19 กันยายน 2548 20:51 น.
แดดเช้า
คล้ายคล้าย เลื่อมลาย ฝุ่นฝัน
ราวรอย สีสัน ขีดเขียน
จากจาร เทพไท้ วาดเวียน
จรดเจียร วาดไว้ งดงาม
นุ่มน้ำ ลาดเลียง เพียงพบ
สาดซบ ซาบทราย ไถ่ถาม
อบอุ่น โอบอ้อม วาววาม
แสดสี ทาบท่าม ยามเย็น
ลวดลายคล้ายคลึงซึ้งซาบ
ดั่งภาพพราวตากว่าเห็น
เคลิบเคลิ้มเติมฝันตามเป็น
งามเร้นรอยล้ำคำกานท์
กระทบซบทรายสายน้ำ
ชื่นฉ่ำลมโปรยปรายหวาน
จินตกรซ่อนคำตำนาน
น้ำผ่านกอดซบผืนทราย.
18 กันยายน 2548 17:40 น.
แดดเช้า
จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า
ไม่รบเร้าขอข้าวแกงหรือแหวนใส
ไม่วอนขอเตียงตั่งหวังใดใด
ไม่พิสมัยขอข้าวของปองจากจันทร์
เพียงอยากฝากจากจิตด้วยคิดถึง
หวังจันทร์ซึ้งทราบตามความใฝ่ฝัน
ฝากดอกไม้ ฝากสายลม ห่มวารวัน
ฝากหวาดหวั่นมลายหาย กับสายลม
ฝากสื่อสิ่งสร้างสรรค์มั่นคงนัก
ฝากความรักศรัทธามาห่อห่ม
ฝากดาวพราววาววับประดับพรม
ฝากฟ้าข่มน้ำตาฟ้า-น้ำตาดาว
น้ำค้างพร่างพรมพรายสายน้ำตา
คล้ายอำลาดาวดวงร่วงห้วงหาว
ฝากจันทร์กล่อมฟากฟ้าครารวดร้าว
ฝากห่มให้เหน็บหนาวบรรเทาจาง
ฝากสิ่งดีมีคุณค่าเคียงหล้าโลก
ฝากลบโศกเศร้าทุกข์ทุกทุกอย่าง
ฝากจันทร์นวลล้างหวนไห้ให้เบาบาง
ฝากจันทร์พร่างทอทองส่องความดี
จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า
สาดแสงเข้าในจิตทุกทิศที่
เพื่อแสงแห่งแรงฝันบันดาลมี
ทอทาบสีให้ใจเย็นอย่างเช่นจันทร์
จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า
ไม่ขอเฝ้าร้องขอใดให้พลิกผัน
เพียงโลกยิ้มอิ่มสุขทุกคืนวัน
แผ่แสงฝันแด่จันทร์เจ้าทุกคราวไป
เพื่อจันทร์เจ้าจะได้ใสสว่าง
ส่องกระจ่างจิตงามความสุกใส
เป็นแสงนวลชวนมองของใครใคร
แผ่สู่ห้วงดวงใจใครทั้งมวล.
[อธิษฐานคืนจันทร์งามถามไถ่จันทร์ ให้ใฝ่ฝันทั้งหลายความหมายถ้วน เพียงสาดทางสว่างสดทุกกระบวน ทุกจิตล้วนรับรู้ ... สู่ทางงาม]
ขอพรจันทร์วันจันทร์สวย เดือนเก้าค่ะ : )
17 กันยายน 2548 18:02 น.
