22 มิถุนายน 2549 09:24 น.

ร้อยเหตุผล

แดดเช้า

21sxa356.jpgความรัก ไม่มีเหตุผล
ฉันได้ยินประโยคนี้จนรู้สึกชินชา

น่า  มันก็น่าจะมีเหตุผลในตัวเองมั่งแหละ
ถึงแม้ความรักจะเป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกก็เถอะ 
ฉันอาจจะไม่เคยรักใครจริงๆ ก็ได้  ฉันจึงได้คิดแบบนี้



เพราะที่ผ่านมา เหตุผลมากมายในการเลือกสรรคนรักจนกระทั่งไม่ได้ตกลงปลงใจกับใครเลยสักคน
แม้จะรู้สึกดีมากมายเพียงใดก็ตาม 



กับคนบางคน  คนที่ฉันก็ตัดสินใจเดินจากเขามา ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ฉันทำใจแล้วเดินออกมาจากการเอาใจใส่ดูแลใครสักคนมาเฉยๆ

เหมือนๆ กับเป็น กฎแห่งกรรม ในเรื่องของความรักที่ทำให้ฉันต้องผิดหวังในความรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเฉพาะล่าสุดนี่เอง

หนูทอ 
วันหนึ่ง  พี่เป้ถือโอกาสคุยกับฉันเพื่อความชัดเจนอะไรบางอย่างระหว่างเรา
ว่าไงเหรอคะ พี่เป้
หนูทอ  มีคนบอกหนูทอหรือยัง เรื่องเกี่ยวกับพี่
บอกอะไรหรือคะ
ทำไมพี่ถึงต้องหักอกหนูทอ
ฉันแสร้งทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน  ทำเหมือนไม่สนใจ
หนูทอน่ะนะ เคยถูกหักอก  พี่เป้ก็ทำเป็นพูดไป
เขินน่ะสิ  ตกลงอยากรู้ไหมว่า ทำไม

ฉันเงียบไปสักพัก แล้วชวนพี่เป้คุยเรื่องอื่นๆ 
นี่ๆ ตกลงไม่อยากรู้จริงเหรอ หรือรู้แล้วว่า ทำไม
พี่เป้เป็นเกย์เหรอ
อุ๊ย  รู้ได้ไง
ฉันสะเทือนใจนิดๆ ที่รู้ความจริงเรื่องนี้  
แต่ก็พยายามปลอบตัวเองต่อไปอีกว่า เขาหยอกเล่นละมัง
แล้วพี่เป้เป็นเกย์แบบไหนล่ะ แบบรุกหรือรับ ฉันแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ถามต่อไปอีก
แบบรุกน่ะสิ 
แล้วฉันก็คุยเรื่องเกย์กับพี่เป้ ควบคุมอารมณ์สะเทือนหวั่นไหวในอกไว้ พยายามมั่นคงในใจที่สุด



นี่แหละ  เหตุหนึ่งที่ทำให้ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน
แล้ววันรุ่งขึ้น  ฉันก็ค่อยๆ กลับมาสู่สภาพเดิม
เพราะยังรู้สึกดีๆ ในความดีงามของพี่เป้อยู่โดยที่ไม่เคยจางจากใจเลย


พี่เป้  
เป็นชายหนุ่มที่ฉันรู้สึกดีๆ และเขาเป็นพี่ชายที่น่ารัก
ทุกครั้งที่ฉันมีปัญหาเรื่องงาน ฉันจะคุยกับพี่เป้ 
พี่เป้จะให้คำแนะนำที่ดี ไม่เอาใจใคร ไม่เคยพูดหวานๆ 
พี่เป้มีเหตุผลเสมอ



พี่เป้ เป็นวิศวกรอยู่ที่บริษัทใหญ่ๆ แห่งหนึ่งของประเทศไทย  ฉันเคยไปเล่นในที่ทำงานของเขา เห็นเขาทำอะไรงุ่นๆ อยู่กับแผงวงจรไฟฟ้า บางทีเขาก็สอนฉันเรื่องวงจรไฟฟ้า ที่ฉันไม่ค่อยจะรู้เรื่องเท่าไรนัก

ไม่ว่าพี่เป้จะเป็นอย่างไร  ฉันก็ยังรู้สึกดีๆ กับพี่เป้เสมอ


ทำให้ฉันเข้าใจคนอื่นๆ ที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตของฉัน 
แต่ฉันไม่เคยรู้สึกดีๆ เท่ากับที่รู้สึกกับพี่เป้เลย



เปรม กับ ศักดิ์ หนุ่มใต้สองคน ที่เคยเข้ามาคบหากับฉันในช่วงหนึ่ง
ทั้งสองมีลักษณะคล้ายกันคือ มีความเป็นศิลปินอยู่ในตัวเอง

เปรม จะชอบถ่ายภาพและวาดรูป เขาเรียนคณะมัณฑนศิลป์ ทั้งที่ใจจริงเขาอยากจะเรียนจิตรกรรม
เขาบอกว่า มัณฑนศิลป์ เป็นศิลปะพาณิชย์ สำหรับการเลี้ยงชีพ 

เขาไปฝึกถ่ายรูป แล้วเขามักจะหาเหตุที่จะชวนฉันออกไปเป็นเพื่อนเขาบ่อยๆ เหตุผลที่ชวนไปมีสารพัดเหตุ ซึ่งเขาไม่เคยชวนฉันอย่างตรงไปตรงมาสักที

ครั้งหนึ่ง 
เขาเคยแนะนำให้รู้จักเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อ แอ้ม แล้วชวนฉันออกไปงานสัมมนาเกี่ยวกับศิลปะกับแอ้ม และเมื่อถึงเวลาจริงๆ ก็ไม่ปรากฏเงาแอ้มให้เห็นเลย 
ฉันถามหาว่า ไม่รอแอ้มก่อนหรือ  
เขาตอบว่า แอ้มเขาไม่มาหรอก

ฉันก็ต้องไปไหนมาไหนกับเขาสองต่อสองหลายครั้งหลายหน ด้วยวิธีการไม่ตรงไปตรงมาของเขาอย่างนี้แหละนะ 


ชายหนุ่มคนนี้มีโลกส่วนตัวของตัวเองมากเกินไปจนฉันแทบจะรับไม่ไหว 
ในทุกๆ วันเวลาสองถึงสามทุ่ม ฉันจะต้องได้รับโทรศัพท์จากเขา เพื่อฟังเขาเล่าเรื่องต่างๆ ที่เพ้อฝัน เหมือนไม่ได้พูดให้ฉันฟัง

เรื่องที่บ้านเขา ทุ่งนา ใบไม้ปลิว รายละเอียดของบรรยากาศ เวลาเขาเล่าถึงสิ่งเหล่านี้เขาจะจมลงไปในโลกของเขา เหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่งที่ไม่มีฉันอยู่ด้วยเลย

ฉันพยายามดึงเขากลับมาคุยกับฉัน เขากลับบอกว่า เขากำลังฝัน เขาเป็นศิลปิน 

แล้วอย่างนี้หรือ  คนที่ฉันจะต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเขาได้น่ะ ฉันไม่เคยมีความสุขกับเขาแม้เพียงนิด แม้เขาจะหลงใหลฉันเพียงใดก็ตาม 


ทุกๆ ครั้งที่เขาเจอหน้าฉัน 
เขาจะหลุดคำเพ้อออกมาจากปาก เบาๆ ว่า ทอทิพย์ สวยจัง



เขาช่างเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อเสียจริง  
ถึงขนาดที่ว่า เขาชวนฉันไปถ่ายรูป ขอให้ฉันเป็นนางแบบ แล้วเขาบอกว่า จะวาดรูปฉันให้เป็นของขวัญ

แล้วเขาก็โทรศัพท์มารายงานทุกวันเลยว่า วาดรูปฉันไปถึงไหนแล้ว 


เป็นความเหลืออดสำหรับฉันที่ผู้ชายคนหนึ่งเข้ามายุ่งย่ามในชีวิตได้ขนาดนี้ ฉันจึงตัดรอนเขาด้วยการพูดออกมาว่า 
เบื่อคุณจัง .. โทร.มารายงานทุกวันเลยว่า วาดภาพถึงไหนแล้ว คุณไม่ต้องเอาภาพมาให้ฉันก็ได้นะ ถ้าวาดเสร็จไปทิ้งไว้ที่ไหนก็ได้ หน้าห้องน้ำก็ได้ 

ดูเหมือนเขาจะอึ้งไปสักพักหนึ่ง  คงจะเสียใจ
แต่ดีกว่าที่จะทำให้เขามีอาการเพ้อขนาดหนักเพียงนี้ 



เรื่องยังไม่จบง่ายๆ  
ฉันยังสร้างวีรกรรมให้เขาไปพบกับศักดิ์ เพื่อนชายอีกคนที่เข้ามาสนิทสนมกับฉัน
ทันทีที่เขาได้รู้จักกับศักดิ์ เปรมก็รีบพูดโอ้อวดอะไรหลายอย่าง
เขาเตรียมหนังสือที่ฉันให้เขาอ่าน เอาไปคุยกับศักดิ์ด้วยว่า ทอทิพย์ให้หนังสือเขามาอ่าน
และคุยเรื่องที่เขาถ่ายภาพฉันเพื่อที่จะวาดภาพฉันนำมาเป็นของขวัญ

ศักดิ์ นิ่งฟังอย่างนิ่งๆ  ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเลย
แต่เขามาพูดกับฉันภายหลังว่า 
ท่าทางหมอนี่เขาจะหลงคุณมากนะ ทอทิพย์


หลังจากนั้น  
ศักดิ์ก็มีท่าทีที่เปลี่ยนไป เขาค่อยๆ เหินห่างจากฉัน
ไม่ค่อยติดต่อกับฉันบ่อยๆ เหมือนเดิม


ฉันได้ยินมาว่า  เขากำลังเก็บตัวเพื่อค้นพบอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวเอง


ศักดิ์ เป็นคนอารมณ์ศิลปินชอบมีพฤติกรรมแปลกๆ เพื่อทำให้ฉันสนใจ เช่น เดินเท้าเปล่าจากราชดำเนินมาหาฉันที่มหาวิทยาลัย โดยไม่สนใจสายตาใครๆ ที่พากันมองเขาทุกครั้งที่เขาเดินไปไหนมาไหนกับฉัน

ฉันจึงพลอยตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นๆ ไปด้วย 


ศักดิ์เริ่มห่างจากฉันไปทุกวันๆ พร้อมๆ กับเปรมที่ปรับพฤติกรรมการโทรศัพท์ใหม่ จากเคยโทร.มาทุกวัน เป็นสามวันครั้ง อาทิตย์ละครั้ง และเดือนละครั้ง


ครั้งสุดท้าย 
เปรมโทร.มาบอกฉันว่า 
ทอทิพย์ ถ้าเธอจะรับปริญญา เธอบอกเราได้นะ เราจะไปถ่ายรูปให้เธอ
ฉันก็ได้แค่รับฟัง
เธอจดเบอร์โทร.ที่บ้านเราไว้ด้วยสิ  มีอะไรให้ช่วยเหลือก็โทร.หาเรา
ฉันก็จดหมายเลขโทรศัพท์ของเขาเอาไว้

มีอะไรโทร.มาได้นะ  เขาย้ำ 



นี่คือครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกับเขา และเขาก็หายไป
เขาหายไปไม่เห็นร่องรอย  แม้แต่ที่มหาวิทยาลัย
ฉันมักจะไปพบเขาที่ห้องสมุดบ่อยๆ แต่หลังจากวันนั้น ฉันไม่เห็นเขาอีกเลย

