10 กันยายน 2548 23:38 น.
แดดเช้า
[กลบทเบญจวรรณห้าสี]
วาดวารวันวับวาบตะวันสาด
มุ่งมั่นมาดมืดมิดโศกทุกข์หาย
อุ่นอาบไออิ่มอบตะวันกราย
หวังวาดว่ายเวิ้งว้างกลางใจคอย
ดาวดวงดับดื่มด่ำน้ำค้างชื่น
ชุ่มฉ่ำชื้นแช่มโชติเกินเก็บสอย
เปี่ยมปริ่มเปรมปรีดิ์ปลื้มดื่มน้ำดอย
ร่วงโรยร้อยรอยร่ำเป็นคำกานท์
(อุปัฏฐิตาฉันท์ ๑๑)
ลาคืนระดะดาว ระอุร้าวจะคืนวาร
หนาวเหน็บมิคืบคลาน และจะผ่านสบายใจ
ด้วยแดดทิวะสร้าง จะชะล้างวิเวกไหว
อุ่นอาบ ณ ฤทัย ปะทะแนบจะแอบอิง
(กลบทโตเล่นหาง)
ตะวันวิ่งสาดเน้น หนุนวัน
งามอุ่นอรุณพรรณ พร่างฟ้า
เพียงแดดแผดสีสัน สาดแจ่ม
ล้างชะทุกสิ่งท้า ทอดเคล้าปรุงฝัน
ตะวันยังหวนฟ้า เฟื่องทอ
หวังวาดยังถักรอ รุ่งเรื้อง
ตาตื่นตรึกเคลียคลอ เคล้าแนบ เช้านา
เริ่มย่างก้าวใหม่เยื้อง ย่ำเท้าสู่หวัง
(วสันตดิลกฉันท์ ๑๔)
ปางเช้าตะวันจะระดะเจียร ดุจะเขียนฤทัยหลั่ง
โลมไล้พิภพปะทะประดัง ฤ ละดาว ณ ห้วงหาว
วาดแสงพิภพรศมิล้ำ บมิคล้ำมิหมองคาว
โลมโลกลุแจ้ง ณ อุษะวาว วะวะแวมชะน้ำค้าง
ทอแดดจะแผดประทุประจักษ์ อนุรักษ์ประทีปพร่าง
สีแจ่มจรัสประดุจะวาง ผิจะต่าง ณ กาลกัลป์
(กลบทอักษรบริพัตร)
ฉันหลงรักตะวันคราวฉายแสง
ครู่ฉาบแสดทอแรงยามแจ้งฝัน
ย้ำจิตใฝ่ให้หวนคิดประดิษฐ์วัน
ประดุจหวั่นคลายหายคล้ายสาดล้าง
คลี่แสงหลั่นถักทอทวนก่อแรง
เทียบกับรักทุ่มแจ้งไสวสว่าง
เสวยสวรรค์แห่งแสงตะวันวาง
ต่อหวังแวววาดสร้างอย่างเต็มแรง
(กระทู้กลอน)
วาด คำกลอนอ่อนหวานวานตะวัน
แวว แห่งฝันเพื่อฉายประกายแสง
ตะ กายค่าประดับคำนำแสดง
วัน นี้ลองแจ่มแจ้ง เขียนกลกลอน
(กลอนสุภาพ)
นานนานจะเขียนกลบท
เจียรจารรสร้อยเรียงเพียงอักษร
ลองสรรคำจำเรียงสำเนียงวอน
เพื่อสะท้อนลับสมองให้คล่องคำ
กระเทาะสนิมหนักน่วมที่ท่วมหัว
พอได้เขียนค่อยยังชั่ว ... กลัวหยุดย่ำ
ภาษาต้องฝึกปรือฝีมือนำ
ไม่เช่นนั้นคงนิ่งย้ำ ซ้ำที่เดิม
9 กันยายน 2548 19:39 น.
แดดเช้า
ฉันจะเอาดอกต้อยติ่งขึ้นหิ้งพระ
แต่กลัวแจกันจะจัดไม่ได้
จึงจัดดอกต้อยติ่งบนหิ้งใจ
นอบถวายพานใส่น้อมนบธรรม
ถวายความถือตนว่าตนด้อย
ถวายความใจน้อยคิดต้อยต่ำ
น้อมถวาย "ความถือคน" และ "ถือคำ"
ไม่ย้ำย่ำเพียงก้าวแรกไม่ก้าวไป
ถวายกิเลส ยโส โอ่มานะ
เพื่อเลิกละโลภหลงปลงหวั่นไหว
ขอจุดธูปเทียนบูชา พระรัตนตรัย
เพื่อจะได้จุดปัญญาสว่างล้ำ
ฉันจะเอาดอกต้อยติ่งขึ้นหิ้งพระ
แต่ละดอกเสียสละความต้อยต่ำ
ขึ้นเบื้องสูงหยุดจ่อมจมสมมุติธรรม
หลุดถือตน ถือคำ ความรำคาญ.
บันดาลใจจากกลอน "ต้อยติ่ง" ของน้องชลกานต์ ค่ะ : )
8 กันยายน 2548 18:02 น.
