27 ตุลาคม 2550 13:53 น.
แทนคุณแทนไท
เจอ
(๑)
แรกเห็น
แม้มิอาจจะเป็นเช่นที่ฝัน
ในรู้สึก ยังยากต้านสานสัมพันธ์
ลึกลึกนั้น หวั่นไหว ใจรู้ดี
(๒)
แค่พบหน้า
ประตูตา มิอาจซอนซ่อนวิถี-
ถึงมิได้ ใกล้หทัยที่หมายมี
ยังยิ้มอย่าง ยินดี โถ! มีใจ
(๓)
นั่นแหละหนอซอซึงคะนึงหวาน
ที่ทรวงซ่านจารจิต เหมือนชิดใกล้
บรรเลงโลมชโลมนวล ยะยวลนัย
หน้าต่างใจ เปิดแล้วในแววตา
(๔)
แรกพบ
แม้สงบเสงี่ยมจินต์ยังสิ้นท่า
โถให้ซ่อน ประตูใจหน้าต่างตา
ยากนักหน้า เมื่อรักประจักษ์จินต์
..................................................
พระเสาร์ที่ ๒๗ ตุลาคม ๕๐ / แทนคุณแทนไท
18 ตุลาคม 2550 17:28 น.
แทนคุณแทนไท
ฝนตก
นกเหงา จะไปไหน
ซอนอยู่ ในซอกใบไม้ใด
หนาว หรือไม่ "ลำพัง"
แซก แซก
แปลกแยก แปลกเปล่า เปลี่ยวหวัง
ครืนครืน ทั้งคืน ฟัง
นั่ง!! มองไกล ไกล-ไปหัวนา
ฝนสาด
เดือนสารทปีนี้ไม่มีย่า
บุญสารท หนมพอง หนมลา
เห็นโปหยิบ ชื่อย่า เขียนลงพาน
เดือนสิบ
ขโมยหยิบ สุข-สนุกสนาน
มีแต่หิ้ง บูชา บนบ้าน
หลาน-และลูก ยังอาลัย
ฟ้าแลบ
มืด แวบ ลอดผ่านต้นลานใหญ่
เหลือเป็น อนุสร แห่งหัวใจ
เตือน สติให้ ระลึกถึง บุณกรรม
ใบจาก
ตัดจาก กอจาก เมื่อค่ำ
มิทันได้ คลี่จากออกจากกำ
ฝนพรำ ฝนเท ลงมาแล้ว
...บทส่งใจ...
เป็นอีกครั้งที่ยืนยันว่า การจากตาย จะนำพาความอาลัยมามากกว่าการจากกันทั้งที่มีลมหายใจ เป็นแน่แท้
สารทเดือนสิบ ประเพณีบุญในปีนี้ ขาดคุณย่า ซึ่งเคยเป็นคนคอยต้อนรับขับสู้ และดูแลลูกหลาน เมื่อกลับมารวมญาติในวันประเพณี
บรรยาศแห่งความอาลัย มิอาจหลบหรือซ่อนให้อยู่เฉพาะในหัวใจได้ ต่างมาปรากฎได้ชัดในแววตาแต่ละใคร
แม้ถึงว่า ไม่มีใครปริปากพูดถึง เพราะเกรงอารมณ์โศกของการสูญเสีย จะพลอยทำให้เสียบรรยากาศสำหรับงานวันบุญประเพณีในวันพรุ่ง
แต่อนุสติผม เหมือนแว่วแต่เสียงหัวใจร่ำไห้ ของหลายๆหัวใจทั้งที่อยู่ใกล้ และที่ปลีกตัวหลบไปเดินอยู่ไกลๆ
ณ สถานแห่งนี้
แม้ถึงว่า ผมไม่ได้เกิดที่นี่ แต่ผมมีที่นี่ เป็นที่เกิดพ่อผู้ให้กำเนิด
แหละยังมีหลายปีในวัยเยาว์ ยามครอบครัวยังดิ้นรน ให้ผมได้เติบโต
มีน้ำคลองไว้อาบ ไว้พายเรือ เด็ดบัว เด็ดผัก
มีทุ่งนาไว้ซุกซน วิ่งบ้าง เดินบ้าง ตามคุณอา หากบ หาปลา หาผัก เป็นปกติวิสัย
มีความรัก นับจากคุณทวด คุณปู่ คุณย่า ตลอดไปถึงคุณอา คอยโอบอุ้ม
ฟืนทุกดุ้น ปลาทุกตัว ข้าวทุกเม็ด ผักทุกกอ ยังคงไหลเวียนเป็นเลือด และเป็นเนื้อ ดำรงความมีชีวิตของผมมาอย่างนิรันดร์
แม้หลายสิบปีที่ผ่าน หลายสิ่งหลายอย่างจะมิได้เป็น และคุ้นชินตาอย่างที่เคย
เป็น
ทั้งท้องทุ่งที่เคยเขียวชุ่ม ฟากคลองที่เคยกว้างใหญ่ บ้านเรือนที่เคยอยู่ริมน้ำ
ก็คงเพราะวิถี ชีวิต และวิถีโลก ที่เปลี่ยนไป โดยแท้
แต่...