วันหนึ่ง  
ฉันได้คุยกับรุ่นพี่ที่สนิทสนมกับเปรม รุ่นพี่คนนั้นได้พูดเปรยขึ้นมาว่า 
เปรมมันบ้า 
ทำไมเหรอ  ไม่เห็นเขามานานแล้ว
เรียนหนังสือดีๆ ก็ไปดรอปซะ อีกตัวเดียวเอง วิทยานิพนธ์เหลืออีกนิดเดียว ทนเรียนไปหน่อยก็จะจบปีนี้แล้ว
เขาดรอปทำไมเหรอพี่
ดรอปแล้วไปอยู่บ้านที่ปัตตานี เขาบอกว่า จะรับปริญญาพร้อมทอทิพย์
ฉันรู้สึกสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก  ฉันเป็นสาเหตุให้เขาต้องทิ้งการเรียนไปขนาดนี้เลยหรือ


แต่  
ฉันก็สบายใจเป็นอย่างมากที่ชีวิตของฉันไม่มีเปรมเข้ามาพัวพันอีกต่อไป
เหมือนๆ กับศักดิ์ ที่ไปจากฉันโดยที่ไม่บอกลาสักคำ

เพื่อนศักดิ์บอกว่า ศักดิ์ไม่เรียนหนังสือแล้ว กลับไปกรีดยางที่บ้าน บ้านศักดิ์อยู่นครศรีธรรมราช
ศักดิ์อยากใช้ชีวิตตามวิถีที่เขาเลือกเอง 
ชีวิตที่ไม่จำเป็นต้องเรียนหนังสือ แต่เรียนรู้จากชีวิตจริงๆ



และ 
ฉันยังจำได้กับปรัชญาชีวิตแปลกๆ ของศักดิ์ ที่เขามักจะชอบเพลงเพื่อชีวิตเป็นชีวิตจิตใจ และมักจะแต่งกลอนเกี่ยวกับปรัชญาชีวิตที่เขาศรัทธา

บทกลอนของเขาที่ให้ฉันอ่าน เขาเขียนด้วยลายมือตัวเอง
แล้วฝากคนส่งต่อมาถึงฉัน 

และฉันก็ไม่ได้อ่านบทกลอนเหล่านั้นอีกนาน  
ไม่มีบทกลอนเขียนลายมือจากศักดิ์อีก


ศักดิ์ใช้กระดาษรีไซเคิล เขียนจดหมายทุกฉบับถึงฉัน 
เขาไม่สนใจในเรื่องรูปแบบที่สวยงามเลยสักนิดเดียว
เขาดำรงความเป็นตัวของเขาเองโดยไม่ใส่ใจสายตาใครๆ


เช่นเดียวกับการที่เขาตัดสินใจไม่เรียนหนังสือนี่แหละ 
แต่เขาก็ไปจากชีวิตฉันที่เคยคุ้นเคยกัน 
ไปอย่างไม่เอ่ยคำร่ำลา  แม้สักคำ
ไม่มีสถานที่ใดที่จะติดต่อเขาได้อีก



ฉันรู้สึกเป็นปกติธรรมดาและเฉยสนิท ไม่ค่อยอาลัยอาวรณ์ 
เขาจะมา หรือ จะไป ก็มิใช่เรื่องพิเศษอะไรเลย


นี่คือ 
เรื่องราวของความรักที่คนสองคนเขารักฉัน 
และจริงแล้วเขาคงไม่ได้อยากจะจากฉันไปสักเท่าไหร่นัก
เพียงแต่ฉันมีเหตุผลมากมายเกินไป  มากไปจริงๆ
จนสัมพันธภาพต้องจบสิ้นลงอย่างเย็นชา



จบสิ้นความรักจากใครๆ ไปในช่วงเวลาหนึ่ง 
แต่ดูเหมือนกาลเวลาจะไม่ยอมให้ฉันห่างจากความรักเลย


ฉันพบกับพี่เป้ 
พี่เป้เป็นคนดี  เป็นคนดีที่สุดสำหรับฉัน 
พี่เป้มีระบบในชีวิต เพราะเขาอยู่กับแม่ของเขา
แม่ของเขาที่คอยดูแลลูกชาย ราวกับว่า ลูกชายยังเป็นเด็กน้อยอยู่

เขารักแม่ 
เพราะพ่อเขาแยกทางไปตั้งแต่เขายังเด็กๆ
จึงทำให้เขาตามใจแม่ทุกอย่าง

คนที่ดูแลแม่ตัวเองได้ขนาดนี้ เป็นคนน่ารัก
เพราะเขาจะไม่ทำอะไรที่ผิดเลย 
เขาไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิง

เขาเป็นคนสะอาด  เป็นคนจิตใจสะอาด
และเป็นคนเก่ง โดยไม่แสดงโอ้อวดอะไรเลย



เขาไม่เรียนต่อปริญญาโท เพราะเขาให้เหตุผลกับฉันว่า
คนที่มีความรู้มากๆ ไม่ได้รู้อะไรลึกซึ้ง เพราะรู้จากตำรา สู้คนที่ไม่ต้องเรียนเยอะแต่พยายามศึกษาค้นคว้าไม่ได้หรอกนะ จะเข้าใจแก่นลึกกว่าทฤษฎีอีก ตอนนี้ผมกำลังจะทดลองทำอะไรหลายอย่าง ยิ่งทดลองทำ ยิ่งได้เรียนรู้จากสิ่งนั้นๆ

ฉันฟังแล้วรู้สึกดี 


อีกไม่นาน 
ไผ่ เด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าฉันก็เข้ามาในชีวิต
เขาเดินมาบอกรักฉัน 
แล้วพยายามเรียกร้องอะไรหลายอย่าง โดยใช้ความรักเป็นเครื่องมือ

เขาเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง นับแต่วันแรกที่เขาเดินมาหาฉัน
เขาจะต้องได้ในสิ่งที่เขาต้องการ แม้กระทั่ง ความรัก


เขาอ้างว่า ฉันรักฉัน 
แล้วบังคับให้ฉันบอกรักเขา

โทร. มาบีบเอาคำพูดคำว่า รัก จากปากฉันเป็นชั่วโมง
แต่ฉันไม่ได้บอกสักคำ
เขาหมายเอาอาการที่ฉันไม่พูด เป็นคำตอบ 


ในระยะแรกๆ เขาก็ยังดีกับฉันอยู่ 
แต่นิสัยชอบเอาให้ได้ดังใจก็ยังเป็น ฉันอึดอัดอยู่บ้าง
ก็ต้องทำใจยอมรับ

ต่อมาก็เริ่มหนักขึ้นๆ 
ทุกครั้งที่ขัดใจเขา เขาจะไม่พอใจ
แล้วก็อ้างว่า เพราะรักฉันจึงทำอย่างนี้

ฉันอดไม่ได้ 
ก็บอกไปว่า คุณจะไปไหนก็ไป  ฉันไม่ได้รักคุณเลย
เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเขาร้องไห้ร่ำไรมากมาย

เขาคร่ำครวญว่า วันหนึ่งเธอจะรู้ว่า ถ้าเธอรักใครสักคน เธอจะเป็นอย่างไร
ฉันเห็นบทบาทการแสดงของเขาแล้วฉันอดสงสารไม่ได้
แต่ก็ทำใจแข็ง เอ่ยปากบอกว่า คุณไปซะเถอะ  ฉันไม่ได้รักคุณเลยจริงๆ 
ฉันถูกคุณบังคับตลอดมา 

เขาร้องไห้ แล้วบอกว่า 
เธอจะรู้เองว่า ไม่มีใครรักเธอเท่าเราอีกแล้ว

เป็นคำพูดที่ทำให้จิตใจฉันอ่อนไหว  
แต่ไหนๆ ก็ไล่แล้ว ก็ควรทำให้จริง

เขาเดินจากฉันไปด้วยน้ำเสียงเหมือนเด็กร้องไห้
เป็นภาพที่น่าเห็นใจมาก  
สักพัก ฉันเริ่มมาใคร่ครวญ ฉันรู้สึกว่า ฉันควรตามเขากลับมา
เพราะฉันเป็นห่วงเขา เขาตกงาน เขาจะอยู่อย่างไร
และฉันมีความเชื่อว่า เขาจะดีได้ เขาจะปรับตัวและเปลี่ยนแปลงตัวเองได้


คืนนั้นอากาศหนาว 
ฉันเดินตามหาเขาทั้งคืน
แต่ก็ไม่พบร่องรอยเลย 



และในที่สุด 
เขาก็กลับมา กลับมาพร้อมกับเงื่อนไขคำว่า รัก อีกแล้ว
เขาสำคัญว่า ฉันรักเขา ฉันจึงตามเขากลับมา

เขาเริ่มหนักข้อมากขึ้นทุกวันๆ
เขาเรียกร้องให้ฉันซื้อของให้เขา เลี้ยงข้าวเขา และมาขอเงินจากฉันมากขึ้นๆ
ฉันต้องตามใจเขา  เพราะความรู้สึกผูกพันกับคำว่า รัก ที่เขาให้ฉัน


จนที่สุดแล้ว 
คำว่า รัก ของเขา เป็นแค่เครื่องมือและคำพูดเพื่อที่จะได้มาซึ่งความรัก
เป็นข้อต่อรองสำหรับการที่จะรีดไถเอาความรักจากฉัน

ทุกๆ ครั้งที่ขัดใจเขา เขาจะเดินหนีฉันไป
ทำให้ฉันรู้สึกผิดมากๆ 
แล้วเมื่อฉันตามเขากลับมา เขาก็จะพูดอะไรมากมายที่ยาวมาก
เหมือนโทษว่าฉันเป็นคนผิด
ฉันจะเป็นผู้รองรับความผิดทุกอย่างที่เกิดขึ้น 
ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับเขาหรือฉัน แม้กระทั่งกับ เรา



ไผ่  เป็นคนเผด็จการอย่างที่สุด
เขายอมรับในความเป็นตัวฉันไม่ได้ที่เป็นผู้หญิงไม่ค่อยแต่งตัวอะไรนัก
เสื้อผ้าก็ใส่เท่าที่จะใส่ได้
รองเท้าก็มีเท่าที่จะสวมได้ และไม่ใช่ของหรูหราอะไรเลย

เขาบังคับให้ฉันแต่งตัว 
บังคับให้ฉันไปซื้อรองเท้าใหม่ 
ตามใจเขา โดยที่เขาเป็นคนเลือกให้


เป็นเช่นนี้มานานนักแล้ว 
เขาบังคับฉันไม่ให้เข้าไปร่วมกลุ่มกับเพื่อนของเขา
กลุ่มที่นั่งกินเหล้า หรือพูดคุยกันที่หน้าร้านขายของชำ

ถึงเวลา 
เขาก็จะโทร.มาเช็คว่า ฉันอยู่ที่ไหน
กลับขึ้นไปพักที่หอพักหรือยัง
อย่าออกมานะ อยู่ในห้องนั่นแหละ

ถ้ายังไม่กลับจากที่ทำงาน เขาก็จะโทร.มาเช็คอีกว่า อยู่ที่ไหน
อย่ากลับเกินเวลานี้ๆ นะ


ชีวิตของฉันถูกขังกรงตลอดเวลา 
โดยข้ออ้างที่เขาสั่งว่า เพราะห่วง เพราะรัก
เขาไม่ใช่คนรักใครง่ายๆ หรอก  เขาบอกเช่นนี้

แต่ฉันคิดว่า เขารักใครไม่เป็นมากกว่า 


ในที่สุด 
ฉันจึงตัด (สิน) ใจในเช้าวันที่เขากำลังตกงาน แล้วจะไปสมัครงานที่ใหม่
เขาโทร.มา แรกๆ ฉันดีใจ คิดว่า เขาคงโทร.มาทักทายในยามเช้า
แต่กลายเป็นว่า เป็นคำขู่ให้โอนเงินให้เขาหนึ่งพันบาท
ฉันกลั้นหายใจแล้วพูดเข้าไปในสายว่า
ไม่มี ไม่ให้ ไม่โอน แล้ววางสายเขาทิ้ง
เขายังโทร.มาอีก ฉันก็ปิดเครื่อง