แดดเช้า
ตั้งตระหง่านต้านลมข่มฝน-ร้อน
เป็นภูเขาไฟฟอนก้อนใหญ่ใหญ่
นิ่งมั่นอยู่อย่างนั้นทุกวันไป
นิ่งจนใครไม่ไหวหวั่นความมั่นคง
ลึกลงไปเก็บพลังเหมือนสั่งล้าง
ลาวาไหลแดงเป็นทางอย่างเผ้าผง
เป็น น้ำไฟ ไหลเวียน เจียรบรรจง
รอกาลส่งระเบิดเข้ายอดเขาไกล
ความอดทนของผู้อดโกรธกลั้น
คงที่ไม่หวาดหวั่นความฝันใฝ่
รู้เพียงรูปฤๅจักรู้สู่ภายใน
ภูเขาไฟกักพลังเพียงใดกัน
ความร้อนรุ่มรุมไหลภายในหิน
เพียงผ่านผินวันเวลาพาไหวสั่น
แผ่นดินครืนคล้ายกลืนแยก แตกฉับพลัน
ผู้คนหวั่นหวาดหนี ด้วยมีภัย
พลังพลุ่งพุ่งระเบิดเปิดออกมา
ล้างแหล่งหล้าให้สะอาดปราศหมองไหม้
กวาดชีวิตปลิดวิญญาณผลาญสิ่งใด
คลื่นลูกใหญ่เป็นไฟล้าง ... อย่างเมามัน
เขาผู้นั้นมั่นนิ่งไม่ติงเคลื่อน
เขายิ้มเยือนอยู่นิ่งไม่ติงหวั่น
เขาสุขุมไร้รุ่มร้อนไร้โทษทัณฑ์
นิ่งจนใจใครพรั่นในนิ่งนี้
"คมในฝัก" ปักแน่นแท่นประทับ
เพียงสดับวาจาถ้อยเปี่ยมปรี่
เก็บข้อมูลพูนเพิ่มทุกนาที
ถึงกาลที่เขาระบาย ... ไอความคิด
พลังพลุ่งมุ่งหมายทำลายล้าง
สิ่งใดสร้างผิดพลาดเขากวาดปิด
ชี้ทั้งดี ทั้งชั่ว ทั่วทุกทิศ
เหมือนชีวิตระเบิดเปิดออกมา
เป็นภูเขาตั้งมั่นใครจักรู้
ความเป็นผู้ทรงพลังอันแกร่งกล้า
ปฏิวัติวัตรปฏิบัติจัดจรรยา
เบิกทางกล้าก้าวใหม่ให้สังคม.
"พึงระวังความโกรธของผู้ใจเย็น" - พุทธพจน์
8 กันยายน 2548 08:16 น.
แดดเช้า
อีกฟากฝั่งฟ้ากว้างอย่างที่เห็น
ตะวันเร้นหลบหน้าฟ้าโกรธกริ้ว
หลังระบายสายฝนหล่นลมปลิว
ตะวันริ้วรุ้งสายคล้ายปลอบใจ
ปลอบขวัญฟ้ากดดันตะวันฉาย
ปลอบขวัญเมฆร่วงรายคล้ายหวั่นไหว
ปลอบขวัญกาลผ่านพ้นระคนไอ
ปลอบขวัญสายลมไกวแกว่งพายุ
ชื่นใจนัก ... รุ้งรายคล้ายไหมผืน
ที่ตะวันถักทอยื่น ประรอยปรุ
ปรุแห่งความทลายรอยประทุ
มุทะลุยามคะนองของฝนฟ้า
อีกฟากฝั่งฟ้ากว้างอย่างที่เห็น
ตะวันยังหลบเร้นความคลั่งบ้า
แต่ตะวันหลังฝนหลั่งยังเมตตา
ปลอบขวัญมาเป็นรุ้งสวย คอยอวยพร.
7 กันยายน 2548 22:56 น.
แดดเช้า
เก็บกดอารมณ์ข่มใจ
หม่นไหม้เดียวดายอกแขวน
สะสมกล้ำกลืนทดแทน
อัดแน่นร้อนรุ่มกลุ้มใจ
ครืนครืนระเบิดเสียงสั่น
"นี่ฉันทนแทบไม่ไหว"
เปรี้ยง .. เปรี้ยง เสียงทำลายไกลไกล
แว่วแว่วสายลมไกวสั่นคลอน
เริ่มร้อนระอุปะทุแตก
เหมือนโลกลาญแหลกเป็นท่อนท่อน
ดินแห้งแล้งระแหงเป็นลอนลอน
ถึงขั้นตอนเมฆต่ำ ... คล้ำมืดมิด
เอ้า .. ทับถมอารมณ์ข่มไว้
ระเหยเป็นไอปกปิด
เมฆต่ำระบายความคิด
แทบปลิดพลิกโลกโศกคืน
เก็บกดอารมณ์ข่มใจ
น้ำใสน้ำฝนหล่นชื่น
น้ำท่วมเทซัดสาดกลืน
เป็นคลื่นอารมณ์ ... ความข่มใจ