7 กุมภาพันธ์ 2556 09:46 น.

การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย คืออะไร... ต่างกับการกระความผิดอาญาตามอำเภอใจอย่างไร

แทนคุณแทนไท

การป้องกัน โดยชอบด้วยกฎหมาย
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 บัญญัติว่า "ผู้ใดต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่น ให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด"

หลักเกณฑ์ของการ ป้องกันตัว โดยชอบ ด้วยกฎหมาย
1. มีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย นั่นคือ
- ภยันตรายที่เกิดขึ้นนั้นผู้กระทำไม่มีอำนาจตามกฎหมายจะทำได้ หากผู้ก่อภัยนั้นมีอำนาจทำได้โดยชอบ ท่านก็ไม่มีสิทธิจะป้องกัน เช่น พ่อมีสิทธิว่ากล่าว/ลงโทษลูก ไม่ถือเป็นภยันตรายตามข้อ 1.
- แม้จะมีภยันตรายแล้วก็ตาม แต่ผู้ที่อ้างป้องกันได้ จะต้องไม่มีส่วนผิดในการก่อให้เกิดภยันตรายดังกล่าวขึ้นด้วย เช่น ไม่เป็นผู้ก่อภัยขึ้นในตอนแรก ไม่เป็นผู้ที่สมัครใจเข้าวิวาทกัน ไม่เป็นผู้ที่ยินยอมให้ผู้อื่นกระทำต่อตนโดยสมัครใจ และ ไม่เป้นผู้ที่ไปยั่วให้คนอื่นเข้าโกรธก่อน
2. ภยันตรายนั้น ใกล้จะถึง แม้ท่านจะมีภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายเกิดขึ้น
ตามข้อ ๑ แล้วก็ตาม ก็อย่าเพิ่งนอนใจว่าท่านจะมีสิทธิป้องกันได้ กล่าวคือท่านจะมีสิทธิ ป้องกันตัว ได้ต่อเมื่อภยันตรายนั้น เป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง คือภัยที่เกิดขึ้นกระชั้นชิดถึงขนาดที่ไม่มีหนทางอื่นที่จะขจัดปัดเป่าภัยนั้นได้ นอกจากการป้องกันตัวเอง
3. ผู้กระทำจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน ให้พ้นจากภยันตรายนั้น
4. การกระทำ ป้องกันตัว ตามสมควรแก่เหตุ ก็คือ แม้กฎหมายจะให้สิทธิแก่ประชา ชนผู้ประสบอันตรายป้องกันตนเองได้ แต่ก็ไม่ได้ให้เสียจนหาขอบเขตไม่ได้ จนกลายเป็นการป้อง กันผสมกับความโกรธแค้น บันดาลโทสะ หรือสะใจ เช่น เมื่อมีผู้ร้ายถือมีดจะทำร้ายท่าน ท่านได้ตอบโต้จนผู้ร้ายไม่สามารถจะถือมีด หรือไม่สามารถจะแทงท่านได้อีกแล้ว ถือว่าภยันตรายได้ผ่านพ้นไปแล้ว ถ้าท่านซ้ำเติมอีก จะถือว่าเกินกว่าเหตุ

หรือจะอธิบายแยกได้ดังนี้ก็ได้..........

อธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้นว่า

1.  ต้องมีภัยอันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายที่ละเมิดต่อกฏหมาย

2.  และเป็นภัยอันตรายที่ใกล้จะถึงตัว  โดยภัยนั้นยังมีอยู่ไม่สิ้นสุดไป

3.  ผู้ป้องกันจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือผู้อื่นให้พ้นภัย

4.  และการกระทำป้องกันนั้นต้องพอสมควรแก่เหตุ  จึงทำให้ผู้ป้องกัน
ไม่มีความผิด

ยกตัวอย่าง เช่น

กรณีเป็นภัยอันตรายซึ่งเกิดจาการประทุษร้ายที่ละเมิดต่อกฏหมาย
>> เราเป็นเจ้าของบ้าน  มีสิทธิป้องกันไม่ให้ใครเข้ามารุกรานทำร้าย
แม้ว่าจะมีทางหนีได้  แต่ไม่มีความจำเป็นที่เจ้าของบ้านต้องหนีผู้ทำผิด
กฏหมาย  ถ้าผู้ร้ายถืออาวุธจะเข้ามาทำร้ายเราถึงบ้าน  เราสามารถกระทำ
ป้องกันชีวิตเราพอสมควรแก่เหตุได้