เป็นการสิ้นสุดความสัมพันธ์อย่างเด็ดขาดที่สุด
โดยที่ฉันรู้สึกเจ็บปวด 
เจ็บปวดกับความรักจอมปลอมของชายคนหนึ่ง
ที่เขาใช้ความเป็นเด็กกว่า และความรักมากดขี่ฉันตลอดเวลา


ในที่สุด 
ฉันก็ไม่มีใคร  ณ ช่วงเวลานี้
พี่เป้  เขายังคงเป็นคนดีเสมอ
คุยกับเขาแล้วยังสบายใจ

กับคำพูดบางคำที่เขาเคยพูดให้ฉันได้ยินว่า
รักใคร อย่ารักด้วยกิเลสตัณหา ให้รักด้วยหัวใจ 
จะทำให้รักนั้นอยู่ได้นาน  นาน

รักใคร อย่ารักด้วยความอยาก
อย่ารักด้วยความปรารถนาให้เขาเป็นดังที่ต้องการ
รักเพื่อการเรียนรู้  

รักเท่าที่เขาจะเป็นได้ 
และแม้จะไม่ได้เป็นไปดังใจทุกประการ
แต่รักนั้น ก็ยังคงอยู่ในใจ

พี่เป้ ไม่ได้จากไปไหน 
ทุกอย่างยังเหมือนเดิม
เพียงแต่  เขาไม่ได้รักฉัน 
ด้วยเหตุผลเดียวก็คือ เขารักผู้หญิงไม่ได้
ความรักของเขาไม่มีให้กับผู้หญิง


แต่เขาก็ยังเป็นคนดีในตัวเอง 
เป็นคนจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ 


แม้ทุกวันนี้ 
จะไม่มีพี่เป้อยู่ในใจเลย
เว้นแต่กรณีได้พบกัน ความรู้สึกดีๆ ก็ยังคงอยู่เสมอ
แต่  ความดีงามของพี่เป้ ยังอยู่ในใจ
คำแนะนำของพี่เป้  ยังมั่นคงอยู่ในใจ

รักใคร อย่ารักด้วยกิเลสตัณหา  ให้รักด้วยหัวใจ
จะทำให้รักนั้นอยู่ได้นาน นาน

21lgd408.jpgความรัก มีเหตุผลในตัวเอง เหตุผลของความรักนั้น ก็คือ ความรัก				
12 มิถุนายน 2549 17:43 น.

ลึกสุดใจ

แดดเช้า

ฉันยังเก็บการ์ดใบสีน้ำเงิน รูปดาว ใบนั้นเอาไว้ 
กระทั่ง 10 กว่าปีล่วงมาแล้ว 
ในคืนวันเงียบงัน การ์ดใบสวย (ในความรู้สึกของฉัน) ก็ถูกเปิดคลี่ออกมาดูอีกครั้ง


ข้อความในการ์ดใบนั้น อวยพรในวันคล้ายวันเกิดของฉันรวบยอดกับวันปีใหม่ เพราะฉันเกิดหลังจากวันปีใหม่เพียงไม่กี่วัน



เจ้าของการ์ดเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง  
ซึ่งไม่รู้ว่า บัดนี้เขาไปอยู่ที่ไหนเสียแล้ว

แต่เมื่อไม่นานมานี้ โดยบังเอิญที่ฉันเดินสวนทางกับเขา ใจร่ำๆ จะเรียกขานชื่อ และทักทาย แต่ปากก็ยังแข็ง จึงต้องเดินผ่านเลยไป โดยที่เขาไม่เห็นฉัน แล้วฉันอีกนั่นแหละที่เดินย้อนรอยกลับมาเพื่อค้นหาเขา  แต่ก็ไม่เจอเสียแล้ว


วันเก่าๆ ที่ร้านไอศกรีมแห่งหนึ่ง 
เขาเคยพาฉันไปทานไอศกรีมที่ร้านนี้ แล้วเราก็แย่งลูกเชอรี่สีแดงกัน

เขามอบหนังสือให้ฉันเล่มใหญ่ล้ำค่าหนึ่งเล่ม นั่นคือ นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ



การ์ดใบสีน้ำเงิน รูปดวงดาว เป็นการ์ดกระดาษธรรมดา ที่เขียนข้อความด้วยลายมือไร้ระเบียบ 
สุขสันต์วันเกิด นะ รุ่ง
คนเราทุกคนย่อมมีฝัน 
ขอให้รุ่งพบกับความฝันที่วิเศษสุด และทำฝันนั้นให้เป็นจริงให้ได้นะ

จาก เอี้ยง

แล้วปิดท้ายด้วยข้อความ ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง
เพราะ เขาเป็นคริสเตียน


เอี้ยง  เป็นชายหนุ่มสูงประมาณ 180 เซนติเมตร รูปร่างดี ผิวสองสี ผมหยักศก 
นิสัยสุภาพอ่อนโยน และฉลาด

หนุ่มราศีตุลย์ คนนี้ เขาเป็นคนเรียบร้อยพอสมควร เขาใฝ่ฝันจะเรียนวิศวะ แล้วเขาก็ได้เรียนจบจนได้  เขาเคยได้เป็นผู้ช่วยอาจารย์สอนวิศวะ แล้วต่อมาก็กลับมาช่วยกิจการที่บ้าน เนื่องจากพ่อของเขาเสียชีวิต



ความสัมพันธ์ระหว่างฉันและเขาน่ะหรือ 
เขาเป็นแค่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ฉันรู้สึกดีๆ ในวันแรกตั้งแต่ได้เห็นหน้าเขา แล้วฉันก็ได้คุยกับเขาเพียงผ่านๆ เป็นครั้งคราว และหลายครั้งที่ฉันกัดฟันโทร.ไปคุยกับเขา

ที่เรียกว่า กัดฟัน ก็เพราะว่า ฉันไม่กล้าที่จะโทร. คุยกับเขาเลย ไม่รู้ว่า เป็นเพราะอะไร
แต่ว่า ในใจมันร่ำร้องอยากคุยกับเขาเหลือเกิน

พอได้คุย  ใช่ว่าจะอิ่ม 
เพราะฉันก็พูดไม่ออกเหมือนกันว่า จะคุยอะไรกันดี



จนกระทั่งเวลาผ่านไป  ฉันไม่ได้พบกับเขาในช่วงเวลาหนึ่ง
แต่ด้วยความรู้สึกเปล่าเปลี่ยว ฉันก็หมุนโทรศัพท์ไปหาเขาอีกครั้ง

เอี้ยงเหรอ  นี่รุ่งเองนะ
ดูเหมือนเขาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อไปว่า
รุ่งเหรอ  จำได้ๆ
แล้วหลังจากนั้น ฉันก็ติดต่อเขาบ่อยครั้งขึ้น แต่ฉันก็หาเรื่องราวคุยอะไรกับเขาไม่ได้เลย

ฉันเข้าใจว่า เขาเองก็อึดอัดสับสนไม่แพ้กัน



จนกระทั่งวันหนึ่ง 
เขานำกีตาร์คลาสสิกมาดีดเป็นเพลงๆ หนึ่ง แล้วถามฉันว่า รู้ไหมว่า นี่คือเพลงอะไร
นิยามรัก ไงล่ะรุ่ง
แล้วเขาก็นัดฉันออกมาหาอะไรทานกันในมื้อกลางวัน ฉันเองก็วางตัวกับเขาไม่ถูกเหมือนกัน




ตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวเป็นตน ยังไม่เคยคบหาใครในฐานะอื่นๆ เลย และกับเอี้ยงก็เป็นเพื่อนชายคนแรกในชีวิต 

ฉันอยู่โรงเรียนสตรีประจำจังหวัดที่มีระเบียบกฎเกณฑ์ มีวินัยที่เคร่งครัดพอสมควร และโรงเรียนนี้ก็สอนให้ฉันอยู่ในกรอบความคิดหลายอย่างที่ฉันมิอาจจะฝ่ากรอบนี้ออกไปได้

แม้จะพยายามฝืนเพียงใด   ก็ยากที่จะทำให้ปรับตัวได้



เอี้ยงคงคุยกับเพื่อนสนิทของฉันทำนองว่า ฉันค่อนข้างจะคิดมากและอ่อนไหวเหลือเกิน เลยทำให้สัมพันธภาพดำเนินต่อไปได้ยาก



ในที่สุดก็ถึงทางตัน  ด้วยที่ว่า ฉันลังเล โลเลไปโลเลมา 
กลัวเหลือเกินที่จะรักใคร ไม่มั่นใจในตัวเอง
และไม่มั่นใจในตัวเขา

คิดซ้ำไปซ้ำมา วนเวียนอยู่นั่นแล้ว 



เอี้ยง  คงเข้าใจความรู้สึกของฉันดี  ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่หลงชื่นชอบชายหนุ่มคนหนึ่งอย่างไม่มีเหตุผลใดๆ และไม่มีความเหมาะสมอะไรเลย

แต่ทุกๆ วันเกิดของเอี้ยง เป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน ฉันมักจะมีของขวัญให้เขา และเพื่อนสนิทของฉันจะเป็นคนจัดการนัดหมายให้ได้พบกัน

แต่ฉันไม่รู้เลยว่า ระยะเวลาผ่านไป 10 ปีที่มีเขาอยู่ในหัวใจนั้น  เขามีใครอีกคนอยู่ในหัวใจ




ปีหนึ่งที่ฉันซื้อนกในกรอบพลาสติกให้เขา  เขาบอกว่า นกสวย ดูเหมือนกับว่าเขาจะถูกใจของขวัญชิ้นนี้มากที่สุด
ฉันรู้ไม่ทันรหัสความรู้สึกของเขา กับความรู้สึกว่า นกสวย นั้นคืออะไร



จนกระทั่ง  วันเวลาผ่านไป 
มีใครอีกสักคนเข้ามาในชีวิตของฉัน 
และดูเหมือนเขาจะรักฉันมาก
มากพอที่จะทุ่มเทช่วยเหลือฉันในทุกๆ เรื่อง 
แม้กระทั่งในช่วงเวลาที่ฉันกำลังตกงาน

แม้ว่าเขาจะอยู่ไกลแสนไกลถึงอีกฟากฟ้าหนึ่ง คือ สหรัฐอเมริกา 
แต่เขาก็ยังส่งเงินมาเกื้อหนุนฉันสม่ำเสมอ

ส่งให้ฉันไปเรียนวิชาฮาร์ดแวร์ ซื้อพริ้นท์เตอร์ สแกนเนอร์ และอัพเกรดคอมพิวเตอร์ให้ฉัน เพื่อที่ฉันจะได้ติดต่อกับเขาทางอินเตอร์เน็ตได้
เขาชอบให้ฉันเขียนบันทึกประจำวันเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เขาฟัง

เขามักโทร. ทางไกลข้ามทวีป เพื่อคุยกับฉันในทุกๆ วันก่อนเขาจะเข้านอน
เขาชอบเขียนบทกวี และชอบศึกษาค้นคว้าเรื่องราวต่างๆ และสนับสนุนให้ฉันใฝ่รู้ ใฝ่คิด ช่วยกันคิดค้นวิชาการต่างๆ ร่วมกับเขา

เขาสอนฉันทำโฮมเพจ แนะนำเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์หลายๆ โปรแกรม 
เขากระตุ้นให้ฉันเขียนหนังสือ  และบอกว่า อยากได้ของขวัญจากฉันเป็นหนังสือที่ฉันเขียนให้เขาสักเล่ม เมื่อเขากลับจากอเมริกามาเมืองไทยแล้ว



