18 ตุลาคม 2548 19:52 น.
แดดเช้า
จบจุดสิ้นสุดจุดจบ
จุดทบ ณ เส้นเป็นเป้าหมาย
ลากรอยเชื่อมต่อพอคลี่คลาย
จบจุดเกิด-วาย อยู่รวมกัน
สูงสุด จุดจบ ทบสามัญ
คงมั่น คือสิ่งแท้ที่แปรผัน
สลายหายจากพรากชีวัน
จวบจากดินลงพลันจบลงดิน
จบจุดสุดสิ้นจุดจบ
จุดทบทวนวนบนสิ่งสิ้น
ลากจุดย้ำรอยพอยลยิน
จุดจบผันผิน ณ ดินใด.
17 ตุลาคม 2548 17:44 น.
แดดเช้า
ผิงดาวพร่างกลางดินหลังแนบพื้น
น้ำค้างชื่นพรมพรำน้ำมนต์ฝัน
พริบดาวยิ้มพริ้มพราววาวนวลจันทร์
ลมแหวกไกวรับขวัญเพรียกราตรี
เล็กเล็กน้อยน้อย ... ณ รอยใจ
ง่ายง่ายงามใส เป็นสักขี
พริ้มหยดบทกลอนอักษรกวี
ว่ายวนศักดิ์ศรีที่ห้วงใจ
ผิงดาวพร่างกลางดินหลังแนบพื้น
ขอใจตื่นแต่งตามความฝันใฝ่
อิ่มพริบดาวพราวชัดรหัสนัย
กุญแจไขขานสิ่งจริง ... ยามผิงดาว
ง่ายง่ายงามงาม นะ ความรัก
เล็กเล็กแน่นหนักแห่งห้วงหาว
เรา - อณูฝุ่นฟุ้ง ณ ทุ่งพราว
แห่งห้วยวาวไร่ฟ้าอันกว้างไกล
ผิงดาวพร่างกลางดินหลังแนบพื้น
ตราบคนยืนตั้งฉากอยากหลงใหล
แนบหลังลงตรงธรณีน้อมดวงใจ
ลดตนไว้แนบคืน ... ณ ผืนดิน.
16 ตุลาคม 2548 23:58 น.
แดดเช้า
ฟังเขาว่า ... ฉันหวานปานน้ำผัก
ใบบัวบกต้มตักรินใส่แก้ว
ลืมน้ำตาลหวานปะแล่ม .. ขื่นฝาดแล้ว
รักษาแผลที่ส่อแววอักเสบใจ
จะหวานแบบชื่นใจเป็นไม่มี
หวานอย่างนี้รักษาแผลหายได้
ต้องหวานอมขมกลืนขื่นฤทัย
เจ็บหายไปจึงซึ้งฝันที่ฉันมี
ฟังเขาว่า ... ฉันหวานขื่นไม่ชื่นใจ
หวานอมในฝาดฝื่นยื่นหน้าหนี
สรรพคุณหนุนพกบัวบกนี้
เยียวยาทุกใจที่เจ็บเกินทน
จะอกหักรักร้าวเหงาเดียวดาย
ฉันปลอบคล้ายคลายคลี่หนีสับสน
ทุกปมเขื่องเงื่อนงำล้ำเล่ห์กล
เพียงทนบ่นคำพร่ำฉันรำพัน
จะแนะทางห่างไกลใจปวดร้าว
ไม่มีผ้ากันหนาวคราวเหน็บสั่น
ไม่มีพัดซัดพรมลมแบ่งปัน
ไม่มีวันปลอบโอ๋ ... โอ้ขวัญมา
มีแต่คำพร่ำบอกไม่หลอกลวง
จากห้องห้วงใจฉันอันรู้ค่า
ค่าแห่งจริงอิงซ่อนอ่อนมารยา
เพื่อบอกว่าทางออกอยู่แห่งใด
ฟังเขาว่า ... ฉันหวานปานน้ำผัก
ทั้งความรักฉันขื่นตื่นใจได้
คล้ายสิ่งฝันพลันหายคลายจากใจ
เพียงสิ่งจริงอิงไว้ .. ในทุกคำ
แสดงออกบอกรักได้มากกว่า
ลึกเกินค่าพรรณนามาเพ้อพร่ำ
ปากว่า "ไม่" หัวใจให้กายทำ
ปรากฏฉ่ำซึ้งจิตถึงมิตรแท้
ไม่บอกว่า ... จะเป็นเพื่อนเหมือนผูกมัด
ไม่บอกว่า ... ร้อยรัดเธอมั่นแน่
ไม่บอกว่า ... จะอยู่คอยดูแล
ไม่บอกว่า ... ยามแพ้ จะยืนเคียง
มีเพียงหน้ามาเสนอแทนเพ้อคำ
เต้นระบำยามเหงาเปล่งแผดเสียง
ขนมฝากจากใจให้วางเรียง
จะอยู่เพียงยามเธอไม่มีใคร
แล้วจะหายไปตามทางความคิด
ไม่ใกล้ชิดตลอดเวลาเหมือนบ้าใบ้
หากเธอสุขฉันหลบเร้นมิเห็นใจ
เรียกเท่าไรอาจรำคาญ .. อย่ามากวน
ฟังเขาว่า ... ฉันหวานปานน้ำผัก
ค่อยแน่นหนักยืนยันคำถี่ถ้วน
คงจะใช่อย่างเขาว่าทุกกระบวน
กี่ทบทวนทุกสิ่ง ... ก็จริงใจ.
16 ตุลาคม 2548 22:01 น.
แดดเช้า
อาจจะไม่มีคำที่ฉ่ำหวาน
ไม่ซึ้งซ่านรอยรักปักใจฝัน
ไม่มีคำพรอดเพ้อเผลอรำพัน
ไม่เสกสรรคำชมมาพรมพราย
ไร้น้ำตาลหว่านโปรยโรยชีวิต
เมื่อพลาดผิดไม่ปลอบมอบความหมาย
อยากจะห่างหายหนีตามสบาย
ไม่เที่ยวกรายเกาะแกะและห่วงเกิน
เสรีสิทธิ์คิดฝันฉันมีอยู่
เธอคงรู้ความแตกต่างที่ห่างเหิน
อาจน้อยใจในท่าทีที่เหมือนเมิน
จนนานเนิ่นสับสนหมองหม่นใจ
ถึงชิดชื่นคล้ายอื่นไกลหัวใจร้าง
แห่งเส้นทางต่างแผกแปลกฝันใฝ่
เธออยากฟังคำพรวอนความนัย
คำหวานไหวจากเสียงเพียงฉันเพ้อ
น้ำตาลหวานซ่านซึ้ง ณ หนึ่งคำ
ฉันกลัวช้ำเจ็บหนักหากพลั้งเผลอ
พูดคำ "รัก" หนึ่งรำพึง คิดถึงเธอ
ย่อมพบเจอความคาดฝัน ... อันตราย
จึงขอเก็บคำหวานน้ำตาลย้อย
เพื่อเรียงร้อยกลั่นกรองทุกความหมาย
ร้อยเรียงร่ำจำนรรจ์อันเรียงราย
สานสื่อสายจริงใจให้แด่เธอ
รอวันหนึ่งถึงจุดวันสุดสิ้น
หากเธอยังอยากได้ยินสม่ำเสมอ
ฉันจะร้อยถ้อยคำพร่ำบำเรอ
ก่อนจะเอ่อคำล้น ... จนหมดใจ.
16 ตุลาคม 2548 07:25 น.
แดดเช้า
อยากจะลองกรองกานท์คำหวานบ้าง
แต่ไม่อาจอ้างว้างได้อย่างฝัน
ลองอกหักรักขื่นทุกคืนวัน
ไยใจฉันแข็งกระด้างอย่างเคยเป็น
ลองคิดถึงซึ้งใจในชายหนุ่ม
โอ้ว .. แสนกลุ้มไม่อาจได้คิดเห็น
จะผูกพันฝันช้ำ ... สุดลำเค็ญ
ช่างยากเย็นเร้นรักมาทักทาย
โอ้ .. ไยหนอพอใจคิด ... จิตก็ค้าน
ต้องต่อต้านอย่ารักอย่าวนว่าย
โลกยังกว้างสร้างสรรค์ก่อนวันวาย
อันตรายหากหมกมุ่นวุ่นอารมณ์
ฤๅฉันไร้หัวใจไม่คิดรัก
อยากจะควักดวงใจให้ขื่นขม
คลุกน้ำตาลหวานซึ้งตรึงตราพรม
หรือบีบเค้นให้ตรม ณ ห้วงใจ
แต่ไยหนอพอใจได้ควักออก
จะลวงหลอกใจตนทนไม่ได้
ได้แต่ค้นคิดครวญกระบวนนัย
คงสิ้นไร้อารมณ์จะตรมรัก
อยากจะลองกรองกานท์คำหวานบ้าง
ใจไม่คว้างเหงาไม่เป็นเค้นคำหนัก
จินตนาการภาพอาบใจทัก
โอ้ .. กลุ้มนักไม่ซึ้งแม้หนึ่งคำ.