29 กันยายน 2548 17:33 น.
แดดเช้า
เส้นไหมทองคล้องโยงโอบโค้งฟ้า
สัญญาณสื่อสัญญาสู่ฟ้าใหม่
ม่านหมอกมัวสลัวมนดลดวงใจ
ดาวจรัสชัดใส ... ร่ำไรลา
กลั่นน้ำค้างพร่างพรมข่มสะอื้น
สายลมชื่นโชยโปรยจันทร์โหยหา
หยดน้ำค้างพร่างหยาดสาดน้ำฟ้า
กรองน้ำตาสะอาดใส ... ในสายธาร
ระยิบแสงสะท้อนระยับพยับแดด
กระทบธารทองแสดสอดประสาน
เบิกม่านทิพย์ขลิบฝันสรรค์วิมาน
ทาบทางผ่านพาดสายประกายทอง
"รัศมีตะวัน" วันใหม่ใสสะอาด
จารภาพพิลาส - จินตกรรม ลำนำส่อง
แสดส้มอาบทาบเหลืองเรืองละออง
พริบตามองระบายเร้นเป็นสายรัก
เพียงเผยดวงช่วงทองของอรุณ
อุษาอุ่นอุทัยแจ่มแย้มป้องปัก
รุ่งกระจ่างสว่างส่องคล้องใจทัก
เปิดฉากจริงงามนัก ... รักถักร้อย
เส้นไหมทองเคยคล้องโยงโอบโค้งฟ้า
ทอผืนผ้าถักสว่างล้างเหงาหงอย
หวานเช้าชื่น-ชื่นเช้าใหม่ ดั่งใจคอย
โลกหมุนคล้อยตื่นตา ... ฟ้าอรุณ.
28 กันยายน 2548 17:46 น.
แดดเช้า
การรอคอย
เงียบหงอยเหงาล้ำเกินคำถาม
ฝนหนึ่งผ่านไปไม้ผลิงาม
ร่วงใบผ่านโมงยามหลายเวลา
เผาะผล็อย
น้ำตายังทิ้งรอยคอยคุณค่า
ร่วงร้าวหนาวหัวใจไหววิญญาณ์
หวิวผวาหวั่นหวาม ... แทบปลิดปลิว
ลมหนาว
อีกระลอกบอกผ่าวเพียงแผ่วผิว
เจ็บร้าวหนาวยะเยือกทุกรอยริ้ว
คอยหวังหวิวปลิวมาจับกับสายลม
ซึมซ่าน
น้ำตาผ่านซุกซ้อนซ่อนขื่นขม
หวั่นหวังหายละลายลับกับสายลม
ปลิวเกินชมหวังวามความฝันคลาย
แดดสาดแสง
อีกฤดูแห่งฝันร้าวคราวคอยหมาย
ร้อนร้ายแปลบแทบทุรนทนเจียนตาย
หัวใจคล้ายปลิดร่วงจากห้วงใจ
ว้าเหว่
เสียงกล่อมเห่การรอคอยเอนอ่อนไหว
ระริกร่านซ่านซึมซึ้งภายใน
เงียบ ... อาลัยฝันหายจากปลายฟ้า
การรอคอย
เร้นรอยเงาแรกแทรกคุณค่า
หว่างหวิวปลิวซมจมน้ำตา
ซ่อนเวลาระหว่างฝัน ... วันรอคอย.
(๒๒ กันยายน ๒๕๔๑)
26 กันยายน 2548 00:47 น.
แดดเช้า
ถึงเวลาฟ้าพลบครบวาระ
แสดทองอุ่นสละภาระผ่อน
เพื่อเก็บแรงแจ้งจรัสผลัดงานจร
คลายแรงร้อนช่วงวันผันราตรี
แรงแกร่งกล้าล้าลงตรงขอบฟ้า
ชีพเริ่มล้าขอพลังหวังเปี่ยมปรี่
พักพยุงรุ้งรายความหมายมี
ถักทอสีเช้าใหม่ ... ให้รอคอย
ทาบแสงทองส่องหล้าทาบทาดิน
แทบจะสิ้นขาดใจเกินไขว่สอย
ฝากวงเดือนเตือนดาวภูเขาดอย
สายน้ำร้อยรินไหลเพื่อใจงาม
ฝากดอกไม้ไออุ่นกรุ่นแรงรัก
ความแน่นหนักแผ่นดินสิ้นคนหยาม
เก็บสายฝันวันสายใยใสดาววาม
เกี่ยวคล้องถามไถ่ห้วงความห่วงใย
ฝากพลังระหว่างวันสรรค์ฟากฟ้า
แรงอ่อนล้าพักผ่อนแม้อ่อนไหว
ดอกหญ้ายิ้มอิ่มน้ำค้างพร่างดวงใจ
กอบกลิ่นฝนกรุ่นไว้ในใจคน
ตะวันลาแดดลับกับขอบฟ้า
เมฆเคลื่อนมาทักทายคลายสับสน
ว้าเหว่คลุ้มตะคุ่มไหวในสากล
พระจันทร์ดลดวงใจในราตรี
คืนภาระหน้าที่ที่พร้อมรับ
คืนแรงกลับฟ้าฝันอันสดสี
ขอดาราประดับใจให้ดีดี
ตะวันนี้ฝากฝังหวังที่จันทร์
ถึงเวลาฟ้าพลบจบภาระ
จึงผลัดผละเวลาใหม่ให้เปลี่ยนผัน
ช่วงค่ำคืนชื่นเย็นเร้นเงาวัน
ซ่อนสีสันตะวันทาบอาบดวงเดือน.
