14 ธันวาคม 2549 13:09 น.
แทนคุณแทนไท
๑...
ทิพย์สวรรค์นี่ฉันฝันไปหรือ
มันคือ อัศจรรย์อันป่วนปั่น
แจ่มชัด ในอัศจรรย์นั่น
งดงาม เงียบงัน อันตรธาน
๒...
สดสวย สดชื่น สดใส
ทั้งห้วงดวงหทัยยังไหวซ่าน
สั่นอก สะทกสะท้าน อันตระการ
เบิกบานหวานสมัยในปางบรรพ์
๓...
ดั่งฝันไป
หัวใจลูกผู้ชายได้ไหวสั่น
เพิ่งแตกหน่อเนื้อหนุ่มไม่กี่วัน
มาพบเจ้าให้เงียบงันงามละไม
๔...
เหมือนนางฟ้าตัวน้อยใจคอยอยู่
ยิ่งพิศดูใจไหววู่วาบหวามไหว
"เจ้ามาจากแหล่งหล้าฟากฟ้าใด
หรืออัปสรนางไหนจำแลงมา"
๕...
แล้วศรรักก็ปักตรงลงกลางอก
หวิววิตกตระหนกใจเป็นนักหนา
ทั้งวาบไหวหวามหวั่นพรั่นอุรา
กลัวใจต้องทรมาน์ไม่กล้าเผย
๖...
เกิดเป็นชายต้องให้เห็นว่าเป็นชาย
"อย่าเสียเชิงชื่อชายสหายเอ๋ย"
จะเอาหน้าซุกไว้ที่ไหนเลย
จึ่งเปิดเผยให้ทรามเชยรู้ความใน
๗...
"ให้เธอเท่าที่มี เท่าชีพนี้จะมีได้
มีใจ..ก็จะให้หัวใจ ไม่มีก็จะให้เท่าที่มี"
๘...
ยืมวลีกวีส่งลงกระดาษ
ทั้งที่ใจหวั่นหวาดขลาดเหลือที่
แต่เมื่อริจะรักสาวเข้าแล้วซิ
จึงได้ทอดไมตรีนี้ออกไป
๙...
โอ้ว่าอารมณ์แห่งความรัก
เมื่อแรกเริ่มรู้จักยิ่งอยากได้
พร้อมจะมอบแก่กันและกันไว้
เป็นสายใยเป็นสัมพันธ์เป็นสัญญา
๑๐...
เพิ่งแตกหน่อเนื้อหนุ่มเมื่อวานนี้
ริเรียนรักทั้งที่ยังศึกษา
เสื้อคอซองขาสั้นไม่นำพา
รู้เพียงว่า เธอน่ารัก อยากพักใจ
๑๑...
โอ้ว่าความรักเมื่อแรกพบ
ได้ประสบความมากหลากความหมาย
จึงฝึกเลียนเขียนถ้อยร้อยคำราย
ให้เธอรู้ความหมายด้วยกวี
๑๒...
หยุดโลกหยุดเวลาอย่าเคลื่อนไหว
อยากจะวางหัวใจไว้ที่นี่
ทั้งหมด หัวใจ ที่พี่มี
แด่คนที่พี่รักพี่รักเธอ
๑๓...
ความเอยไม่เคยเอ่ยถามทัก
ชื่อความรักแรกประจักษ์ รักเสนอ
เป็นสัมพันธ์มั่นนักรักละเมอ
จะมีเธอแน่แท้ไม่แปรกัน
๑๔...
เธอคือ...จุวัลณีย์
สุนทรีอ่อนไหวในทุกด้าน
แก้วผลึกแกร่งละไมไม่ร้าวราน
เธอทั้งหวานทั้งดุ "จุ๊ วัลณีย์
๑๕...
เธอ...ดั่งดอกไม้
ตระการใจอยู่ในทุกห้องสี่
ระรื่นหอมพยอมยั่วทั่วอินทรีย์
ช่างสดสีสดใสหัวใจชาย
๑๖...
เธอ...ดุจนางฟ้า
ยื่นมือมาทรมานก็ผ่านหาย
ช่างอิ่มงามดั่งความดีมิมีคลาย
ดุจมนต์สายธารธรรมฉ่ำโลกา
๑๗...
เธอ...ดั่งดวงดาว
สุกสกาวพราวพรมห่มฟากฟ้า
ช่วยฉายทิศนิมิตฝันอันจินตนาฯ
ให้ก้าวไปข้างหน้าได้ถูกทาง
๑๘...
เธอ...เปรียบสีรุ้ง
ที่จับคุ้งโค้งรอบขอบฟ้ากว้าง
หลังพายุฝนสาดเสกให้เมฆจาง
ดุจน้ำค้างหยาดใส จากใจอนงค์
๑๙...
เธอ...ดั่งกุหลาบ
กลิ่นกำซาบซึมใจจนไหลหลง
ในทุกความครุ่นคะนึงพึงพะวง
เมื่อซื่อตรงคงหมายจะได้ครอง
๒๐...
เธอ...ดุจสายฝน
ชื่นดวงชนชะดวงใจจนไร้หมอง
ดั่งหยาดทิพย์พรมรดหยดละออง
เปรียบดุจของขวัญของฝากจากฟากฟ้า
๒๑...
