15 กันยายน 2548 00:41 น.
แดดเช้า
ได้ยินเสียงความเงียบยะเยียบผ่าน
ผันตำนานสานสรรพสดับไหว
หวั่นโลกร้าวร้างโรยโหยดวงใจ
จิตสนั่นเพียงไร .. ไม่รู้เลย
ล่องลอยลู่สู่หนตำบลไกล
กลิ่นกรุ่นไออบคำร่ำเพียงเผย
เผลอผูกพันเพียงเสียงสำเนียงเอย
อกจะเฉยเสียงเงียบเหยียบย่างมา
หม่นภายในใจเงียบเยียบสะทก
ท้อเพียงยกย้ำคำคุ้นครองค่า
คราวหลังฝนคนทุกข์สุขล้นพา
เพียงเวลาเงียบย่างแตกต่างใจ
จุดประกายฉายเงียบเยียบเย็นนัก
นึกรู้จักเงียบงันวันหวั่นไหว
หวิวหว่างแว่วแล้วผ่านซ่านภายใน
นิ่งเพื่อให้เงียบซ่านแล้วผ่านปลิว
เปรยคำเงียบเปรียบเป็นเช่นเสียงคิด
ครู่สงัดเพียงนิดจิตยังหวิว
หวั่นสดับเสียงเงียบเทียบรอยริ้ว
รอลิ้มรสสิ่งไหวในโลกนี้.
14 กันยายน 2548 20:52 น.
แดดเช้า
จะเล่าเรื่องร้าวรักคราวหักคุด
พล็อตสะดุดกลางเรื่องไม่เคลื่อนไหว
ตัวละครสองคนวนเวียนไป
จบอย่างไรฉันจะเล่า ... เชิญเข้ามา
ฉันช่างฝันสรรค์หากวีเฟื่อง
ร้องเพลงไปตามเรื่องดูเปรื่องค่า
นั่งเหงาบ้างกลางดินกินเวลา
นอนมองฟ้ายามดึกดื่นแสนชื่นใจ
ร่ำทะเลเห่กล่อมย้อมเบียร์แกล้ม
ดอกไม้แย้มยิ้มทักยังอ่อนไหว
แต่แอบรักปักทรวงแสนห่วงใย
น้ำตาตกทรวงในหัวใจรอน
เธอเป็นนักธุรกิจคิดขายที่
สร้างโรงแรมดีดี ที่พักผ่อน
เร่ขายที่ ขายดิน ขายถิ่นนอน
รีสอร์ทซ้อนสร้างทับกับแผ่นดิน
ฉันจะนอนผ่อนพักคลายหนักอก
อยากเก็บพกทะเลเห่กล่อมศิลป์
อยากเก็บดาวพราวฟ้ามายลยิน
อยากมองฟ้าเต็มตาสิ้นทั้งสองตา
แต่แผ่นดินมีเจ้าของท้องฟ้าเหงา
ทะเลเศร้าถูกเธอครองคุ้มคุณค่า
เธอหวังนับหลับฝันปั่นเงินตรา
แต่ฉันบ้าคว้าดาวพร่างนอนกลางดิน
ฉันต้องซื้อค่าเช่านอนมองทะเล
ฟังเสียงเห่เร่ลมห่มถวิล
ต้องเก็บเงินทีละเม็ดเก็บเหงื่อริน
ต้องปรุงศิลป์จินตนาแปลงค่าเงิน
ฉันมองฟ้าของเธอได้ไม่เต็มตา
ฟ้ากว้างกว่าใจฉันสั่นห่างเหิน
ฉันพินิจดอกไม้ไม่เพลิดเพลิน
แผ่นดินเดินเป็นของเธอผู้ครองดิน
ฉันจะเขียนเจียระไนไขภาษา
สร้างจินตนาการเพริศประเสริฐศิลป์
แต่ทุกเม็ดเก็จเหงื่อเพื่อหยาดริน
