10 ธันวาคม 2548 22:51 น.
แดดเช้า
(๑)
อาจเจ็บจำช้ำหนักเหน็บรักร้าว
อาจเยือกหนาวเย็นชาคราโกรธขึ้ง
อาจมืดมนวนวุ่นครุ่นรำพึง
อาจถูกตรึงตอกตำระกำใจ
ลมหนาวโชยโปรยปรายคล้ายซ่านซึม
หมอกทึบทึมเวิ้งว้างคว้างอ่อนไหว
ราตรีพร่างลางเลือนห่วงเดือนใด
หรือหวงดาวดวงไหนพราวพริ้มพอ
เพียงริบหรี่ที่เห็นพอเป็นหวัง
กรอบชอบชังกลัวเกลียดยังเสียดส่อ
ราตรีเอย .. รำเพยลมห่มเคล้าคลอ
หนาวเกินรอชีวิตแทบปลิดวาง
(๒)
ขอบฟ้าเรืองรำไรประกายเกิด
เหมือนหวังเพริศเพียงพริ้มให้ยิ้มย่าง
พริบดาวเหนือเอื้อหยอกบอกหนทาง
ประกายพรึกทอพร่างกลางฟากฟ้า
ใจเอยหยุดฉุดรั้งตั้งสติ
หนาวเนื้อปริแตกขาวราวฝุ่นฝ้า
อดทนคอยแสงฉายประกายตา
สุดดินขอบบอกลาราตรีกาล
(๓)
แห่งแสงแรกรักของเธอเสนอค่า
ให้บอกลารักร้าวคราวคืนผ่าน
พบรักแท้ดูแลใจได้เนิ่นนาน
ซึ้งน้ำตาลหวานล้ำเกินคำใด
ก่อนท้องฟ้าจะแจ่มแย้มความหวัง
แสงแรกยังกระจ่างสว่างไสว
ปูเส้นทางสะพานตะวันอันกว้างไกล
คืนรักแท้จากใจให้ชื่นทรวง
(๔)
พิศแสงแรกแปลกนักหนาในครานี้
นิมิตดีดวงใจไม่ห่วงหวง
คล้ายวางใจไร้หมอกกลับกลอกลวง
แดดเช้าช่วงแสงแรกแทรกฟ้าทอง
อาจเจ็บช้ำผ่านค่ำฟ้าซ้ำเติม
แสงแรกเริ่มรองรับกับฟ้าผ่อง
อาบสะอาดหยาดละมุนอุ่นละออง
คืนสายใยเชื่อมคล้องใจสองเรา.
9 ธันวาคม 2548 22:38 น.
แดดเช้า
ณ ห้วงทะเลเวิ้งว้างห่างฟากฝั่ง
ฝังความหวังเงาราตรีที่กลางค่ำ
โลกรอบด้านเทาหม่นบนวนกรรม
ลึกถลำดวงจิตกับผิดพลั้ง
อาจมีแสงแรงตะวันยามวันสวย
ที่อาจช่วยให้กระจ่างแม้ห่างหวัง
หรือบางค่ำแปรปรวนตรวนโซ่ยัง
เหนี่ยวชอบชัง เกลียดโกรธ ผูกโทษภัย
ห้วงทะเลเห่วนบนวัฏฏะ
เวียนอยู่บนสิ่งปะทะกระเทือนไหว
แกว่งเวลาโลกหมุนวุ่นดวงใจ
ฤๅคว้าไขว่แสงสีที่สาดทอ
เถิด .. หลุดจากความเวิ้งว้างห่างสิ่งหวัง
สติตั้งมั่นคงอย่า งง หงอ
ทุกทางว่ายหมายมั่นอย่าผันรอ
เพียรใฝ่ต่อฝั่งฝันนิรันดร์งาม
ณ ห้วงทะเลเวิ้งว้างอย่างที่เห็น
ใจร่มเย็นเพียงพอจะขอข้าม
สู่จุดหมายคล้ายฝั่งฟ้าสีคราม
อรุณถามความจริง .. จงดิ่งตรอง
ดิ่ง .. ความจริงนิ่งสู่การรู้คิด
ลักษณ์สามติดเป็นเงาหม่นเศร้าหมอง
ด้วยไม่รู้ ด้วยชังชอบ เป็นกรอบกรอง
ล้อมครรลองกักว้างกลางทะเล.
9 ธันวาคม 2548 00:23 น.
