8 กันยายน 2548 18:02 น.
แดดเช้า
ตั้งตระหง่านต้านลมข่มฝน-ร้อน
เป็นภูเขาไฟฟอนก้อนใหญ่ใหญ่
นิ่งมั่นอยู่อย่างนั้นทุกวันไป
นิ่งจนใครไม่ไหวหวั่นความมั่นคง
ลึกลงไปเก็บพลังเหมือนสั่งล้าง
ลาวาไหลแดงเป็นทางอย่างเผ้าผง
เป็น น้ำไฟ ไหลเวียน เจียรบรรจง
รอกาลส่งระเบิดเข้ายอดเขาไกล
ความอดทนของผู้อดโกรธกลั้น
คงที่ไม่หวาดหวั่นความฝันใฝ่
รู้เพียงรูปฤๅจักรู้สู่ภายใน
ภูเขาไฟกักพลังเพียงใดกัน
ความร้อนรุ่มรุมไหลภายในหิน
เพียงผ่านผินวันเวลาพาไหวสั่น
แผ่นดินครืนคล้ายกลืนแยก แตกฉับพลัน
ผู้คนหวั่นหวาดหนี ด้วยมีภัย
พลังพลุ่งพุ่งระเบิดเปิดออกมา
ล้างแหล่งหล้าให้สะอาดปราศหมองไหม้
กวาดชีวิตปลิดวิญญาณผลาญสิ่งใด
คลื่นลูกใหญ่เป็นไฟล้าง ... อย่างเมามัน
เขาผู้นั้นมั่นนิ่งไม่ติงเคลื่อน
เขายิ้มเยือนอยู่นิ่งไม่ติงหวั่น
เขาสุขุมไร้รุ่มร้อนไร้โทษทัณฑ์
นิ่งจนใจใครพรั่นในนิ่งนี้
"คมในฝัก" ปักแน่นแท่นประทับ
เพียงสดับวาจาถ้อยเปี่ยมปรี่
เก็บข้อมูลพูนเพิ่มทุกนาที
ถึงกาลที่เขาระบาย ... ไอความคิด
พลังพลุ่งมุ่งหมายทำลายล้าง
สิ่งใดสร้างผิดพลาดเขากวาดปิด
ชี้ทั้งดี ทั้งชั่ว ทั่วทุกทิศ
เหมือนชีวิตระเบิดเปิดออกมา
เป็นภูเขาตั้งมั่นใครจักรู้
ความเป็นผู้ทรงพลังอันแกร่งกล้า
ปฏิวัติวัตรปฏิบัติจัดจรรยา
เบิกทางกล้าก้าวใหม่ให้สังคม.
"พึงระวังความโกรธของผู้ใจเย็น" - พุทธพจน์
8 กันยายน 2548 08:16 น.
แดดเช้า
อีกฟากฝั่งฟ้ากว้างอย่างที่เห็น
ตะวันเร้นหลบหน้าฟ้าโกรธกริ้ว
หลังระบายสายฝนหล่นลมปลิว
ตะวันริ้วรุ้งสายคล้ายปลอบใจ
ปลอบขวัญฟ้ากดดันตะวันฉาย
ปลอบขวัญเมฆร่วงรายคล้ายหวั่นไหว
ปลอบขวัญกาลผ่านพ้นระคนไอ
ปลอบขวัญสายลมไกวแกว่งพายุ
ชื่นใจนัก ... รุ้งรายคล้ายไหมผืน
ที่ตะวันถักทอยื่น ประรอยปรุ
ปรุแห่งความทลายรอยประทุ
มุทะลุยามคะนองของฝนฟ้า
อีกฟากฝั่งฟ้ากว้างอย่างที่เห็น
ตะวันยังหลบเร้นความคลั่งบ้า
แต่ตะวันหลังฝนหลั่งยังเมตตา
ปลอบขวัญมาเป็นรุ้งสวย คอยอวยพร.
7 กันยายน 2548 22:56 น.
แดดเช้า
เก็บกดอารมณ์ข่มใจ
หม่นไหม้เดียวดายอกแขวน
สะสมกล้ำกลืนทดแทน
อัดแน่นร้อนรุ่มกลุ้มใจ
ครืนครืนระเบิดเสียงสั่น
"นี่ฉันทนแทบไม่ไหว"
เปรี้ยง .. เปรี้ยง เสียงทำลายไกลไกล
แว่วแว่วสายลมไกวสั่นคลอน
เริ่มร้อนระอุปะทุแตก
เหมือนโลกลาญแหลกเป็นท่อนท่อน
ดินแห้งแล้งระแหงเป็นลอนลอน
ถึงขั้นตอนเมฆต่ำ ... คล้ำมืดมิด
เอ้า .. ทับถมอารมณ์ข่มไว้
ระเหยเป็นไอปกปิด
เมฆต่ำระบายความคิด
แทบปลิดพลิกโลกโศกคืน
เก็บกดอารมณ์ข่มใจ
น้ำใสน้ำฝนหล่นชื่น
น้ำท่วมเทซัดสาดกลืน
เป็นคลื่นอารมณ์ ... ความข่มใจ
7 กันยายน 2548 18:48 น.
