว่าคุณกำลังป่วยเจ็บเพราะพิษฝน เธอบอกผมว่า คุณ ยังคงซมไข้มาหลายวันเช่นที่เป็น ... หมอก็ไม่ได้ใกล้ หยูกยาก็ไม่ได้รักษา ... ขังตัวอยู่กับตัวเองในโลกว้าง และร้างซึ่งมิตรสหายมาหลายราตรีกาล คุณฟูมฟาย แหละร่ำไห้ กับอะไรซักอย่าง ? .... แพรพิมพ์ที่รัก... นางฟ้าผู้ซึ่งผมห่วง แหละคะนึงหา เมื่อไหร่หนอ.. คุณจะนึก และระลึกได้ ระลึกว่า... ว่าอาจจะมีใครสักคน กำลังห่วงคุณแทบขาดใจ เปิดหัวใจคุณเถิดแพรพิมพ์ ลองสมานทรมาน์แห่งคุณ ด้วยแรงปรารถนาแห่งผม สักครั้งก็ยังดี ผมอ้อนวอน นะแพรพิมพ์ ..... ด้วยหัวใจรักคุณ / แทนคุณแทนไท / พระอังคารที่ ๑๔ กันยาย์ ๕๓