10 พฤษภาคม 2549 07:29 น.
แดดเช้า
เริ่มเรื่องก็พอดูได้ไม่น่าเกลียด
พอจะเจียดเนื้อหายังน่าอ่าน
แต่เขียนไป เขียนมา น่ารำคาญ
ยิ่งเขียนยิ่งฟุ้งซ่านพล่านวุ่นวาย
ร่ายคำเปลืองเรื่องราวไม่เข้าหู
อ่านอ่านดูเหมือนพร่ำไร้ความหมาย
ยาวไปแล้ว ร้อยกรอง ฟ่องน้ำลาย
เดี๋ยวฟูมฟาย เดี๋ยวยิ้มเย้ย เอ่ยอะไร
คนหัดเขียนขาดเรียนรู้จากครูสอน
ระบายกลอนตามอารมณ์เหมือนถ่มใส่
คิดคำนั้นสรรคำนี้ที่ลงไป
อ่านเท่าใดไม่รู้เรื่องเปลืองถ้อยคำ
แรกเริ่มเรื่องก็ดูดีเข้าทีอยู่
แต่ทำไมก็ไม่รู้ยิ่งพูดพร่ำ
ตามนิสัยคนย้ำคิดและย้ำทำ
สอนไม่จำจึงจบลง ด้วย ลงเอย.
7 พฤษภาคม 2549 07:59 น.
แดดเช้า
น้ำใจเธอคือน้ำกรดรดก้อนหิน
ที่หลั่งรินแหลกร้าวคราวคิดถึง
ซุกซ่อนความหวั่นไหวในคำนึง
เจ็บจนซึ้งสิ่งลวงแทรกทรวงตรอม
หินที่เคยแกร่งเต็มเข้มแข็งนัก
ถูกทลายแตกหักเกินกว่าซ่อม
ร้าวปริปวดปร่าเจ็บจากสิ่งปลอม
มายาย้อมหลอกไว้ให้ยินดี
น้ำตาเซาะซึมซอนในก้อนหิน
แล้วไหลรินรดซ่านผ่านทุกที่
ทุกครั้งน้ำซ่านซุกลึกทุกที
ทุกคราวมีความทรงจำอันล้ำลึก
ทำสงครามกับความรักศึกหนักหน่วง
ต้านสิ่งลวงรุมล้อมรุกผนึก
เป็นสงครามความฝันอันเกินนึก
ทุกด้านศึกยังยากจบจนกว่าตาย
น้ำตาที่กลบเกลื่อนเหมือนไม่เผย
คือน้ำใจที่เคยเอ่ยความหมาย
เทิดชีวิตเธอไว้แนบใจกาย
แล้วสลายด้วยน้ำกรดรดใจตัว
หินที่เคยแกร่งเต็มเข้มแข็งนัก
ถูกคนรักละลายค่าอย่างเจ็บทั่ว
กร่อนหินปริหลั่งน้ำตาระแวงกลัว
โลกสลัวทั้งกลางวันและกลางคืน
ความเจ็บท่วมปวดท้นบนใจทุกข์
เธอคงสุขสำราญยังหวานชื่น
กับทางเลือกทางใหม่ใครกล้ำกลืน
รักยั่งยืนดีงาม - หมดลงแล้ว.
5 พฤษภาคม 2549 18:45 น.
แดดเช้า
เขาแบกย่ามความฝัน ... มาปันให้
เล่านิทานหวานไหวเห่ไกวกล่อม
สารพัน สุข-ทุกข์ ที่สุกงอม
ตำนานหอมกรุ่นกลิ่นดอกไม้บาน
เขาพักทางระหว่างล้า ณ ที่นี่
ที่ที่มีดอกฝันผลิผลหวาน
ทุ่งหญ้าไหวลมร่ำบอกตำนาน
ดอกหญ้าขานเพรียกรักทักแดดทอ
นิทานนักเดินทาง ... ระหว่างพัก
ปลูกฝังรักเมล็ดพันธุ์ฝันเกิดก่อ
ต้นมิตรภาพเอิบน้ำฟ้ามาแตกกอ
ขยายหน่อเผยฝันอันพร่างพราว
ดอกฝันแพร่พันธุ์เสรีที่ชีวิต
เติบต้นมิตรเติมเข้มเต็มห้วงหาว
สืบตำนานสานเส้นทาง สะพรั่งดาว
คนหนุ่มสาวค้นโลก ... ทักชีวิต
เขาแบกย่ามความฝัน ... มาปันให้
ปลุกดวงใจนักเดินทางเสรีสิทธิ์
เถิด ... เปิดโลกลืมเศร้าเลือนร้าวฤทธิ์
ล้างน้ำพิษจากโลกร้างเพื่อค้นพบ.
5 พฤษภาคม 2549 15:57 น.
แดดเช้า
อยากให้ฉันเดินพรากจากชีวิต
ไม่ต้องคิดหาอุบายหลายชั้นหนอ
แค่เห็นหน้ามาเอาใจใฝ่พะนอ
เฝ้างอนง้อทั้งวันและทั้งคืน
โทรมาหาสามเวลาหลังอาหาร
คิดฟุ้งซ่านบ้าบอขอชมชื่น
ร้องไห้ร่ำทำวอนย้อนวานซืน
พูดย้ำย้ำขัดขืนฝืนดื้อรั้น
ส่งอีเมลสิบหน้ามาให้อ่าน
ยามเดินผ่านมองตามชี้นำฝัน
บังคับสิ ... อย่างนี้ ทำอย่างนั้น
แล้วหุนหันเรรวนปรวนอารมณ์
ซักฉันสิ ... ไปไหน อยู่ที่ไหน
เศร้าหรือไม่หรือวันนี้ที่สุขสม
ร่ำลำนำน่ารำคาญมาให้ชม
แล้วกดข่มลำเลิกทวงบุญคุณ
เพียงเท่านี้ ... ฉันก็เมินเดินหนีได้
มิต้องไล่ร่ำลาทำท่าวุ่น
ฉันจะหนีหายไปไม่คืนทุน
ไม่ต้องทำทุ่มบุญเพื่อไล่ลา
อยากให้ฉันเดินพรากจากชีวิต
วอนสักนิดแสร้งสอพลอขอคุณค่า
รับรองได้ไร้ร่องรอยไม่สบตา
จะหนีหน้าเมินหมางห่างกันไกล.
4 พฤษภาคม 2549 07:18 น.
แดดเช้า
สูญเสียสิ่งสำคัญผันดวงจิต
คนอุทิศ พร้อม "สละ" จะสุขเหลือ
ปันน้ำใจที่ให้ใสจุนเจือ
รู้แผ่เผื่อเพื่อนพ้องพี่น้องกัน
สูญเสียสิ่งสำคัญผันความคิด
"ระกำ" ผิดเสียดายคล้ายสิ้นฝัน
เจ็บระทมขมขื่นฝืนตีบตัน
โลกใบนั้นดับแล้ว นะ แววดาว
สูญเสียสิ่งสำคัญผันชีวิต
"สละ" หวานหอมจิตยามคิดก้าว
"ระกำ" เปรี้ยวปวดปร่าแปลบเจ็บร้าว
สูญเสียแค่ครั้งคราว ... เพียงเท่านั้น
หลากอารมณ์ ขม - ชื่น ขื่น - ชมรัก
ผลไม้คล้ายนักเพียงเปลือกสรร
แต่เนื้อใน หวาน-เปรี้ยว เกี่ยวสัมพันธ์
หลายสิ่งผัน "สละ-ระกำ" นำใคร่ครวญ.