แดดเช้า
มีนิยายคล้ายฝันสรรมาเล่า
เรื่องไม่เก่าเท่าไรคล้ายเคยเห็น
สองหนุ่มสาวความผูกพันนั้นซ่อนเร้น
ความจำเป็นแห่งฝันต่างกันไป
"คุณรักฉันบ้างไหม ... ใคร่อยากฟัง"
ฉันคงนั่งอึ้งคิดจิตตรองไตร่
ไม่อยากตอบมอบความหวังจึงชั่งใจ
นานเท่าไรที่เธอถามค้นความจริง
"ฉันห่วงใยเธอนักเธอจักรู้"
ฉันมองดูเธอเพ้ออย่างเก้อนิ่ง
ชีวิตฉันมั่นอิสระไม่พึ่งพิง
ไม่อยากให้บางสิ่งมาอิงใจ
เห็นน้ำตาเธอพร่าพรายเป็นสายน้ำ
ฉันเห็นใจเธอชอกช้ำกระหน่ำไหว
ยังคงเฉยเลยละผละจากไป
เธอคงไม่ละความเพียรเวียนวนมา
"ทานข้าวแล้วหรือคะ ... อยากจะรู้
ตอนนี้อยู่ที่ไหน-ห่วง ทุกท่วงท่า
ขอนัดพบอย่าหลบหายจากสายตา
เมื่อไรมาหาสักหน นะคนดี"
เสียงกริ๊งกร๊างโทรศัพท์ ... รับใจสั่น
เธอรำพันระบายรักเต็มล้นปรี่
ทั้งสงสารรำคาญใจหลายหลากมี
ฉันอยากหนีไปไกลไกลไม่พบเจอ
"ทำไมคุณเหินห่างไปอย่างนี้
ฉันคงมีความห่วงใยให้เสมอ
บอกหลายทีที่ฉันมั่นพบเธอ
ต้องรอเก้ออย่างนั้นทุกวันไป"
เธอตัดพ้อต่อว่าน้ำตานอง
ฉันคงต้องถอยอีกก้าวเธอร้าวไหว
ความอึดอัดซัดสาดปราดภายใน
เกินเก็บไว้วุ่นวายนัก ...อยากจากลา
"ฉันอยากให้คุณใกล้ฉันมากกว่านี้"
"ฉันเพียงรู้สึกดีที่เห็นหน้า"
"แค่นั้นหรือที่คุณคิดเสมอมา"
แล้วน้ำตาของเธอก็เอ่อริน
สุดอึดอัดหนักอกเกินยกออก
อยากจะบอกความนัยให้หมดสิ้น
แต่กลัวใจเธอไหวหวั่นพลันได้ยิน
ความเจ็บคงกัดกินหัวใจเรา
"คุณไปไหนไยไม่ชวนไม่หวนหา
ฉันตั้งตารอคอยอย่างหงอยเหงา"
ยินเสียงเธอเพ้อพร่ำทำสั่นเทา
รู้สึกเศร้าหนักจิตระอิดใจ
อิสระทางจิตที่คิดฝัน
ถูกผูกมั่นด้วยความรัก อยากผลักไส
รอเวลาเสรีภาพอาบภายใน
ฉันจะได้ปลดเปลื้องเรื่องรักรัก
ชีวิตฉันมั่นคงเพียงตนเอง
ไม่ใช่เก่งเลิศเลอเธอตระหนัก
แต่เธอยังฝังค่าครวญเฝ้าหวนทัก
อยากรู้จักฉันมากกว่าค่าฉันเป็น
"ตกลงว่าระหว่างเราเป็นอย่างไร"
เธอถามไถ่ในวันหนึ่งซึ่งพบเห็น
ฉันคงปลอบตอบคำตามจำเป็น
"ไม่อยากเร้นฉันไม่พร้อมยอมรับรัก"
เธอปล่อยโฮ ... ร่ำไห้อย่างไม่ยั้ง
น้ำตาพรั่งหลั่งไหลเกินใจหัก
แต่ฉันยังนั่งนิ่งไม่ติงทัก
โล่งใจราวสิ่งหนักหลุดจากใจ
เธอระบายความในใจไหลหลั่งมา
จนเหนื่อยล้าอ่อนเพลียเธอหยุดได้
ฉันเบาโล่งโปร่งจิตเกินคำใด
ความสัมพันธ์จะได้จุดลงตัว
ระยะห่างระหว่างใจระหว่างกัน
ระยะฝันระหว่างคืนชื่น-สลัว
ระยะหวังพรั่งพรูระหว่างกลัว
ระหว่างความไหวทั่วของหัวใจ
ย่อมแตกต่างห่างแผกจนแปลกนัก
ค่าความรักแต่ละคนที่ทนไหว
รักของฉันเพียงวางที่ว่างไว้
อย่าล่วงล้ำเข้าใกล้เส้นใจนี้
ระยะห่างระหว่างใจในบุคคล
ย่อมเกิดผลนาฏกรรมช้ำทุกที่
เพียงเปิดกว้างความห่างใจให้ดีดี
อย่าล้ำล่วงเกินกว่าที่ "คนมีใจ".
