2 กันยายน 2549 20:03 น.
แดดเช้า
คำสั่งศาลอ่านฎีกาพาใจหาย
ถูกจำคุกจนตายในใจเขา
ด้วยโจทก์ยื่นคดีความตามเป็นเงา
กล่าวหาเราทำให้รักเกินหักใจ
ศาลปรับโจทก์ฐานโหดลงโทษหนัก
คาดคั้นถามคำรักจนหวั่นไหว
"รัก - ไม่รัก" ซักไต่สวนกระบวนนัย
ออดอ้อนให้สารภาพอาบแสงจันทร์
ลงโทษโจทก์ปรับสินสอดค่ากอดก่าย
ขันหมากย้ายขบวนพิธีถึงที่หมั้น
ยกหัวใจทั้งดวงห่วงหากัน
คล้องสร้อยผูกมือมั่นผูกพันใจ
ส่วนจำเลยเอ่ยความคำไม่ชัด
หลักฐานไม่อาจมัดคดีได้
พยานหรือก็ไม่มีหาที่ใด
ควานคว้าใครเป็นพยานศาลจึงฟัง
รออาญาศาลเลื่อนเดือนที่เก้า
ให้เร่งเอาพยานมาเบิกความหลัง
หลักฐานมัดตัวโจทก์โทษประดัง
ศาลจึงสั่งลงอาญาเอื้ออาทร
ปลดสถานภาพตำแหน่งโจทก์เคยโสดอยู่
มาเป็นคู่สมรสกันต่างวันก่อน
วางกฎใหม่ไร้ข้อแม้ห้ามแง่งอน
และห้ามซ้อนคดีลับกับใครใคร
โจรกรรมลักลอบต้องปลอบขวัญ
ของกลางนั้นต้องดูแลห้ามมีใหม่
อาญาโจทก์โทษหนักลักหัวใจ
จะแก้ต่างฟังอย่างไรไม่ขึ้นเลย
ศาลยังซัก "รัก - ไม่รัก" ถึงขั้นนี้
สารภาพมาดีดีรีบเฉลย
หากปากแข็งเหมือนเก่าเท่าที่เคย
ไม่เอื้อนเอ่ยจะยกฟ้องการจองจำ.
31 สิงหาคม 2549 19:37 น.
แดดเช้า
ข้าแต่ศาลที่เคารพ ...
ข้าพเจ้าเพิ่งคบคนคนหนึ่ง
กระทำผิดโดยประมาทขาดคำนึง
ก่อเหตุการณ์ลึกซึ้งมิคาดคิด
ถูกคาดคั้นบีบเค้นใจเต้นส่ำ
จะร้องร่ำอย่างไรว่าไม่ผิด
ไต่สวนซัก "รัก - ไม่รัก" เร้นไม่มิด
ละเมิดสิทธิ์รุกล่วงล้ำดวงใจ
ด้วยข้อหาอุกฉกรรจ์ทำฝันเพ้อ
เขาเพียงเผลอรักสุดเกินหยุดได้
ถูกกระทำเป็นจำเลยจำเป็นไป
แก้ต่างด้วยคำใดจึงจบความ
โทษอาญายามราตรีที่ฟ้าแจ่ม
เขาเปิดแย้มเยื่อใยมาไต่ถาม
เชื่อมสายลมพรมกายพร่างไฟวาม
เย้ยดาวงามพราวฟ้ายามราตรี
หวานน้ำค้างพร่างวาจามาพล่ามพลอด
ฟ้าโอบกอดจันทร์ประจักษ์เป็นสักขี
อาญาสิทธิ์ลิดรอนอ่อนท่าที
ระทวยรสระทดพลียอบยอมกาย
เป็นจำเลยยากเอ่ยปัดเบี่ยงขัดขืน
สายตาชื่นชมเชยเปรยความหมาย
"รัก - ไม่รัก" บอกเถิดเปิดแย้มพราย
ดาวยังอายเอียงหลบยามสบตา
พายุโหมโถมกลืนคลื่นระลอก
ขาวฟองฟอกซบฝั่งยังสั่นผวา
แนบอกองค์แอบอิงอาบอุรา
ลงอาญาโทษอิดออดไม่พลอดคำ
ข้าแต่ศาลที่เคารพ ...
ข้าพเจ้าประสบอาญากระหน่ำ
โจทก์บีบเค้นคาดคั้นโจรกรรม
ลักลอบนำหัวใจไปทั้งดวง.
29 สิงหาคม 2549 20:52 น.
