31 สิงหาคม 2549 19:37 น.
แดดเช้า
ข้าแต่ศาลที่เคารพ ...
ข้าพเจ้าเพิ่งคบคนคนหนึ่ง
กระทำผิดโดยประมาทขาดคำนึง
ก่อเหตุการณ์ลึกซึ้งมิคาดคิด
ถูกคาดคั้นบีบเค้นใจเต้นส่ำ
จะร้องร่ำอย่างไรว่าไม่ผิด
ไต่สวนซัก "รัก - ไม่รัก" เร้นไม่มิด
ละเมิดสิทธิ์รุกล่วงล้ำดวงใจ
ด้วยข้อหาอุกฉกรรจ์ทำฝันเพ้อ
เขาเพียงเผลอรักสุดเกินหยุดได้
ถูกกระทำเป็นจำเลยจำเป็นไป
แก้ต่างด้วยคำใดจึงจบความ
โทษอาญายามราตรีที่ฟ้าแจ่ม
เขาเปิดแย้มเยื่อใยมาไต่ถาม
เชื่อมสายลมพรมกายพร่างไฟวาม
เย้ยดาวงามพราวฟ้ายามราตรี
หวานน้ำค้างพร่างวาจามาพล่ามพลอด
ฟ้าโอบกอดจันทร์ประจักษ์เป็นสักขี
อาญาสิทธิ์ลิดรอนอ่อนท่าที
ระทวยรสระทดพลียอบยอมกาย
เป็นจำเลยยากเอ่ยปัดเบี่ยงขัดขืน
สายตาชื่นชมเชยเปรยความหมาย
"รัก - ไม่รัก" บอกเถิดเปิดแย้มพราย
ดาวยังอายเอียงหลบยามสบตา
พายุโหมโถมกลืนคลื่นระลอก
ขาวฟองฟอกซบฝั่งยังสั่นผวา
แนบอกองค์แอบอิงอาบอุรา
ลงอาญาโทษอิดออดไม่พลอดคำ
ข้าแต่ศาลที่เคารพ ...
ข้าพเจ้าประสบอาญากระหน่ำ
โจทก์บีบเค้นคาดคั้นโจรกรรม
ลักลอบนำหัวใจไปทั้งดวง.
29 สิงหาคม 2549 20:52 น.
แดดเช้า
ผิดโทษฐานรังควานใจให้เธอเพ้อ
หรือแค่เผลอหว่านสายตามาให้ฝัน
จึงกลายเป็น ผู้ต้องหา ต้องโทษทัณฑ์
ถูกจับมัดมือมั่นกักกรงใจ
ทั้งถูกจำถูกปรับถูกจับขัง
ณ ห้องห้วงความหวังอันกว้างใหญ่
รอเบิกความไต่สวนกระบวนนัย
สืบกลไกการกระทำซ้ำอาญา
ตระกองกอดโอบอุ่นละมุนนัก
ประทับรักจูบประโลมไล้ลูบหน้า
อวดดวงดาวพราวแสงแข่งโคมฟ้า
เหมือนทายท้าโลกทั้งใบให้รับรู้
ถูกประจานประหารใจไม่ขยับ
ซ่านกระซิบรอยประทับแนบกับหู
เสียงรำพึงรสสัมผัสชัดพราวพรู
หัวใจฟูพองระเรื่อเมื่อสบตา
โทษทัณฑ์คาด อาชญากร ฐานอ้อนรัก
ถูกเธอซักคดีความถามคุณค่า
รัก - ไม่รัก บอกเถิดเปิดใจมา
เปล่งวาจาสารภาพแต่โดยดี
หากไม่ยอมจะกล่อมเคลิ้มเติมคำขาน
และล้อมหว่านโลมไล้ไม่ให้หนี
จุมพิตทั่วตัวร่างสรรพางค์นี้
ทั้งราตรีจะโอบแนบแอบอิงนอน
โทษที่ทำเธอรักนี่หนักหนา
จึงไม่กล้าขยับเขยื้อนเหมือนออดอ้อน
ขอลดโทษโปรดเถิดหนาจะไหว้วอน
ช่วยลดหย่อนกอดเบาเบาเท่าปลายมือ
ผิดโทษฐานรังควานใจให้เธอรัก
เธอจึงซักคดีความตามยึดถือ
รัก - ไม่รัก ประจักษ์แท้แค่ เออ อือ
ตาใสซื่อย่อมฟ้องร้องอุทธรณ์.
26 สิงหาคม 2549 14:39 น.