เขามีความหวังกับฉันที่จะสร้างครอบครัวด้วยกัน และอยากจะมีลูกกับฉัน เขาวางแผนอนาคตร่วมกับฉันผ่านการออนไลน์ 

คนที่ดีๆ กับฉันเช่นนี้  
เขาก็ยังไม่ใช่คนที่ฉันจะรักจริงๆ
เพียงแต่ทำตามหน้าที่ที่ตกลงกันไว้ว่า เราจะคบหากันในฐานะคนรัก

เป็นความรักที่อยู่บนพื้นฐานของเหตุและผล  

ถ้าถามว่า อารมณ์ของฉันละมุนพอในระหว่างรักกับคนๆ นี้หรือไม่ 
คำตอบก็คือ ใจฉันแข็งกร้านเกินไป


และบางที  
ฉันก็หลงคิดว่า เขาเป็นคนที่รักฉัน 
ฉันก็เรียกร้องต่างๆ นานา 
เพราะเชื่อว่า อย่างไรเสีย เขาก็ต้องยอมฉัน เพราะเขารักฉัน

ฉันจึงกลายเป็นคนดื้อรั้น เอาแต่ใจ และแสนงอน เพราะว่า เขายืนยันคำว่ารักทุกวัน วันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 3 หนแทบจะเป็นบทท่องจำ



แต่ เอี้ยง  ยังอยู่ในใจเสมอ แม้ว่าจะมีใครเข้ามาในชีวิตได้ถึงขนาดนี้


ในบางคืน  ฉันกลับพบว่า ตัวเองหลับฝันอย่างมีความสุข 
และในภาพความฝัน มีเอี้ยงอยู่ในนั้นด้วย สวยงาม อ่อนโยน และอบอุ่น


และแล้ว 
ถึงเวลาที่คนที่บอกว่ารักฉัน จะกลับจากอเมริกา
เขาเหินห่างจากเขาจนรู้สึกน่าฉงนใจ 

เหมือนไม่มีกันและกันอีก 
มีแต่เสียงความเงียบภายในหัวใจ กับท่าทีที่แสดงความห่วงใยตามหน้าที่ที่ควรจะเป็น ตามคำสัญญาที่ให้กันไว้

เสียงแว่วๆ มาเตือนฉันเป็นระยะๆ จากคนใกล้ชิดเขาว่า
สิ่งที่เป็นจริง ไม่ได้เป็นอย่างที่รุ่งคิด

สิ่งนี้  เป็นลางบอกอะไรหรือ?
ฉันมิอาจจะรู้ได้ เพราะฉันยังมั่นคงและมั่นใจในคำสัญญายืนยันของเขาอยู่เสมอ 
ฉันหลงมั่นใจในความรักที่เขามีให้กับฉัน 


เพราะที่ผ่านมา  
เขาดีกับฉันตลอดมา 
ให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับฉันในยามที่ฉันกำลังลำบาก

มีแต่ฉันเท่านั้นแหละ  ที่น้อยเกินไปนักที่จะตอบแทนสิ่งดีดีคืนให้กับเขา


ช่วงนั้น เป็นช่วงที่ฉันได้งานใหม่ เป็นงานที่ค่อนข้างมั่นคง และมีผู้หลักผู้ใหญ่เป็นเจ้านายที่เมตตาเกื้อกูลฉันได้เป็นอย่างดี


เขากลับมาถึงเมืองไทยแล้ว  
แต่ไม่บอกฉันสักคำ

จนกระทั่ง  ฉันมารู้เองทีหลังว่า เขากลับมาอยู่คอนโดกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนใต้เหมือนๆ กับเขา 


เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า 
บ้านของเขาเกิดปัญหามากมาย แม่เขามีปัญหาเรื่องที่ทำกินที่กำลังถูกโกง เขาเกิดสภาวะเครียดหนัก คนที่อยู่ห่างไกลอย่างฉันและนิสัยงอแง เอาแต่ใจ ไม่สามารถช่วยให้เขาสบายใจขึ้นได้

แต่เธอคนนี้ คอยอยู่เคียงข้างเขา  
เขาต้องการสิ่งใด เธอจัดการให้เขาได้เป็นที่เรียบร้อย
ใจเย็น และไม่เรียกร้องอะไร ซึ่งต่างจากฉันโดยสิ้นเชิง

เธอคนนั้น รักเขา  
แต่ฉันไม่ได้รักเขาอย่างแท้จริง


เขาบอกลาฉัน โดยอ้างกับฉันว่า 
เราไม่ใช่คู่กัน  ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอคนนั้นไปไกลและลึกซึ้งมากแล้ว แต่ฉันมีที่พึ่งอยู่แล้ว มีเจ้านายเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร 

รุ่งเป็นคนดี แต่ว่า เราไม่ใช่คู่กัน


คำพูดที่บอกเลิกกันง่ายๆ ของเขาแค่นี้  
ทำให้ฉันปล่อยโฮออกมา
ฟูมฟายด้วยความไม่เข้าใจ 
เหมือนกระบวนการชีวิตที่คิดไว้ร่วมกับเขาพังทลายหมด


ระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา 
ฉันกับเขาคิดโครงการอะไรร่วมกันไว้มากมาย 
ในแต่ละวัน ชีวิตของฉันก็มีเขาอยู่ในชีวิตไม่เคยห่างเหินกันเลย  
แล้วนับจากเวลานี้ไป  
อีกนานเท่าไรกันที่จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

ที่ผ่านมา 
ถึงแม้เราจะยังไม่ได้อยู่ด้วยกัน และไม่ได้พบกันในทุกๆ วัน แต่เราก็สื่อสารกันไม่เคยห่าง
เราแลกเปลี่ยนความรู้สึกและความฝันกันจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

แล้วจากนี้ไป 
ในช่วงวันเวลาเหงา  ฉันจะเล่าอะไรให้ใครฟัง 
แล้วฉันจะคุยกับใคร ฉันจะเขียนบันทึกให้ใครอ่านทุกวันๆ เหมือนเดิม

บันทึกฉบับที่ 87 เป็นฉบับสุดท้ายที่ฉันเขียนส่งให้เขา 


ฉันถามเขาว่า  สิ่งของที่ให้รุ่งทั้งหมด จะเอาคืนไหม
เขาตอบว่า  ถือว่า ให้ด้วยใจแล้วกัน เอาไว้ใช้ประโยชน์เถอะ

แรกๆ ฉันเห็นของของเขาแล้วอดคิดไม่ได้  
เราจะเปิดกิจการร่วมกัน เมื่อเขากลับมาเมืองไทยแล้ว
เขาบอกว่า เขาจะเก็บเงินเปิดบริษัทร่วมกับฉัน  
แต่มาถึงวันนี้ เครื่องมือเครื่องใช้ทั้งหลาย กลับเป็นของส่วนตัว ไม่ใช่กิจการที่คิดไว้ร่วมกันอีกต่อไป

ความฝันต่างๆ ถูกล้มทลายไปหมด 


เพียงแต่ว่า 
ที่ผ่านมา ฉันไม่มีอะไรต้องเสีย  ไม่ต้องเสียอะไรแม้เพียงนิด
แม้จะต้องเสียเขาไปสักคน

แต่ทว่า ณ เวลานั้น  
ฉันเสียใจ และ เสียดายเวลาที่ผ่านมา 
เท่านั้นเอง 



ฉันอาจจะรู้สึกบอบช้ำในหัวใจเหลือเกิน 
รู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับหลายสิ่งหลายอย่าง
และมักแอบไปนอนพักสายตาที่ชายหาดเป็นประจำ 
พักสายตาเพื่อให้คลื่นลมชะล้างแผลในใจให้แห้งสนิท



แล้วฉันก็พบกับเพื่อนสนิทของฉันอีกครั้ง 
พร้อมกับนำข่าวเกี่ยวกับ เอี้ยง 
มาทับถมความรู้สึกเหมือนคลื่นลมทะเลที่ซัดแรงคลื่นเข้ากระทบฝั่งอย่างแรงอีกระลอกหนึ่ง

รุ่ง .. เอี้ยงเขาเป็นแฟนกับนกแล้วนะ
อืม เป็นแฟนกันได้ยังไงล่ะ ฉันถามเพื่อนของฉันด้วยความรู้สึกอ่อนล้า 
เอี้ยง เขาแอบรักนกมา 10 ปี แล้วก็อกหัก เพราะนกไปคบกับหน่อง เพื่อนเอี้ยง แล้วมีปัญหากัน ก็เลิกกัน นกปรึกษาปัญหากับเอี้ยง ปรึกษาปัญหาหัวใจกันไปมา ก็เลยเป็นแฟนกัน
อืม ..
เป็นข้อมูลใหม่ที่ฉันได้รับรู้


แต่ความรู้สึกที่มีกับเอี้ยง ยังไม่เปลี่ยนไป
แปลกที่ความรู้สึกที่มีต่ออีกคน เย็นชาลงจนเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นกับหัวใจเราเลย แม้แต่นิดเดียว

ถ้าได้พบกันอีก ก็รู้สึกเฉยสนิท เหมือนเพื่อนร่วมโลกคนหนึ่งที่เคยรู้จักกัน ไม่ได้พิเศษอะไรมากขึ้นเลย
แต่กับเอี้ยง  กลับตื่นเต้นดีใจที่ได้รับรู้เรื่องราวของเขาอีกครั้งหนึ่ง



แม้เวลาผ่านมาถึงเวลานี้ 
ฉันก็ยังไม่ได้ติดต่อกับเอี้ยงอีกเลย 
ทว่า  การ์ดใบธรรมดาใบนั้นที่เอี้ยงเคยให้ฉัน 
ฉันก็ยังคงรู้สึกว่า สวยอยู่เสมอ
และยังได้กลิ่นอารมณ์ของผู้ชายสุภาพ เรียบร้อย ร่าเริง และฉลาดคนนี้อยู่ไม่เคยจางจากใจ


แม้ว่า 
เราสองคนจะแตกต่างกันในทุกๆ เรื่อง
ฉัน  ผู้หญิงร่างเล็ก เล็กมากๆ
แต่  เอี้ยง เป็นชายร่างสูงโปร่ง  สูงกว่าฉันมาก

เอี้ยง ชอบบ้านกระจก บ้านหลังใหญ่ๆ  ชอบเครื่องประดับคริสตัล โดยเฉพาะคริสตัลสีฟ้าน้ำทะเล
ฉัน ชอบบ้านที่ไม่ใหญ่โตเท่าไรนัก และเครื่องประดับต่างๆ ไม่ได้เป็นที่สนใจเท่าไรนักด้วย 
เอี้ยงเคยเดินเที่ยวกับฉัน แล้วเปรยถามว่า แปลกจัง .. ทำไมรุ่งไม่สนใจเครื่องประดับเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ เลย
ฉันก็ตอบไม่ถูก ตอบได้แต่เพียงว่า ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร 

ผู้หญิงตัวเล็กๆ ร่าเริง และไร้จริตมารยา คนหนึ่ง 
ที่หลงชื่นชอบชายหนุ่มคนหนึ่งมาเป็นระยะเวลาเนิ่นนาน
แต่ก็มิอาจจะทำอะไรได้ นอกจากเป็นอารมณ์ที่อยู่เพียงภายใน
และลึกอยู่ภายในนั้นเนิ่นนานพอที่จะคิดถึงเขา  เพื่อที่จะได้เข้าใจตัวเอง

และเก็บอารมณ์เหล่านั้นไว้ในใจ  จนลึกสุดใจ



เอี้ยงบอกว่า  เอี้ยงรู้ตั้งแต่วันแรกแล้วว่า รุ่งรักเอี้ยง
แล้วย้อนถามว่า รุ่งจะเลือกใคร ระหว่างคนที่รุ่งรัก กับ คนที่รักรุ่ง
ถ้ารุ่งอยู่ในสภาวะนั้น 


