19 กรกฎาคม 2550 23:47 น.
แดนไกล ไลบีเรีย
โลกที่มีเธอเข้ามา
1) เธอเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร
ข้าเองยังสงสัยจึงไต่ถาม
นี่มันโลกแห่งข้า ข้านิยาม
โลกแห่งความเงียบเหงาและเศร้าใจ
เธออาจหลงทางเข้ามา......
โปรดบอกข้าเธอเคว้งคว้างจากทางไหน
หรือว่าเธอไม่มีที่จะไป
จึงเซซัดเข้ามาในโลกใบนี้
โลกของข้าช่างเงียบเหงา.......
แสนโศกเศร้าเปล่าดายไร้แสงสี
เธออาจทนไม่ได้หรอกชีวี
เพราะที่นี่ มีแต่ข้าเพียงผู้เดียว
ข้าอาจเป็นเพื่อนเธอ คงไม่ได้
เพราะข้าชินแล้วกับใจอันเปล่าเปลี่ยว
เถิดเธออย่าเสียเวลามาทักเทียว
ในโลกข้าอันโดดเดี่ยว อันไร้รัก
2) เธอเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร
ข้าเองยังไม่เข้าใจ ยังอยากรู้จัก
เธอบังเอิญ หรือเจตนามาพบพัก
ให้ข้าได้ทายทักกับตัวเธอ
มันคงอาจไม่ใช่เพราะโชคชะตา
เธอคงไม่ได้เข้ามาเพราะพลั้งเผลอ
อาจบางสิ่งทำให้ฉันได้พบเจอ
ในโลกข้า ข้าอาจละเมอ เธองดงาม
3) โลกของข้า โลกของใจ
ข้ายังงงสงสัยจึงไต่ถาม
ว่าโลกนี้โลกของข้า ข้านิยาม
กลับพบความสดใสในดวงจินต์
อาจเพราะมีเธอเข้ามา
ด้วยเหตุใดตัวข้าไม่รู้สิ้น
หากแต่รู้ว่าวันนี้ โลกแห่งชีวิน
ยังอายกลิ่นรักเธอหมดใจ ทั้งใบแล้ว
18 กรกฎาคม 2550 00:07 น.
แดนไกล ไลบีเรีย
โลกก็ยังไม่ละร้างการดิ้นรน
1) บางเวลา –
เคยรู้สึกไหมว่าช่างเหนื่อยอ่อน
กับการดิ้นรนค้นหาความอาทร
ในโลกซึ่งรุ่มร้อนแสนลำเค็ญ
เคยรู้สึกไหมว่าช่างเหนื่อยนัก
กับการดิ้นรนค้นหารักอันหนักเข็ญ
ในซอกหลืบคืบวิถีที่เยียบเย็น
ในลึกเร้นแคบแท้เห็นแก่ตัว
เคยรู้สึกบ้างใช่ไหม –
ว่าเหนื่อยอ่อนถอนใจเช่นใครทั่ว
เมื่อบางเวลายิ่งค้นหายิ่งน่ากลัว
ยิ่งหมอกมัวยิ่งหวั่นยิ่งพรั่นพรึง
2) บางเวลา –
เธออาจต้องทนค้นหาได้มาถึง
ความอาทรอ่อนหวานอันตราตรึง
ซึ่งเพียงหนึ่งความหวังอาจยังมี
บางเวลา –
เธออาจพบว่า – ซึ่งในระหว่างทางวิถี
แห่งโลกอันอ่อนไหว โลกใบนี้
ยังพบที่อ่อนไหวหวามด้วยความรัก
เธออาจรู้สึกเหนื่อยล้าบางคราหน
เมื่อดิ้นรนค้นหา – เธออาจประจักษ์
ว่า – โลกนี้ยังมีซึ่งที่พึ่งพัก
และยังมีเสียงทายทักอยู่แว่ววาน
3) เธออาจจะพบดอกไม้ที่ใกล้ผลิ
เธออาจจะพบดวงศศิที่เหลืองหวาน
เธออาจจะพบความอาทรผ่อนเนานาน
เธออาจจะพบวิญญาณการดิ้นรน......
