12 กันยายน 2548 13:02 น.

เพลงฝนจังหวะใจ

แดดเช้า

(กลบทกินนรรำ)
ชะโลมโลกโศลกลมประพรมเสียง
กระทบเพียงกระชากใจสะเทือนลั่น
นภาฟาดสะท้านแสงแสดงพลัน
กระแทกทั้นคะนองคลื่นจะกลืนดิน

ระเริงเสียงปะทะเรียงปะทุหนัก
คละคล้ายทักประจักษ์ทำนอง ประคองศิลป์
จะดับดาวตะวันเลี่ยง ณ เสียงยิน
พะยุรินละลายแล้ว ณ แก้วเรียง

(อุปเปนทรวิเชียรฉันท์ ๑๑)
กระเทือนสนั่นพื้น           ปะทะผืนปะทุเสียง
กระทบละลั่นเพียง           จะแหลกดับระยับดาว
ตะวันจะหลบเมฆ             ดุจะเสกสะทกกราว
ลุโลกชะโศกคาว              และนภาชะโลมคำ
ระเรียง ณ เสียงซบ          กระเทาะทบประพรมพรำ
ประดับประดาทำ              และสดับกวีกานท์

(อินทรวงศ์ฉันท์ ๑๒)
พร้องพิณประชันเสียง     ปะทะเพียงประสมประสาน
น้ำซบลุดินดาน               มุจะสร้างประโคมคิตา
โลมโลกโศลกเลิศ           ผิจะเกิดกวีประดา
คล้ายคิดประดิษฐ์มา        นรชาติจะยลจะยิน

(กลบทสีหติกำกาม)
ยามยินดินซบน้ำ                    ฝนเทาะ
ราวสดับรับเพลงเพราะ           เพริศแพร้ว
สะท้านพล่านจิตเปราะ            ไหวหวั่น
ซ้องแซ่แต่กราวแก้ว                เสกสร้างเสียงสวรรค์

เสียงสนั่นสั่นลั่นพื้น                คลื่นครืน
ฟ้าฟาดสาดแสงฝืน                 ปราดเปรี้ยง
สะเทือนเลื่อนแทบยืน            ไม่ติด
ดั่งเสียงเพียงเพลงเพี้ยง         ปลุกดิ้นเต้นตาม

ครืนครามคร้ามสั่งฟ้า                ดนตรี
จังหวะประชันชี-                       วิตเต้น
ตึกตุกปลุกปลอบหนี                 วายหวั่น
เคาะเสียงเรียงคำเน้น             ฉ่ำน้ำสายฝน

(กระทู้โคลง)
เพลง   ดนตรีปรี่ปล้น     ดวงใจ
ฝน      คะนองสั่นไหว    หวั่นคร้าม
จังหวะ  สะท้านไกว        จิตหวาด
ใจ       ร่ำร้องเต้นข้าม    แทบดิ้นตามเพลง

(กลอนสุภาพ)
ฉันเขียนเพลงบรรเลงร้องทำนองฝน
หมายเลียนเสียงสาดหล่นฝนสาดเร่ง
จังหวะโปรยโรยรากว่าบรรเลง
จังหวะเร้าแบกเบ่งคะนองนำ

ฟ้าฟาดเปรี้ยงเสียงสั่งฟังเพลงร็อค
แวบวาบปลาบแทบช็อคดิสโก้ร่ำ
หรือกระทบดินปะทะเริงระบำ
บางทีร่ายเริงรำโปรยน้ำมนต์

จังหวะเพลงพร้องฝนสาดหล่นมา
ใจฉันกล้าเต้นตามทำนองฝน
อยากแต่งเติมเนื้อร้องก้องลมวน
เพิ่มเพลงให้ใจทนเสียงคะนอง.				
12 กันยายน 2548 08:25 น.