เธอ...ดั่งเปลวไฟ
อาจเผาไหม้ได้ดั่งใจปรารถนา
มีชีวิตเหลือคงไว้เป็นกายา
เพราะเมตตาเธอเว้นไว้เป็นทาน
๒๒...
เธอคือ...จุวัลณีย์
สุนทรีอ่อนไหวในทุกด้าน
แก้วผลึกแกร่งละไมไม่ร้าวราน
เธอมัดมานมานานนัก จุ๊ วัลณีย์
๒๓...
นวลสวรรค์
ปลื้มขวัญ ดวงใจให้ล้นปรี่
ไหนจักลืมด่ำดื่มปลื้มชีวี
หวังจักเป็นเช่นนี้ นิจนิรันดร์
๒๔...
ความรักเอ๋ย ความรัก
ให้ชื่นชุ่มใจนักเกินจักกั้น-
ไม่ให้หลอมดวงจิตชิดสนิทกัน
ไม่ให้ร่วมสานฝันจินตนา
๒๕...
จะมีผมทุกที่ที่คุณอยู่ (ช)
คุณก็รู้ฝันนั้นฉันปรารถนา (ญ)
เราจะครองกายเพื่อกันเมื่อวันลา (ช) (ญ)
เพื่อมีวันอันทรงค่าในหัวใจ (ช) (ญ)
๒๖...
แล้วเมื่อ วันหนึ่งนั้น ได้มาถึง
เป็นวันซึ่งคิดคะนึงอย่างหวั่นไหว
วันกายเราต้องพรากกันจากไกล
ไปตามวันตามวัยจำใจทำ
๒๗....
ถ้าหยุดโลกหยุดเวลาเอาไว้ได้
ใจก็หมายให้หยุดไว้ในคืนค่ำ
ค่ำที่เป็นคืนก่อนจรให้จากจำ
คืนเราสองพร้อมพร่ำย้ำดวงใจ.
๒๘...
รักแค่เพียงคำพูดพิสูจน์ยาก
แต่เมื่อจากก็พิสูจน์คำพูดได้
ใจของเราเรารู้อยู่ที่ใคร
กับคนใกล้หรือคนไกลใจเรารู้
๒๙...
แล้วน้ำตาเราก็ไหลอย่างเงียบเงียบ
ใจเย็นเฉียบเงียบไหลจนไหววู่
นิ่งผสานตาซึ้งหนึ่งพธู
จึงได้รู้..เหมือนได้ดูหัวใจ
๓๐...
เราจะรักภักดีมิมีเปลี่ยน
เพื่อรอคืนวันเวียนเปลี่ยนมาใหม่
วันที่กายเราหมายไว้ดั่งตั้งใจ
วันที่ไร้ อะไรพันธะนา
๓๑...
กาลเวลาใกล้จะมาทำหน้าที่
ให้เหลือแต่รอยไมตรีที่ห่วงหา
ได้แต่ฝากรักไว้ในแววตา
ที่รักจ๋าฉันรัก ฉันรักคุณ
๓๒...
ผมมาอยู่ในเมืองที่เปล่าแปลก
โลกที่แผกแตกต่างช่างว่างวุ่น
โลกคุณเป็นอย่างไรหนอใจคุณ
จะมีวันว้าวุ่นบ้างไหมหนอ
๓๓...
มีมุมหนึ่งซึ่งอยู่ สู้เมืองใหญ่
ช่างแปลกไปขณะใจที่ทุกข์ท้อ
ไร้คนที่เคยคุ้น ลุ้นทุกรอ
นั่งหัวร่อ ต่อทางนั้นที่ฝันไป
๓๔...
ที่มุมหนึ่งมุมไหนในโลกนั้น
คุณมีวันเงียบงันกับฝันไหม
ที่ตรงนี้คนดี ที่นี่ไง
มีอีกหนึ่งดวงใจไหวหวังรอ
๓๕...
ในมุมโลกใบใหม่ซึ่งแปลกเปล่า
คุณมีวันเงียบเหงาบ้างไหมหนอ
ผมขอส่งแรงชัยใจคนรอ
ถึงคุณทุกข์ก็อย่าท้อนะคนดี
๓๖...
หยิบปากกาจารึกลงกระดาษ
ทุกโพสการ์ดวาดอักษรใส่กลอนศรี
ซองจดหมายติดแสตมป์แต้มไมตรี
สื่อส่งถึงคนดีที่ฟ้าไกล
๓๗...
คนดีใครคนนี้
ทุกทุกวินาที ณ เมืองใหม่
แม้เป็นมาไม่เคยเหมือนที่เป็นไป
แต่หัวใจยังฝันใฝ่ถึงคนดี
๓๘...
เขียนที่นี่ที่หอการค้าไทย
ไม่เคยเห็นมีใครที่ไหนนี่
จะงามเท่าเจ้านี้ที่แสนดี
เจ้าหละวันหนึ่งนี้มีไหมใคร.
๓๙...
เขียนที่นี่ที่หอสมุดราม
ได้เจอแต่คำถามซึ่งแปลกใหม่
แต่คำตอบทำไมไม่แปรไป
หรือเพราะทั้งหัวใจมั่นให้เธอ
๔๐...
