30 กรกฎาคม 2555 09:45 น.
แทนคุณแทนไท
ข้าแต่ผู้ปกครอง
จะเรียกร้องความเป็นธรรมได้ที่ไหน
ข้าเขียน จดหมายฝากได้หรือไม่
ขอให้ท่านนำไปช่วยบอกที
ทรัพย์สิน ที่ดิน เขายึดข้า
เขาหาว่า รุกป่า- ผิดวิถี
เองสารแสดงสิทธิ์ สิทธิ์ไม่มี
พืชผล กำลังดี เผาทำลาย
ข้าแต่ผู้ปกครอง
ขอปรองดองในนามผู้เสียหาย
ขอเวลาอีกระยะไม่มากมาย
ในปีกลายแน่ชัดได้ตัดยาง
แนวเขตนี้เมื่อก่อนเป็นเช่นไร
ไยไม่ลองมองไปแต่หลังบ้าง
พอล่วงมาข้าสร้างเป็นสวนยาง
ท่านก็อ้าง ว่าอย่างนั้น ว่าอย่างนี้
ข้าแต่ผู้ปกครอง
ก่อนน้ำเหงื่อท่านนองเพราะหน้าที่
ใครสร้างป่า สร้างฝนกันทั้งปี
ขณะก่อน หน้านี้แล้งทุกเดือน
ข้าแต่ศาลที่เคารพ
ข้อขอฟ้องแทนศพที่กลาดเหลื่อน
เพื่อเป็นอุทธาหรณ์ไว้ย้ำเตือน
นักปกครองผู้เลอะเลือน ตัดไม้ทิ้ง
ข้าไม่ยื่นอุทธรณ์ในเรื่องสิทธิ์
แต่ใช้สมองคิดไว้สักสิ่ง
รุกที่ดิน ป่าสงวนนั้นเรื่องจริง
ใครเผาทิ้งป่ายาง-ช่างเขลานัก
"ข้าขอถามสักสิ่ง ใครโค่นป่า"
สำนักกวีบุศรินทร์
แทนคุณแทนไท / พระจันทร์ ๓๐ กรกรฎาค์ ๕๕
24 กรกฎาคม 2555 09:18 น.
แทนคุณแทนไท
เมื่อจะรักก็จงรักให้หนักแน่น
ให้เต็มแก่น เต็มแกนความรู้สุข
แม้บางครารักก่อให้เกิดทุกข์
โชคดีแล้วที่เคยสุขกับทุกข์นั้น
ฉันจากเธอ กี่นานหนอที่รัก
จำแรกได้ใจประจักษ์จนใจสั่น
สัมผัสถึงอารมณ์พริ้มแพร้วนั่น
เราจากกัน ทั้งที่ไม่ไกลเกิน
อยากได้ยิ้มอิ่มออมหอมกลิ่นเก่า
สวนดอกไม้สวนเก่าเขาห่างเหิน
มิรักษา สายตายังมาเมิน
ทางเคยเดินร้างดายใจหายจัง
และแล้ว... ดอกไม้ก็ปลิดดอก
เขาเคยบอก นี่แหละดอกของความหวัง
เงียบจริงหนอ แม้เสียงลมพรมสั่ง
สวนนี้มี ! แต่ไยยังไม่เหมือนเดิม
เมื่อจะรักก็ลองรักให้แน่นหนัก
อย่าปล่อยโลกไสผลัก "รักจงเริ่ม"
แบ่งปัน แม้ฝันฝาด ให้หยาดเยิ้ม
เถอะเธอมา แต่งเติม ... สวนดอกรัก
สำนักกวีบุศรินทร์
พระอังคารที่ ๒๔ กรกฎาค์ ๕๕ / แทนคุณแทนไท
14 กรกฎาคม 2555 13:39 น.