บทเพลงแห่งสายฝน

แดดเช้า

เพียงพลิ้วปลิวปรายสายลม           ดุจน้ำมนต์พรม
ชะโลมโลกล้างทุกข์โศกคลาย
สรรพชีพชุ่มชื่นหลากหลาย           ยามฝนหล่นปราย
โปรยปลุกปลอบขวัญวันวาร
เกิด-ดับกัปป์ก่อกัลป์กาล                โลกร้อนคืบคลาน
หนาวฝนล้วนพบผ่านมา
สายฝนหล่นทบซบซา                    ซึมซ่านดินผา
พร้องเพรียงบรรเลงเพลงฝน
กระแทกซ้ำซ้ำกระหน่ำวน            กระทบหินทน
สอดสร้อยร้อยทำนองวอนคำ
จังหวะประวิงอิงธรรม                   วาดศิลป์ยินคำ
เปิดจิตรู้รับสดับฟัง
เพรียงพิณพรำฝนหล่นประดัง        นิ่งซาบซับพลัง
แห่งฝนบรรยายคีตา
ร้อยพจน์บทกวีรจนา                    ลึกล้ำวิญญาณ์
เพียงผ่านนิ่งนึกตรึกตาม
คำตอบมอบมั่นคำถาม                  โลก-ชีวิตนิยาม
จักรวาลวิญญาณรำพัน
เพียงพลิ้วปลิวปรายเสกสรร          ดนตรีรำพัน
จิตสะอาดชะล้างสว่างไสว
สรรพชีพซาบซึ้งธรรมนัย              ฝนซ่อนดลใจ
เพียงหนึ่งชีวิตพินิจตรอง
คารวะจังหวะเพลงทำนอง             น้อมจิตรับรอง
เพื่อลุเข้าถึงสัจธรรม 
คือเพลงบรรเลงแห่งคำ                ฝนหล่นเพรียงพรำ
ให้รำลึกสำนึกซ่านซึ้ง
พิณเพลงพร้องพร่ำรำพึง                 ยังคงค่าตรึง
เพียงผ่านเปิดจิตติดตาม
เพียงพลิ้วปลิวปรายนิยาม            จิตไร้คำถาม
งดงามเพียงฝนบรรเลง.				
11 กันยายน 2548 20:52 น.

ฤดูกาลแห่งชีวิต

แดดเช้า

(ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒)
ฤดูกาลจะผ่านผัน     ณ วารวันประทับประเทียบเยือน
ตะวันจะหลั่นเบือน    ฤดูเลื่อน ณ เดือนและวันคืน
ระอุร้อนมิผ่อนกาล     กระแสพล่านตะวันจะสาดยืน
รดีร้าวจะกล้ำกลืน      ฤทัยฝืนระทมระทวยแรง
วสันต์ผันฤดูมา         ผิเสียงฟ้าจะลั่นสะเทือนแทง
นภาฟาดสะทกแสง  กระเทือนแทบกระทบสะท้อนไหว
ฤดูหนาวตะกองลม   จะเหน็บข่มและเยือกสะท้านไกว
สลายร้าว ณ ร้อนใจ    ฤ คล้ายจักทะลาย ณ ทรวงครอง

(กลบทโตพันหาง)
ฤดูของโลกเปลี่ยนสร้าง            เสกสรร
หมุนผ่านตามตะวัน                  วาดไว้
สถิตประทับเทียบทัน                ทุกที่
เวียนเปลี่ยนแต่ไกลใกล้          ก่อนหล้าผันวัน

คิมหันต์ผันผ่านร้าว                  ระอุ
เพียงห่มแดดประทุ                   ท่วมท้น
แตกแผ่นดินถิ่นปุ                     ปาดเหงื่อ
ร้อนผ่านอาจเร่งค้น                   ขื่นคลุ้มเกินทน

วสันต์ฝนผ่านไม้                       แมกงาม
ผลิดอกใบรอยาม                      ย่อมต้น
กระทบสั่นลมตาม                      เติบต่าง 
ช้ำสาดฝนเปรี้ยงปล้น                เปลี่ยนไม้ปรับแข็ง

