3 พฤศจิกายน 2548 22:26 น.
แดดเช้า
อะไรหนอพอทำให้ใจกระหวัด
หวนภาพชัดทั้งร้ายดีที่มีผล
อาจเป็นเพียงอารมณ์พรมว่ายวน
ยากจะค้นเหตุ "คิดถึง" ให้ตรึงตรา
เพียงแดดอุ่นกรุ่นดอกไม้ในยามเช้า
เพียงคมเงาภูดอยวาดรอยผา
เพียงกระเพื่อมเลื่ยมลายแดดพรายตา
เพียงคืนล้าจรกาลหนาวผ่านไป
เพียงกระทบมรสุมความคลุ้มคลั่ง
เพียงฟ้าสั่งคะนองฝนร้องไห้
สะเทือนขวัญวันเจ็บเหน็บห้วงใจ
อุ่นถ้อยไขปลอบโยนแห่งรุ้งทอ
จึงอิ่มใจในคิดถึงซึ้งภาพผ่าน
เป็นผลงานสรรพสิ่งอิงเกิดก่อ
กระทบจิตประทับใจในฝันรอ
ล้าหรือท้อฤๅซาบซึ้งสักเพียงใด
อาจบางที ... ภาพเธอเผลอพาดผ่าน
คล้ายฟ้าหว่านมวลดาวพราวสุกใส
จึงหลงซึ้งคิดถึงเธอละเมอไกล
วาบแสงไหวเงาเลี่ยมอันเปี่ยมทรวง
และบางที ... คืนร้ายคล้ายคำหลอก
ที่เธอบอกแล้วกลับคำ ณ ค่ำช่วง
ไหวหัวอกสะทกแค่นแค้นคำลวง
กับหลงหวงหน่วงซ้ำช้ำชอกกลืน
จึง "คิดถึง" ทั้งดีร้าย ที่กรายผ่าน
หวังที่ซ่าน หวังที่หวาด ยังทนฝืน
หากใจไม่ซาบซึ้งหนึ่งวันคืน
ปล่อยขม-ชื่น .. ผ่านแล้วลอยแผ่วไป
และไม่มีใจคิดถึงใครทั้งนั้น
ไม่หลงฝันเคลิบคิดกับสิ่งไหน
สุขสันติเกิดสงบพบที่ใด
นั่นใช่ไหม ... จิตแท้ไยไม่พบ
เถิด ... เปิดใจชมชื่นตื่นสิ่งเห็น
ร้อนอุ่นเย็น "ปัจจุบัน" นั่นประสบ
อาจพึงใจไหวหวามความงามซบ
อาจกระทบผิดหวังหลั่งน้ำตา
อะไรหนอพอทำใจไหวกระหวัด
หวนภาพชัดทั้งร้ายดีที่สร้างค่า
เพียงผ่านกาลเรื่องราวคราวผ่านมา
สิ่งธรรมดาไร้ตัวตน ... คนหลงจำ.
2 พฤศจิกายน 2548 11:53 น.
แดดเช้า
ร้อนแรงแห่งแสงกล้าสาดสีแสด
คือดวงแดดไม่แปรปรวน ณ ห้วงวิถี
จะอ่อนแรงลงบ้างในบางที
ในคราที่ "เมฆคุ้ม" คลุมตะวัน
เสื้อห่มหุ้มคลุมคุ้มกันลมส่าย
พายุกรายหนาวสะท้านมาผ่านผัน
เมฆปกป้องหมองหมอกออกคุ้มกัน
ทรงกลดขวัญให้งาม ณ ท่ามฟ้า
เป็นกำแพงกั้นแรงลมเมฆโอบรัก
แดดทอถักสะพานแสงแห่งคุณค่า
อุ่นยามบ่ายคล้ายสักขีที่ทาบทา
ร่มเย็นมาเนิ่นนานน่ายินดี
คือความรักแห่งเมฆมาเสกสรร
คุ้มตะวันนานมาไม่ล้าหนี
ยามลมซัดกระหน่ำคล้ายย่ำยี
เมฆก้อนนี้จะปิดคลุ้มหุ้มตะวัน
เราจึงไม่เห็นตะวันอันแจ่มร้อน
ให้โหยอ่อนรุ่มเร่าแล้งเงาฝัน
เราร่มเย็นด้วยเมฆเสกกำนัล
มอบของขวัญสะพานรุ้งปลอบห่วงใย
เว้นบางกาลตะวันยังสุขสันต์
เมฆก้อนนั้นยังห่างไม่ย่างใกล้
โลกจึงร้อนด้วยน้ำแรงแห่งแดดไกว
ทำหน้าที่ยิ่งใหญ่เพียงลำพัง
คือหน้าที่เมฆหมอกจะออกรับ
ตามจังหวะฟ้ากำกับตามกาลสั่ง
มิใช่คุ้มหุ้มตะวันอย่างน่าชัง
คุ้มลมถั่งเท่านั้น .. ผูกพันใจ
ร้อนแรงแห่งแสงกล้าสาดรัศมี
คงมั่นมีเมฆคุ้มป้องฝันใฝ่
ร่มเย็นเยือนเพื่อนฝันตะวันไกล
เมฆเสกให้ฝนเย็นเป็นรางวัล.