เขียนที่นี่ที่ซุ้มมหาลัย
วันที่นั่งถามใจอยู่เสมอ
ว่าวันหนึ่งวันไหนจะได้เจอ
คนที่ร่ำพร่ำเสมอเพ้อใจคอย
๔๑...
เขียนที่นี่เขียนลงที่เนื้อใจ
เขียนลงไปแม้ใจจะเหงาหงอย
เขียนท่ามกลางหว่างฝันวันล่องลอย
ในเนื้อหนึ่งใจน้อยที่คอยรอ
๔๒...
อารมณ์เอ๋ยอารมณ์ช่างข่มยาก
คิดถึงมากยิ่งยากข่มอารมณ์หนอ
ฤา รักแท้ทุกคนต้องทนรอ
โอ้หนอ อารมณ์ ยากข่มครวญ
๔๓...
เงินที่แม่ให้มาไม่กี่พัน
จึงจัดสรรแบ่งปันกันหลายส่วน
ในหนึ่งนั้นไม่ลืมครุ่นคิดคำนวณ
แบ่งกันส่วนเอาไว้ใช้ซื้อบัตรโทร
๔๔...
โทรศัพท์มือถือไม่มีหรอก
ดึกก็ออกไปตู้ดูไกลโข
กดต่อตึกตึกต่อห้องท้องร้องโฮ
ก็พิโถ.. วันนี้ไม่มีกิน
๔๕...
ยืนรอสายอยู่หลายนาทีอยู่
กว่าจะรู้ความในใจแทบสิ้น
ท้องก็ร้องว่าพี่จ๋าหากได้ยิน
ช่วยพาผมไปกินอะไรที (ยิ้ม ยิ้ม)
๔๖...
แต่แค่เสียงปลายสายกล่าวทายทัก
สวัสดีที่รักใช่ไหมนี่ ?
ท้องไส้กิ่วให้ลืมหิวในทันที
ยืนกรุ้มกริ่มยิ้มยินดีที่เธอมา
๔๗...
วันนี้คุณสบายดีใช่หรือไม่ ?
ใจอยากตอบความนัยเป็นหนักหนา
โอ้คิดถึงนี่ช่างทรมาน์
แต่ตัดใจบอกว่า สบายดี
๔๘....
ที่รักจ๋า บอกซิว่าเหนื่อยหรือเปล่า ?
คุณทนความเงียบเหงาไหวไหมนี่ ?
ทนอีกนิดคอยอีกหน่อยนะคนดี
เสร็จจากสอบคราวนี้มีเวลา
๔๙...
เราจากกันวันนั้นจนวันนี้
จะได้ครบขวบปีพรุ่งนี้น่ะ
คงไม่นานเกินสิ้นพฤศ์จิกาย์
เราจะได้เจอหน้ากันแน่นอน
๕๐...
โอ้ว่า อารมณ์แห่งความรัก
ละไมนักความรักละมุนอ่อน
ให้ลืมหิวลืมง่วงลืมหงาวนอน
ให้ลืมทุกข์ความปวดร้อนในดวงใจ
๕๑...
เงินที่แม่ให้มาไม่กี่พัน
มือถือนั้นจะสรรหามาจากไหน
จ่ายค่าบ้านค่าน้ำซ้ำค่าไฟ
จะเหลือเก็บเท่าไร..หนอใจเรา
๕๒...
เพียงหวังว่าถ้ามีวาสนาหน่อย
จะเข้าร้านไม่ทนคอยถอยเพจเจอร์
ไม่เห็นหน้าแค่ขอข้อความเธอ
ได้นั่งยิ้มเก้อเก้อกับเธอไง
๕๓...
เงินที่เก็บมาได้สองพันห้า
ให้ต้องทนอีกเดือนกว่าคงไม่ไหว
เพจมือสองก็ยังดีกว่าทนไป
แล้วขาดใจเจียนตายอายเพื่อนเขา
(1188-1844339)
๕๔...
ไม่ต้องขาดใจตายอายพวกพ้อง
มีข้อความนวลน้องให้คลายเหงา
สารพัดจะบันดาลคำวอนเว้า
ทั้งบอกเล่าเรื่องราวสารพัน
๕๕...
ชีวิตนี้เหมือนว่าสมบูรณ์แล้ว
รักไม่มีวี่แววว่าแปรผัน
เธอก็ถอยเพจน้อยมาคอยกัน
ต่างยืนยันว่ารักมั่นฉันรับรอง
(152-517102)
๕๖...
*อิฐศิลาหน้าพระลานเป็นล้านก้อน
นับวันกร่อนบ่งให้เห็นความเป็นสอง
ใจดวงน้อยแม้อ่อนกว่าศิลากอง
ถ้ารักแล้วรับรองไม่สองใจ*
๕๗...
จะอิ่มออมหอมห่มอารมณ์รัก
จะอิงแอบแนบสมัครสมานใกล้
สอดผสานสายสร้อยร้อยมาลัย
เอาดวงใจให้สองซึ้งเป็นหนึ่งทรวง
๕๘...
เอารู้สึกใส่ไปในรู้สึก
ในส่วนเสี้ยวสำนึกอันลึกล่วง
แม้มิใช่ความงามงดจนหมดทรวง
แต่เป็นทุกความแหนห่วงจากดวงใจ
๕๙...