แทนคุณแทนไท
ฉันคิดถึงเธอ
เมื่อแรกที่ได้เจอในที่นี่
มาทักทายสบายไหมสบายดี
มามอบมิตรไมตรีไม่มีภัย
ประวัติดีไมตรีไม่มีหมด
มาฝากถ้อยร้อยรสบทความไว้
ไม่สนใจที่มาหรือที่ไป
ใจต่อใจสัมผัสได้ด้วยรสคำ
เป็นทั้งพี่ทั้งเพื่อนทั้งพวกผอง
บ้างนับเป็นเช่นน้องร่วมร้องร่ำ
บรรเลงจินตนาการละลานคำ
ยกจอกแดดื่มด่ำล้ำเลอใจ
ไปไหนหนา
เธอผู้เป็นนางฟ้าหนีไปไหน
เขาผู้เป็นทวยเทพอำนวยชัย
สหายผู้ห่วงใยเคยให้กัน
ลืมแล้วหรือถิ่นเคยรักสมัครหมาย
ที่ไม่ต้องใกล้กายใจหมายมั่น
ใครจักอยู่โลกไหนก็โลกนั้น
มาเป็นโลกนิจนิรันดร์ในบ้านเรา
เธอจากไปไกลห่างรู้บ้างไหม
ว่ามีใครเขาคอยพลอยหงอยเหงา
เขียนคำฝากกระซิบส่งถึงนงเยาว์
อย่าปล่อยเขาหมองหม่นนะคนดี
สำหรับใครบางคนที่ถอยฉาก
เธอถามฝากฉันมา ณ.ที่นี่
ไม่เหลือรักยังเหลือไหมเยื่อใยมี
กับคนที่เคยรักเคยรักกัน
เวลามีพอว่างบ้างไหมหนอ
ถ้ามีพอขอมาตอบว่าชอบฉัน
อย่าซอนซุกรู้สึกลึกลึกนั่น
ขอแค่มาแบ่งปันเท่านั้นพอ
สมมุติว่า
ถ้าใจเธอรักเพรียกหาเหมือนว่าหนอ
เสียงสวดมนต์บ่นถึงไม่ซึ้งพอ
เท่าสร้อยที่ร้อยล้อต่อคำคม
ฉันคิดถึงเธอ
ใยมาเจอโทษทัณฑ์อย่างสาสม
ไปอยู่ไหนสารภาพอย่างซานซม
ฉันปรารมขมขื่นทุกคืนวัน
แดนแห่งนี้เคยสนุกสุขเสมอ
แม้เพ้อเจ้ออย่างไรไม่เคยหวั่น
ไปไหนหนอนางฟ้าที่ว่านั้น
เทวดาไปแอบปันใจที่ใด
ไปไหนหนา,,,อักษราสารพัน
เคยมีมอบตอบปันปลอบขวัญเรา
4 กรกฎาคม 2555 08:48 น.
แทนคุณแทนไท
เมื่อคืนนั้นฉันฝันเสียไปไกลลิบ
โลกระยิบงามงดสีสดใส
ผีเสื้อสวยบินว่อนฟ้อนปีกไกว
ดอกไม้ไหวเต็มลานหน้าบ้านเรา
ไม่เห็นตึกระฟ้าเคยอ่าโอ่
ไร้ดิสโก้อาคาซ่าเท็คบาร์เล้า
เหล้า กัญชา ยาอีไม่มีเงา
ยามเปลี่ยวเปล่าใช้ธรรมขับประดับใจ
คนแก่งแย่งแข่งขันทำความดี
โลกเสรีสีสวยมิป่วยไข้
ประชาธิปไตยและความตาย
กลายเป็นฝันเลวร้ายอย่าหมายมา
สายลมพลิ้วปลิวแผ่วแว่วเสียงทิพย์
พญาโศกกระซิบซึ้งจึงผวา
ไยเย็นเยือกไปถึงซึ่งอุรา
พอลืมตาได้ซบทราบช่างหยาบคาย
ตื่นเร็วเข้าเหลือเราแค่นี้แล้ว"
นังนกแก้วเจื้อยแจ้วให้ใจหาย
เสียงบางใครกลบฝันอันพริ้มพราย
ขณะที่ปีศาจร้ายกำลังมา
4 มิถุนายน 2555 00:39 น.