หาเงินถมทั้งสิ้นเพื่อดินเธอ
อยากมองฟ้าเต็มตาเต็มฟ้ากว้าง
อยากให้ใจสว่างสร้างศิลป์เสนอ
อยากให้ดาวพราวฟ้าค่าเลิศเลอ
ไม่ถูกเกียรติกรายเกร่อมาครอบงำ
วอนขอพรดวงดาวคราวร้าวรัก
แจ้งประจักษ์ใจเธออย่าเผลอถลำ
ขอให้ฝันวันของเธอเลิศเลอล้ำ
ฉันชอกช้ำขอให้จางด้วยฝันเธอ
หากฟ้านี้ไร้ใครเฝ้าเจ้าของครอง
ขอฟ้าส่องจิตสว่างกลางใจเสมอ
ให้เล็งเห็นสิ่งเร้นค่าอย่าละเมอ
เธออย่าเผลอคว้าดินกินแทนดาว
ฉันไส้แห้งแจ้งจิตความคิดถึง
เธอเคยซึ้งคุณค่าแห่งห้วงหาว
อย่าใช้เงินทำลายดาวพรายพราว
อย่าทำใจฉันร้าว... กว่านี้เลย
เรื่องราวร้าวคราวรักคุดไม่สุดสิ้น
เธอยังดิ้นไขว่คว้าหาคำเฉลย
หาค่าเงินเดินวิ่งเต้นเป็นอย่างเคย
สิ่งสร้างเผยมากมาย ... ขวางตามอง
ฉันยังเขียนรำพันสร้างฝันสวย
ฟ้าไม่ช่วยด้วยน้ำเงินเธอคุ้มป้อง
จะพิศฟ้าแจ่มจ้าเต็มตาปอง
ก็ต้องหมองฟ้าของเธอ ... ใช่ของใคร.
14 กันยายน 2548 01:27 น.
แดดเช้า
ฉันค้นหาหิ่งห้อยมาร้อยฝัน
แม้คืนวันผันผ่านนิทานเล่า
เรื่องหิ่งห้อยร้อยพันเคยลำเนา
ใต้ลำพูต้นเก่าเกิดที่นั้น
จึงสำรวจตรวจตราหาหิ่งห้อย
ไฟระย้อยห้อยโยงเชื่อมโยงฝัน
คล้ายแสงดาวประดิษฐ์วิจิตรพรรณ
เป็นสิ่งสร้างเสกสรรสมองคน
ต้นลำพูฉันเห็นเป็นเพียงตอ
ถูกคนก่อตัดสร้างถางถากต้น
มวลหิ่งห้อยนับร้อยพันคงหวั่นวน
พลัดหนีหายคล้ายสับสน ... ยากค้นเจอ
เห็นเพียงดาวประดับประดิษฐ์สร้าง
ตามหนทางเวียนวนให้คนเผลอ
เผลอหลงคิด สิทธิ์-เสรี ที่เลิศเลอ
คิดฉัน-เธอ เป็นต่างคน .. ต่างหนทาง
ความแปลกแยกแตกต่างห่างสับสน
หิ่งห้อยน้อยหนีวนคนแตกต่าง
หนีความคิดวิปริตผิดอำพราง
โลกเคว้งคว้างหิ่งห้อยลับ ... เหมือนดับดาว
ดาวพราวพร่างกลางฟ้า ... เงยหน้ามอง
แสงหม่นหมองกระพริบเพียงครู่คร่าว
สะพานไฟถนนสร้างยังพร่างพราว
กลบแสงวาวดาวสวย ... ด้วยนีออน
ฉันค้นหาหิ่งห้อยสักร้อยครั้ง
จึงหยุดยั้งฝังฝันหวั่นเหนื่อยอ่อน
โลกยังหมุนวุ่นวายไหวทุกตอน
ดาวยังร้อน หิ่งห้อยน้อย ... ค่อยหายไป.
13 กันยายน 2548 09:08 น.
