13 กันยายน 2548 09:08 น.
แดดเช้า
จากเคลิ้มฝันจันทร์ทาบอาบแสงฉาย
จากน้ำค้างละลายคล้ายลาร่วง
จากดวงดาวพราวฟ้าจะลาดวง
จากชีวิตไถ่ทวงช่วงความจริง
ตะวันเร้นเส้นทองของขอบฟ้า
ดวงจันทร์ล้าจะกลับลับแสงผิง
ดวงดาวท้อทอฝันอันแอบอิง
น้ำค้างทิ้งน้ำตาลาดวงดาว
ตื่น จากฝันวันเก่าคราวหนาวเหน็บ
ตื่น จากเจ็บจ่อมจมขื่นขมหนาว
ตื่น จากสลัวมัวมนบนเรื่องราว
ตื่น จากโลกเจ็บร้าวเมื่อคราวคืน
ลาจันทร์ ... ฝันหวาน จะผ่านพ้น
ลาจันทร์ ... ขอค้นความสดชื่น
ลาจันทร์ ... ลาหวั่นไหวใจกล้ำกลืน
ลาจันทร์ ... ล้างความขื่นคืนฟากฟ้า
อรุณรุ่งมุ่งหมายทลายโศก
ความลุ่มหลงวนโลกล่วงคุณค่า
เริ่มต้นฝันวันใหม่ให้งามตา
ขออำลาจันทร์พราวคราวค่ำคืน
ขอจุดแสงแห่งไฟไสวสว่าง
เพื่อเสกสรรสร้างทางอย่างแช่มชื่น
เพื่อละลบเลือนเมามัวสลัวกลืน
เพื่อล้างคลื่นเงาหม่นบนทางตัน
เพื่อประกายไสวสว่าง กระจ่างชีวิต
เพื่อรู้ทิศติดตามค้นความฝัน
เพื่อความตื่นความหยั่งรู้นิจนิรันดร์
เพื่อเบิกบานสร้างสรรค์มั่นความดี
คลายความหลงวนไหลในจันทร์เจ้า
คลายความเศร้าโศกสุขทุกทุกที่
คลายความยึดยุดยื้อดื้อรั้นมี
คลายความหนักภาระที่แบกนานมา
ลาจันทร์ ... วันใหม่ในเช้านี้
อาบอุ่นแสงดีดีตะวันกล้า
สว่างแจ่มแช่มชื่นตื่นปัญญา
ล้างอวิชชาโง่งมจมจันทร์ทอ.
13 กันยายน 2548 01:21 น.
แดดเช้า
ฉันฝากใจไว้ที่ใจ จะเป็นใครไม่ฝากฝัง
ขอฝากกายนี้ยัง แนบกับตัวทั้งหัวใจ
ฉันฝากแจ่มดวงดาว ไว้กับพราวจันทร์วาวใส
ฉันฝากมวลดอกไม้ ไว้กับดินกรุ่นกลิ่นรัก
ฉันฝากตะวันรอน อุ่นแสงอ่อนกับคำทัก
ลาแล้วดวงแก้วพัก ฝากแสงเรืองไว้ที่ฟ้า
ฉันฝากฝนหล่นร่วง ทำนองช่วงรุ้งงามค่า
ฝากเมฆเสกสรรมา หวังให้ฝนค้นหาดิน
ฉันฝากอรุณรุ่ง กับวันพรุ่งที่มุ่งผิน
คุ้นค่ากับจิตจินต์ ไถ่ถวิลหาจุดหมาย
ฉันฝากทั้งชีวิต เพื่อพิชิตสิ่งท้าทาย
ฝากไว้กับใจกาย เพื่อขยายทางชีวิต
ฉันฝากหัวใจเธอ ฝันเลิศเลอเธอลิขิต
เธอเองสร้างแนวทิศ อย่าได้คิดไปฝากใคร
ฉันฝากทุกทุกสิ่ง เป็นสิ่งจริงเร้นห่วงใย
จันทร์ดาวพราวดอกไม้ ตะวันใสฝนฟ้าพรำ
ฉันฝากถ้อยคำนี้ เพื่อความดีให้จดจำ
ฝากกายกิจควรทำ แนบที่ใจจิตเธอเอง
ฉันฝากทุกความหมาย เป็นแสงฉายคล้ายเสียงเพลง
แจ่มชัดจรัสบรรเลง เพื่อเป็นแรงแห่งหัวใจ
สุดท้าย ... กายกับจิต ขอเธอคิดสิ่งสดใส
ดูแลและห่วงใย จิตกับกายด้วยตัวเธอ.
12 กันยายน 2548 13:02 น.