แดดเช้า
ระยิบพราวราวเพชรหรือไรนั่น
ช่างชวนฝันสะท้อนจิตยามคิดถึง
เวิ้งน้ำใสไหวหวานซ่านใจตรึง
ผลิวาวซึ้งยามยิ้มพริ้มแววดาว
ฤๅเบื้องหน้าคือจักรวาลโอฬารฝัน
เทียมพิมานแมนสวรรค์ชั้นห้วงหาว
ฉันควานค้นคนของใจไขเรื่องราว
ในห้วงฝันใสสกาวพร่างพราวทิพย์
ซ่อนซับโลกทั้งใบไว้ในนั้น
ซุกทุกฝันลายเลื่อมใกล้เอื้อมหยิบ
เวิ้งเวลาช่องว่างช่างไกลลิบ
ยังกระพริบดาวฝันนั้นจากใจ
ดั่งดวงแก้วแววกระจ่างอันพร่างภพ
คว้าจุดจบควานค้น ณ หนไหน
ฉันแสวงแสงสว่างจากข้างใน
หวังคำใดสื่อออกมาจากตาเธอ
ระยิบพราวราวเพชรหรือไรหนอ
น้ำตาคลอคิดรำพึงถึงเสมอ
พลิกภาพถ่ายสายตาเริ่มพร่าเบลอ
ยังหลงเผลอควานดาวในวาวตา.
25 สิงหาคม 2549 10:08 น.
แดดเช้า
เรารู้จักรักใจในอักษร
เราไหวอ่อนกับคำกานท์ซ่านอ่อนไหว
ทุกทุกเช้าเรานั่งเฝ้าเงาแสนไกล
รออ่านถ้อยคำใดผ่านใจนี้
เราคุ้นกันเพียงวันวารหวานภาษา
ใช้เวลาสื่อถ้อยร้อยสักขี
ก่อสัมพันธ์สรรค์รักจากไมตรี
สื่อห้วงฝันเปี่ยมปรี่ที่เราเป็น
เรารู้จักรักใจในชีวิต
เราไม่ผิดที่จะรับกับความเห็น
ทั้งทุกข์โศกโลกกระหน่ำช้ำที่เป็น
จะร้อนเย็นเราถ่ายเทเห่กล่อมกัน
คือคนคล้ายเคยคุ้นเข้าคล้องรัก
เหมือนรู้จักเห็นหน้ากว่าความฝัน
แต่เหนือคำร่ำภาษายิ่งกว่านั้น
คือเยื่อใยผูกพัน ฉัน และ เธอ .
21 สิงหาคม 2549 19:34 น.
แดดเช้า
กรองดอกรักกลีบกุหลาบกรุ่นดอกหอม
จากใจพร้อมร้อยมาลัยด้วยใฝ่ฝัน
รอคนหนึ่งเป็นเจ้าของปองสัมพันธ์
จะคล้องมั่นมาลัยรักปักกลางทรวง
หลายคนผ่านมาหวานซึ้งรำพึงรัก
ต่างมั่นหลักชีวิตคิดห่วงหวง
ตั้งหน้าเรียงเคียงกายไม่หลอกลวง
จวบวันล่วงลังเลใจไม่เลือกเลย
กับคนแรกแปลกใจไม่เคยหวาน
ช่างคิดอ่านหลักปราชญ์ฉลาดเฉลย
คำคมตรึกลึกล้ำคำพังเพย
ทุกคำเอ่ยกินใจไร้เทียมทาน
คนที่สองต้องใจซึ้งในพักตร์
จิ้มลิ้มนักช่างออดอ้อนเอื้อนอ่อนหวาน
ทั้งเสียงเพราะเสนาะคำช่างชำนาญ
เพลงกล่อมซ่านเคลิ้มราตรีฝันดีจัง
คนที่สามถามอะไรตอบได้หมด
ช่างหมดจดละเอียดละออต่อความหวัง
ยามสงสัยใจกังวลเขาทนฟัง
พร้อมมานั่งเป็นเพื่อนเหมือนรู้ใจ
คนที่สี่ดีแสนดียอมทุกอย่าง
ไร้ข้ออ้างข้อแม้ยอมแพ้ได้
แสนอ่อนน้อมถ่อมตนทนกว่าใคร
และห่วงใยเคียงข้างไม่ห่างกัน
คนที่ห้าท่าทางดีมีเหตุผล
รู้ปรับตนแน่นหนักเป็นหลักมั่น
มรรยาทก็พองามความสัมพันธ์
ไม่หุนหันไม่ชักช้าจังหวะดี
อีกหลายคนน่าสนใจเริ่มไหวหวั่น
มือไม้สั่นคล้องมาลัยไปโน่นนี่
ครั้นจะเสี่ยงก็ไม่กล้าหยั่งท่าที
ยักมือหนีเก็บมาลัยไว้กับตัว
กรองดอกรักกลีบกุหลาบกรุ่นภาพฝัน
ใจยังหวั่นตาพร่าเบลอเพ้อไปทั่ว
กำมาลัยแน่นมั่นสั่นระรัว
เพราะยังกลัวเลือกผิดคิดจนตาย.