แดดเช้า
ผิดโทษฐานรังควานใจให้เธอเพ้อ
หรือแค่เผลอหว่านสายตามาให้ฝัน
จึงกลายเป็น ผู้ต้องหา ต้องโทษทัณฑ์
ถูกจับมัดมือมั่นกักกรงใจ
ทั้งถูกจำถูกปรับถูกจับขัง
ณ ห้องห้วงความหวังอันกว้างใหญ่
รอเบิกความไต่สวนกระบวนนัย
สืบกลไกการกระทำซ้ำอาญา
ตระกองกอดโอบอุ่นละมุนนัก
ประทับรักจูบประโลมไล้ลูบหน้า
อวดดวงดาวพราวแสงแข่งโคมฟ้า
เหมือนทายท้าโลกทั้งใบให้รับรู้
ถูกประจานประหารใจไม่ขยับ
ซ่านกระซิบรอยประทับแนบกับหู
เสียงรำพึงรสสัมผัสชัดพราวพรู
หัวใจฟูพองระเรื่อเมื่อสบตา
โทษทัณฑ์คาด อาชญากร ฐานอ้อนรัก
ถูกเธอซักคดีความถามคุณค่า
รัก - ไม่รัก บอกเถิดเปิดใจมา
เปล่งวาจาสารภาพแต่โดยดี
หากไม่ยอมจะกล่อมเคลิ้มเติมคำขาน
และล้อมหว่านโลมไล้ไม่ให้หนี
จุมพิตทั่วตัวร่างสรรพางค์นี้
ทั้งราตรีจะโอบแนบแอบอิงนอน
โทษที่ทำเธอรักนี่หนักหนา
จึงไม่กล้าขยับเขยื้อนเหมือนออดอ้อน
ขอลดโทษโปรดเถิดหนาจะไหว้วอน
ช่วยลดหย่อนกอดเบาเบาเท่าปลายมือ
ผิดโทษฐานรังควานใจให้เธอรัก
เธอจึงซักคดีความตามยึดถือ
รัก - ไม่รัก ประจักษ์แท้แค่ เออ อือ
ตาใสซื่อย่อมฟ้องร้องอุทธรณ์.
26 สิงหาคม 2549 14:39 น.
แดดเช้า
ระยิบพราวราวเพชรหรือไรนั่น
ช่างชวนฝันสะท้อนจิตยามคิดถึง
เวิ้งน้ำใสไหวหวานซ่านใจตรึง
ผลิวาวซึ้งยามยิ้มพริ้มแววดาว
ฤๅเบื้องหน้าคือจักรวาลโอฬารฝัน
เทียมพิมานแมนสวรรค์ชั้นห้วงหาว
ฉันควานค้นคนของใจไขเรื่องราว
ในห้วงฝันใสสกาวพร่างพราวทิพย์
ซ่อนซับโลกทั้งใบไว้ในนั้น
ซุกทุกฝันลายเลื่อมใกล้เอื้อมหยิบ
เวิ้งเวลาช่องว่างช่างไกลลิบ
ยังกระพริบดาวฝันนั้นจากใจ
ดั่งดวงแก้วแววกระจ่างอันพร่างภพ
คว้าจุดจบควานค้น ณ หนไหน
ฉันแสวงแสงสว่างจากข้างใน
หวังคำใดสื่อออกมาจากตาเธอ
ระยิบพราวราวเพชรหรือไรหนอ
น้ำตาคลอคิดรำพึงถึงเสมอ
พลิกภาพถ่ายสายตาเริ่มพร่าเบลอ
ยังหลงเผลอควานดาวในวาวตา.
25 สิงหาคม 2549 10:08 น.
แดดเช้า
เรารู้จักรักใจในอักษร
เราไหวอ่อนกับคำกานท์ซ่านอ่อนไหว
ทุกทุกเช้าเรานั่งเฝ้าเงาแสนไกล
รออ่านถ้อยคำใดผ่านใจนี้
เราคุ้นกันเพียงวันวารหวานภาษา
ใช้เวลาสื่อถ้อยร้อยสักขี
ก่อสัมพันธ์สรรค์รักจากไมตรี
สื่อห้วงฝันเปี่ยมปรี่ที่เราเป็น
เรารู้จักรักใจในชีวิต
เราไม่ผิดที่จะรับกับความเห็น
ทั้งทุกข์โศกโลกกระหน่ำช้ำที่เป็น
จะร้อนเย็นเราถ่ายเทเห่กล่อมกัน
คือคนคล้ายเคยคุ้นเข้าคล้องรัก
เหมือนรู้จักเห็นหน้ากว่าความฝัน
แต่เหนือคำร่ำภาษายิ่งกว่านั้น
คือเยื่อใยผูกพัน ฉัน และ เธอ .