29 ตุลาคม 2549 14:16 น.
แดดเช้า
ห่วงเส้นด้ายสายป่านสานชีวิต
เราปกปิดรอยหม่นบนโลกเก่า
กลัวแสงบังหวังรางระหว่างเงา
เกรงความเบาแผ่วบางผ่านเวลา
หวาดแสงฉายตะวันผันมาพบ
หวั่นเงาหลบมุมหลืบสืบคุณค่า
หมกมุ่นถักรักร้อยรอยฝันทา
ทอหัวใจท่วมน้ำตาเพียงลำพัง
โลกความจริงยิ่งกระทบสะท้อนแสง
เราอ่อนแรงล้าโรยโหยหาหวัง
กีดรอยเงากั้นกรอบ ทั้ง ชอบ - ชัง
เรากักขังหัวใจในโลกวน
กับห้องแห่งกำแพงใจใครไม่พบ
เราเลี่ยงหลบความจริงยิ่งสับสน
วิ่งหนีเงา เขลา ขลาด หวาดเกินทน
ยากหลุดพ้นห้องหับอันคับใจ
ห่วงเส้นด้ายสายป่านสานชีวิต
สิ่งถูก - ผิด ล้อมเขตเหตุผลใหญ่
"กะลา" โลกส่วนตัวกลัวหลุดไป
เกรงพบฟ้ากว้างไกล ... กลัวใจตน
เราจึงเป็น "คนกลัวเงา" ช่างเขลาขลาด
กะลาอาจหงายสิ่งอิงเหตุผล
เกรง "อัตตา" จะเหือดหายในบัดดล
เราหวงจนจ่อมจมถมตัวเอง.
21 กันยายน 2549 10:16 น.
แดดเช้า
ในโลกจริงสิ่งปลอมย้อมดอกไม้
โบกก้านไกวกวักเสน่ห์เล่ห์ลมฝัน
กลีบเกลือกกลั้วมัวมนบนทางตัน
รับตะวันอวดอ้างอำพรางกล
ผีเสื้อล้าหลงใหลในโลกหลอน
พิศกลีบอ่อนอ้อนดอกไม้ใจสับสน
แต่ละกลีบรีบเบ่งบานขานอวดตน
ปรารถนาเปี่ยมล้นค้นควานรัก
แต่ละดอกหลอกใจจนใหลหลง
คิดพะวงหลวมตนวนจมปลัก
กลีบกร้านแดดแผดเผายังเยาว์นัก
ร่วงโรยหนักทุกสัมผัสยามรัดรึง
ยังเสาะหาดอกไม้งามท่ามโลกหม่น
คว้าควานจนปีกล้าโรยโหยคิดถึง
ดอกไม้ป่าแอบซ่อนกลีบอ่อนซึ้ง
หอมติดตรึงห้วงใจเมื่อได้พบ
กว่าถึงกลีบบอบบางอย่างใจฝัน
ปีกเบานั้นล้าเกินแทบเมินหลบ
กระบวนการผ่านชีวิตผิดถูกครบ
น้ำตากลบตื้นตันวันรอคอย
ในโลกจริงมีสิ่งจริงซ่อนอิงอยู่
ดอกไม้ผู้เร้นตนบนโลกหงอย
มิอวดอ้างพรางกลจนเลื่อนลอย
เติบดอกน้อยตามทางอย่างควรเป็น.
17 กันยายน 2549 22:29 น.
แดดเช้า
จากไม้หน่อกอไผ่หน่อไม้อ่อน
เคยซุกซ่อนตัวตนบนโลกเหงา
เดียวดายหวังสร้างชีวิตขีดเส้นเงา
หลบมุมเฝ้าแดดทอก่อต้นโต
อาศัยลมดินน้ำฉ่ำชื่นนัก
คมในฝักหนามไผ่ไม่เคยโผล่
ลำต้นอ่อนซ่อนตนทนโทรมโซ
มิอวดโอ่เอ่ยอ้างอำพรางใด
เติบลำต้นบนกอจนกล้าแกร่ง
ขยายก้านกำแพงแรงยิ่งใหญ่
ล้อมหลักบังกระแสลมข่มโถมใจ
ประสานกิ่งเป็นพงไพรไผ่เติบตน
คือวิถีแห่งต้นกล้าท้าทายฝัน
อาศัยวันเวลามาฝึกฝน
รู้แข็งกร้านเอนอ่อนพอผ่อนปรน
รู้รับทนแดดแรงลมแล้งโรย
จากไม้หน่อกอไผ่ในวันก่อน
เคยซุกซ่อนบ่มตนบนโลกโหย
สั่งสมโศกสุขล้ำฝนฉ่ำโปรย
ทั้งลมโชยมรสุมรุกรุมตน
เติบต้นกล้าฝ่าโลกทั้งโศกสุข
ผงาดจากที่ซ่อนซุกทุกแห่งหน
ผลิใบอ่อนซ้อนสง่ามาปลุกคน
จงกล้าพ้นต้นหน่ออย่างพอเพียง.