แดดเช้า
(กลบทกินนรรำ)
ชะโลมโลกโศลกลมประพรมเสียง
กระทบเพียงกระชากใจสะเทือนลั่น
นภาฟาดสะท้านแสงแสดงพลัน
กระแทกทั้นคะนองคลื่นจะกลืนดิน
ระเริงเสียงปะทะเรียงปะทุหนัก
คละคล้ายทักประจักษ์ทำนอง ประคองศิลป์
จะดับดาวตะวันเลี่ยง ณ เสียงยิน
พะยุรินละลายแล้ว ณ แก้วเรียง
(อุปเปนทรวิเชียรฉันท์ ๑๑)
กระเทือนสนั่นพื้น ปะทะผืนปะทุเสียง
กระทบละลั่นเพียง จะแหลกดับระยับดาว
ตะวันจะหลบเมฆ ดุจะเสกสะทกกราว
ลุโลกชะโศกคาว และนภาชะโลมคำ
ระเรียง ณ เสียงซบ กระเทาะทบประพรมพรำ
ประดับประดาทำ และสดับกวีกานท์
(อินทรวงศ์ฉันท์ ๑๒)
พร้องพิณประชันเสียง ปะทะเพียงประสมประสาน
น้ำซบลุดินดาน มุจะสร้างประโคมคิตา
โลมโลกโศลกเลิศ ผิจะเกิดกวีประดา
คล้ายคิดประดิษฐ์มา นรชาติจะยลจะยิน
(กลบทสีหติกำกาม)
ยามยินดินซบน้ำ ฝนเทาะ
ราวสดับรับเพลงเพราะ เพริศแพร้ว
สะท้านพล่านจิตเปราะ ไหวหวั่น
ซ้องแซ่แต่กราวแก้ว เสกสร้างเสียงสวรรค์
เสียงสนั่นสั่นลั่นพื้น คลื่นครืน
ฟ้าฟาดสาดแสงฝืน ปราดเปรี้ยง
สะเทือนเลื่อนแทบยืน ไม่ติด
ดั่งเสียงเพียงเพลงเพี้ยง ปลุกดิ้นเต้นตาม
ครืนครามคร้ามสั่งฟ้า ดนตรี
จังหวะประชันชี- วิตเต้น
ตึกตุกปลุกปลอบหนี วายหวั่น
เคาะเสียงเรียงคำเน้น ฉ่ำน้ำสายฝน
(กระทู้โคลง)
เพลง ดนตรีปรี่ปล้น ดวงใจ
ฝน คะนองสั่นไหว หวั่นคร้าม
จังหวะ สะท้านไกว จิตหวาด
ใจ ร่ำร้องเต้นข้าม แทบดิ้นตามเพลง
(กลอนสุภาพ)
ฉันเขียนเพลงบรรเลงร้องทำนองฝน
หมายเลียนเสียงสาดหล่นฝนสาดเร่ง
จังหวะโปรยโรยรากว่าบรรเลง
จังหวะเร้าแบกเบ่งคะนองนำ
ฟ้าฟาดเปรี้ยงเสียงสั่งฟังเพลงร็อค
แวบวาบปลาบแทบช็อคดิสโก้ร่ำ
หรือกระทบดินปะทะเริงระบำ
บางทีร่ายเริงรำโปรยน้ำมนต์
จังหวะเพลงพร้องฝนสาดหล่นมา
ใจฉันกล้าเต้นตามทำนองฝน
อยากแต่งเติมเนื้อร้องก้องลมวน
เพิ่มเพลงให้ใจทนเสียงคะนอง.
12 กันยายน 2548 08:25 น.
แดดเช้า
เพียงพลิ้วปลิวปรายสายลม ดุจน้ำมนต์พรม
ชะโลมโลกล้างทุกข์โศกคลาย
สรรพชีพชุ่มชื่นหลากหลาย ยามฝนหล่นปราย
โปรยปลุกปลอบขวัญวันวาร
เกิด-ดับกัปป์ก่อกัลป์กาล โลกร้อนคืบคลาน
หนาวฝนล้วนพบผ่านมา
สายฝนหล่นทบซบซา ซึมซ่านดินผา
พร้องเพรียงบรรเลงเพลงฝน
กระแทกซ้ำซ้ำกระหน่ำวน กระทบหินทน
สอดสร้อยร้อยทำนองวอนคำ
จังหวะประวิงอิงธรรม วาดศิลป์ยินคำ
เปิดจิตรู้รับสดับฟัง
เพรียงพิณพรำฝนหล่นประดัง นิ่งซาบซับพลัง
แห่งฝนบรรยายคีตา
ร้อยพจน์บทกวีรจนา ลึกล้ำวิญญาณ์
เพียงผ่านนิ่งนึกตรึกตาม
คำตอบมอบมั่นคำถาม โลก-ชีวิตนิยาม
จักรวาลวิญญาณรำพัน
เพียงพลิ้วปลิวปรายเสกสรร ดนตรีรำพัน
จิตสะอาดชะล้างสว่างไสว
สรรพชีพซาบซึ้งธรรมนัย ฝนซ่อนดลใจ
เพียงหนึ่งชีวิตพินิจตรอง
คารวะจังหวะเพลงทำนอง น้อมจิตรับรอง
เพื่อลุเข้าถึงสัจธรรม
คือเพลงบรรเลงแห่งคำ ฝนหล่นเพรียงพรำ
ให้รำลึกสำนึกซ่านซึ้ง
พิณเพลงพร้องพร่ำรำพึง ยังคงค่าตรึง
เพียงผ่านเปิดจิตติดตาม
เพียงพลิ้วปลิวปรายนิยาม จิตไร้คำถาม
งดงามเพียงฝนบรรเลง.