รุ่งตอบไม่ถูกละนะ  เอี้ยง 
วันรุ่งขึ้น  ผู้หญิงปากแข็งคนหนึ่งก็เอ่ยปากบอกเอี้ยงไปว่า 
รุ่งจะเลือกคนที่รักรุ่ง กล้ำกลืนพูดไป น้ำตาก็พลันตกใน

หวังแต่ว่า  เอี้ยงจะเป็นคนที่รักรุ่ง
เอี้ยงบอกว่า  ถ้าอย่างนั้น เอี้ยงคงยังไม่เจอคนที่รักเอี้ยงจริงๆ 
เอ้อ .. รุ่งนั่นไง รุ่งรักเอี้ยง
แต่ก็พูดไม่ออก  ทำไมหนอ ความรักถึงสับสนเช่นนี้ไปได้

เอี้ยงคงไม่รู้หรอกว่า เอี้ยงคือรักครั้งแรก ที่รุ่งยังปรับตัวไม่เป็นกับความรักที่เกิดขึ้น
สิ่งที่ทำได้ทุกวันนี้ก็คือ เก็บเอี้ยงไว้ในใจ
เป็นบทเรียนของความผิดพลาด 

หากรักใครสักคน 
เราควรซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง
มิใช่  การปกปิดตัวตนจนความรักต้องพังทลายลง



หลังจากอกหักพร้อมๆ กันในครั้งเดียวกับคนสองคน 
ในหัวใจอาจจะมีใครเข้ามาอีก  
แต่เพียงสายลมพัดผ่าน
มิเคยเนิ่นนานเท่าไรนัก


หรืออาจจะมีคนพึงพอใจในตัวฉัน ที่จะเข้ามาคบหาด้วย
แต่ฉันก็มิอาจจะรักเขาได้อย่างเต็มใจนัก

ก็ด้วยความรู้สึกนั้นกร้านชาเหลือเกิน 
ประกอบกับคุณสมบัติของคนผู้นั้นหลายๆ ประการที่ทำให้ฉันรักไม่ลง

ฉันตัดรอนหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ไปหลายต่อหลายคน 
บางคนเสียใจขนาดหนัก  
แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ทำใจของเขาได้ด้วยดี (หวังว่า คงเป็นเช่นนั้น)


แต่  ลึกสุดใจ ก็ยังคงเป็น เอี้ยง
แม้ว่า  ไม่รู้ว่า ป่านนี้เขาจะอยู่อย่างไร ชีวิตเขาจะเป็นเช่นไร ก็ตาม

และแม้ว่า ไม่มีเขาเคียงกาย  
และไม่มีวันจะมีได้


ถึงแม้ว่า มีบางคนที่คล้ายคลึงกับเอี้ยงหลายๆ ประการที่ทำให้ฉันรู้สึกดีด้วย
สุดท้ายแล้วก็ทดแทนกันไม่ได้เลยสักนิดเดียว
นอกจาก รู้สึกดีกับคนๆ นั้นว่า เป็นเสมือนพี่ชายที่น่ารัก 
แต่เขาก็ยังไม่ใช่เอี้ยงอยู่ดี ...
แล้วก็ผ่านไปตามกาลเวลา



เอี้ยง  
ภาพฝันที่อยู่ในใจ งดงามเสมอมา
งดงามเกินจะสัมผัสได้ 

และคงอยู่ในใจเช่นนั้น  
กับการ์ดสีน้ำเงินรูปดาว 
กระดาษธรรมดาที่สวยงามมากในความรู้สึก

เอี้ยงเคยอวยพรในการ์ดให้รุ่งได้พบความฝันอันวิเศษสุด
และขอให้ทำฝันให้เป็นจริงให้ได้ 
ซึ่ง "ฝันวิเศษสุด" นั้น อาจจะเคยได้พบเจอแล้ว
แต่คงทำให้เป็นจริงได้ยากเต็มที 

หวังเพียงแต่ว่า 
รุ่งจะได้พบกับ "ความฝันที่วิเศษสุด" อีกครั้งในชีวิตหนึ่ง
และมีโอกาสที่จะทำฝันนั้นให้เป็นจริงให้ได้ตามคำอวยพรของเอี้ยง

และก็ยังมีความหวังอีกว่า 
จะมีวันนั้นในสักครั้งหนึ่ง  
เท่านั้นคงพอ



เก็บเธอเอาไว้ ข้างในจนลึก  สุดใจ
ได้คิดถึงเธออีกคราว 
เมื่อวันที่เหงาจับใจ 
ไม่มีใคร ฉันยังมีเธอ.				
9 มิถุนายน 2549 09:25 น.

บทสนทนาคืนฟ้าไม่ไร้ดาว

แดดเช้า

คืนนี้เป็นอีกคืนที่เราเดินเล่นกันที่นี่ - - ใต้ฟ้าหลากดวงดาว  เขาเดินเคียงข้างฉันอย่างใช้ความคิดเหมือนเดิม ในขณะที่ฉันเดินอย่างสบายอารมณ์ ทะเลยังซัดคลื่นซบชายหาดอย่างเอาเป็นเอาตาย สายลมก็ยังหนุนคลื่นอยู่อย่างที่เป็นมา เคยเป็นมาอย่างไรก็เป็นไปอย่างนั้น


กับชายหนุ่มช่างคิดที่เดินเคียงกันมา เขามักสุขุมอยู่เสมอเมื่ออยู่กับธรรมชาติ ฉันเข้าใจเอาเองว่า เขากำลังหลุดเข้าไปในโลกส่วนตัวแห่งความคิดคำนึง โลกของเขาไม่ต่างจากฉันนักหรอกเพียงแต่ต่างมุมมองเท่านั้น และเราก็ยังคงมองโลกไปในทิศทางเดียวกันอยู่เสมอ นี่แหละ .. จึงเป็นจุดร่วมจะเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างเรา เราเดินมาหยุดอยู่ตรงโขดหินและนั่งลงที่นี่ อย่างเงียบๆ  เงียบนาน นิ่ง และ นาน

ดาวยังคงเกลื่อนฟ้า ดวงจันทร์ยังคงสาดแสง เสียงคลื่นยังคงคร่ำครวญ เวลายังคงดำเนินไป

ไม่อาจเดาความรู้สึกได้ว่าเขากำลังแหงนหน้าหาดาวหรือสำรวจดวงดาวกันแน่ แต่ดูเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างบนฟากฟ้า


คนเราเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล คุณดูดวงดาวนั่นสิ มีมากมายเหลือเกินนะ ผมรู้สึกเคว้งคว้างทุกทีที่มองดูดาว รู้สึกตัวเองเป็นเศษอณูเพียงเสี้ยวเดียวของธรรมชาติ

แต่ฉันกลับรู้สึกอบอุ่นนะ เมื่อมองดวงดาวเหล่านี้  ฉันแย้งขึ้น เรามักมีมุมมองที่แตกต่างกันแม้ในเรื่องเดียวกันเสมอ และบ่อยครั้ง

ทำไมล่ะ เขาละสายตาจากฟากฟ้าแล้วหันมามองหน้าฉัน สายตาเป็นประกายสาดแววสุขุมเหมือนจ้องลงไปในดวงตาเพื่อค้นหาคำตอบบางสิ่งบางอย่าง

เวลาฉันเหงา ฉันก็รู้สึกว่ายังมีดาวเป็นเพื่อน เหมือนมีดวงตาบางดวงจากฟากฟ้าคอยมองอยู่ เวลาท้อแท้ ดวงดาวเหล่านี้แหละที่เป็นเพื่อนเหมือนคอยดูใจว่าฉันจะฝ่าฟันปัญหาได้หรือจะยอมแพ้มัน

คุณนี่ช่างคิดช่างฝันเกินจริงอยู่เรื่อยเลยนะ
ฉันรู้จักตัวเองดีต่างหากล่ะ ฉันเป็นคนขี้เหงาและช่างท้อ บางครั้งฉันก็หลอกตัวเองไม่ได้หรอกว่าต้องการอะไร และหากสิ่งนั้นตัวเองไม่มีหรือมีน้อยเกินไป ฉันก็เติมเต็มตัวเองจากธรรมชาตินี่เอง

แต่ผมกลับเข้าใจความเป็นจริงไปในอีกมุมมองหนึ่งนะว่า คนเราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เป็นเพียงเสี้ยวอณูเล็กๆ ของจักรวาล แล้วสักวันก็จะสลายตัวเองและสูญหายไปเป็นสสารอะไรก็ไม่รู้ การที่คนเราพยายามสร้างอะไรขึ้นมาให้ผิดธรรมชาตินี่น่ะ ทำให้เราเคว้งและไม่เข้าใจตัวเอง คิดว่าเราเป็นผู้ยิ่งใหญ่ เป็นพระเจ้า หลงยึดติดในสิ่งที่ตัวเองสร้างขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ โลกก็วุ่นวายและแตกสลายไปในที่สุด

พอโลกแตกสลาย ชิ้นส่วนอณูเล็กๆ ของจักรวาลชิ้นหนึ่งก็หายไป ...
ไม่หายไปไหนหรอกคุณ  รวมเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลเหมือนเดิมนั่นแหละ


คุณมองอะไรเหมือนไร้หัวใจจังเลยนะ มองเรื่องการแตกดับอะไรก็ไม่รู้ ไม่ค่อยจะสดใสเลย
หรือที่คุณเกิดมาเป็นตัวเป็นตนนี่จะไม่มีวันตายและไม่มีวันสลายเป็นส่วนหนึ่งของเม็ดดินเพื่อร่วมสร้างความสมบูรณ์ให้กับสรรพสิ่งอื่นๆ คุณจะอยู่ยงคงกระพันค้ำฟ้านั่นหรือ ถ้ามีมนุษย์อย่างคุณทั้งโลกคงไม่มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหรอกกระมัง เพราะไม่มีการทำลาย

แต่ถ้าคนคิดอย่างคุณมากๆ เข้า ชีวิตก็คงเคว้งคว้าง มองค่าตัวเองเป็นเพียงก้อนดินก้อนเล็กๆ ก้อนหนึ่งที่จะแตกดับไปเมื่อไหร่ก็ได้ รอคอยเพียงจังหวะของวิถีธรรมชาติที่จะสร้างหรือทำลายตัวตน โดยไม่คิดจะสร้างสรรค์และวัฒนะอะไรเลย



เขาทำหน้าครุ่นคิด เงียบ นิ่ง และ นาน ก่อนจะหันหน้ามาสบตากับฉันอีกครั้ง สายตาครั้งนี้ส่อแววความพึงพอใจ ฉันเพิ่งเห็นเขายิ้มเป็นครั้งแรกในช่วงคืนดาวสว่างคืนนี้



แววตาของคุณเหมือนดวงดาวนะ บางทีก็ทำให้ผมเคว้งคว้างเหมือนกำลังวิ่งตามหาอะไรบางอย่างอยู่บนฟากฟ้าไกล เหมือนหาอะไรก็ไม่รู้ที่คว้ามาไม่ได้สักที บางครั้งก็รู้สึกอบอุ่นเหมือนมีเพื่อน เหมือนมีอะไรบางอย่างที่กำลังดูใจอยู่ว่าผมจะแก้ไขปัญหาในชีวิตได้ด้วยความเข้มแข็งหรือไม่

ไม่รู้สิ  ฉันไม่เคยได้สบตาตัวเองสักครั้ง แม้จะสบตาตัวเองเข้าไปในกระจกเงาก็เหมือนดวงตานั้นถูกสร้างขึ้นโดยตัวเองอย่างไม่เป็นธรรมชาติสักที กับรูปถ่ายบางทีก็เหมือนกับแววตานี้ไม่ได้มองตัวเอง ฉันก็ไม่สามารถจะรู้ได้ว่าสิ่งที่คุณพูดอยู่นี่มันจริงสักแค่ไหน