[ไส้ในระหว่าง ความหวัง กับ ความกลัว นั้น เท่ากัน : สุภาษิตตะวันตก]
16 กันยายน 2548 21:38 น.
แดดเช้า
จะย้อนรอยค่อยเล่าเรื่องเก่าก่อน
นิทานวอนสอนใจให้ทุกหญิง
กาลครั้งหนึ่งเพิ่งผ่านมาจะอ้างอิง
มีเรื่องจริงแทรกซ่อน ... วอนให้จำ
แม่สอนลูกปลูกฝังชังผู้ชาย
ด้วยเลวร้ายเหลือเกินอย่าเพลินถลำ
อัน "ความรัก" อย่าปักใจอย่าใฝ่ทำ
เป็นเหตุให้ชอกช้ำจดจำนาน
"หมาป่า" ซ่อนซ้อนแทรกไม่แตกต่าง
อย่าก้าวย่างห่างไถลไปจากบ้าน
ป่าคือโลกโศกเร้นทุกเส้นธาร
ภูเขาผ่านย่านดอนหมาซ่อนตน
ฟังแม่พร่ำเด็กสาวราวสิบห้า
ใจเริ่มท้าอยากเห็นนัก .. รักสักหน
ความรักคืออะไร ใจวกวน
แสวงค้นหาคำตอบมาปลอบใจ
หยิบนิยายคล้ายฝันบันลือโลก
เรื่องสุข-โศกซ่อนเร้นเห็นฝันใฝ่
อ่านแล้วเคลิ้มปลื้มฝันรำพันไป
เริ่มหลงใหล .. นี่หรือคือความรัก
แม่มาเห็นหนังสือสื่อความฝัน
คว้ามาฉีกสะบั้นหวั่นใจปัก
ทั้งโกรธหวงห่วงใยในลูกนัก
"อย่ารู้จักรักได้ไหม ... ลูกคนดี"
เด็กสาวโศกราวโลกร้าวคราวแม่ห้าม
เอ่ยปากถามน้ำตาไหลคล้ายเจ็บปรี่
แม่ปรามเตือนเหมือนหวั่นพรั่นทวี
ลูกอย่าหนีไปพบรักกับชายใด
ผู้ชายนั้นน่าชังทั้งโลกหล้า
ขอจงอย่าเข้าหาอย่าเข้าใกล้
แม่เคยพบความเจ็บช้ำแสบตำใจ
ไม่อยากให้ลูกตรมขื่นขมตาม
ณ วันหนึ่งหนูน้อยค่อยค่อยคิด
อยากพินิจโลกกว้างอย่างใจถาม
จึงหลบหนีแม่ไปไม่ให้ปราม
อยากค้นความในใจให้ชัดเจน
"หมาป่า" ซ่อนกายไว้ในพุ่มพฤกษ์
น้ำลายไหลตรองตรึกนึกเขม่น
เหยื่อสดสดเข้าใกล้ ในบริเวณ
หลบกายไว้อย่าให้เห็น ... แล้วเล็งปอง
เอานิยายคล้ายประโลมโลกความฝัน
กามารมณ์ผูกพันมั่นใจสอง
วางล่อลวงหน่วงสาวเข้าครรลอง
มุ่งมั่นจ้องตาแววมัน .. หมายล่าชิง
สาวหน้าใสวัยร้อนผู้อ่อนโลก
เริ่มเรียนรู้สุขโศกสรรพสิ่ง
จินตนาการหวานไหวคล้ายพึ่งพิง
นี่ "รัก" จริงมาเปิดเผยไม่เคยรู้
หมาป่าเริ่มออกตนค้นหาสาว
บอกเรื่องราวรักยิ่งเกินใจกู่
รักนิรันดร์ รักแนบจิต คิดเลี้ยงดู
อยากจะอยู่คู่เคียงเพียงครองเธอ
สาวน้อยเริ่มเคลิ้มฝันใฝ่ในคำหลอก
หมาป่าบอกรักแท้แน่เสมอ
ลิ้มรสรักจากหมาป่ามาบำเรอ
"หมวกแดง" เธอหลุดสะบั้นพลันขาดรอน
สีแดง แห่งพรหมจารี ที่สงวน
ถูกกระชากขยี้ถ้วนเป็นท่อนท่อน