ถ้าจะรักก็จะรักภักดีมั่น
ถ้าจะฝันก็จะฝันไม่หวั่นไหว
ถ้าจะคอยก็จะคอยไม่น้อยใจ
ถ้าจะให้ก็จะให้จากใจจริง
๖๐...
ความงาม.. ในความงดงามกว่า
ยังรอคอยในท่วงท่าสงบนิ่ง
ยังคงความรู้สึกอันเพริศพริ้ง
ใจยังนิ่งแน่นอนไม่คลอนครา
๖๑...
ยามจากไปไกลห่างรู้บ้างไหม
ยังมั่นใจในรักเป็นนักหนา
มีหวาดหวั่นพรั่นใจบางเวลา
แต่ไม่เคยเหนื่อยล้ากล้ารอเธอ
๖๒...
ห้วงหนึ่งหนึ่งซึ่งมี ณ. บางครั้ง
ใจยังวาดยังหวังจนพลั้งเผลอ
คิดฝันถึงคนอยู่ไกลยามไม่เจอ
ใจเลยเผลอเพ้อพร่ำเป็นคำกลอน
๖๓...
เดือนดาวพราวพร่างบนทางฟ้า
วอนช่วยพารักข้าไปพร่ำอ้อน
ส่งรู้สึกลึกลึกเอื้ออาทร
ร้อยเป็นกลอนอาวรณ์อาทรเธอ
๖๔...
แล้ววันหนึ่งวันนั้นก็มาถึง
วันที่งามสวยซึ้งสม่ำเสมอ
วันที่ใจหมายรอขอได้เจอ
คนที่ฉันพร่ำเพ้อยามห่างไกล
๖๕...
หนึ่งปีกว่าเงินเก็บมาได้กว่าหมื่น
กอดกระเป๋าทั้งคืนฝืนหวั่นไหว
ที่จุดหมายปลายฝันนั้นฉันจะไป
จับรถสายหาดใหญ่ไปหาเธอ
๖๖...
ถึงจุดหมายปลายทางตีห้ากว่า
เสียงเธอบอกรอท่าอยู่เสมอ
แต่รอนิดหน่อยนะจะได้เจอ
ฟ้าสางก่อนนะเธอจะเจอกัน
๖๗...
ถามใจว่าถ้าเห็นหน้าจะกล้าไหม
สวมกอดให้สมใจที่ใฝ่ฝัน
แล้ววันหนึ่งวันนี้ที่เจอกัน
ในนิ่งนึกให้ไหวหวั่นในแววตา
๖๘...
อารมณ์เอ๋ย โอ้ว่า อารมณ์ชาย
จึ่งเขียนถ้อยร้อยรายปรารถนา
จากห้วงใจที่ไหวอกสะทกอุรา
กลบเกลื่อนความปรารถนาว้าวุ่นนั้น
๖๙...
และแล้วความเป็นเจ้าก็ปรากฏ
ช่างงามงดงดงามดั่งความฝัน
ในทุกความคะนึงถึงปัจจุบัน
สิ้นแล้วความเงียบงันที่อารมณ์
๗๐...
กลิ่นแก้มเจ้ายังกรุ่นละมุนละม่อม
รื่นรสหอมประทับใจจากไรผม
ระรวยรินดั่งอบร่ำมาพร่ำพรม
แววตาคมยังวับวามทุกความจำ
๗๑...
จากเรียวนิ้วผิวนวลอ้วนและอวบ
ทรงผมรวบปลายปล่อยปอยขอดขำ
ละไมมือเหมือนใยกลุ่มไหมดำ
พวงแก้มฉ่ำอิ่มระรื่นชื่นใจครัน
๗๒...
อารมณ์เอยอารมณ์ช่างข่มยาก
ทุกถ้อยคำจากปากใช่อยากสั่น
แค่เอ่ยคำทายทักให้แก่กัน
หัวใจก็ไหวหวั่นสั่นอารมณ์
๗๓...
ทิพยสวรรค์
อัศจรรย์ หัวใจ เกินใคร่ข่ม
ดื่มด่ำแดนแผ่นภพอบร่ำพรหม
หมดแล้วความระทมขมหัวใจ
๗๔...
สงขลา...
คือแดนแห่งปรารถนาน่ารักใคร่
กี่วันเคลื่อนเดือนผันวันผ่านไป
เขาคอหงส์ตรงหาดใหญ่เป็นพยาน
๗๕...
ความรัก...
แน่นหนัก กว่าแผ่นฟ้านภาผ่าน
ที่มนต์มืดแห่งแห่งอุษาราตรีกาล
พี่คิดถึงตำนาน การรอคอย
๗๖...
วันที่พรากจากกันจนวันพบ
วันที่คบ พบฝันวันเหงาหงอย
วันที่ร้างสัมผัส วัดใจกลอย
วันที่รอย ห่วงหาอาลัยรัก
๗๗...
วันที่ความระทม
มาระบม หัวใจให้จมปลัก
วันที่นวล สรวลคำอำลารัก
วันที่คำทายทักจักเปลี่ยนไป
๗๘...
หลายขวบปี
มิอาจรักษ์ภักดีเอาไว้ได้
เหลือแต่ความห่วงหาและอาลัย
ทบทวนนัย อดีตเห็น เป็นพยาน
๗๙...