กรณีต้องเป็นภัยอันตรายที่ใกล้จะถึงตัว  โดยภัยนั้ยังมีอยู่  ไม่สิ้นสุดไป
>> เราเป็นหญิง  ถูกชายลากเข้าไปป่าข้างทางเพื่อข่มขืนและขู่ว่าจะฆ่า
เราจึงใช้มีดแทงหนึ่งทีแล้ววิ่งหนีออกมา  ฝ่ายผู้ร้ายจะพยายามแย่งมีดจากเรา
ทำให้เราแทงผู้ร้ายอีกหลายครั้งจนเป็นหตุถึงตาย  เช่นนี้ถือว่าภัยยังไม่หมดไป
เมื่อเป็นหญิงอยู่ในภาวะเช่นนั้น  จะเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

กรณีผู้ป้องกันจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือผู้อื่นให้พ้นภัย
>> มีคนบุกรุกเข้ามาฉุดคร่าลูกสาวของเราถึงในบ้าน  และกำลังพาออกจาก
บ้านไป  การที่เรายิงผู้ร้ายนั้นเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของลูกสาวให้
พ้นจากภัยอันตรายดังกล่าว  โดยเราไม่มีทางเลือกอื่นที่จะป้องกันได้  การยิง
ผู้ร้ายจึงเป็นการป้องกันที่ชอบด้วยกฏหมาย

กรณีเป็นการกระทำป้องกันที่พอสมควรแก่เหตุ
>> หากภัยที่มีมาอาจทำให้ถึงตาย  ก็สามารถตอบโต้ถึงตายได้  โดยไม่ต้อง
คำนึงว่าจะใช้อาวุธหรือวิธีการอย่างไร  แต่ถ้าภัยที่มีมาถึงเราเป็นเหตุไม่ร้ายแรง
การที่เราป้องกันถึงขนาดทำให้ผู้ร้ายถึงตายหรือบาดเจ็บสาหัส  ย่อมเป็นการ
กระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ  เป็นความผิดที่ต้องรับโทษ  เพียงแต่ศาลอาจ
ลงโทษน้อยกว่าที่กฏหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้

เหตุที่อ้างป้องกันโดยชอบด้วยกฏหมายไม่ได้

1.  ถ้าภัยอันตรายที่เราอ้างว่าใกล้จะถึงตัวได้ผ่านพ้นไปแล้ว  เราจะอ้างป้องกัน
ไม่ได้  เช่น  เราเห็นคนกำลังปีนรั้วเข้าบ้าน  เราจึงร้องเอะอะขึ้น  คนนั้นจึงรีบปีน
หนีไป  แต่เรายังใช้ปืนยิงเขาถึงตาย  อย่างนี้จะอ้างว่ายิงเขาตายเป็นการกระทำ
เพื่อป้องกันไม่ได้

2.  เราเป็นผู้ก่อเหตุขึ้นก่อนหรือเป็นผู้ที่ท้าทายผู้อื่นก่อน  เช่น  เราเป็นฝ่ายก่อเหตุ
ด่าเขาก่อน  เมื่อเขาจะเข้ามาทำร้าย  เราจึงทำร้ายเขานั้น จะอ้างว่าป้องกันตัวไม่ได้

3.  เราเป็นผู้สมัครใจเข้าต่อสู้  วิวาทกัน  ที่ไม่ใช่การโต้เถียงกัน  แต่ทั้งคู่กระทำโดย
ใช้กำลังเข้าชกต่อยหรือตบตีกัน  ย่อมถือว่าสมัครใจทะเลาะวิวาท  อ้างเหตุป้องกัน
ตัวไม่ได้

ตัวอย่างการป้องกันที่เกินสมควรแก่เหตุ  เช่น  เด็กเข้ามาลักทรัพย์สินในบ้าน
เราโดยไม่มีอาวุธ  ขณะเด็กโผล่ขึ้นมาจากที่ซ่อนตัวใต้แคร่อันเป็นที่จำกัด  เราอาจ
ใช้วิธีอื่นในการสกัดจับเด็กหรือเรียกคนอื่นมาช่วยกันจับ  แต่เราถึงขั้นใช้อาวุธปืนยิง
จนเด็กเสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัส  ย่อมเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ				
Calendar
Lovers  2 คน เลิฟแทนคุณแทนไท
Lovings  แทนคุณแทนไท เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแทนคุณแทนไท
Lovings  แทนคุณแทนไท เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแทนคุณแทนไท