4 ตุลาคม 2548 21:40 น.
แดดเช้า
ภาพในนั้น ... ฝันของฉันวันหวานวาด
แต้มสีแย้มเปื้อนปาดเปี่ยมคาดสวย
ภายใน "กรอบ" ขอบฝันอันรินรวย
แย้มแสงช่วยให้ภาพเด่นเห็นงามตา
ภาพในนั้น ... ฉันคิดประดิษฐ์วาด
ตั้งใจคาดกรอบกุมคลุมคุณค่า
ทุกความหมายภายในนัยเวลา
ล้อมกรอบมาตีครอบในกรอบนั้น
แล้วฉันครอบกะลาคิดเพียงติดกรอบ
ฟุ้งภายในสมองครอบระบอบฝัน
กลัว หวัง ชัง รัก กลืนยากคืนครัน
และยึดมั่นโอบกรอบครอบแน่นจริง
ฉันระบายหลายสีที่ในกรอบ
โลกรอบรอบคับแคบแทบหยุดนิ่ง
ปวดขมับการรับรู้ไม่ไหวติง
ฉันพึ่งพิงกรอบเด่นเน้นเกินไป
ภาพในนั้น ... ฝันของฉันฉันปรับเปลี่ยน
เอากรอบเวียนเพียงพอดีที่ใส่ได้
พอรู้ขอบเขตภาพอันซาบใจ
ความพลิ้วไหวค่อยค่อยทาบวาดภาพนั้น
ระบายใจใสใสฟ้าใหญ่กว้าง
กรอบสรรค์สร้างไม่คับปรับเปลี่ยนผัน
ภาพพริ้มพรายรายละเอียดละเมียดพรรณ
กรอบยังมั่นแต่ไม่ได้ครอบใจคิด
ฉันปรับเปลี่ยนเวียนกรอบครอบหลายหน
ภาพไม่หม่นหมองตามกรอบงามติด
เมื่อหลุดกรอบครอบภาพที่ทาบชิด
ภาพยังงามด้วยจิตประดิษฐ์ร้อย
ภาพไร้กรอบครอบนั้นฝันฉันครบ
ปรับระบบวาดลายระบายถ้อย
ถ้วนกระบวนทวนทบบรรจบรอย
ภาพยังคล้อยตามกาลอันผ่านพ้น
ภาพในนั้น ... ฝันของฉันเหนือคั่นครอบ
ใส่ทุกกรอบทุกความหมายคลายสับสน
ยังเป็นภาพอิสระคิด ดั่งจิตดล
พร้อมปรับตามสายตาคนจะยลเยือน
และหลายครั้งหวังเตลิดฉันเปิดกรอบ
วาดภาพโดยไร้ครอบระบอบเคลื่อน
ฟุ้งตามใจไหลตามคิดประดิษฐ์เบือน
และดูเหมือนไร้ขอบเขตไร้เหตุการณ์
ภาพวาดนั้นฝันฟุ้งไร้มุ่งหมาย
ไม่ปรับตามกรอบกรายกระจายหว่าน
กรอบใดใดในแผ่นดินสิ้นตำนาน
ไม่อาจผ่านครอบภาพนี้ได้จีรัง
ภาพไร้กรอบ ... เคารพกรอบย่อมงามนัก
ภาพไร้กรอบ ... ไร้หลักย่อมไร้หวัง
ภาพติดกรอบ ... ครอบล้อมย่อมภินท์พัง
อิสระจะประดังเมื่อปรับตน
ภาพในนั้น ... ฝันของฉันเหนือวันสวย
เหนือกรอบช่วยชูเด่นเป็นเหตุผล
จะใช้กรอบใดใดในหล้าดล
ย่อมพร้อมช่วยให้ใจยลงามผลงาน.
4 ตุลาคม 2548 10:33 น.
แดดเช้า
ตะวันลาพร่าลางฟ้าพร่างพลบ
ดวงแดดหลบลี้ลับกลับคืนหล้า
ฉัน ... คิดถึงจันทร์เพ็ญนวลเย็นตา
ดาวเกลื่อนฟ้างามชื่นคืนพร่างพราย
คิดไม่ถึง ... จันทรคราสฟ้าบาดเจ็บ
ดาวหนาวเหน็บเจ็บร้าวคราวสาดฉาย
คิดไม่ถึง ... หนึ่งฝันพลันมลาย
คืนกลับกลายน้ำตาช้ำแทบกล้ำกลืน
ฉัน ... คิดถึงอรุณรุ่งวันพรุ่งนี้
พร้อมพบสิ่งดีดีปรี่หวังชื่น
เช้าเวียนมาฟ้าทองส่องล้างคืน
แสดกระทบสะท้อนคลื่น ... น่าชื่นชม
คิดไม่ถึง ... เมฆมืดมายืดยาว
บังตะวันเพริศพราว ... ใจร้าวขม
คลุ้มครึ้มรอบขอบฟ้าน่าตรอมตรม
คิดไม่ถึง ... ความขื่นขมจะถมมา
ฉัน ... คิดถึงเมฆฝนหล่นโปรยปราย
แห่งยามสายสร้างสรรค์ปันผืนหล้า
ฉัน ... คิดถึงความซึ้งใจจะพายพา
จากลมครวญหวนหาน่าชื่นใจ
คิดไม่ถึง ... มืดทะมึนคลื่นพายุ
ราวปะทุประดังหลั่งน้ำไหล
คิดไม่ถึง ... ฝนกระหน่ำน้ำท่วมไกล
สูงเกินกว่ารับได้ ... โอ้ ใจตรม
ฉัน ... คิดถึงซึ้งหวานซ่านอีกครั้ง
เปี่ยมพริ้มหวังครั้งฝนลาฟ้างามสม
เพียงรอหวังฟ้าหลังฝนมาดลพรม
กับสายลมรุ้งพรายความหมายงาม
ฉันกลับพบฟ้าพลบค่ำยามย่ำเย็น
สลัวเร้นยะเยือกย่ำคล้ายคำถาม
ไม่พบรุ้งพุ่งทะยานสานฟ้าคราม
พบเพียงลมหนาวหวามพัดลามโลม
คิดไม่ถึง ... สิ่งซึ้งใจใช่ดั่งคิด
ใครลิขิตเขียนบทสลดโถม
หดหู่ร้าวผิดคาดบาดใจโทรม
เพียงฝันโน้มเหนี่ยวประดัง ... หวังอีกครา
คิดถึง ... เพียงเสียงภาพพลิ้วซาบซึ้ง
คิดไม่ถึง ... สิ่งร้ายกล้ำกรายพล่า
คิดถึง ... สิ่งดีดีที่กรายมา
คิดไม่ถึง ... หยาดน้ำตาจะมาเยือน
คือห้วงคิด หนึ่งจิต แห่งคิดถึง
ใครย่อมพึงประสงค์เพียงงามเลื่อน
ราบรื่นหวังพร่างพริ้งสิ่งจริงเตือน
และหมายเบือนเลวร้ายจะกรายมา
คิดไม่ถึง ... หนึ่งสิ่งจริงอันอิงซ่อน
ไม่แน่นอนแปรปรวนดั่งหวนหา
อาจจะชื่นตื่นเต้นซ่อนเร้นตา
เกินไปกว่าใจเคยคิดดั่งจิตปอง
อาจจะไม่เป็นไปดั่งใจหวัง
ทุกสิ่งพังทลายภินท์ใจดิ้นหมอง
หลากเหตุการณ์สานแปลกแผกครรลอง
เกินเรียกร้องให้สมจิต ... คิดเป็นกลาง.
3 ตุลาคม 2548 12:27 น.
แดดเช้า
ดิน
เขายังคงมั่นคง ... อยู่คงที่
ไม่ว่าดี-ชั่ว-ชัง-รัก หวัง ไหว
เขามั่นนิ่งไม่ติงเคลื่อนเหมือนไร้ใจ
แต่คงไว้ความงดงามแห่งความรัก
เขายังคงมั่นคง ... ไม่หลงฝัน
ค่อยค่อยมั่นค่อยค่อยสร้างอย่างแน่นหลัก
ปูพื้นผืนยืนยงสร้างดงรัก
สิ่งประจักษ์ชัดแจ้งแห่งไพรพฤกษ์
พุ่มไสวไกวเขียวเรียวรวงข้าว
สะท้อนวาวใสน้ำค้างพร่างผลึก
มีเพียงเขาผู้เฝ้าดูอยู่เบื้องลึก
ความเป็นไปผนึกเร้นเป็นรักแท้
นั่นคือเขาดินดอน อ่อน ร่อน เหนียว
โคลนริมฝั่งน้ำเชี่ยวหญ้าเขียวแพร่
ทรายซับกรวดอวดลวยลายคล้ายดูแล
ให้โลกแผ่ความงดงามแห่งความรัก.
น้ำ
เธอเรื่อยไหลใสใสใจรู้รับ
รู้แปรปรับสีสันบันดาลผลัก
ผันหมุนเวียนเปลี่ยนกาลไม่นานนัก
แสงสะท้อนทายทักรักแดดฟ้า
เธอยังคงเป็นเธอ ... ล้นเอ่อไหล
หลั่งน้ำใจใสสะอาดหยาดคุณค่า
หลายครั้งเธอเผลอโถมโลมโลกลา
ด้วยน้ำตาแห่งเธอเอ่อทำลาย
ดับแรงร้อนผ่อนเย็นดับเข็ญทุกข์
สายน้ำฉ่ำปลอบปลุกทุกความหมาย
เถิด ... ทิ้งร้าวคราวโศกลงน้ำพราย
ทิ้งรักร้ายเปลี่ยนเป็นรักเย็นใจ
เธอเรื่อยไหลใสใสไปเช่นนั้น
แม้โลกผันตามจันทร์แรม-เพ็ญแวมใส
คลื่นกระทบซบฝั่งหลั่งความนัย
ยังหลั่งไหลตามกาลครวญขานรับ
ลม
คุณยังคงเป็นสายลมห่อห้อมฝัน
ในคืนอันสุข-โศก โลกหมุนกลับ
พลิ้วเพียงพรมพายพัดซัดสาดซับ
แลัวเททับกล่อมเห่แกว่งเปลไกว
คุณยังคงโปรยรักมาทักทาย
ยามแดดฉายเช้าชื่นคืนหวั่นไหว
หนาว-ฝนหล่นพ้นมรสุมรุมห้วงใจ
ปลอบปลุกได้ดั่งเสกมนต์มาดลทรวง
คุณยังเป็นเย็นลมห้อมห่มชื่น
หรือเป็นคลื่นพายุปะทุท่วง
มุ่งทำลายคล้ายพริบตามาถามทวง
จวบคืนล่วงกลับชื่นเย็นเหมือนเช่นเคย
คุณยังคงเป็นสายลมห่มใจฉัน
เสรีอันกวัดไกวไม่เคยเฉย
ยิ้มพริ้มแดดแสดระยิบพริบใจเชย
แล้วเพียงเผยเอ่ยบอกรัก ... ทักดอกไม้.
ไฟ
ฉันคือไฟใสแสดคล้ายแดดอุ่น
เพื่อสร้างฝันละมุนคุ้นใจไหว
สรรค์เสกสิ่งผิงอุ่นยามวุ่นใจ
หนาวหรือไรฉันคลายเหน็บ ... อย่าเจ็บเลย
ไฟเปลวดวงพวงระย้าสว่างไสว
ฉัน .. เพียงไฟทำหน้าที่ที่เปิดเผย
สิ่งจริงปลอมหลอมไว้ได้ชื่นเชย
หรือสังเวยวายวอดความบอดดำ
ฉันเป็นไฟใสใสคล้ายสร้างสรรค์
เพื่อผลักดันพลังใหม่ให้งามขำ
หรือทำลายหลายสิ่งสมดุลนำ
เพื่อภาพล้ำสรรพสิ่ง ... สู่จริงกาล.
ประสานรัก
ประสานรัก เขากับเธอ เลิศเลอนัก
ดินน้ำทักซึมซับรับประสาน
ลุ่มลึกซึ้งหนึ่งใจไว้เนิ่นนาน
พริ้มภาพหวานซ่านกาลผ่านน้ำ-ดิน
ประสานรัก เขากับคุณ หนุนคุณค่า
ลมโลมดินเกิดป่ามหาสินธุ์
เอื้อใบพลิ้วปลิวไหวได้ยลยิน
ราวเสียงพิณพัดไกวในเวลา
ประสานรัก เขากับฉัน นั่นคมกริบ
ดินกระพริบพราวแสงแห่งแดดกล้า
อุ่นยามหนาวได้ผิงอิงแอบมา
โอบดินล้าโรยเหน็บยามเจ็บร้าว
ประสานรัก ฉันกับคุณ อุ่นท่วงท่า
แสดแดดจ้าสายลมอุ่นละมุนขาว
หมอกจางจางสว่างลางน้ำค้างพราว
ภาพแห่งรักสลักวาววามวับใจ
ประสานรัก ฉันกับเธอ เอ่อล้นฝั่ง
ประดับหลั่งระยิบพรายประกายใส
สะท้อนซบแสดคลื่นยืนยันนัย
กระทบน้ำฉ่ำไหวในใจเธอ
ประสานรัก ภาพฝันหากสั่นพร่า
ทุกตรึงตราสมดุลอุ่นเสมอ
พิมพ์ภาพเพริศเกิดก่อทอฝันเลอ
แจ่มฤๅเบลอย่อมงดงามตามเป็นไป.
3 ตุลาคม 2548 01:00 น.
แดดเช้า
แห่งพวงพฤกษ์ผลึกขวัญรับวันนี้
แห่งขจีเขียวข้าวรวงไสว
แห่งรองรับซับซาบอาบน้ำใจ
แห่งแห้งแล้งร้างไร้ยามใครเมิน
แห่งชุ่มฉ่ำน้ำฝนหล่นกระทบ
แห่งอุ่นอบเงาตะวันผันเมฆเหิน
แห่งสายลมพรมกระเทาะเซาะน้ำเกิน
แห่งถ้ำเนินย่านถิ่น ณ ดินแดน
คือเปี่ยมรักปักเร้นเป็นคุณค่า
คือดินกล้าแกร่งมั่นอันหนักแน่น
คือดินทองทาบทอก่อทดแทน
คือหนักแผ่นผืนประสานการเกิดใด
คือแหล่งแรกแทรกรับกับการเกิด
คือแดนเปิดประสบการณ์สานฝันใฝ่
คือถิ่นผันวันโลกหมุนวุ่นเวียนไป
คือกาลใหม่แห่งสลายซากคลายคืน
ด้วยเขาคือคุณค่าแห่งหล้าสวย
น้ำใจช่วยจากหยาดฝนหล่นซับผืน
เพื่อพฤกษ์พวงรวงใบได้หยัดยืน
ทนแรงคลื่นคลี่ปมบ่มเพชรแท้
แต่ละเม็ดเก็จเพชรเมล็ดฝัน
ย่อมเติบพันธุ์เติบตนใต้ดินแผ่
แต่ละดอกผลิเผยเชยพุ่มแพร
สิ่งผันแปรเกิดบนดินทุกถิ่นกาล
กอบการณ์รักปักแน่นแทนชีวิต
ค่อยค่อยคิดค่อยค่อยแย้มแต้มประสาน
เติบขยายกรายกิ่งยิ่งเบ่งบาน
แผ่กิ่งก้านฝังลึกตรึกใต้ดิน
เขาเป็นดินสิ้นสงสัยในตัวฉัน
เฝ้ารอวันเติบใหญ่ใฝ่ถวิล
เพียงเหตุผลยลสดับรับรู้ยิน
ไม่หมดสิ้นความอดทนทุรนรอ
เขายังรักปักแน่นแทนความหวัง
เฝ้าปลูกฝังฟูมฟักรักเกิดก่อ
ค่อยค่อยเติบตนแต่งแจ้งใจทอ
ผลิดอกพอพริ้มบานสราญใจ
เพียงเวลาเรียนรู้สู่รังรัก
เพียงรู้จักกระบวนการมิหาญไหว
เพียงรู้รอก่อรักมิหักใจ
เพียงเขาไม่พลิ้วไหวหวั่นใดเลย
ผลิกลีบรักแห่งดินสิ้นพลาดผิด
เขามั่นปิดฝังขมอารมณ์เฉย
เพียงมั่นคงไม่หลงใหลใจคุ้นเคย
ไม่ชื่นเชยหวานล้ำลิ้มน้ำตา
ตระหนักรักหลักดินมิสิ้นสุด
ผู้เปิดจุดจากขื่นเป็นชื่นค่า
รองรับสรรพสิ่งมอบปลอบเรื่อยมา
ก่อนฝังลาคืนคลายฝังกายลับ.