ไม่เคยลืมเบญจมราชูทิศ
ไม่เคยลืมค่อนชีวิตที่ล่วงผ่าน
ไม่เคยลืมความรักที่มัดมานย์
ไม่เคยลืมไทสารจารหัวใจ
๘๐...
ไม่เคยลืมเสื้อคอซองที่ครองเจ้า
ไม่เคยลืมถิ่นเก่าที่เราใกล้
ไม่เคยลืมหอห้องพักพำนักใจ
ไม่เคยลืมยิ้มละไมแม้ไกลกัน
๘๑...
ไม่เคยลืมสายฝนที่พรมร่าง
ไม่เคยลืมแก้มนางคิดพลางสั่น
ไม่เคยลืมอุ่นเนื้อยามเกื้อกัน
ไม่เคยลืมแววตานั้นวันอำลา
๘๒...
ไม่เคยลืมคำความตามจดหมาย
ไม่เคยลืมดวงดอกไม้เมืองสงขลา
ไม่เคยลืมดาวเกลื่อนเป็นเพื่อนฟ้า
ไม่เคยลืมคืนเหว่ว้ารอท่าเธอ
๘๓...
ไม่เคยลืมโพสการ์ดกระดาษขาว
ไม่เคยลืมถ้อยคราวพี่บ่าวเพ้อ
ไม่เคยลืมกล่องดนตรีมีให้เธอ
ไม่เคยลืมวันละเมอเพ้อฝากความ
๘๔...
ไม่เคยลืมคืนหนาวทุกคราวดึก
ไม่เคยลืมความรู้สึกพี่นึกหวาม
ไม่เคยลืมตู้โทร์ศัพท์ส่งรับความ
ไม่เคยลืมหลังสองยามตามคอนโด
๘๕...
ไม่เคยลืมเสียงท้องเมื่อร้องหิว
ไม่เคยลืมไส้ที่กิ่วยามหิว...โธ่!
ไม่เคยลืมหมูกระปุกยามอดโซ
ไม่เคยลืมคำโก้โก้ โม้ปลุกใจ
มีเงินจักมีประโยชน์ใด
หากขาดซึ่งคนรู้ใจ
ชีวิตก็ไร้ซึ่งความหมาย
๘๖...
ไม่เคยลืมกระเป๋าใบละหลายพัน
ไม่เคยลืมมือที่สั่นวันที่จ่าย
ไม่เคยลืมตั๋วรถทัวร์ตั๋วรถไฟ
ไม่เคยลืมหาดใหญ่ เมือง มอ.(มอ ออ)
๘๗...
ไม่เคยลืมคืนวันอันงามงด
ไม่เคยลืมท่ารถ บขส.
ไม่เคยลืมน้ำตาเธอ ยามเอ่อออ
ไม่เคยลืมทุก พศ. ที่รอกัน
๘๘...
ไม่เคยลืมเส้นถนนสาย ๑๐๘ (ร้อยแปด)
ไม่เคยลืมอุ่นอายแดดของที่นั่น
ไม่เคยลืมหอ ๓ ของจอมจันทร์
ไม่เคยลืมหลายค่ำนั้นร้านน้ำชา
๘๙...
ไม่เคยลืมกลิ่นไม้ ร้านป่ายาง
ไม่เคยลืมกรุ่นนาง สิเนหา
ไม่เคยลืมหมี่ไก่ไปอิ่มมา
ไม่เคยลืม หอนาฬิ์กา ที่หน้าเมือง
๙๐...
ไม่เคยลืมมนต์ความรักสลักไว้
ไม่เคยลืมสาว ทุ่งใหญ่ ในเมืองเขื่อง
ไม่เคยลืมสมิหลาอันลือเลื่อง
ไม่เคยลืมนามกระเดื่องคนเมืองคอน
๙๑...
ไม่เคยลืมคำความทุกวลี
ไม่เคยลืมบทกวี ในวันก่อน
ไม่เคยลืม สร้อยคำ ที่ย้ำวอน
ไม่เคยลืม ร้อยอักษร อ้อน รวี
๙๒...
ไม่เคยลืมคำปลุกปลอบมอบดวงขวัญ
ไม่เคยลืมราตรีนั้นจันทร์แจ่มศรี
ไม่เคยลืมคำตราตรึงถึงฤดี
ไม่เคยลืมคืนชวนชี้ชมฟ้างาม
๙๓...
ไม่เคยลืมเสียงคลื่นที่คืนฝั่ง
ไม่เคยลืมภาพความหลังยังใจหวาม
ไม่เคยลืมสัญญาทุกคำความ
สุดจะห้ามหักรักผลักพ้นใจ
๙๔...
นิจจาเอ๋ยคนเคยรักด้วยหนักแน่น
กลับมาแคลนคลอนกัน ผันไปได้
๙ พศ. พี่รอรัก เจ้าหักใจ
ตัดอาลัยในสัมพันธ์ร่วมกันมา
๙๕...
คน ขนอม ตรอมใจ ทุ่งใหญ่เอ๋ย
ไม่คิดเคย จะคุ้นชิน ความสิ้นท่า
ความทรงจำที่ย้ำชิดติดตรึงตรา
โอ้ สงขลา พยานรักหลักชีวิต
๙๖...