11 กันยายน 2548 20:52 น.
แดดเช้า
(ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒)
ฤดูกาลจะผ่านผัน ณ วารวันประทับประเทียบเยือน
ตะวันจะหลั่นเบือน ฤดูเลื่อน ณ เดือนและวันคืน
ระอุร้อนมิผ่อนกาล กระแสพล่านตะวันจะสาดยืน
รดีร้าวจะกล้ำกลืน ฤทัยฝืนระทมระทวยแรง
วสันต์ผันฤดูมา ผิเสียงฟ้าจะลั่นสะเทือนแทง
นภาฟาดสะทกแสง กระเทือนแทบกระทบสะท้อนไหว
ฤดูหนาวตะกองลม จะเหน็บข่มและเยือกสะท้านไกว
สลายร้าว ณ ร้อนใจ ฤ คล้ายจักทะลาย ณ ทรวงครอง
(กลบทโตพันหาง)
ฤดูของโลกเปลี่ยนสร้าง เสกสรร
หมุนผ่านตามตะวัน วาดไว้
สถิตประทับเทียบทัน ทุกที่
เวียนเปลี่ยนแต่ไกลใกล้ ก่อนหล้าผันวัน
คิมหันต์ผันผ่านร้าว ระอุ
เพียงห่มแดดประทุ ท่วมท้น
แตกแผ่นดินถิ่นปุ ปาดเหงื่อ
ร้อนผ่านอาจเร่งค้น ขื่นคลุ้มเกินทน
วสันต์ฝนผ่านไม้ แมกงาม
ผลิดอกใบรอยาม ย่อมต้น
กระทบสั่นลมตาม เติบต่าง
ช้ำสาดฝนเปรี้ยงปล้น เปลี่ยนไม้ปรับแข็ง
ฟ้าแจ้งหลังหล่นฟ้า ฝนโปรย
เหน็บเริ่มหนาวใจโรย ร่วงคว้าง
หนาวเนิ่นเดือนผ่านโหย หาอุ่น
โลกมิโหดเกินสร้าง เสกร้อยฤดูผัน
(กลบทดาวเดือนประดับดาว)
เวียนว่ายกาลกัลป์ผันผ่านภพ
สาดสบโลกหล้าแปรปรวนเปลี่ยน
จากจุดร้อนร้าววะวาวเวียน
จมเจียนฝนฟาดสาดซัดซา
เหน็บหนาวคราวครู่พรูพรมผ่าน
เดี๋ยวด้านมุมมองครองคุณค่า
ใบโบกกิ่งก้านเติบต้นตรา
เพียงพากัลป์กาลผ่านเพียงพรำ
(กระทู้กลอน)
ฤดู กาลผ่านผันวันเวลา
กาล ยังเปลี่ยนเวียนหมุนทุกเช้าค่ำ
แห่ง โลกหลั่นสั่นสะเทือนเสมือนนำ
ชีวิต ล้ำเลอคุณ รู้ค่ากาล
(กลอนสุภาพ)
ฤดูร้อนผ่อนผันวันวัยเยาว์
ชะล้างเศร้าโศกสร่างอย่างอาจหาญ
ระเริงร่ากล้ายิ้มอิ่มสราญ
โลกเบิกบานแจ่มใสในเช้านี้
ผ่านวัยเยาว์เข้าสาวหนุ่มมรสุมหนัก
สายเที่ยงรักรุมช้ำกระหน่ำหนี
ลมก็ไกวฝนก็สาดซัดทุกที
ฝ่าฝนหนักฟ้าสดสียังรอคอย
ฟ้าหลังฝนคนหลังทุกข์แบกภาระ
เริ่มกร้านพร้อมปะทะทุกข์เศร้าสร้อย
ความเยือกเย็นเยียบย้ำเข้าสวมรอย
เป็นหยาดปรอยน้ำค้างกลางค่ำใจ
คนสามวัยใจสามกาล ... ผ่านสามฤดู
เพียงชั่วครู่เปลี่ยนภพพบชาติใหม่
ภารกิจกอบฐานะประจักษ์ไว้
คนสามวัยผันสามกาล ... ผ่านสามฤดู