แทนคุณแทนไท
เซ็งเป็ด เข็ดหงส์ อย่าคงโทษ
ขอจงโปรดเมตาอย่างที่เห็น
เมื่อทำได้อย่างนี้เท่าที่เป็น
อันดับก็คงเน้นเช่นฝีมือ
จบอันดับอัปยศอดสูนัก
มิใช่เพราะหลงเกียติศักดิ์ที่ยึดถือ
แต่ความเพียรที่เคยสร้างอย่างเลื่องลือ
มีคนใช้ยึดถือเย้ยระอา
ในนามแฟนทำแทนก็ไม่ได้
ถึงทำได้ก็ใช่จะดีกว่า
ได้แต่ให้กำลังใจตลอดมา
รู้ความก็รู้ว่ารักหงส์แดง
แม่สอนให้ดูกีฬาชนิดแรก
ให้สอนแทรกสปิริตไม่ผิดแผลง
ปี แปดหก นกหงส์ยังสำแดง
มนต์เพลงแข้งความฉกาจไร้ทาดทัน
มาวันนี้กี่สมัยไม่ได้แชมป์
เธอยังเป็นยิ้มแย้มไว้แต้มฝัน
เหล่าสาวกนกหงส์คงเหมือนกัน
ความรักนั้นมั่่นอยู่มิรู้คลาย
เมื่อแพ้พ่ายก็ได้แต่ผิดหวัง
จะคิดชังฟังซิใจไม่เคยหมาย
ดั่งภาพเขียนอยู่ในเทพนิยาย
ถึงมิได้รางวัลยังฝันรอ
ขอเป็นเพียงหงส์แดงตะแคงฟ้า
ทีมก็มาเป็นหนึ่งซึ้งไหมหนอ
ที่หน้าอกเสื้อมีหงส์คงทนพอ
หลังเสื้อปรับชื่อก็ไม่เป็นไร
สหายเอ๋ย
หากเธอเคยมีความรักจักรู้ได้
คนที่รักใช่ต้องหนึ่งในใจใคร
ขอเพียงได้เป็นหนึ่งในใจเรา
ฉันรักเธอ หงส์แดงเพียงแค่นั้น
มิกระสันแชมป์ชัยอย่างใครเขา
ใครรักทีมเพราะแชมป์ก็เชิญเอา
ความมัวเมาเขลาจิตไปพิศดู
เดอะ ค็อป เป็นชื่อที่ใช้เรียกตามชื่อของเนินเขาแห่งหนึ่งใน นาทาล ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งคนท้องถิ่นจะรู้จักกันในนาม สปิออน ค็อป โดยเกิดเหตุการณ์การทำสงครามบัวร์ขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1900 อังกฤษได้ส่งทหารไปกว่า 300 นาย โดยส่วนใหญ่เป็นชาวเมืองลิเวอร์พูล แต่แล้วในสงครามนั้นเกิดเหตุการณ์น่าเศร้าขึ้นคือ อังกฤษได้เสียทหารไปเกินกว่าครึ่ง เพื่อเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น นักข่าวกีฬาของหนังสือพิมพ์ลิเวอร์พูลเดลี่โพสต์ ชื่อ เออร์เนสต์ เอ็ดเวิร์ตส์ จึงเสนอชื่อ สปิออน ค็อป ตามชื่อของเนินเขาลูกนั้น เป็นชื่อของอัฒจันทร์หลังประตูในการสร้างสนามใหม่ขึ้นมา เพื่อเป็นเกียรติในความกล้าหาญของทหารอังกฤษทั้ง 300 นาย ซึ่งต่อมาอัฒจันทร์แห่งนี้ได้กลายอัฒจันทร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกของฟุตบอลแห่งหนึ่ง. ในปี ค.ศ. 1928 ได้มีการต่อเติมอัฒจันทร์แห่งนี้ใหม่ และเมื่อใดเมื่อมีการแข่งขันฟุตบอลของทีมลิเวอร์พูลขึ้น คนที่ไปดูการแข่งขันของทีมบนอัฒจันทร์จะเรียกตัวเองว่า เดอะ ค็อป (The Kop) และแล้วจากเหตุการณ์โศกนาฎกรรมที่สนามฮิลส์โบโร่ ในปี ค.ศ. 1989 ซึ่งเกิดการถล่มของอัฒจันทร์ขึ้น ในการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ กับ นอร์ทติ้งแฮม ฟอเรสต์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 96 คน จึงมีคำสั่งให้ทุกสนามเปลี่ยนจากอัฒจันทร์ยืนเป็นแบบนั่งทั้งหมด และนั่นเป็นการปิดฉากของอัฒจันทร์ สปิออน ค็อป อัฒจันทร์แบบยืนที่มีความยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีอัฒจันทร์ใหม่ขึ้นมาและใช้ชื่อว่า นิว ค็อป ซึ่งความหมายต่าง ๆ ยังคงเหมือนเดิม แม้ชื่ออัฒจันทร์จะเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม นิว ค็อป ยังคงมีกลิ่นอายของประวัติเหล่านั้นอยู่เต็มเปี่ยม โดยปกติแล้วเมืองลิเวอร์พูลจะไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่ แต่ทว่าเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายที่รายล้อมอยู่บนทุกๆที่ไม่ว่าจะถนนสายไหน