ผลสัตย์ซื่อถือมั่น มันสาสม
สุดระทม จะข่มหัก ก็หนักจิต
เพราะเธอมอบใจให้ใครไม่ตรองคิด
ให้อีกหนึ่ง ชีวิต สุดจะลืม
๙๗...
ความเป็นจริงทุกสิ่งจึงแตกดับ
ไปพร้อมกับสุขล้ำเคยด่ำดื่ม
รักเรา แค่ของเขา ให้เรายืม
คำปลอบเพื่อให้ลืม ความอาลัย
๙๘...
หนอความคิด
อย่าพึงด่วนตัดสิทธิ์คิดสงสัย
ก้องคะนึงอึงอลท้นหัวใจ
ถ้าหากลืม ลืมได้ จะไม่จำ
..
...เฮอะ !!!
รักของเรา เปล่าประโยชน์ จะจดจำ
ถึงงามล้ำ ก็ไม่กำ ชีวิตเธอ...
๙๙...
เจ็บปวดนัก...
นี่หรือค่าความรัก เคยภักดิ์เสมอ
ถึงงามล้ำก็ไม่กำชีวิตเธอ
ฉันแค่เพียงเพ้อเจ้ออยู่ลำพัง
๑๐๐...
น่าหัวร่อ...
ต่อนี้ขออยู่อย่างสิ้นทางหวัง
กับเสียงเพลงที่บรรเลงวิเวงวัง
ตราบกระทั่งเนื้อกายสั่ง ไม่หายใจ
๑๐๑...
อาจเป็นกรรมทำเธอไว้แต่ปางก่อน
จึงได้หลอนหลอกให้หลง สิ้นสงสัย
ลวงให้ช้ำกล้ำกลืนฝืนหทัย
ได้แต่ถาม ว่าทำไมต้องเป็นเรา ?
๑๐๒...
ใจที่รักภักดีมีให้เธอ
ยังคงเผลอละเมอหาเวลาเหงา
เคยกระซิบสั่งส่งถึงนงเยาว์
เธอปล่อยเขาหมองหม่นนะคนดี
๑๐๓...
รินไหล...
ยินความนัยจากใจที่ไหลปรี่
"นี่หรือรักคือความปรารถนาดี
ที่คนมีให้เธอ ต้องเพ้อตรม"
๑๐๔...
โอ้ความรักเอย
ไม่คิดเคยจะคุ้นขื่นความขื่นขม
ทั้งเจ็บปวดรวดหนาวร้าวระบม
ช่างระทมสุดข่ม ความวังเวง
๑๐๕...
สูญเสีย ความรัก แล้วซิหนอ
มีแต่ความทุกข์ท้อรุกรอเร่ง
นึกถึงเขาปวดร้าวเหงาวังเวง
ดั่งบทเพลงเป็นเพื่อน เกลื่อนความระทม
๑๐๖...
เมื่อรักเรา เปล่าประโยชน์ จะจดจำ
เหมือนโดนย่ำ ฉ่ำชื่น กลับขื่นขม
เจ็บปวดนักรักเอ๋ยเคยปรารมภ์
มาระทม เพราะรัก เจ้าหักใจ
๑๐๗...
ทั้งที่รู้ใจที่จำทำใจเจ็บ
แต่ยอมร้าวหนาวเหน็บ เจ็บทนไว้
ยิ้มร่ากับทุกข์ท้อทรมาใจ
ท่ามกลางวันและวัยที่ผ่านเลย
๑๐๘...
ดอกไม้อาจเปลี่ยนสีทุกทีเห็น
แต่ใจกลับไม่เคยเป็นเช่นที่เอ่ย
แม้คืนวานผ่านผัน วันผ่านเลย
แต่ใจเอ๋ย กลับมิเคย เผยคำลา
๑๐๙...
คงเพราะแสนเสียดายอายจะรับ
กับโลกที่แตกยับ อยู่เบื้องหน้า
จึงคิดอยากหยุดวันหยุดเวลา
ย้อนอดีตอีกสักครา...ไปหาเธอ
๑๑๐...
ไปอิ่มออมหอมอารมณ์ห่มความสุข
ที่เร้ารุกพลังใจให้เสมอ
เพื่อหมายพบคนหมายกัน ฉันหมายเจอ
เธอที่งามสวยเพ้อในอารมณ์
๑๑๑...
อารมณ์เอ๋ย อารมณ์ช่างข่มยาก
ทั้งที่อยากคิดข่มอารมณ์ขม
เจ็บใดเล่าเท่าที่เหน็บเจ็บอารมณ์
หนาวใดเท่าหนาวระทมขมดวงใจ
๑๑๒...
มองภาพถ่ายของเธอใส่ชุดครุย
เป็นเพื่อนคุยในวันที่หวาดไหว
แม้บัดนี้ มิมีเธอ อีกต่อไป
แต่ก็ยังแย้มยิ้มได้กับภาพเธอ
๑๑๓...
นั่นจิ๊กซอว์เธอต่อรักสลักจินต์
ยังงดงามทั่วถิ่นใจสมัยเสมอ
เห็นทุกคราวฝันทุกครั้งยังละเมอ
เธอแสนงาม เลิศเลอ ทุกเวลา
๑๑๔...