เขาลอบอมยิ้ม ฉันเสไปมองคลื่นที่กระทบกับแสงเรืองเพียงเบาจากดวงจันทร์ รู้สึกอบอุ่นหรือเหน็บหนาวก็บอกไม่ถูก แหงนหน้ามองดวงดาวอีกครั้ง ไม่ได้อบอุ่นเหมือนอย่างที่คิด - - เพิ่งรู้ว่า ในบางครั้งความรู้สึกกับความคิดไม่ใช่สิ่งเดียวกัน

ลมทะเลพัดมากระทบกาย - - หนาว ฉันกอดอกตัวสั่นสะท้าน หากร่างใหญ่ของชายหนุ่มที่อยู่เคียงข้างเขยิบเข้ามาใกล้อีกสักนิดเพียงเสี้ยวของความรู้สึก ฉันอาจจะฝันไปว่าอบอุ่น หรืออาจจะรู้สึกว่าเหน็บหนาวขึ้นมาอีกก็ได้ บางทีดวงดาวก็เคว้งคว้างจริงๆ อย่างที่เขาว่า

หนาวไหม .. ตัวสั่นเชียว เขาหันมามองด้วยความรู้สึกห่วงใย น้ำเสียงแสดงความเอื้ออาทร
คุณจะซบบ่าผมก็ได้นะ ผมไม่คิดอะไรหรอก เขาพูดเหมือนทีเล่นทีจริง ฉันหลบสายตาเสไปมองท้องฟ้า

กลับกันดีกว่ากระมังคะ รู้สึกว่าจะค่อนคืนแล้ว ลมทะเลพัดมาเหนียวตัวออก แล้ววันไหนอย่าลืมเอาแผนที่ดาวมาดูดาวกันดีกว่าค่ะ ดาวที่นี่ออกจะแจ่มชัดและสวยงาม เรามาอยู่กับความเป็นจริง อยู่กับข้อมูลที่มองได้บ้างดีกว่า หลายคืนแล้วที่เราเดินดูดาวแล้วคุยในลักษณะของการแสดงความคิดฝัน

อีกไม่กี่วันเราก็ต้องจากกันแล้ว ผมไม่นึกว่าการมาครั้งนี้จะมาพบดวงดาวสุกใสดวงนี้ ผมคิดเพียงแต่ว่า ผมจะหนีปัญหามาพักผ่อนเท่านั้นเองจริงๆ

คุณมีปัญหาหนักหน่วงมากถึงขนาดจะต้องหนีมาอยู่ที่นี่หรือคะ
คงไม่หนักเท่าไหร่ละมังครับ ปัญหาของคนหนุ่มธรรมดานี่เอง 

แล้วเขาก็เงียบลงไปอีก นิ่ง และ นาน นานจนเหมือนเวลาจะหยุดหมุน คลื่นยังคงซัดสาดอยู่ตรงหน้า ลมหายใจก็ยังคงเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ ...




ฉันก็ไม่รู้จุดประสงค์การมาที่นี่ของคุณหรอกนะคะ  และนั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ เพียงแต่ฉันรู้สึกว่าคุณเป็นมิตรและมีบุคลิกที่เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะวางใจได้ ไม่ใช่เพียงแต่ความรู้สึกเท่านั้น จากการเรียนรู้แนวความคิดของคุณด้วย และท่าทางคุณยังไม่เคยเจออะไรหนักๆ

คุณฉลาดในการอ่านคน ชีวิตผมค่อนข้างจะราบเรียบ ผมก็เลยเป็นคนอ่อนไหวกับสิ่งรอบข้างอย่างที่คุณเข้าใจนี่แหละ เขาเงียบลงไปอีก การเงียบครั้งนี้ทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาขรึมและอ่านยาก



คุณมีคนรักไหม  ขอโทษที่ถามเรื่องส่วนตัวของคุณ 
มีค่ะ เมื่อนานมาแล้ว ฉันสลดลง ไม่นึกว่าภาพทะเลตรงหน้าจะเป็นภาพความหลังขึ้นมาจนได้ เพราะทะเลนี่แหละที่ทำให้ฉันพบกับความรัก และทะเลอีกเช่นกันที่ทำให้ความรักพรากไป

ผมขอโทษ  บางทีอาจจะสะกิดแผลอะไรบางอย่างของคุณ ทะเล .. เป็นตัวแทนของความรักได้ไหม เพราะผมมีความหลังกับทะเล


ฉันพินิจใบหน้าของเขา นิ่ง และ นาน ประสบการณ์บางอย่างที่คล้ายกันที่เองที่ทำให้เรามองอะไรไปในทางเดียวกันแม้จะต่างมุมมองบ้างก็ตาม

มีอะไรหรือครับ เหมือนคุณกำลังมีคำถามหรือค้นหาคำตอบอะไรบางอย่างอยู่
เปล่าค่ะ ช่างเถอะ  ฟ้าใกล้สางแล้ว เรากลับกันดีกว่า  แม้เราคงต้องจากกันในอีกไม่กี่วัน ปล่อยความรู้สึกดีๆ ไว้กับทะเลที่นี่นะคะ วงจรเวลาคงพาให้เราได้พบกันอีก ถ้าเป็นความประสงค์ของจังหวะชีวิต



ฉันยิ้มให้เขาด้วยมิตรภาพ ก่อนจะพาร่างตัวเองลุกจากโขดหินแล้วเดินจาก เขายังนั่งอยู่ที่เดิมตรงนั้นนิ่งและนาน ฉันเดินทอดน่องมาเรื่อยๆ กับริมหาด ลมยังคงลูบไล้เส้นผมเล่นตลอดระยะของรอยเดิน น้ำยังคงซบหาด เหมือนจะอิงกันและกัน นานเท่านาน ...



เหมือนมีเงาใครอยู่เคียงข้าง ฉันยังคงเดินเดียวดาย เดินเลียบชายหาดไปอย่างไม่มีจุดหมาย เดินอย่างคนปล่อยความรู้สึกทิ้งไว้กับทะเลและค่ำคืนที่ไม่ไร้ดาว กับหัวใจที่ทิ้งไว้กับบางบทสนทนาในคืนฟ้าไม่ไร้ดาว.


รุจินันท์ ประจงพิมพ์
ต้นคืน ๑๔ กันยายน ๒๕๔๑				
3 ตุลาคม 2558 10:05 น.

สาวน้อยหมวกแดง

แดดเช้า

 ฉันเดินสำรวจบ้านไม้หลังเก่าๆ หลังนี้  เก่ามากเต็มทีแล้ว และดูรกร้างเหลือเกิน

บ้านไร้เจ้าของ  ในเนื้อที่ห่างไกลจากความเจริญมากมายนัก เป็นความบังเอิญเหลือเกินสำหรับความซนของฉันที่อยากรู้อยากเห็นว่า ภายในพุ่มไม้รกเรื้อ และสวนที่ถูกทิ้งร้างไร้คนดูแลนี้ มีอะไรที่น่าสนใจ

ความใจกล้าของฉัน จึงเดินผลักประตูไม้เก่าๆ เข้ามา หยากไย่เกาะเต็มผนัง เพดานเต็มไปด้วยใยแมงมุม และละอองฝุ่นเต็มไปหมด ฉันจามหลายครั้งหลายหนด้วยความเป็นคนแพ้อากาศ

ดีที่เตรียมกระดาษทิชชูมาค่อนข้างเยอะหน่อย  แต่ก็ช่วยอะไรได้ไม่มากนัก เพราะบรรยากาศอับๆ และละอองฝุ่นที่ถูกกักไว้นั้นนานเต็มที

สิบกว่าปีได้แล้วละมั้ง  ฉันคิด

ฉันยังคงทำเป็นใจกล้าสำรวจพื้นที่ในบ้านหลังนี้ต่อไปอีก  เสียงในใจแอบเตือนตัวเองว่า นี่เธอ  ไม่กลัวผีบ้างหรือยังไง  -- เรื่องอะไรจะกลัว คงมีอะไรสนุกๆ อยู่ในนี้แน่เลย

กล่องไม้หลายใบวางซ้อนๆ กันอยู่บนหิ้งข้างผนัง เห็นเศษกระดาษแลบๆ ออกมา ฉันคิดว่า ค้นดูสักหน่อยจะเป็นไร ไม่วายยกมือไหว้เจ้าที่เจ้าทางสักหน่อย เผื่อเจ้าของเป็นวิญญาณเฝ้าบ้านอยู่  ยุ่งแน่เลย

ขออนุญาตนะเจ้าคะ  ขอดิฉันเปิดดูอะไรสักหน่อยนะเจ้าคะ ไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ เลยเจ้าค่ะ
ฉันพนมมือไหว้จรดหว่างคิ้วไปรอบทิศทางในบ้าน ผีบ้านผีเรือนคงขบขันอาการของฉันเต็มทน


กล่องใบหนึ่งถูกฉันยกลงมาวาง มีจดหมายอยู่สี่ห้าฉบับ   จดหมายเก่ามากมายพอดูอยู่แล้ว เพราะแห้งกรอบจนกระทั่งหยิบจับแทบจะแตกออกมาดัง กร๊อบ กร๊อบ

กระดาษออกซีดเหลือง บางส่วนถูกแมลงสาบกัดกิน และบางส่วนมีรูปรุๆ อยู่เป็นจุดด่างๆ รอยเหลืองๆ เป็นดวงๆ ในพื้นกระดาษ สีไม่สม่ำเสมอกันเลย

จดหมายฉบับแรก  ฉันหยิบขึ้นมาอย่างระมัดระวังสุดชีวิต ลายมือเป็นระเบียบเรียบร้อยเรียงตัวอักษรดูสวยงามอ่านง่าย  คนสมัยก่อนลายมือสวยจัง  ฉันคิด

คิดถึงตัวเอง เคยเขียนหนังสือสวยงามไม่ต่างกันหรอก แต่เวลาผ่านไป เทคโนโลยีเข้ามาจนไม่ได้ฝึกปรือลายมือ เวลาเขียนหนังสือจึงไม่ค่อยเป็นตัว เพราะมือแข็งประการหนึ่ง และติดนิสัยทำอะไรให้ได้ดังใจจากการถนัดการใช้คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์อีกประการหนึ่ง

น่าเสียดาย  ลายมือที่สวยงาม การเขียนลายมือที่สวยงามเป็นการฝึกสมาธิให้สงบเยือกเย็นได้ดีที่สุดทีเดียว แต่บัดนี้ สิ่งเหล่านั้นเริ่มเลือนหายไปจากหัวใจ ไม่มีเวลามาประดิษฐ์ตัวหนังสือเหมือนเมื่อวันก่อนเก่าที่ผ่านมา


คลี่กระดาษออกมาอย่างช้าๆ เสียงกรุบกรอบดังท่ามความเงียบ บรรยากาศรอบข้างขมุกขมัว อบอ้าว ลมสักเพียงนิดที่จะระบายอากาศแทบจะไม่มี ฉันบรรจงวางกระดาษแผ่นนั้นลงในกล่องที่เดิมก่อนจะเดินไปเปิดหน้าต่างไม้เก่าๆ หวาดเหลือเกินว่า ไม้ผุๆ จะแตกหล่นลงไปกองกับพื้น 

เพราะผุมากเหลือเกิน ผุจนฉันไม่กล้าที่จะผลักหน้าต่างออกไปเพื่อรับลม แต่ก็ค่อยๆ ผลักออกอย่างช้าๆ 

ไม่น่าเชื่อว่า  อายุขนาดนี้จะกลายเป็นเด็กสาวซุกซนอยากรู้อยากเห็น เหมือนย้อนวัยกลับไปเมื่อสิบปีที่แล้ว กลายเป็นสาวน้อยอายุ 20 อย่างไรอย่างนั้นแหละ

เกริ่นบรรยายบรรยากาศในบ้านมานานเหลือเกินแล้ว ยังไม่เข้าเนื้อหาของจดหมายสักที 
เอาละนะ ฉันจะเล่าให้ฟังต่อว่า ฉันคุกเข่าลงตรงกล่องไม้ตรงหน้าอีกครั้ง ลมภายนอกหน้าต่างเริ่มพัดโชยเข้ามาภายใน ค่อยเย็นกายขึ้นมาบ้างสักนิด ลมกระทบเหงื่อที่กายทำให้รู้สึกสัมผัสน้ำเย็นๆ ของเหงื่อตัวเอง คลายอ่อนล้าและชื่นใจขึ้นมาบ้าง



จดหมายฉบับแรก ถูกฉันคลี่ออกอ่าน มีใจความว่า .