แดดเช้า
เธอบอกว่า จะไป มีใหม่แล้ว
เหมือนน้ำอุ่นในแก้ว เดือดปุ ปุ
เธอบอกว่า เย็นชา กับความมุทะลุ
เหมือนปะทุไฟร้อนเป็นฟอนฟืน
เธอบอกว่า เราไปกันไม่ได้
เหมือนน้ำใสกระเพื่อมเกินใจฝืน
ระเบิดแผดเสียงตะคอกชอกช้ำกลืน
เกินจักคืนคลายคลี่ สถานการณ์
เธอเดินจากพรากไปไกลถึงไหนแล้ว
น้ำในแก้วถูกทิ้งไว้ใครสงสาร
เย็นยะเยือกเพียงเดียวดายคล้ายกบดาน
ความเยือกเย็นอารมณ์ผ่านคล้ายแข็งเกร็ง
แรงกดดันรอบข้างต่างรุมเร้า
"เธอและเขาเหตุใดไม่เหมาะเหม็ง"
"หรือเธอไม่รักเขา ... เขาเลยเซ็ง"
"เขาคงอยากเดินเบ่งไปเดียวดาย"
หลายหลายแรงกดดัน ... ฉันรับมือ
กับสภาวะเยือกเกินยื้อ จมเวียนว่าย
วนอยู่กับแรงกดดันอันตราย
ความแข็งเย็นจะละลาย ... ในสักวัน.
6 กันยายน 2548 00:32 น.
แดดเช้า
"เธอขายฝัน ให้ฉัน ได้ไหมจ๊ะ"
ฉันถามคนเก็บขยะขะมักเขม้น
"ฉันไม่มี เวลาฝัน ไม่จำเป็น
เสียเวลา ไม่เห็น ความสำคัญ"
ฉันเดินหน้าละห้อยร้อยความคิด
นักธุรกิจผูกไทค์น่าใฝ่ฝัน
"คุณขายฝันฉันสักหน่อยสักร้อยพัน"
"ฝันสร้างสรรค์ลมแล้งไม่แจ้งใจ"
ฉันยังเดินบนทางระหว่างคอย
พยาบาลค่อยค่อยดูแลไข้
"เธอมีฝัน สักหน่อย ขอร้อยใจ
แพงแค่ไหนฉันขอซื้อรื้อชีวิต"
พยาบาลยิ้มหวานบอก "ไม่มี"
"ฝันงามสีสดใสไม่มีสิทธิ์
ที่นี่มีแต่คนป่วยป่วยการคิด"
ฉันตะหงิดใจระห้อยคอยเก็บคำ
คุณครูถือปากกากับหนังสือ
ฉันนบไหว้นับถือและร้องร่ำ
"คุณครูขา ... ขอฝันวันท่องจำ
เพื่อเป็นน้ำฉ่ำชื่นแห่งดวงใจ"
ครูยิ้มด้วยเมตตา ไมตรีจิต
"เธออย่าคิดฝันลอยลมก้มฝันใฝ่
อนาคตงดงามยังยาวไกล
ขอเธอได้ตั้งใจมั่นอย่าฝันเลย"
เงินในมือคือสิ่งแลกจุดแจกฝัน
หาฝันนั้นจากที่ไหนใครเฉลย
เด็กตัวน้อยค่อยเดินมาพูดจาเปรย
"พี่จ๋าพี่ หนูจักเผย เอ่ยดวงใจ"
ฉันมองหน้าเด็กน้อยเปื้อนรอยยิ้ม
ช่างจิ้มลิ้มตาเปี่ยมฝันอันสดใส
แก้มแดงยุ้ยเหมือนความรักจากแดนไกล
แววตาใสเธอสบมั่น ไม่หวั่นเกรง
"พี่จ๋าพี่ ไม่ต้องเร่ตามหาฝัน
วัยและวันกับฝันสวยไม่เครียดเคร่ง
ความสวยสดงดงามหลั่ง ดั่งร้องเพลง
ลองครื้นเครงเล่นกับหนู ดูสักที"
ฉันตกลงปลงใจไปกับเธอ
บอกฉันว่าสิ่งเลิศเลออยู่ที่นี่
เพียงเปิดใจใสสะอาดหยาดชีวี
มองนิ่งที่ความดีงาม ... ท่ามความรัก
"พี่จะพบความฝันไม่สรรซื้อ
ไม่ต้องยื้อ ไม่ต้องแย่งแข่งตวงตัก
พี่จะพบไมตรีจิตคิดฟูมฟัก
ถนอมนักความจริงสิ่งที่เป็น"
"โลกที่พี่ผ่านมาพี่ล้าหนัก
หลับตาพักสักที่ที่พี่เห็น
ทุ่งหญ้ากว้างฟ้าคว้างอย่างใจเย็น
น้ำกระเซ็นใสทุกหยดหมดมลทิน"
ฉันหยุดลงตรงนี้ ... ที่ฝันมี
ไม่ต้องรี่เร่ซึ้อฝันที่ผันผิน
แท้แล้ว ... แววความฝันพลันได้ยิน
เพียงหัวใจเปิดหมดสิ้น ... ไร้กังวล
แท้แล้ว ... ฝันใกล้ตนมัวค้นหา
เห็นเป็นค่าเงินตราฝันมั่นดั้นด้น
แท้แล้ว ... คือค่าใดใกล้ใจตน
ฤๅจะค้นฝันแท้ มั่นแก่ใจ.