วันเธอรับปริญญาในครานั้น
ฉันตื่นเต้นตื้นตันเป็นนักหนา
จับรถด่วน ขบวนสุดท้ายสายยะลา
ให้ทันวันที่รอท่าปัตตานี
๑๑๕..
จากวันนั้นจนวันนี้ห้าปีกว่า
ภาพถ่ายเธอที่ตรงหน้า ณ.ตรงนี้
ตรงที่แม้กายเราห่างร้างไมตรี
แต่มากมียังมากมายไม่หายไป
๑๑๖..
บางทีเผลอ ยังเพ้อ เอ่ยถามทัก
ว่ายอดรักเธอเหนื่อยหนักบ้างหรือไม่
ในวันนี้คนดีเป็นอย่างไร
มีหรือไม่ใครดูแลถ้าแพ้มา
๑๑๗..
มีชายหนุ่ม มองรูปคุณ ยังอุ่นจิต
แม้วันหนึ่งเคยพ่ายพิษรักนักหนา
วันที่คุณเผยฝากออกปากลา
กลายเป็นคนแปลกหน้าแปลกหัวใจ
๑๑๘..
เคยเศร้าสร้อยงานการคร้านจะคิด
ชังชีวิตหน่ายชีวาไม่กล้าไข-
ความท้อทดหมดหวังพลังชัย
ปล่อยให้วันให้วัย ช่วยเยียวยา
๑๑๙...
มองภาพถ่าย คุณใส่ครุยในครานี้
อาจมีบ้างบางทีที่โหยหา
แต่เป็นทุกข์ที่อิ่มสุขตลอดมา
เพราะคุณเป็นมากกว่าที่หมายใจ
๑๒๐..
ยังจำได้วันที่เคยทุกข์ท้อ
คุณช่วยติช่วยต่อพลังให้
ขอขอบคุณ สัมพันธภาพ สลักหทัย
สำหรับรักอันยิ่งใหญ่เคยให้มา
๑๒๑..
บางเวลา คราเห็นคุณในชุดครุย
เคยพูดคุยถามความเสมอว่า
เส้นทางฝันจากวันนั้นที่จากมา
คุณเลือกเอา ปรารถนาบรรดาใด
๑๒๒..
หวังเพียงว่าชีวิตหนึ่งซึ่งเลือกแล้ว
เธอจะได้มณีแก้วดังฝันใฝ่
ให้แสงสวยส่องสว่างกระจ่างใจ
อาบหวังให้ไสวสว่างกลางใจเธอ
๑๒๓..
จะจดจำเธอคนดีทั้งชีวิต
คนที่เตือน ถูกผิดกันเสมอ
แม้กาลหนึ่งเคยล้มคว่ำร่ำละเมอ
น้ำตาเอ่อ วันรักเธอตัดรอน
๑๒๔..
มาบัดนี้กาลเวลาได้ล่วงผ่าน
ประสบการณ์ ทุกสิ่งก็เสี้ยมสอน
ชีวิตนี้หนึ่งเป็น เช่นละคร
ครบทุกตอน ทั้งสุขโศก วิโยคใจ
๑๒๕...
เจ้าสาว...
หากมะลิสีขาวที่พราวใส
อาจแทนทดหมดดั่งหวังพลังใจ
พี่ขอเขียนพรบทใหม่อวยชัยเธอ
๑๒๖...
เป็นถ้อยพจน์บทกวี ฤดีฝาก
ที่หลั่งหลาก ฟากฤทัยไว้เสนอ
แด่ความปรารถนาที่อาบเอ่อ
สำหรับเธอ เสมอหนัก ผู้ภักดี
๑๒๗...
จะถึงกาล กาลหนึ่งมาถึงแล้ว
ระยิบแววแก้วประกาศสะอาดศรี
จุมพิตเกสราแก้วมาลี
ร่วมยินดีด้วยน้ำมิตรจิตผูกพัน
๑๒๘...
เจ้าสาวน้อย
มะลิร้อยมาลัยเรียงเพียงสร้อยขวัญ
ความหอมหวานซ่านละมุนพิกุลจันทร์
จะอวลกลิ่นระริ่นฝันวันวิวาห์
๑๒๙...
เพลงกล่อมหอล้อระคนด้วยมนต์รัก
ลาวคำหอม พร้อมสมัครเสมอค่า
สาวพิสุทธิ์ดุจน้ำค้างกลางมาลา
ห่มด้วยความปรารถนาแห่งความรัก
๑๓๐...
เจ้าสาวสวย
เธองามด้วยคุณธรรมล้ำประจักษ์
เพชรน้ำหนึ่งเหมาะเหมือนกับเรือนภักดิ์
ราวจะวักดื่มได้น้ำใจน้อง
๑๓๑...
ลาวคำหอม หอมค่ำเมื่อย่ำรุ่ง
บ่าวสาวมุ่งสมานใจมิให้หมอง
ชีวิตใหม่ใสศรัทธาวิวาห์ทอง
มีครรลองแห่งธรรมไว้นำทาง
๑๓๒...
เจ้าสาวซึ้ง
หลักข้อหนึ่งภักดิ์สามีมิมีห่าง
สองวาจาปลอบใจไม่จืดจาง
สามไม่ร้างยามยากไร้หัวใจตรอม
๑๓๓...