......ว่า –
เพียงรู้สึกในบางเวลา บางคราหน
อาจเหนื่อยอ่อนร้อนล้าเกินกว่าทน
จึงอาจต้องไขว่ค้นอยู่เคว้งคว้าง
4) แต่ขอเพียงให้เธอรู้ ให้รู้ว่า –
บางเวลา, เธออาจเหนื่อยอ่อนต่อโลกกว้าง
แต่ตราบใดเธอยังไม่แพ้แก่เส้นทาง
โลกนี้ก็ยังไม่ละร้างการดิ้นรน......
15 กรกฎาคม 2550 02:18 น.
แดนไกล ไลบีเรีย
ขณะหนึ่งฉันยืนตรงพื้นกว้าง
ขอบข้างทางท้องถนนคนขวักไขว่
รถราวิ่งมวลฝุ่นคลุ้งก็ฟุ้งไกล
ทอดตาไปเบื้องหน้า พร่าพริบพริบ
ขณะหนึ่งจึงรู้สึกลึกลึกว่า
ท่ามเวลาเคลื่อนไหวใจย่างหยิบ
ก่อเกิดเป็นจินตนาการอันนานลิบ
จากนับสิบภาพทรงจำจำเนียรกาล
ขณะหนึ่งเราเอ๋ยเคยเป็นเด็ก
ตัวเล็กเล็กซื่อใสใจอ่อนหวาน
ร่าเริงยิ้มแย้มแก้มบาน
วิ่งเล่นเพ่นพ่านอยู่ข้างทาง
เฮ้ยมึง มึงเล่นอะไรกันวะ
อ๋อกูจะแข่งขันปั่นลูกข่าง
เหวยเหวย ไอ้ห่าอย่ายืนกาง
กูจะขว้างลูกข่างทอย รีบถอยไป
บนข้างทางขณะหนึ่งยังซึ้งซาบ
กับภาพพผองเราทั้งเก่าใหม่
เคยร่วมก๊วนซุกซนปีนต้นไม้
ตามวัยไร้เดียงสาประสาซน
หากแต่ว่า –
วันเวลาย่อมผ่านกาลห้วงหน
เมื่อวันหนึ่งขณะหนึ่งซึ่งตัวตน
เติบโตจนเป็นผู้ใหญ่ไปเสียแล้ว
ขณะนั้นจึงไร้ซึ่งใสซื่อ
เสียงเซ็งแซ่อึงอื้อกลับเบาแผ่ว
เพียงผ่านยาวนานช่วงที่จ้วงแจว
ดวงตาใสแป๋วก็เสื่อมวัย
เหนือคิ้วริ้วรอยเริ่มหยาบกร้าน
ตามวันตามวารผ่านสมัย
สัมผัสผิดเพี้ยนเปลี่ยนไป
สมองไร้รอยหยักที่ขดรอย
ไร้เรี่ยวแรงวิ่งเล่นเพ่นพ่าน
ความสดใสเบิกบานพาลถดถอย
เพื่อนเราผองรักตัวน้อยน้อย
ฉันยังคอย ยังคอย ทุกเวลา
เพียงชั่วขณะหนึ่ง –
ขณะซึ่งฉันมองทาง ลางเลือนพร่า
อาจดูเหมือนไม่สดใส – ในแววตา
ฉันมองทางข้างหน้า พร่าลางเลือน
ขณะหนึ่งฉันยืนตรงพื้นกว้าง
เพียงแตกต่างจากเริ่มแรก แปลกเฝื่อน
หนึ่งเด็กน้อยวัยชราเข้ามาเยือน
พร้อมทักทายกับผองเพื่อน กันอีกครั้ง
12 กรกฎาคม 2550 22:28 น.