จอห์น โฮลดิ้ง นักธุรกิจชาวเมืองลิเวอร์พูลได้เช่าพื้นที่บริเวณ แอนฟิลด์ โรด เพื่อใช้สร้างสนามฟุตบอล และเมื่อสร้างเสร็จได้ให้เอฟเวอร์ตัน เช่าเป็นสนามแข่ง และเมื่อทีมเอฟเวอร์ตันได้เข้าสู่สมาชิกฟุตบอลลีก จอห์น โฮลดิ้ง พยายามจะเข้าไปบริหารงานในทีมเอฟเวอร์ตันและได้เพิ่มค่าเช่าสนามที่ทีมได้เช่าอยู่ ฝ่ายกลุ่มบริหารของเอฟเวอร์ตันจึงยกเลิกสัญญาเช่าสนาม และทีมเอฟเวอร์ตันได้ย้ายสนามไปอีกฝากของสวนสาธารณะ สแตนลีย์พาร์ค เพื่อไปสร้างสนามเป็นของตัวเองโดยใช้ชื่อสนามว่า กูดีสันพาร์ก ดังนั้น จอห์น โฮลดิ้ง จึงต้องการสร้างทีมฟุตบอลขึ้นมา และ จอห์น โฮลดิ้ง จึงไปชวนเพื่อนสนิทของเขาชื่อ จอห์น แมคเคนน่า มาทำหน้าที่ประธานสโมสรและได้ตั้งชื่อทีมฟุตบอลนี้ว่า Liverpool Football Club
สนามแอนฟิลด์
หลังจากที่สโมสรลิเวอร์พูลก่อตั้งได้ไม่นาน ได้จัดการแข่งขัดนัดอุ่นเครื่อง ซึ่งเป็นการลงสนามนัดแรกของทีมลิเวอร์พูลกับทีมร็อตเตอร์แฮม ซึ่งผลการแข่งขันปรากฏว่า ทีมลิเวอร์พูลชนะไปด้วยผลการแข่งขัน 7-1 และลิเวอร์พูล ได้ลงแข่งขันฟุตบอลลีกของแคว้น แลงคาเชียร์ ปรากฏว่าลิเวอร์พูลลงแข่งทั้งหมด 22 นัด ชนะ 17 นัด และได้แชมป์ไปครอง ส่งผลให้ทางสโมสรสามารถสมัครเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลลีกซึ่งได้รับการยอมรับและถูกคัดเลือกให้ลงเล่นในดีวิชั่น 2 ในฤดูกาล 1893-1894 สโมสรจึงได้เลือกสัญลักษณ์ของทีมเป็น นกลิเวอร์เบิร์ด (Liverbird) ซึ่งเป็นนกแถบทะเลไอริช บริเวณแม่น้ำเมอร์ซี่ย์ โดยที่ปากนกคาบใบไม้ไว้ ทีมลิเวอร์พูลได้ลงทำการแข่งขันอย่างเป็นทางในฟุตบอลลีก ดิวิชั่น 2 ในวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1893 โดยทีมลิเวอร์พูลออกไปเยือนทีมมิดเดิลสโบรซ์ ไอโรโนโปลิส และทีมลิเวอร์พูลสามารถได้แชมป์มาครองโดยที่ไม่แพ้ทีมใดเลยตลอดทั้งฤดูกาล (ทั้งหมด 28 นัด) แต่การคว้าแชมป์ลีกดิวิชั่น 2 ในตอนนั้นยังไม่ได้เลื่อนชั้นโดยทันที ต้องไปแข่งนัดชิงดำกับทีมอันดับสองก่อน โดยทีมอันดับสองในขณะนั้นคือ ทีมนิวตัน ฮีธ (ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปัจจุบัน) และลงแข่งขันที่สนามของทีมแบล็คเบิร์น ซึ่งทีมลิเวอร์พูลเอาชนะทีมนิวตัน ฮีธไปด้วยผล 2-0 และได้เลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 1 ในที่สุด