13 กันยายน 2549 14:18 น.
แดดเช้า
(๑)
เบิกประณามความช้ำในค่ำร้าย
ที่กลีบกรายกลั้วราคีราตรีหมอง
ร่ายมนตราเริงรำระบำคะนอง
เพลินเพลงพร้องดนตรีใบไม้ไหวบรรเลง
ผีเสื้อราตรี ... กรายปีกยากหลีกหลบ
ปีกกร้านซบซุกไซ้ดอกไม้เบ่ง
ราคะหวานร่านเริงหลงเพลิงเพลง
เสียงครางเปล่งซ่านครวญหวนรำพึง
(๒)
จวบอรุณอุ่นแสงเธอแรงหมด
ท้อระทดค่าพิสุทธิ์สุดคิดถึง
ผีเสื้อหมางห่างหายคลายรัดรึง
คาวติดตรึงรอยร่านรสราตรี
ดวงดอกไม้ไกวประจานขานรับโลก
ร่ายเพลงโศกประณามหยามศักดิ์ศรี
กลีบพิสุทธิ์หลุดหายไร้ชิ้นดี
โรยแทนที่ร่วงรับกับตะวัน
(๓)
ผลิกลีบใหม่เริ่มต้นชีวิตใหม่
ล้างมลทินของใจแม้ใครหยัน
เก็บกลิ่นงามกรุ่นความดีที่กลีบนั้น
อย่าหุนหันเริงมนตราราตรีร้าย
ปิดฉากทรามหยามย่ำเคยช้ำชอก
ปิดเพลงบอกร่ำโลกโศกทั้งหลาย
ปิดตาเถิดเปิดแย้มฝันอันพริ้มพราย
ราตรีกรายโปรดปกป้อง ณ ห้องใจ
(๔)
ขอเป็นแรงแห่งหวังที่พังแล้ว
จะซับแววรันทดทดแทนให้
เถิด ... ผ่านโลกโศกผันวันเปลี่ยนไป
ผลิกลีบใหม่ดูแลตนพ้นราคี.
11 กันยายน 2549 20:05 น.
แดดเช้า
เงารางรางห่างฝันฉันยังคิด
ภาพนิมิตลอยเลื่อนเหมือนอยู่ใกล้
หลับตาลงหลงเงาเธอหลงเพ้อไป
เหมือนมีใจเหมือนมีกายก่ายกอดกัน
ฟ้ากว้างเวิ้งเนินดอยเกินสอยเอื้อม
ดาวลายเลื่อมวาวระยับจับเงาฝัน
คล้ายบินลอยสอยเกี่ยวเหนี่ยวสัมพันธ์
จับมือมั่นกอดกายก่ายชีวิต
เงารางรางห่างไกลแค่ไหนหนอ
น้ำตาคลอปริ่มเสมือนเลือนกรรมสิทธิ์
จะโอบกอดออดอ้อนแค่วอนคิด
ได้ใกล้ชิดประหนึ่งเพ้อละเมอลวง
เส้นขอบฟ้าสุดขอบตาจะคว้าไขว่
น้ำตาไหลพราวน้ำค้างพร่างจากสรวง
หล่นมาหยดรดหยาดคลาดดาวดวง
เหมือนใจร่วงล่วงลับราวดับดาว
เงารางรางสร้างหวังลำพังนั้น
มีเพียงฉันกับเงาเธอเผลอเอื้อมสาว
ห่วงหวงพ้อก็เท่านั้นหนอเรื่องราว
สุดเกินก้าวถึงฝันอันตรธาน
เงากระต่ายก่ายกอดออดอ้อนโสม
แสงสาดโลมรุกล้ำแค่คำขาน
แท้สิ่งจริงอิงซ่อนซุกตำนาน
เพียงผันผ่านผูกพันฝันเลื่อนลอย
เงารางรางต่างหน้าฉันมาคิด
ขอมีสิทธิ์คำนึงฝันอันเกินสอย
แววตาเธอเปล่าว่างร้างคนคอย
น้ำตาปรอยปานสลายสายใยรัก
เสมือนเส้นเร้นรอยเกินสอยเอื้อม
ขอบฟ้าเลื่อมลายตะวันแสงสานถัก
ทอเส้นร้อยรอยสายใยช่างไกลนัก
รู้ตระหนัก "รักข้างเดียว" เกินเกี่ยวใจ.