แดดเช้า
จากเคลิ้มฝันจันทร์ทาบอาบแสงฉาย
จากน้ำค้างละลายคล้ายลาร่วง
จากดวงดาวพราวฟ้าจะลาดวง
จากชีวิตไถ่ทวงช่วงความจริง
ตะวันเร้นเส้นทองของขอบฟ้า
ดวงจันทร์ล้าจะกลับลับแสงผิง
ดวงดาวท้อทอฝันอันแอบอิง
น้ำค้างทิ้งน้ำตาลาดวงดาว
ตื่น จากฝันวันเก่าคราวหนาวเหน็บ
ตื่น จากเจ็บจ่อมจมขื่นขมหนาว
ตื่น จากสลัวมัวมนบนเรื่องราว
ตื่น จากโลกเจ็บร้าวเมื่อคราวคืน
ลาจันทร์ ... ฝันหวาน จะผ่านพ้น
ลาจันทร์ ... ขอค้นความสดชื่น
ลาจันทร์ ... ลาหวั่นไหวใจกล้ำกลืน
ลาจันทร์ ... ล้างความขื่นคืนฟากฟ้า
อรุณรุ่งมุ่งหมายทลายโศก
ความลุ่มหลงวนโลกล่วงคุณค่า
เริ่มต้นฝันวันใหม่ให้งามตา
ขออำลาจันทร์พราวคราวค่ำคืน
ขอจุดแสงแห่งไฟไสวสว่าง
เพื่อเสกสรรสร้างทางอย่างแช่มชื่น
เพื่อละลบเลือนเมามัวสลัวกลืน
เพื่อล้างคลื่นเงาหม่นบนทางตัน
เพื่อประกายไสวสว่าง กระจ่างชีวิต
เพื่อรู้ทิศติดตามค้นความฝัน
เพื่อความตื่นความหยั่งรู้นิจนิรันดร์
เพื่อเบิกบานสร้างสรรค์มั่นความดี
คลายความหลงวนไหลในจันทร์เจ้า
คลายความเศร้าโศกสุขทุกทุกที่
คลายความยึดยุดยื้อดื้อรั้นมี
คลายความหนักภาระที่แบกนานมา
ลาจันทร์ ... วันใหม่ในเช้านี้
อาบอุ่นแสงดีดีตะวันกล้า
สว่างแจ่มแช่มชื่นตื่นปัญญา
ล้างอวิชชาโง่งมจมจันทร์ทอ.
13 กันยายน 2548 01:21 น.
แดดเช้า
ฉันฝากใจไว้ที่ใจ จะเป็นใครไม่ฝากฝัง
ขอฝากกายนี้ยัง แนบกับตัวทั้งหัวใจ
ฉันฝากแจ่มดวงดาว ไว้กับพราวจันทร์วาวใส
ฉันฝากมวลดอกไม้ ไว้กับดินกรุ่นกลิ่นรัก
ฉันฝากตะวันรอน อุ่นแสงอ่อนกับคำทัก
ลาแล้วดวงแก้วพัก ฝากแสงเรืองไว้ที่ฟ้า
ฉันฝากฝนหล่นร่วง ทำนองช่วงรุ้งงามค่า
ฝากเมฆเสกสรรมา หวังให้ฝนค้นหาดิน
ฉันฝากอรุณรุ่ง กับวันพรุ่งที่มุ่งผิน
คุ้นค่ากับจิตจินต์ ไถ่ถวิลหาจุดหมาย
ฉันฝากทั้งชีวิต เพื่อพิชิตสิ่งท้าทาย
ฝากไว้กับใจกาย เพื่อขยายทางชีวิต
ฉันฝากหัวใจเธอ ฝันเลิศเลอเธอลิขิต
เธอเองสร้างแนวทิศ อย่าได้คิดไปฝากใคร
ฉันฝากทุกทุกสิ่ง เป็นสิ่งจริงเร้นห่วงใย
จันทร์ดาวพราวดอกไม้ ตะวันใสฝนฟ้าพรำ
ฉันฝากถ้อยคำนี้ เพื่อความดีให้จดจำ
ฝากกายกิจควรทำ แนบที่ใจจิตเธอเอง
ฉันฝากทุกความหมาย เป็นแสงฉายคล้ายเสียงเพลง
แจ่มชัดจรัสบรรเลง เพื่อเป็นแรงแห่งหัวใจ
สุดท้าย ... กายกับจิต ขอเธอคิดสิ่งสดใส
ดูแลและห่วงใย จิตกับกายด้วยตัวเธอ.