สโมสรลิเวอร์พูลก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2435 และก้าวขึ้นมาเป็นสโมสรแนวหน้าของอังกฤษอย่างรวดเร็วจนประสบความสำเร็จเป็นแชมป์ลีกสูงสุดชองประเทศครั้งแรกในปี พ.ศ. 2444 (ฤดูกาล 1900/01) และครั้งที่สองในปี พ.ศ. 2449 (ฤดูกาล 1905/06) ครั้งที่ 3 และ 4 เป็นแชมป์สองฤดูกาลติดใน พ.ศ. 2465 กับ พ.ศ. 2466 (ฤดูกาล 1921/22 กับ 1922/23) แชมป์ลีกสูงสุดครั้งที่ 5 คือปี พ.ศ. 2490 (ฤดูกาล 1946/47) อย่างไรก็ตามลิเวอร์พูลพบกับช่วงตกต่ำต้องไปเล่นในในดิวิชัน 2 ใน พ.ศ. 2497 (ฤดูกาล 1953/54) ภายหลังจึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสโมสรในปี พ.ศ. 2502 สโมสรได้แต่งตั้ง บิลล์ แชงก์คลี เป็นผู้จัดการทีม เขาได้เปลี่ยนแปลงทีมไปอย่างมาก จนประสบความสำเร็จได้เลื่อนชั้นในปี พ.ศ. 2505 (ฤดูกาล 1961/62) และได้แชมป์ลีกสูงสุดของประเทศอีกครั้งใน พ.ศ. 2507 (ฤดูกาล 1963/64) หลังจากรอคอยมานานถึง 17 ปี บิล แชงก์ลี คว้าแชมป์เอฟเอคัพเป็นถ้วยแรกของสโมสรลิเวอร์พูลในปี พ.ศ. 2508 (ฤดูกาล 1964/65) และคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 อีกครั้งในฤดูกาลต่อมา พ.ศ. 2509 (ฤดูกาล 1965/66) ความสำเร็จของแชงก์ลียังเดินหน้าต่อไป เมื่อลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ยูฟ่าคัพ พร้อมแชมป์ดิวิชั่น 1 ใน พ.ศ. 2516 (ฤดูกาล 1972/73) และเอฟเอคัพ อีกครั้งใน พ.ศ. 2517 (ฤดูกาล 1973/74) หลังจากนั้น บิลล์ แชงก์คลี ขอวางมือจากสโมสร โดยให้ผู้ช่วยของเขาสืบทอดตำแหน่ง ผู้จัดการทีมแทน นั่นคือ บ็อบ เพสส์ลี่
สโมสรต้องประสบกับความซบเซาในช่วงหนึ่งหลังจากได้แชมป์ลีกสูงสุดในปี พ.ศ. 2533 คือได้เพียงเอฟเอคัพ 1 ใบ ปี พ.ศ. 2535 กับลีกคัพ 1 ใบในปี พ.ศ. 2538 แต่ก็ฟื้นฟูขึ้นมาได้เมื่อพวกเขาสามารถคว้าแชมป์บอลถ้วยทั้งในระดับประเทศและระดับทวีปถึง 3 แชมป์ (คาร์ลิ่ง ลีกคัพ, เอฟเอคัพ รวมทั้งยูฟ่าคัพ) ได้ในปี พ.ศ. 2544 (ฤดูกาล 2000/01) ในปี 2544 นี้ลิเวอร์พูลยังคว้าถ้วยยูฟ่าซูเปอร์คัพ ที่เอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปีนั้น รวมทั้งเอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด คู่ปรับตัวฉกาจในถ้วยชาริตีชีลด์ ก่อนเปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีกเป็นปีที่หอมหวานปีหนึ่งของกองเชียร์ลิเวอร์พูล นักเตะสำคัญยุคนั้นได้แก่ ไมเคิล โอเวน, เอมิล เฮสกี้, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ซามี ฮูเปีย และ ยอร์น อาร์เน่ รีเซ่ เป็นต้น ทีมชุดนี้ผู้จัดการทีมคือ เชร์รา อุลลิเย่ ชาวฝรั่งเศส ผลงานเป็นชิ้นเป็นอันส่งท้ายของอุลลิเย่คือ การนำทีมลิเวอร์พูลชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-0 ในนัดชิงฟุตบอลลีกคัพ พ.ศ. 2546 (ฤดูกาล 2002/03) และแชมป์ที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งของลิเวอร์พูลคือปี 2548 ชนะในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เป็นครั้งที่ 5 ของสโมสร ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ตื่นตาตื่นใจครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์บอลยุโรป เมื่อลิเวอร์พูลไล่ตีเสมอทีม เอซี มิลาน เป็น 3-3 ทั้งที่โดนยิงนำไปก่อนถึง 3-0 และในที่สุดคว้าแชมป์มาได้จากการยิงจุดโทษชนะ 3-2 เป็นทีมจากอังกฤษที่ครองถ้วยยูโรเปียนคัพ (ปัจจุบันคือ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก) มากครั้งที่สุดถึง 5 สมัย ผู้เล่นที่สำคัญในยุคนั้น อาทิ สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ชาบี อาลอนโซ, ดีทมา ฮามันน์, วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์, เจอร์ซี่ ดูเด็ค และ เจมี คาร์ราเกอร์ คุมทัพโดย ผู้จัดการทีมสัญชาติสเปน ราฟาเอล เบนิเตซ ในฤดูกาลต่อมา พ.