ฟ้าแจ้งหลังหล่นฟ้า                     ฝนโปรย
เหน็บเริ่มหนาวใจโรย               ร่วงคว้าง
หนาวเนิ่นเดือนผ่านโหย            หาอุ่น
โลกมิโหดเกินสร้าง                    เสกร้อยฤดูผัน

(กลบทดาวเดือนประดับดาว)
เวียนว่ายกาลกัลป์ผันผ่านภพ
สาดสบโลกหล้าแปรปรวนเปลี่ยน
จากจุดร้อนร้าววะวาวเวียน
จมเจียนฝนฟาดสาดซัดซา

เหน็บหนาวคราวครู่พรูพรมผ่าน
เดี๋ยวด้านมุมมองครองคุณค่า
ใบโบกกิ่งก้านเติบต้นตรา
เพียงพากัลป์กาลผ่านเพียงพรำ

(กระทู้กลอน)
ฤดู    กาลผ่านผันวันเวลา
กาล   ยังเปลี่ยนเวียนหมุนทุกเช้าค่ำ
แห่ง   โลกหลั่นสั่นสะเทือนเสมือนนำ
ชีวิต   ล้ำเลอคุณ รู้ค่ากาล

(กลอนสุภาพ)
ฤดูร้อนผ่อนผันวันวัยเยาว์
ชะล้างเศร้าโศกสร่างอย่างอาจหาญ
ระเริงร่ากล้ายิ้มอิ่มสราญ
โลกเบิกบานแจ่มใสในเช้านี้

ผ่านวัยเยาว์เข้าสาวหนุ่มมรสุมหนัก
สายเที่ยงรักรุมช้ำกระหน่ำหนี
ลมก็ไกวฝนก็สาดซัดทุกที
ฝ่าฝนหนักฟ้าสดสียังรอคอย

ฟ้าหลังฝนคนหลังทุกข์แบกภาระ
เริ่มกร้านพร้อมปะทะทุกข์เศร้าสร้อย
ความเยือกเย็นเยียบย้ำเข้าสวมรอย
เป็นหยาดปรอยน้ำค้างกลางค่ำใจ

คนสามวัยใจสามกาล ... ผ่านสามฤดู
เพียงชั่วครู่เปลี่ยนภพพบชาติใหม่
ภารกิจกอบฐานะประจักษ์ไว้
คนสามวัยผันสามกาล ... ผ่านสามฤดู				
10 กันยายน 2548 23:38 น.

วาดแววตะวัน

แดดเช้า

[กลบทเบญจวรรณห้าสี] 
วาดวารวันวับวาบตะวันสาด
มุ่งมั่นมาดมืดมิดโศกทุกข์หาย
อุ่นอาบไออิ่มอบตะวันกราย
หวังวาดว่ายเวิ้งว้างกลางใจคอย

ดาวดวงดับดื่มด่ำน้ำค้างชื่น
ชุ่มฉ่ำชื้นแช่มโชติเกินเก็บสอย
เปี่ยมปริ่มเปรมปรีดิ์ปลื้มดื่มน้ำดอย
ร่วงโรยร้อยรอยร่ำเป็นคำกานท์

(อุปัฏฐิตาฉันท์ ๑๑) 
ลาคืนระดะดาว                 ระอุร้าวจะคืนวาร
หนาวเหน็บมิคืบคลาน     และจะผ่านสบายใจ
ด้วยแดดทิวะสร้าง           จะชะล้างวิเวกไหว
อุ่นอาบ ณ ฤทัย               ปะทะแนบจะแอบอิง

(กลบทโตเล่นหาง) 
ตะวันวิ่งสาดเน้น              หนุนวัน
งามอุ่นอรุณพรรณ            พร่างฟ้า
เพียงแดดแผดสีสัน         สาดแจ่ม
ล้างชะทุกสิ่งท้า                 ทอดเคล้าปรุงฝัน