25 กันยายน 2548 23:53 น.
แดดเช้า
แดดหลบตาใต้เมฆเสกแสงสาด
ใสทองวาดประหลาดใจ ... ไม่เคยเห็น
คล้ายสะพานสานนิมิตจิตร่มเย็น
บรรเทาเข็ญร้อนแรงแสงตะวัน
แสงฉายฉานผ่านตามาทาบจิต
เทพใดฤๅนฤมิตเพื่อชิดฝัน
สะพานข้ามครามฟ้าคราผูกพัน
ห้วงสวรรค์เชื่อมต่อทอทองทา
แสงใสแห่ง "รัศมีตะวัน" พรรณสายรุ้ง
เทียบงามมุ่งหมายผลดลคุณค่า
ดวงแดดอุ่นหลบวุ่นวาย คล้ายหลบตา
ผ่อนแสงจ้าสัมผัสชัดแสงรัก
เพียงลมพัดกระจายเมฆคลายคลี่
เผยโฉมดวงแดดสีแสดประจักษ์
หลบตาแสงแห่งห้วงดวงแดดทัก
เพียงช่วงพักสะพานงาม ... ไม่ข้ามพ้น.
24 กันยายน 2548 21:04 น.
แดดเช้า
เราต่างเพาะเกราะหุ้มคุ้มตัวตน
ความสับสนในเกราะหนักจักเกิดก่อ
ป้องกันสิ่งอิงแอบแนบถักทอ
เป็นเกราะห่อหุ้มไว้ให้ใครมอง
เพื่อปกปิดแผลเจ็บความเหน็บหนาว
ป้องอ่อนไหวรวดร้าวคราวหม่นหมอง
กระทบถูกเกราะช้ำน้ำตานอง
ไม่กล้ารองรับกระแทกกลัวแหลกลาญ
ความหวั่นหวาดขลาดกลัวเข้ากลั้วเกลือก
ให้ไสเสือกความจริงสิ่งพลุกพล่าน
ป้องตัวตนทุกหนทางอย่างชื่นบาน
เป็นภาพผ่านงามล้ำกันช้ำใจ
เราต่างสร้างเกราะบังความหวังวาด
อันพิลาสล้ำลึกเกินตรึกได้
เราต่างสร้างเกราะปิด ถูก-ผิดไว้
ยึดติดกรอบเป็นไปเท่าใจรู้
เราเร้นใจไม่เห็นตนของตนแท้
ปักปิดแน่นรอยแผลอันแบอยู่
เกราะปกแผลปิดช้ำป้องแฟบฟู
จึงเกินกู่หลายคนหลงตนเอง
เราต่างกลัวตัวตนจะพ้นออก
จึงลวงหลอกสร้างสิ่งงามตามอวดเบ่ง
อธิบายตัวตนวนบรรเลง
เป็นบทเพลงความดีงาม ... ตามใจปอง
เราไม่อาจเห็นความลึกซ่อนตรึกฝัง
เกราะกำบังกระทุ้งเจ็บ ... เหน็บหม่นหมอง
ความจริงสาดวาดไว้ใจไม่มอง
กลัวใจร้องเจ็บปวดรวดร้าวราน
เกราะบางคนสวยนักน่าทักชม
บ้างเกราะขมอ่อนไหวคล้ายไฟผลาญ
ร้อนทุกครั้งหลั่งน้ำตามาช้านาน
วันคืนผ่านเกราะสลายแทบวายปราณ
เราต่างหวงห่วงเกราะเพราะยึดมั่น
จึงก่อเกราะแห่งฝันอันสืบสาน
เกิดเกราะหวังกังวลดลใจนาน
ก่อฟุ้งซ่านซาบซึ้งสะพรึงกลัว
เราต่างไม่รู้ใจตน ... ค้นไม่พบ
ด้วยเกราะกลบความต้องการพล่านสลัว
มืดมนเครือคลุมครื้มปลื้มเมามัว
ล้วนเกราะกลั้วบังใจไม่ให้ค้น
เราต่างหลงวงเงาเกราะเข้าสร้าง
ความแตกต่างเกราะหลากจากเริ่มต้น
ค่อยคลุมครอบกรอบบังประทังตน
เกินจะค้นจิตซึ้งเป็นหนึ่งใจ
เราจึงนิ่งดิ่งลึกได้ยากนัก
ก่อเกราะรัก เกราะชัง เกราะหวั่นไหว
ล้อมเกราะกรอบครอบจิตถูก-ผิดไว้
ให้เลื่อนไหลลืมตนค้นจิตแท้
เกราะหลายเกราะถูกกระเทาะกระทบแตก
ใจแทบแหลกด้วยใจรักฟูมฟักแผล
กลัวความจริงอิงทำลายฝันผันแปร
หลงสิ่งสร้างอันไม่แน่ ... เป็นของเรา
เราต่างเพาะเกราะหุ้มคุ้มตัวตน
เกราะหนักจนเคลือบกลั้ว มัว-หลง-เขลา
ป้องหวั่นไหวไกวแกว่งแห่งร่างเงา
กรอบเกราะเก่าหุ้มไว้ในมายา.