ศ. 2549 (ฤดูกาล 2005/06) ลิเวอร์พูลของเบนิเตซทำให้แฟนบอลต้องลุ้นอีกครั้ง ในนัดชิงเอฟเอคัพ เมื่อต้องอาศัยลูกยิงมหัศจรรย์ของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บตีเสมอทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด คู่ชิงแชมป์ในปีนั้นทำให้เสมอกันที่ 3-3 ต้องตัดสินแชมป์ด้วยการยิงจุดโทษอีกครั้ง และลิเวอร์พูลก็สามารถชนะไปได้ 3-1 เป็นแชมป์สำคัญรายการล่าสุดที่ลิเวอร์พูลทำได้ แต่รายการที่แฟนบอลต้องการมากที่สุดคือแชมป์ลีกของประเทศ หรือพรีเมียร์ลีกในปัจจุบัน ซึ่งปีล่าสุดที่ลิเวอร์พูลคว้ามาได้คือ พ.ศ. 2533 (ฤดูกาล 1989/90) จากการคุมทีมของ เคนนี ดัลกลิช ซึ่งต่อมาภายหลังดัลกลิชสามารถนำ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้ในปี พ.ศ. 2538 (ฤดูกาล 1994/95)
ในฤดูกาล 2009-10 ลิเวอร์พูลจบที่อันดับที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ซึ่งทำให้ไม่ได้ไปแข่งขันในรายการ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ทำให้เบนิเตซต้องลาออกจากตำแหน่งด้วยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย[3] และแทนที่โดย รอย ฮอดจ์สัน อดีตผู้จัดการทีม สโมสรฟูแลม[4] ในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล 201011 สโมสรลิเวอร์พูลนั้นเสี่ยงต่อการล้มละลาย เนื่องจากแบกรับหนี้สินเป็นจำนวนมากจากการทำงานของ จอร์จ ยิลเลตต์ และ ทอม ฮิกส์ ทำให้ต้องขายสโมสร ต่อมา จอห์น ดับเบิลยู เฮนรี, เจ้าของทีม บอสตัน เรด ซ็อกซ์และนิว อิงแลนด์ สปอร์ตส์ เวนเจอร์ส ได้ทำการซื้อขายสำเร็จในการซื้อสโมสรลิเวอร์พูล เมื่อตุลาคม 2010[5] ผลการแข่งขันที่ย้ำแย่ในช่วงต้นฤดูกาล ทำให้ฮอดจ์สันลาออกจากตำแหน่ง โดยมี เคนนี ดัลกลิช กลับมาคุมทีมอีกครั้ง [6]โดยในฤดูกาล 2011-12 สามารถคว้าแชมป์ในรายการ คาร์ลิงคัพ ได้สำเร็จเป็นสมัยที่แปดจากการยิงจุดโทษตัดสินชนะ คาร์ดิฟซีตี ผลประตูรวม 3-2[7] แต่พอถึงการปิดฤดูกาล ทางสโมสรก็ได้ปลดดัลกลิชออกเนื่องจากผลงานไม่ดีเหมือนที่คาดหวัง
ตำนาน
Bob Paisley
Greatest YNWA ever
Kevin Keegan
Kenny Dalglish
Ian Rush
Robbie Fowler
Steve McManaman
John Barnes
Steven Gerrard
Michael Owen
Steve Nicol
Peter Beardsley
Jamie Carragher
John Arne Riise
Ronnie Whelan
Terry McDermott
Steve Heighway
Ray Kennedy
Billy Liddell
Alan Hansen
Alan Kennedy
David Fairclough
Dietmar Hamann
Vladimir Smicer
Jamie Redknapp
Ray Clemence
Craig Johnston
Steve McMahon
Phil Thompson
Phil Neal
Roger Hunt