หัวใจสาวราวถูกหั่นสะบั้นทอน
หมาป่าอ้อนจะกลืนกินทั้งกายใจ
ถูกขย้ำคำใหญ่แทบไม่เหลือ
โชคยังเจือนายพรานผ่านมาใกล้
ปืนเขม็งเล็งเข้าเป้าทันใด
หมาป่าถึงกาลบรรลัยในทันที
แล้วถนอมกล่อมสาวคราวฝันร้าย
ปลอบใจคล้ายล้างคาวคราวป่นปี้
เหลือตราบาปคราบจิตติดราคี
พรานป่าพาหลบหนีพ้นพาลภัย
เป็นเรื่องราวซ้ำซ้ำความช้ำรัก
ปิดกั้นนักขาดเรียนรู้จากผู้ใหญ่
โลกที่กว้างแตกต่างห่างจากใจ
หากกั้นไว้ย่อมยุยงให้หลงทาง
แม่เคยช้ำกระหน่ำสาวแต่คราวก่อน
กลัวลูกอ่อนจะเสียทีจึงปรามบ้าง
แทนที่จะระวังสอนสั่งวาง
เพื่อรอบรู้ทุกอย่าง ... จะห่างภัย
นิทานเก่าเล่าใหม่ให้ตระหนัก
สังคมเริ่มผุปรักหักหวาดไหว
โลกนี้วุ่นหมุนเวลามาเท่าไร
ถึงโลกใหม่สังคมเก่ายังเฝ้ามอง
อุทาหรณ์วอนเตือนเหมือนทบทวน
ให้ใคร่ครวญถ้วนถี่ที่ขัดข้อง
วาดชีวิตจิตใจในครรลอง
ควรไตร่ตรองทุกสิ่งสรรพ์ด้วยปัญญา.
15 กันยายน 2548 23:25 น.
แดดเช้า
"คุณยายขา ... คุณยาย หลับนานจัง"
ฉันยังฝังในจิตความคิดถึง
ยายผมเทาตาพร่าฉายแววซึ้ง
ลึกล้ำเกินหยั่งถึง ... ซึ่งเวลา
นิทานเก่าเล่าขานตำนานคำ
ยายลูบหัวซ้ำซ้ำแล้วพร่ำว่า
ดาวดวงหนึ่งซึ่งอยู่ไกลในฟากฟ้า
ร่วงกายมาเป็นสาวสวยเสกอวยพร
"ถ้าหนูเป็นเด็กดี - ไม่ดื้อซน
ดาวจะหล่นของเล่นมาเร้นซ่อน
เป็นนางฟ้าชุดขาวมาเว้าวอน
กล่อมหนูนอนฝันดีทุกทีไป"
นิทานดาวพราวพร่างอย่างแจ่มชัด
ภาพยายยังแจ่มจรัสดั่งดาวใส
เมื่อวันหนึ่งยายหลับตานิ่งกายใจ
เห็นใครใครอุ้มยายส่งลงกล่องทอง
ก่อนยายหลับ ... ยายนอนอย่างอ่อนเพลีย
ลมหายใจละเหี่ยเหมือนขัดข้อง
หน้ายายนิ่งไม่ติงไหวตาไม่มอง
ผิวผุดผ่องกลับซีดซูบ ... ดูขาวเกิน
ฉันปลุกยาย "ยายจ๋า ยายตื่นเถิด
ยายช่วยเปิดดวงตาอย่าห่างเหิน
หนูอยากฟังตำนานนิทานเพลิน
ให้ยายอุ้มหนูเดินเหมือนเคยมา"
แต่ยายนิ่งไม่ติงไหว ... ใจแทบขาด
ฉันประหลาดเรียกยายคล้ายเป็นบ้า
จนใครใครร่ำไห้หลายเวลา
ฉันรอยายตื่นตามาอีกที
นิทานยายฝังจิตให้คิดถึง
ยังซาบซึ้งยามกังวลทุกหนที่
เสียงยายสอน "หนูเอ๋ย เคยทำดี
จะเกิดเป็นศักดิ์ศรีที่ตัวตน"
ดาวจรัสชัดอีกดวงบนห้วงหาว
นางฟ้าดาวคงเกิดใหม่ในห้วงหน
ยายหลับใหลไม่ตื่นฟื้นสักคน
ฟ้าเบื้องบนดาวดวงใหม่ ... คงใช่ยาย.