1 พฤศจิกายน 2548 00:09 น.
แดดเช้า
คล้ายท้องฟ้าเล่านิทานขานชีวิต
แห่งมิ่งมิตรจันทร์ฉายเฉิดฉายแสง
แต่ละคืนชื่นใจในบทแสดง
บางคืนแจ้งนวลจันทร์อันงามตา
คล้ายฟ้าเปรียบชีพสร้าง ........... นิทาน
ฉายเฉิดจันทร์ตำนาน .............. ผ่องแผ้ว
แต่ละค่ำชื่นสราญ ..................... แสดงบท
บางค่ำจันทร์นวลแพร้ว ............. เลิศฟ้างามตา
ในบางค่ำจันทร์เสี้ยวเงาเบี้ยวบด
จันทร์ระทดเศร้าระทมลมถั่งบ้า
หลากเมฆจรจนจันทร์อ่อนวิญญาณ์
สลัวหล้าหวาดหวั่นพรั่นทุกใจ
ในคราค่ำบดเสี้ยว .................. เงาบัง
จันทร์ระทดลมพัง ................... ถั่งบ้า
เมฆคลุ้มวกอ่อนหวัง ............... จันทร์ดับ
สลัวหวั่นพรั่นทั่วหล้า .............. หวาดล้าทุกใจ
แม้บางคืนเป็นจันทร์เสี้ยวเปลี่ยวใจหวั่น
แต่แสงอันนวลกระจ่างยังพร่างใส
เหลือครึ่งดวงฉายแสงแรงเรืองไกล
นวลนุ่มไสวสาดสู่จิตมิตรมวลชน
บนฟ้าไกลปลี่ยวเสี้ยว .............. นวลจันทร์
แสงกระจ่างจันทร์อัน ............... พร่างพริ้ม
แห่งดวงครึ่งช่วงฝัน ................ แสงส่อง
นวลนุ่มไสวสาดยิ้ม ................... มิตรแย้มปวงชน
แต่บางคืนฉันยืนเปลี่ยวเหลียวหน้าหลัง
ยังสิ้นหวังจันทร์ดวง ณ ห้วงหน
จันทร์อ่อนล้าลับหายสิ้นแสงยล
ฟ้าเบื้องบนไร้จันทร์อันงามนวล
หวนเหลียวค้นค่ำนั้น ................ หน้าหลัง
ไร้พร่างแห่งแสงหวัง ................. สาดฟ้า
จันทร์ล้าอ่อนใจบัง .................... แสงลับ
ฟ้ามืดไร้จันทร์กล้า .................... ส่องสิ้นแสงนวล
คืออารมณ์ห่มห้อมล้อมจันทร์เจ้า
ที่คลอเคล้ากับฟ้าคราไห้หวน
หรือชื่นใจไสวสว่างพร่างแสงยวน
อาจเชิญชวนพริ้มน้ำผึ้งตรึงนวลจันทร์
รัญจวนฝันห่อห้อม .................. จันทร์ครวญ
คลอแนบฟ้าไห้หวน ................ ร่ำร้อง
หรือฉ่ำชื่นสว่างชวน ................ ใจพร่าง
เชิญฉ่ำน้ำผึ้งพร้อง ................. ดื่มล้ำนวลจันทร์
เหมือนเมฆมืดยืดยาวมาสาวเอื้อม
บังอารมณ์ไหลเลื่อมเกิดมืดหวั่น
"มือที่สาม" นามนี้ที่กดดัน
ผลักแสงอันงามล้ำรักภิรมย์
เมฆข่มดันครอบเอื้อม ............ อารมณ์
ไหลเลื่อนบังบดจม ................. มืดคว้าง
เช่น "มือที่สาม" ผสม...............ข่มกด
ดันผลักแสงสูญล้าง ................ ชดช้อยอภิรมย์
ณ คืนจันทร์เพ็ญมาสยังวาดหวัง
รักจีรังอย่าแปรเป็นแผลขม
ขอแสงสาดวาดนวลชวนชื่นชม
อย่าพลาดล้มเป็นชังฝังดวงใจ
ใฝ่ชมจันทร์พร่างพริ้ม ............ วาดหวัง
ขอรักจงจีรัง ........................... อย่าร้าว
ขอแสงสาดนวลยัง ................. ชวนชื่น
อย่าพลาดเป็นชังกร้าว .......... ลึกเร้นฝังใจ
คล้ายท้องฟ้าเล่านิทานขานชีวิต
อารมณ์คนมืดมิดสว่างได้
ตามแต่สิ่งแปรปรวนล้วนเป็นไป
แม้จันทร์ใสยังหม่นบนฟากฟ้า
ในนภายังเล่าอ้าง ................. นิทาน
สว่างมืดอารมณ์ขาน .............. ทุกผู้
ตามแต่สิ่งแปรกาล ............... ไหลหลั่ง
แม้พร่างจันทร์ยังรู้ ............... หม่นได้บนนภา.