แดนไกล ไลบีเรีย
ฤาเพราะโลกไร้ซึ่งสันติภาพ
โลกของเราไร้ซึ่งสันติภาพ
เต็มไปด้วยเขรอะคราบคำสาปแช่ง
ไฟสงครามดาลเดือดเลือดอาบแดง
สิ้นซึ่งแสงส่องสว่างกลางใจผู้คน
จึงโลกนี้ไม่มีซึ่งคุณธรรม
จึงโลกระส่ำต่ำช้าโกลาหล
คมมีดดาบคราบเลือดเชือดชีพชน
แสนสับสนวุ่นวายน่าหน่ายนัก
จึงครอบครัวแตกแยกจนแปลกบ้าน
จึงไร้ซึ่งสมัครสมานอันแน่นหนัก
จึงโลกเราไม่เหลือเยื่อใยรัก
และไร้ซึ่งที่พึ่งพักให้หัวใจ
แหละ...โลกจึงแล้งไร้ในรอยยิ้ม
แล้งสายตาพรายพริ้มอันอ่อนไหว
จึงโลกขาดการทักถาม ความห่วงใย
จึงโลกไร้มิตรภาพตราบฟ้าดิน
...................................................
...................................................
...................................................
...................................................
หากแต่โลกเต็มไปด้วยสงครามเถื่อน
เชิงฉันท์เพื่อนเลือนหายไปหมดสิ้น
แม่ฆ่าลูก ลูกฆ่าพ่อก่อราคิน
จนเป็นเรื่องชาชินไปเสียแล้ว.........
อาจเป็นเพราะโลกเราไร้ซึ่งสันติภาพ
จึงกำซาบเสียงสงครามมาหวามแว่ว
มือจับมือ หากแต่ปืนยังยืนแนว
เตรียมมือพร้อมแน่แน่วแล้วลั่นไก.........
...................................................
...................................................
...................................................
...................................................
ฤาเพราะ, โลกของเราไร้ซึ่งสันติภาพ.....
จึงเขรอะคราบสาปสงครามความมอดไหม้
แท้ -สันติภาพ- อันหยิบยื่นจากหัวใจ
มันฤาจะมีอยู่จริงไหม ในจักรวาล........
30 มิถุนายน 2550 23:15 น.
แดนไกล ไลบีเรีย
อาจจะเป็นเธอ...
คนที่ฉันฝันละเมอพร่ำเพ้อหา
อาจจะใช่ เธอคือแก้วตา
คนนั้น ฉันปรารถนา ทักทาย
อาจจะใช่เธอ...
คนที่ฉันคิดถึงเสมอมิห่างหาย
ความรู้สึก สัมผัส เขินอาย
แอบลึกอยู่ภายในกาย ในจิตสำนึก
อาจจะใช่เธอ...
คนที่ฉันพร่ำเพ้อด้วยรู้สึก
สวยงาม อ่อนหวาน ลุ่มลึก
จิตใจตรองตรึก ไคร่ครวญ
ก็อาจจะใช่...
ซึ่งในความอ่อนไหว มีโหยหวน
อาจมีเสียงหนึ่งโอดอวน -
จากความรู้สึกปั่นป่วน เรรวนใจ
อาจเป็นเพียงแค่ความรู้สึก...
ภาพภายนอก อาจสวยลุ่มลึก อ่อนไหว
ขณะเดียวกัน ซึ่งปรารถนายิ่งกว่าใคร
เพียงแค่รู้สึก ก็ไร้สิ่งต้านทาน
จึงอาจจะใช่...
ที่หัวใจเจ็บปวดด้วยอ่อนหวาน
เธอคนนั้น ฉันเคยรู้สึกเมื่อครู่วาน
กลับแตกต่างจากจินตนาการ ไปเสียแล้ว !!!