ร้อยมาลัยให้สาวขวัญในวันนี้
มวลมาลียามสายก็หายหอม
หอมเจ้าสาวประทิ่นฟุ้งไม่ปรุงปลอม
สนิทน้อมเสน่ห์น้าวเจ้าสาวงาม
๑๓๔...
แต่นี้หนา
สมทุกความปรารถนา ฤดีหวาม
มนต์กวี พี่พลีพจน์บทนิยาม
อวยพรความลึกลึกรู้สึกมา
๑๓๕...
ใดใดในสากลพ้นประเทศ
ทั่วข่ายเขตขอบพุทธท่านรักษา
มงคลใดทั้งแผ่นพบจบนภา
ผ่านภาษา มาลาสร้อยร้อยแด่เธอ
๑๓๖...
ว่าบัดนี้
วนาลี สีขาว พราวเสนอ
พี่หยิบมาร้อยปรารถนา ที่อาบเอ่อ
ไว้กำนัลแด่เธอ ผู้โชคดี
๑๓๗...
สถานไหน
มงคลใด ในหล้า ทิศาที่-
เหนือเกศาศกหล้าประดามี
บรรดาดี พลีถ้อยร้อยคำพร
๑๓๘...
ทุกส่วนสุข
บรรดาทุกข์ บัดหาย พร้อมร้ายผ่อน
เสกอัปสร ฟ้อนรำอำนวยพร
นวลขวัญอ่อน จงมี แต่โชคดี
๑๔๐...
ขอทุกความอ่อนหวานปานดอกไม้
โอบหัวใจของทั้งสองทุกห้องสี่
ให้มีแต่เยื่อใยใจอารี
หลอมจิตพลีทุกสถานกังวานริน
๑๔๑...
เทพไท้...
สถิตย์ ณ สถานไหน ในแดนถิ่น
อันเชิญองค์ ทรงประสาท ประกาศจินต์
ดุจประทิ่นส่งกลิ่นหอมขจรมา
๑๔๒...
เกสร...
เกณฑ์ภมรว่อนว่ายจากปลายฟ้า
จงพิทักษ์รักษ์เจ้าเกสรา
ให้หอมทั้งฝั่งฟ้าวิวาห์รอ
๑๔๓...
ขอสายฝนกระซิบสายประกายทิพย์
จากฟ้าลิบโลมกมลจนท้นอ่อ
บรรเลงสายเพลงซึ้งดังซึงซอ
ส่งบ่าวสาวเข้าหับหอ พนอขวัญ
๑๔๔...
คู่ครองรักจักรุ่งเรืองประเทืองสง่า
ดุจดาราหยาดระยิบทิพย์สวรรค์
เฉกสายรุ้งรุ่งชีวีที่แพรวพรรณ
ความรื่นรมย์ชั่วนิรันดร์ฤดีแด
๑๔๕...
ให้สวยงามเหมือนฟ้าวามยามอุษา
กาลภายหน้าคราละออเป็นพ่อแม่
สายตาฉ่ำยังล้ำชำเลืองแล
เป็นคู่แท้ความจริงใจมอบให้กัน
๑๔๖
ให้คู่รักละไมอุ่นละมุนทิพย์
เสียงกระซิบลดาอ่อนตอนวสันต์
คือใบไม้สีทองของเหมันต์
คือบทเพลงแห่งคิมหันต์อันอาบมนต์
๑๔๗...
ขอพรแห่งสีทองของอุษา
บัลโลมทาหล้าแหล่งทุกแห่งหน
สว่างหวามงามฤทธิ์ทุกทิศดล
ทั้งสองคนสุขสันต์วันวิวาห์
๑๔๘...
บันจิตดล...
ตั้งกมลล้นหลาก จากใจว่า
บรรดาปวงความดีเคยมีมา
โปรดรักษา คู่ขวัญ นิรันดร์เทอญ...
.. บทส่งใจ ..
บ่อยครั้งเมื่อจบความรู้สึกที่ขบเขียนและขบคิด
มักจะมีบทส่งใจไว้ท้ายถ้อยที่ร้อยคะนึงนั้นเสมอเสมอ..
วันนี้...
ในคำนึงนั้นคงไม่มีคำอธิบายใด พึงมี พอเพียง ตรงและเท่ารู้สึกที่เป็น
จึงได้แต่ปล่อยให้บทกวีบอกเล่าความรู้สึกอันไม่ใคร่สมบูรณ์นั้น...
แบบนี้น่ะดีแล้ว
ขอบคุณ..
.. รัศมี จงเจริญ
.. เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
.. คมทวน คันธนู
.. โชคชัย บัณฑิต
.. ไพรวรินทร์ ขาวงาม
.. เตือนใจ บัวคลี่
.. จิรกาญจน์ แก้วพรม
.. อังคาร กัลยาณพงศ์
.. ชนะ คำมงคล
.. วัฒน์ วัลยางกูร
.. ชิตะวา มุนินโท
.. พึงเนตร อติแพทย์
.. กานติ ณ ศรัทธา
.. เสียงใจสิบสองนักกลอนจากปักษ์ใต้
แทนคุณแทนไท / พระฤหัสที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๐