แดดเช้า
สกาวดาวพราวพร่างกลางฟ้าค่ำ
คิดถึงคำอธิษฐานวานจันทร์เจ้า
ขอสาดแสงแห่งชีวิตส่องปิดเงา
คลายมัวเมาดวงจิตให้คิดดี
ขอแสงนวลชวนชื่นระรื่นใจ
คล้องสายใยสู่สักคนท้นสุขปรี่
ประคองขวัญวันเหงาอย่าเศร้ามี
ผ่านวจีถ้อยคำพร่ำรำพัน
ให้สายลมห่มผ้าอย่ารุ่มร้อน
ขอพราวพรดาวเอ๋ยเอ่ยปลอบขวัญ
ปลอบดวงใจใครบางคนพ้นทุกข์พลัน
ปรารถนาเพียงเท่านั้น ... ทุกราตรี
สกาวดาวพราวพร่างกลางฟ้าค่ำ
ฝากวอนคำลมเย็นเป็นสักขี
ขอดวงใจใสสะอาดหยาดเปรมปรีดิ์
หลับฝันดี ณ ค่ำคืนก่อนตื่นตา.
7 ธันวาคม 2548 22:09 น.
แดดเช้า
เพียงเพราะเขาไม่อาจสนองตอบ
มิอาจมอบความสุขทุกทุกอย่าง
เธอจึงค้นคนรักมาจักวาง
เพื่อชดเชยเส้นทางอันขาดตอน
เธอจึงมาหลงใส่ใจในตัวฉัน
เพื่อหมายมั่นปลดเปลื้องเรื่องเปราะอ่อน
สถานภาพแห่งฉันเธอจัดวอน
แอบซ้อนซ่อนปิดเก็บจนเจ็บทรวง
ไม่ได้รับการรับรองของสังคม
ด้วยเธอข่มสภาพการณ์ทุกท่าท่วง
ครอบครัวเธอดูแลไว้ใช่สิ่งลวง
แล้วคอยห่วงหลงรักฉันปักใจ
หากเป็นเพียงคนลับเธอจับวาง
แล้วปิดพรางเก็บงำช้ำอ่อนไหว
ทดแทนรักขาดหายจากบางใคร
ขอเมินไม่รับบทนั้นทุกขั้นตอน
คงเห็นฉันเป็นของหวานวางให้ชิม
พอเพียงอิ่มสานเยื่อใยใจออดอ้อน
เครื่องชดเชยไม้ประดับกับใจวอน
ไม่อาจเปล่งสะท้อนความงามใด
หยาดน้ำตาหยดท้ายสุดหยุดความฝัน
ขอรั้งยั้งสัมพันธ์อย่าหวั่นไหว
เพียงเพื่อนพบคบหาอย่าใส่ใจ
อย่าเป็นใครที่ซ่อนเก็บเจ็บช้ำเกิน.
4 ธันวาคม 2548 00:15 น.
แดดเช้า
หากฉันเป็นเช่นดอกไม้อย่างใครเขา
คนคงเมินไม่เอามาชื่นขวัญ
ด้วยดอกหญ้าดอกน้อยร้อยจำนรรจ์
ล้อลมหลั่นทิวไม้ใสเกินคิด
เป็นนารีที่ไร้ใจไร้มายา
ปากแกล้วกล้าพูดตรงไร้จริต
เหมือนอารมณ์ผสมผสานหว่านความคิด
เพียงอุทิศความดีงามตามที่เป็น
ไม่ได้คิดอยากรักใครสักคน
ไม่ดิ้นรนแสวงหาค่าเกินเห็น
ใช้ชีวิตติดปัจจุบันมั่นร่มเย็น
ไม่ทุกข์เข็ญไม่โหยหาไม่อาทร
ไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเติมความสวย
ไม่สำรวยร่ำร้องหมองใจอ่อน
ไม่ออเซาะสักคำหรือพร่ำวอน
จะออดอ้อนไม่เป็นไม่เคยทำ
มายาการผ่านตาไม่เคยพบ
ไม่พิศสบตาหวานสุดซ่านฉ่ำ
ไม่สรรหาถ้อยซึ้งแม้หนึ่งคำ
มาเพ้อคร่ำครวญชื่นให้รื่นทรวง
มีแต่คำจริงจังหลั่งประโยชน์
เหมือนของโปรดคือตรงเป้าไม่เฝ้าห่วง
สลัดทิ้งความยึดถือทั้งหมดปวง
แล้วก้าวล่วงสู่สุขเพียงลำพัง
หากฉันเป็นเช่นดอกไม้อย่างใครเขา
ใครเห็นเข้าคงผ่านเลยไม่เคยหวัง
ด้วยดวงใจไร้พันธนาการอันน่าชัง
ไม่ขุดฝังมายาจริตติดกับกาย.