ถึงแม่ที่รัก

หนูรู้ว่า แม่รักและห่วงใยหนู แต่แม่ขาดความเข้าใจหนูเป็นอย่างมาก หนูเองหนูอยากเป็นอิสระ อยากมีเสรีภาพทางความคิดของตัวเอง อยากตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเอง และอยากท่องไปเรียนรู้โลกกว้างด้วยตัวเอง

แม่ก็คอยห้าม ไม่ให้หนูออกจากบ้านเลย  แม่อ้างว่า  หมาป่า ดุร้ายเหลือเกิน 
แม่จ๋า หนูอายุ 15 ปีแล้วนะคะ แม่ให้หมวกสีแดงหนูเป็นของขวัญวันเกิด แม่บอกว่า หนูโตเป็นสาวแล้ว

แม่บอกว่า ความรักไม่มีจริงในโลก 
แม่บอกว่า ผู้ชายน่าชิงชังที่สุดในโลก
แม่บอกว่า ไม่ควรสนใจเรื่องความรัก อย่าไปรู้จักมันเลย
แม่บอกว่า หมาป่า ซ่อนตัวอยู่บริเวณบ้านสวนของเรา

แม่จ๋า  หนูไม่เคยรู้จักสิ่งที่แม่บอกเลยแม้แต่สิ่งเดียว หนูจะรู้จักมันก่อนได้ไหมคะ

หนูเคยเจอหนังสือเล่มหนึ่ง หนูอ่านหนังสือเล่มนั้นด้วยอารมณ์ที่เคลิ้มฝัน เพราะในนั้นสอนให้หนูรู้จัก ความรัก จ้ะ แม่จ๋า  ความรักที่แม่บอกว่า เป็นสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม

ในนั้นมีเรื่องราวของผู้หญิงและผู้ชาย ผู้ชายที่หนูไม่เคยรู้จัก เพราะแม่บอกว่า ผู้ชายน่าชิงชังที่สุดในโลก

ผู้ชายให้ความสุข ให้ความอบอุ่นกับผู้หญิงนะแม่จ๋า  หนูอยากได้แบบในหนังสือบ้าง 
ที่มีใครสักคนประคองกายของหนูแล้วค่อยๆ ปลดเปลื้องร่างกายออกมา แล้วสัมผัสอย่างละมุนละม่อม อารมณ์เร่าร้อนของสิ่งเหล่านี้หนูอยากได้รับบ้างจัง

แล้วแม่ก็มาชิงเอาหนังสือของหนูไปฉีกทิ้ง หนูยังเรียนรู้ไม่จบเลยแม่จ๋า  หนูรู้สึกค้างคาใจ หนูชอบอารมณ์ที่หนูได้อ่านจากหนังสือเล่มนั้น

หนังสือที่มีเรื่องราวระหว่างผู้ชาย (ที่หนูไม่เคยพบเห็น) และผู้หญิงที่มีอะไรๆ แบบหนูนี่แหละค่ะ  หนูอยากได้สิ่งเหล่านี้บ้าง หนูจะไปค้นหาสิ่งเหล่านี้ได้จากไหนกันจ๊ะ แม่จ๋า

หนูคงต้องหนีจากแม่ไป  แม่จ๋า ฝากจดหมายฉบับไว้ให้แม่อ่าน เพื่อที่หนูจะได้ไปค้นหาโลกของหนูที่มีเสรีภาพพอที่ไม่มีผู้ใหญ่อย่างแม่คอยห่วงใยและระแวดระวัง โดยที่ไม่ให้หนูรับรู้อะไรเลย

ระหว่างที่แม่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้ หนูคงเดินทางไปไกลแสนไกลแล้วนะแม่


หนูต้องการหาอิสรภาพในชีวิตค่ะ
ลูกของแม่


จดหมายฉบับแรกจบลงแล้ว  ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่
หนอ  สาวน้อยคนนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ป่านนี้เธอไปอยู่ที่ไหนเสียแล้ว

หรือจดหมายฉบับต่อไป จะเป็นคำตอบที่ดีสำหรับฉันที่จะไขเรื่องราวของเด็กสาวคนนี้ต่อไป
เป็นปมปัญหาที่ติดอยู่ในใจ ที่ทำให้ฉันค่อยๆ พับจดหมายฉบับนี้เข้าซองเหมือนดังเดิม ก่อนจะหยิบจดหมายฉบับต่อไปขึ้นมาอ่านดูต่ออีกครั้งหนึ่ง 




แม่ที่รักยิ่งของหนู
หนูเพิ่งเรียนรู้ความบอบช้ำของตัวเอง และรู้จัก หมาป่า ตัวที่แม่จงเกลียดจงชัง

หมาป่า ซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลจากบ้านเราจริงๆ ค่ะแม่ขา  มันล่อลวงหนูให้หนูมัวเมาในสิ่งที่แม่บอกว่า เป็นสิ่งไม่ดี นั่นคือ ความรัก ไงจ๊ะ แม่จ๋า 

มันจับตามองหนูอยู่ แล้วเตรียมวางแผนจะจัดการหนู กว่าหนูจะรู้ตัวหนูก็หลงเคลิ้มไปกับมันไกลแล้ว เพราะหนูไม่เคยรู้จักหมาป่าของแม่เลย

มันทิ้งหนังสือนิยายที่หนูเคยหลงเคลิ้มแล้วแม่ทำลายมันทิ้งไปนั่นไว้ตรงหน้าหนู เพื่อให้หนูกระหายที่จะอ่าน เมื่ออ่านแล้วหนูก็สำคัญว่า เรื่องราวในนิยายนั้นคือ ความรัก จริงๆ คือเรื่องของ ผู้หญิงและผู้ชาย จริงๆ

ทำให้หนูเสาะแสวงหาตามหัวใจอิสระที่หนูเคยถูกกักขังมานานยิ่งนักแล้วนั่น  แล้วมันก็เข้ามาใกล้หนูทุกทีๆ เพื่อพูดจาหว่านล้อมว่า มันคือผู้ชายที่เป็นพระเอกในหนังสือนิยายนั่น และมันมี ความรัก ที่จะมอบให้หนูอย่างแท้จริง

รักที่จะอยู่กับหนูตลอดไป อยู่เคียงข้างกันไป ไม่ทิ้งกัน และจะปรนเปรอให้ความสุขหนูเหมือนอย่างในหนังสือที่มันให้หนูอ่าน


แล้วมันก็กระชากหมวกสีแดงของแม่ที่มอบให้หนูในวันครบรอบการเติบโตเป็นสาววันแรกนั่น ทิ้งเสียยับเยิน  หมวกสีแดง  เยื่อพรหมจารี ถูกขยี้ขย้ำขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดี


แล้วมันก็ทำร้ายร่างกายของหนูจนหนูบอบช้ำ กักขังหน่วงเหนี่ยวหนูให้เป็นทาสบำเรอความสุขให้กับมัน โดยอ้าง ความรัก ที่หนูแสวงหามาตลอดนั่นแหละค่ะ แม่ขา

หนูจึงพบความจริงว่า ความรักไม่ได้เป็นอย่างที่หนูวาดฝันเลยสักนิดเดียว  มันเป็นความโหดร้ายเจ็บปวด เป็นความทารุณกรรมอย่างยิ่ง และอิสรภาพที่หนูค้นหาไม่มีจริง

แม่จ๋า  ทำไมแม่ไม่บอกสอนหนูให้เข้าใจตั้งแต่แรกละคะ 
ทำไมแม่ต้องห้ามหนูด้วย ทำไมแม่ต้องกักขังหนูไม่ให้หนูรับรู้เรื่องราวเหล่านี้ตามความเป็นจริง 
ทำไมแม่ไม่หาทางป้องกัน แต่แม่กลับพาหนูหนีไปจากสิ่งเหล่านี้ที่มีอยู่แล้วในสังคมรอบๆ ตัวของเรา


แม่จ๋า  หนูแอบเขียนจดหมายมาถึงแม่ ก่อนที่หมาป่ามันจะมาเห็น แล้วหนูจะฝากเด็กน้อยที่เดินผ่านถ้ำของหมาป่ามาให้ถึงมือแม่นะคะ 

หนูไม่อาจออกจากกงเล็บของหมาป่าตัวนี้ได้เลย แม้แต่ก้าวเดียว 

หนูเสียใจที่ไม่เข้าใจในคำห้ามปรามของแม่เลย  อยากกลับไปกราบขอโทษแม่
หนูน่าจะเชื่อแม่ และทำตามสิ่งที่แม่ห้าม
แต่หนูก็ยังอยากรู้อยากเห็น และอยากลอง เพราะสิ่งเหล่านี้หนูไม่เคยได้รู้มาก่อน ไม่เคยได้ยินมาก่อน เคยแต่ได้ยินคำสั่งห้ามว่า ไม่ดีๆ ของแม่เท่านั้นเอง


แม่เคยบอกว่า แม่เคยบอบช้ำกับหมาป่า กับสัตว์เพศผู้ที่อันธพาล ทำร้ายข่มเหง และแม่ไม่อยากให้หนูรู้จักกับความรัก แม่ระวังและทะนุถนอมหนู แต่แม่ลืมธรรมชาติของจิตใจของหนูว่า หนูต้องการอะไร

หนูรู้สึกสับสนค่ะแม่  หนูไม่ควรโทษแม่ใช่ไหมคะ?