ที่นี่ยังมีสิ่งหนึ่งสำหรับผมที่ไม่เคยเปลี่ยน คือ ความผูกพันธ์ และความรู้สึกว่า ผมเป็นหลานเหลนชาวนาโดยแท้
ขอให้คุณย่าหลับให้สบาย ที่นั่น คุณทวดทั้งสองคงรอท่านอยู่
สำหรับทางนี้ พวกเรา จะดูแลเอาใจใส่คุณปู่อย่างดี และจะให้ดีกว่าที่เคย
คิดถึงย่าจัง
(แซก แซก = เสียงฝนหล่นกระทบกอหญ้ากลางทุ่ง
หัวนา = คันนาระยะใกล้ที่สุดที่มองเห็น
เดือนสารท = เดือนสิบ เป็นเดือนทำบุญประเพณี ตอนรับ และส่ง บรรพบุษที่ล่วงลับไปแล้ว ที่กลับมาจากปรโลก
หนมพอง หนมลา = ชื่อขนมสองในหลายชนิดที่ใช้เป็นสัญลักษณ์ในงานประเพณี
โป = ปู่ (พ่อของพ่อ)
กอจาก = ต้นไม้มีใบคล้ายต้นมะพร้าว มีลูกเนื้อในใช้ทำลูกชิดในสมัยโบราณ ขึ้นได้ดีบริเวณ ดินเหนียวชื้นน้ำ
ใบจาก = ส่วนใบของต้นจาก ซึ่งได้มาจากบริเวณยอด ต้องนำไปตากแดดให้แห้ง ถึงจะนำมามวนเพื่อใช้ห่อยาเส้นสำหรับสูบได้)
บ้านชาวนา อำเภอห่างไกล หัวไทร นครศรีธรรมราช / แทนคุณแทนไท
16 ตุลาคม 2550 12:40 น.
แทนคุณแทนไท
"ปลอบดาว"
ดาวดี..
สิทธิ์เสรี ดีดี มีทุกอย่าง
ปล่อยเอาความ กังวล ไปซะบ้าง
แหละบางอย่าง ที่ว่าร้ายจะกลายดี
เถอะมาเก็บดอกรัก ดอกน้ำค้าง
ไว้เลือนล้าง ดวงหทัยที่ไหวถี่
ภูมิใจใน บริสุทธิ์ที่ใจมี
ศรัทธาในความดี เมื่อพลีมาน
ขอความรัก หลักนุชน์ สุดรักษา-
ขนิษฐา อุ่นดินทุกถิ่นถาน
อนันตภัยใดใด ถึงแผ้วพาน
อันตรธาน ผ่านแพ้แดดวงดาว
ถ้าเหนื่อยนักก็พักหน่อย
พี่จะคอยปลอบใจให้คลายหนาว
คืนนี้พี่จะพาน้อง ท่องฟ้าพราว
แล้วพรุ่งนี้ เราจะก้าว ไปด้วยกัน
หมดแรง ก็พักซะ
พี่จะ พาน้องไปล่องฝัน
ไปชมรุ้ง ไปชื่นริ้ว ทิวตะวัน
อุ่นเถิดในความฝัน อย่าหวั่นไป
วางความเจ็บ เก็บไว้ก่อน
มาเถิดมะ มานอน อย่าร้อนไหว
ไม่ว่าจะ เจอดีร้าย สักเพียงใด
พี่อยู่ที่ตรงนี้ไง อย่าได้กลัว
..............................................
บทส่งใจ...
เพียงพี่เห็นแววตาแห่งความกังวลใจของน้อง
หัวใจพี่เหมือนจะหลุดหาย
...
ดาวดี ที่รัก...
...
น้องรู้หรือไม่...
พี่เคยตั้งแรงปรารนาใจไว้ ในวันที่แสงดาวแห่งวาสนานำทางพี่มาพบน้อง
...
ว่า นับแต่วินาทีนั้น น้ำตาน้องจากนี้ไป จะเป็นน้ำตาแห่งความปิติใจเท่านั้น
...
หัวใจพี่ปฎิญาณปรารนาหวัง ให้ดาวดี มีแต่วันดีดี ที่งดงาม สวยงาม และดีงาม
...
เมื่อวันนี้...
เพียงดาวดีที่รักมีสิ่งใดให้กังวลนัย... หัวใจพี่ ทรมานยิ่งแล้วคนดี
...
ดาวดี ดวงน้อย
ยิ้มหน่อยน่ะคนดี
...