1 ตุลาคม 2548 10:45 น.
แดดเช้า
เธอยังคงเป็นเธอ .. อยู่อย่างนั้น
สายลมผันยิ่งเรียนรู้ยิ่งน่าทึ่ง
เสรีภาพแห่งลมพรมตราตรึง
ซับซ่านซึ้งซึมซาบอาบดวงใจ
เธอยังคงเป็นเธอ ... สายลมเย็น
งามลึกเร้นผ่านหวนเพรียกครวญใคร่
พัดเพียงหวิวปลิวหวามหวู่ความนัย
กระซิบไซ้แล้วล่วงลับ ... ไม่ซับนาน
เธอยังคงเป็นเธอ ... สายลมหนาว
พัดมาคราวพ้นมรสุมคลายคลุ้มพล่าน
ซ่านซึมควักรักร้าวหนาวดวงปราณ
ซึมเพียงผ่านหวานซ่านซาบกำจาย
เธอยังคงเป็นเธอ ... สายลมฝน
หอบน้ำหล่นพรมซับสับสนหาย
มาให้หวั่นพรั่นพรึงตะลึงกราย
แล้วผ่อนคลายด้วยสายเย็นรอยเร้นชม
เธอยังคงเป็นเธอ ... ลมช่วงดึก
น้ำค้างพร่างวางผลึกซ่อนลึกขม
หนาวปรายโปรยโชยเพียงเสียงพิณพรม
กระทบห่มห้อมหวังครู่ครั้งคราว
เธอยังคงเป็นเธอ ... ลมพายุ
ที่ปะทุปะทะประดังกร้าว
เพียงกดข่มอารมณ์พรมเรื่องราว
ทำลายร้าวพัดผ่านตำนานลา
เธอยังคงเป็นเธอ ... สายลมโปรย
ยามใจโหยโรยท้อรอคุณค่า
พัดสิ่งร้ายสลายขื่นชมชื่นตา
คลายขวัญล้ากล่อมเห่แกว่งเปลไกว
เธอยังคงเป็นเธอ ... ลมยามเช้า
ล้างฝันร้ายก่อนเก่าลบเศร้าไหว
ชะหนาวแห้งแรงโรยโชยชื่นใจ
อุ่นเคล้าไล้ลมอ่อนช่วยผ่อนคลาย
เธอยังคงเป็นเธอ ... ลมทะเล
เฝ้ากล่อมเห่ดนตรีดีดสีสาย
พัดพรมชื่น คลื่นปะทะ กระทบกราย
ก่อนกระจายหายซับซบทรายงาม
เธอยังคงเป็นเธอ ... อยู่อย่างนั้น
เปลี่ยนแปรผันสถานการณ์ผ่านทิศท่าม
สายลมปรวนหวนหวังยังฟ้าคราม
อยากทวงถามสายลมนัก ... รักใครจริง.