หนูเสียใจที่เป็นลูกสาวที่ไม่ดีของแม่เลย
ลูกสาวที่ไม่ดีของแม่



ความรู้สึกกดดันเข้ามาอยู่ในหัวใจของฉันอีกครั้ง 
เด็กสาวคนนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป  ฉันอึดอัดในอกแทบจะคลั่ง และอยากจะร้องกรี๊ดระบายออกมาดังๆ 


นึกไม่ถึงเลยว่า ชีวิตบางชีวิตจะมีเรื่องราวได้รุนแรงขนาดนี้ 


ฉันสูดลมหายใจเข้าเต็มท้อง ให้โล่งใจก่อนที่จะหยิบจดหมายฉบับต่อไปขึ้นมาอ่าน พร้อมๆ กับทำใจว่า จะต้องมี ปมปัญหา อะไรให้ฉันติดตามไขเรื่องราวเหล่านี้ต่อไปอีกเป็นแน่



แม่ที่รักของหนู
ไม่นึกเลยว่า โชคดีจะกลับมาเป็นของหนูอีกครั้ง 
มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาช่วยเหลือชีวิตหนู ปลดปล่อยหนูออกจากกงเล็บของหมาป่าได้ด้วยนะแม่นะ

เขามีหน้าที่จัดการกับ หมาป่า โดยเฉพาะเลย  แต่เขามีวินัยมากมายเกี่ยวกับตัวเอง เขามีกรอบหลายอย่างที่จะควบคุมตัวเอง ลักษณะการพูดจาของเขาจะเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา ไม่โกหกหลอกลวงเหมือนหมาป่าเจ้าเล่ห์ตัวนั้น

เขาไม่เคยแตะต้องเนื้อตัวหนูเลยแม้แต่นิดเดียว  แต่เขาคอยดูแลหนูอย่างดี
เขาจับหมาป่าไปขังในกรงที่อยู่ไกลออกไป เขาเรียกสถานที่แห่งนั้นว่า เมือง


เขาสอนหนูในหลายๆ เรื่องและคอยแนะนำช่วยเหลือหนูทุกอย่าง หนูได้ยินได้ฟังในสิ่งที่หนูไม่เคยได้รู้ เขาบอกว่า หนูไม่ต้องกลัว เขาจะคอยปกป้องดูแลหนูทุกอย่าง

เขาบอกว่า ถ้าเขาจะแต่งงานกับหนูด้วยความรัก เขาจะต้องทำตามประเพณีให้เป็นที่ยอมรับในสังคม สำหรับเด็กในท้องของหนูที่หมาป่าทำเลวทรามไว้นั้น เขายินดีจะดูแลเลี้ยงดูทุกอย่าง

เขาเชื่อว่า หนูผิดพลาดไปเพราะความไม่รู้ ไม่ใช่เพราะความเลวทราม
เขาเข้าใจหนูว่า จิตใจของหนูสะอาดบริสุทธิ์พอที่เขาจะรักได้

และเขาจะรักหนูอย่างจริงใจ 

อีกไม่นาน เขาจะมาหาแม่ค่ะ  แม่ขา  
ตอนนี้เขาจะคอยดูแลลูกในท้องของหนูให้อยู่รอดปลอดภัยและแข็งแรงดีเสียก่อน  เขาเตรียมบ้านไว้สำหรับเราด้วยค่ะ แม่ขา 

เขาบอกว่า เขาจะรับแม่ของหนูไปเลี้ยงดูเหมือนๆ กับที่เลี้ยงดูหนู 
และเด็กที่เกิดมาใหม่นั่น เขาจะแนะนำสอนให้รู้จักชีวิต โดยไม่บังคับหน่วงเหนี่ยวใดๆ

เขาจะไม่ให้ หมาป่า มาเกี่ยวข้องกับชีวิตครอบครัวของเราอีกต่อไป  ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม

เขาเป็นคนดีเหลือเกินนะคะ แม่ขา  ดีจนหนูไม่อยากจะเชื่อว่า ในโลกนี้จะมี ผู้ชาย ที่ไม่น่าชิงชังเหมือนเขาคนนี้


หนูเข้าใจแม่เป็นอย่างยิ่งค่ะ  แม่ชิงชังผู้ชายด้วยเหตุอันใด

รอหนูสักพักนะคะ  หนูจะกลับไปกราบขอขมาสิ่งที่หนูทำผิดพลาดทั้งหมดทั้งปวงที่ทำกับแม่ไว้ แม่อย่าโกรธและเกลียดชังหนูเลย หนูทำทุกสิ่งทุกอย่างไปด้วยความไม่เข้าใจชีวิตจริงๆ


หนูว่า  ฟ้าคงเห็นใจหนู จึงส่งคนดีๆ มาดูแลหนู
และต่อไปนี้  ชีวิตคงไม่ผิดพลาดร้ายแรงเหมือนกับที่ผ่านมาอีก


ยังรักแม่สุดหัวใจค่ะ
ลูกสาวของแม่


ฉันอ่านจดหมายฉบับสุดท้าย  อันเป็นกุญแจที่ไขเรื่องราวทั้งหมดและคลี่คลายปัญหาทั้งสิ้นนี้แล้ว รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกเลยจริงๆ

บ้านหลังนี้ร้าง  ไม่ใช่เพราะคนตายจาก
แต่เพราะคนจากบ้านไปเพื่อไปตั้งต้นชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม
และได้เรียนรู้จากสิ่งต่างๆ ที่ผิดพลาดมาแล้ว

บ้านร้าง  ไม่น่ากลัวอีกต่อไป 
เพราะมีเรื่องราวที่อยู่ในนี้  มีเรื่องราวที่ทำให้หัวใจของฉันพองโตด้วยความรู้สึกอิ่ม อิ่มเหมือนได้รับรู้อะไรที่เป็นคำตอบให้กับชีวิตอย่างลึกซึ้ง จากประสบการณ์ของคนอื่นนี่เอง


ปัง!

ฉันสะดุ้ง  ลมพัดหน้าต่างไม้ปิด 
ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องเก็บสมบัติของเจ้าของบ้านหลังนี้ไว้ที่เดิม  กลับเข้าสภาพเดิมของมัน

บ้านหลังนี้  ไม่ใช่บ้านร้างธรรมดา
แต่เป็นบ้านร้างที่มีเรื่องราว

ฉันเดินออกจากบ้านหลังนี้ด้วยอารมณ์อาลัย และรู้สึกขอบคุณอย่างบอกไม่ถูก.				
3 มิถุนายน 2549 19:48 น.

บันทึกฝัน … ถึง พี่ชายคนดี

แดดเช้า

ถึง พี่ชายคนดี
วันนี้  ไม่ได้เห็นพี่ชายเลย 
แต่ไม่เป็นไร พี่ชายยังคงอยู่ในใจเสมอ 

ต้นก้ามปูออกดอกสีชมพู 
มองไกลๆ คล้ายต้นซากุระ  
ที่มีกิ่งก้านแผ่ออกมางามพอที่จะทำให้นึกถึงเรื่องราวในความฝันได้


ความรักเป็นสิ่งงดงามเมื่ออยู่ในใจ  
เมื่อไรก็ตามถ้าความรักถูกเผยออกไป 
ความงดงามจะมลายหายไปทันที

งดงามเมื่ออยู่ท่ามความรู้สึกในส่วนลึกดีดี ที่มีต่อกัน 


ฉันเอง ... 
จึงมิอาจถ่ายทอดความรักออกมาทักทายพี่ชายคนดีที่อยู่ในหัวใจได้
เนื่องจากเหตุผลตรงนี้นี่เอง ...
ความรัก ที่ยังคงเป็นความลับที่อยู่ในหัวใจ 
ยังคงอารมณ์หวานไหวที่ลึกซึ้งภายใน
งดงามในความรู้สึก 
ยากที่จะบรรยายออกมาได้


พี่ชายคนดี 
ในวันนี้  เราจะได้พบกันไหม?
หากไม่ได้พบกัน 
ขอฝันถึงพี่ ก็แล้วกัน



ดาวบนฟ้าผลิบาน 
สานทางไปสู่ความฝัน 
ที่ฉันกำลังวางเรียงถ้อยคำลงบนสมุดบันทึก

จันทร์พร่างพราว 
กระต่ายน้อยบนรอยจันทร์  
ขอให้พี่ชายคนดีเป็นกระต่ายตัวนั้น
ที่อยู่ในหัวใจตราบนานเท่านาน


หากแต่ความเป็นจริงบางอย่าง
เมื่อเราทำความรักให้เดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางบางอย่างนั่นแล้ว
กระต่ายน้อยในรอยจันทร์ 
ก็พลันเป็นภาพฝันลมแล้งทันที
มิใช่  พี่ชายคนดี 
ที่อยู่ในหัวใจดวงนี้อีกต่อไป


ฉันอยากให้ปลายปากกาที่ฉันเขียนบันทึกถึงพี่ชายคนดีนี้ 
เปล่งประกายพร่างพราวแห่งแสงดาวสกาวกลางฟ้า
กระดาษ คือ ฟ้ากว้างไกลพอที่จะเขียนถ้อยคำใดๆ ลงไปได้


พี่ชายคนดี 
หัวใจที่โอบเอื้อของพี่ชายอบอุ่นยิ่งนัก
ฉันอยากจะเก็บความรู้สึกฝันถึงพี่ชายไว้ให้นาน ... นาน
อยากรู้จักพี่ชายเพียงภาพลวงตา 
ในมายาแห่งความฝันเช่นนี้
เพราะว่า ... เป็นฝันที่งดงามเสมอ


หากวันใด 
ฉันอาจพบความจริงอันเลอะเลือนต่างจากสิ่งที่ฉันวาดภาพไว้
สิ่งต่างๆ ที่ฉันจินตนาการในโลกแห่งความรักนี้ ก็คงเลือนหายไป
ฉันจักต้องเผชิญหน้ากับสิ่งจริง 
ในสิ่งที่ฉันไม่เคยวาดภาพไว้เลย


และถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ 
ความฝันเหล่านี้จะถูกทำลายลงไป 
โดยไร้การเก็บบันทึกเป็นความทรงจำอันแสนงาม



ขอฉันฝัน 
ฝันให้นานเพียงพอ
ที่จะถักทอความฝันลงไปในถ้อยคำแห่งความคิดถึงนี้ให้เต็มเปี่ยมเสียก่อน
ก่อนที่ฉันจะตัดสินใจ 

ตัดสินใจบอก พี่ชายคนดี ว่า
น้องสาวคนนี้ ห่วงใย ใส่ใจ 
และอยากให้พี่ชายพบสิ่งที่ดีดี
รู้สึกงดงามในความเป็นพี่ชายที่น่ารักของน้องเพียงใด


และหลังจากที่ฉันระบายความในใจนั้นออกไป
สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาอีกก็คือว่า ...
ความสัมพันธ์ระหว่างเราจะเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบใด
เป็นสิ่งที่ยากจะคาดคิด และ รู้สึกไม่ยอมรับ
ฉันยังไม่พร้อมจะปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงแห่งความสัมพันธ์อันไม่เป็นไปตามธรรมชาติเช่นนี้ได้



เร็วเกินไปนัก  
ที่เอ่ยระบายสิ่งงดงามในใจออกไป
ขอเก็บความงดงามนี้
เพื่อถ่ายทอดความดีงามแห่งความสัมพันธ์ระหว่างกัน
ให้กาลเวลาคลี่คลายเรื่องราวระหว่างเรา 



พี่ชายคนดี 
จากวันที่พบเจอกัน 
จะรู้บ้างไหมว่า ...
คนๆ หนึ่งมีดอกไม้งอกงามและเบ่งบานขึ้นมาในหัวใจ
แล้วเฝ้าเพียรรักษาดอกไม้ดอกนี้
ให้เบิกบานรับความอบอุ่นของจิตใจที่โอบเอื้ออาทรของพี่ชาย

พี่ชายเป็นคนดีสำหรับทุกๆ คน 
มิใช่ สำหรับน้องสาวคนนี้คนเดียว



อยากให้เป็นเช่นนี้นานนาน 
มิอยากให้อะไรพลิกผันเกินกว่าความงดงามจะงอกงามตามกระแสของกาลเวลา
และฟ้าจะกำหนดทุกบททุกตอนให้ดำเนินต่อไป



เราจะสร้างสิ่งดีงามไปด้วยกัน 
เพราะพี่ชายคนดี  
คือ แรงบันดาลใจ เสมอมา


ฟ้าคืนนี้  เงียบงัน
ฉันเฝ้าฟังเสียงความเงียบเพียงลำพัง
หวังเพียงว่า หัวใจไหวๆ ดวงน้อยๆ นี้ 
จะสามารถส่งสื่อตามสายลมไปถึงใครบางคนที่อยู่แสนไกล

ในคืนเงียบงัน  
เหมือนหัวใจจะลอยละล่อง 
ไปตามกระแสแห่งความคิดถึง



คืนนี้  ไม่มีเรา
เพราะพี่ชายคนนี้ ไม่มา ..
แม้จะไม่มาพบกัน 
แต่เราพบกันแล้วในฝันอันงดงาม



แม้จะเพียงลำพัง  ก็ตาม.				
Calendar
Lovers  2 คน เลิฟแดดเช้า
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแดดเช้า
Lovings  แดดเช้า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแดดเช้า
Lovings  แดดเช้า เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแดดเช้า