ดาวดียังมีพี่ ตรงนี้ไง
...
บ้านสุวรรณรัตน์ / พระอังคารที่ ๑๖ ตุลาค์ ๕๐ / แทนคุณแทนไท
5 ตุลาคม 2550 10:17 น.
แทนคุณแทนไท
เคว้งเคว้ง คว้าง คว้าง ว้าง วูบ วับ
อารมณ์ สันดาปกับ อะไรหว่า
ประเดี๋ยวสุข ประเดี๋ยวเศร้า ทรมา
น้ำเอย น้ำตา อย่าหลั่งริน
กดเก็บ เหน็บนั้น ที่หนั่นหนาว
สะท้านทรวง สะท้วงผ่าว เกือบด่าวดิ้น
คลุกโศก กับข้าวขาว มาเคล้ากิน
ชีวา ชีวิน ยังเดินดาย
ชีวิต ผิดพลาด พินาศยับ
ท้อทับ รับกรรม ที่ซ้ำ "พ่าย"
ความฝัน ตกแตก ฤา แหลกตาย
นั้นหรือ ความหมาย ของชีวิต
อัดอั้น กลั้นกลืน สะอื้นอก
สะทก สะท้านผ่าว เข้าดวงจิต
ความมืด ชืดช้ำ เป็นน้ำมิตร
สนิท ชิดใกล้ กว่าใครเคย
ช้ำช้ำ ซ้ำซ้ำ ย่ำช้าช้า
อกแสนท้อ ทรมา อุราเอ๋ย
เบื้องโน้น โพ้นไหน ไร้ใครเลย
เฉยเมย ยิ่งแล้ว "โชคชะตา"
เคว้งเคว้ง คว้าง คว้าง ว้าง วูบ วับ
อารมณ์ สันดาปกับ อะไรหว่า
ประเดี๋ยวสุข ประเดี๋ยวเศร้า ทรมา
ใครจะสน น้ำตา คนอย่างเรา
.........................................
บทส่งใจ...
บางใครเคยสงสัยหลายอย่างในความเป็นฉัน
บางใครส่ายหน้า จนฉันสงสัยว่านึกระอาหรือนึกเห็นใจกันแน่
บางใครเฉยเมย จนยากที่ฉันจะเสแสร้งคิดได้ว่า ใครนั้นจะไม่รู้ทุกข์ที่ฉันเป็น
บางใครฝืนยิ้มเล็กๆ เหมือนจะบอกว่าสู้เถอะ ขณะที่โสตสำนึกฉันก้องว่า น่าเหนื่อยใจ
ใครบางคนที่แสนรัก มิเคยสำแดงสิ่งใดให้ประจักษ์ หรือ สำแดงแล้ว แต่ฉันทุกข์เสียจนเกินประจักษ์ใจได้ ก็ไม่ทราบแน่
รู้แต่บางยาม รวมถึงยามนี้ ฉันเหนื่อยจัง
"โศกเถอะนะ โศกซะให้พอ"
กระทรวงการค้า ประเทศไทย / พระศุกร์ที่ ๐๕ ตุลาค์ ๕๐ / แทนคุณแทนไท
4 ตุลาคม 2550 15:09 น.
แทนคุณแทนไท
สำหรับฉัน...
แม้มิอาจลืมวันที่ผันพ้น
เมื่อเธอยังอยู่ยงคงจิตดล
แค่ทุกข์ทน จิตบ้างก็ช่างใจ
ไม่ไขว่คว้า
บนเรือนความปรารถนา อันบ้าใบ้
ช้ำบางคราว ร้าวบางครานิจจาใจ
เออ! อยู่ได้อย่างไรไม่รู้จริง
โถ ยอดรัก
เพราะพี่ปักจิตจอดแต่ยอดหญิง
ถึงเป็นเพียงโลกฝันไร้วันจริง
ขอออมอิงอุ่นบ้าง อย่างที่เคย
หทัยพี่
พลีบรรดาความมีที่เคยเอ่ย
น้องจึงไม่เคยไกลใจพี่เลย
แม้มิเคย เชยชิดสนิทกาย
สำหรับฉัน
จะผ่านผันกี่วัน ที่ผันพ่าย
ความผิดหวังก็ยังอยู่ มิรู้ตาย
ทำไงได้ ชายอย่างฉันรักมั่นคง
.............................................
บทส่งใจ...
นี่กระมัง คำตอบที่ประโลมใจเสมอ
ยามที่ปะทะเข้ากับสงสัยของบางใคร
"เมื่อกายธรรมชาติมิอาจใกล้กันแล้ว แล้วไย ยังปักปำอยู่กับ ปรารถนาอันว่างเปล่า ?"
"คงเพราะ รักนั้น มันมั่นคง กระมัง"
พระฤหัสบ์ที่ ๐๔ ตุลาค์ ๕๐ / แทนคุณแทนไท