ตะวันยังหวนฟ้า             เฟื่องทอ
หวังวาดยังถักรอ             รุ่งเรื้อง
ตาตื่นตรึกเคลียคลอ         เคล้าแนบ เช้านา
เริ่มย่างก้าวใหม่เยื้อง       ย่ำเท้าสู่หวัง

(วสันตดิลกฉันท์ ๑๔) 
ปางเช้าตะวันจะระดะเจียร       ดุจะเขียนฤทัยหลั่ง
โลมไล้พิภพปะทะประดัง         ฤ ละดาว ณ ห้วงหาว
วาดแสงพิภพรศมิล้ำ             บมิคล้ำมิหมองคาว
โลมโลกลุแจ้ง ณ อุษะวาว       วะวะแวมชะน้ำค้าง
ทอแดดจะแผดประทุประจักษ์  อนุรักษ์ประทีปพร่าง
สีแจ่มจรัสประดุจะวาง           ผิจะต่าง ณ กาลกัลป์

(กลบทอักษรบริพัตร) 
ฉันหลงรักตะวันคราวฉายแสง 
ครู่ฉาบแสดทอแรงยามแจ้งฝัน
ย้ำจิตใฝ่ให้หวนคิดประดิษฐ์วัน
ประดุจหวั่นคลายหายคล้ายสาดล้าง

คลี่แสงหลั่นถักทอทวนก่อแรง
เทียบกับรักทุ่มแจ้งไสวสว่าง
เสวยสวรรค์แห่งแสงตะวันวาง
ต่อหวังแวววาดสร้างอย่างเต็มแรง

(กระทู้กลอน) 
วาด  คำกลอนอ่อนหวานวานตะวัน
แวว  แห่งฝันเพื่อฉายประกายแสง
ตะ    กายค่าประดับคำนำแสดง
วัน   นี้ลองแจ่มแจ้ง เขียนกลกลอน

(กลอนสุภาพ) 
นานนานจะเขียนกลบท
เจียรจารรสร้อยเรียงเพียงอักษร
ลองสรรคำจำเรียงสำเนียงวอน
เพื่อสะท้อนลับสมองให้คล่องคำ

กระเทาะสนิมหนักน่วมที่ท่วมหัว
พอได้เขียนค่อยยังชั่ว ... กลัวหยุดย่ำ
ภาษาต้องฝึกปรือฝีมือนำ
ไม่เช่นนั้นคงนิ่งย้ำ ซ้ำที่เดิม				
9 กันยายน 2548 19:39 น.

ต้อยติ่ง บนหิ้งบูชา

แดดเช้า

ฉันจะเอาดอกต้อยติ่งขึ้นหิ้งพระ
แต่กลัวแจกันจะจัดไม่ได้
จึงจัดดอกต้อยติ่งบนหิ้งใจ
นอบถวายพานใส่น้อมนบธรรม

ถวายความถือตนว่าตนด้อย
ถวายความใจน้อยคิดต้อยต่ำ
น้อมถวาย "ความถือคน" และ "ถือคำ"
ไม่ย้ำย่ำเพียงก้าวแรกไม่ก้าวไป

ถวายกิเลส ยโส โอ่มานะ
เพื่อเลิกละโลภหลงปลงหวั่นไหว
ขอจุดธูปเทียนบูชา พระรัตนตรัย
เพื่อจะได้จุดปัญญาสว่างล้ำ

ฉันจะเอาดอกต้อยติ่งขึ้นหิ้งพระ
แต่ละดอกเสียสละความต้อยต่ำ
ขึ้นเบื้องสูงหยุดจ่อมจมสมมุติธรรม
หลุดถือตน ถือคำ ความรำคาญ.

บันดาลใจจากกลอน "ต้อยติ่ง" ของน้องชลกานต์ ค่ะ : )				
Calendar
Lovers  2 คน เลิฟแดดเช้า
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแดดเช้า
Lovings  แดดเช้า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแดดเช้า
Lovings  แดดเช้า เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแดดเช้า