25 กันยายน 2548 23:53 น.

== สะพานตะวัน ==

แดดเช้า

แดดหลบตาใต้เมฆเสกแสงสาด
ใสทองวาดประหลาดใจ ... ไม่เคยเห็น
คล้ายสะพานสานนิมิตจิตร่มเย็น
บรรเทาเข็ญร้อนแรงแสงตะวัน

แสงฉายฉานผ่านตามาทาบจิต
เทพใดฤๅนฤมิตเพื่อชิดฝัน
สะพานข้ามครามฟ้าคราผูกพัน
ห้วงสวรรค์เชื่อมต่อทอทองทา

แสงใสแห่ง "รัศมีตะวัน" พรรณสายรุ้ง
เทียบงามมุ่งหมายผลดลคุณค่า
ดวงแดดอุ่นหลบวุ่นวาย คล้ายหลบตา
ผ่อนแสงจ้าสัมผัสชัดแสงรัก

เพียงลมพัดกระจายเมฆคลายคลี่
เผยโฉมดวงแดดสีแสดประจักษ์
หลบตาแสงแห่งห้วงดวงแดดทัก
เพียงช่วงพักสะพานงาม ... ไม่ข้ามพ้น.				
24 กันยายน 2548 21:04 น.

|--- เ ก ร า ะ ---|

แดดเช้า

เราต่างเพาะเกราะหุ้มคุ้มตัวตน
ความสับสนในเกราะหนักจักเกิดก่อ
ป้องกันสิ่งอิงแอบแนบถักทอ
เป็นเกราะห่อหุ้มไว้ให้ใครมอง

เพื่อปกปิดแผลเจ็บความเหน็บหนาว
ป้องอ่อนไหวรวดร้าวคราวหม่นหมอง
กระทบถูกเกราะช้ำน้ำตานอง
ไม่กล้ารองรับกระแทกกลัวแหลกลาญ

ความหวั่นหวาดขลาดกลัวเข้ากลั้วเกลือก
ให้ไสเสือกความจริงสิ่งพลุกพล่าน
ป้องตัวตนทุกหนทางอย่างชื่นบาน
เป็นภาพผ่านงามล้ำกันช้ำใจ

เราต่างสร้างเกราะบังความหวังวาด
อันพิลาสล้ำลึกเกินตรึกได้
เราต่างสร้างเกราะปิด ถูก-ผิดไว้
ยึดติดกรอบเป็นไปเท่าใจรู้

เราเร้นใจไม่เห็นตนของตนแท้
ปักปิดแน่นรอยแผลอันแบอยู่
เกราะปกแผลปิดช้ำป้องแฟบฟู
จึงเกินกู่หลายคนหลงตนเอง

เราต่างกลัวตัวตนจะพ้นออก
จึงลวงหลอกสร้างสิ่งงามตามอวดเบ่ง
อธิบายตัวตนวนบรรเลง
เป็นบทเพลงความดีงาม ... ตามใจปอง

เราไม่อาจเห็นความลึกซ่อนตรึกฝัง
เกราะกำบังกระทุ้งเจ็บ ... เหน็บหม่นหมอง
ความจริงสาดวาดไว้ใจไม่มอง
กลัวใจร้องเจ็บปวดรวดร้าวราน

เกราะบางคนสวยนักน่าทักชม
บ้างเกราะขมอ่อนไหวคล้ายไฟผลาญ
ร้อนทุกครั้งหลั่งน้ำตามาช้านาน
วันคืนผ่านเกราะสลายแทบวายปราณ

เราต่างหวงห่วงเกราะเพราะยึดมั่น
จึงก่อเกราะแห่งฝันอันสืบสาน
เกิดเกราะหวังกังวลดลใจนาน
ก่อฟุ้งซ่านซาบซึ้งสะพรึงกลัว

เราต่างไม่รู้ใจตน ... ค้นไม่พบ
ด้วยเกราะกลบความต้องการพล่านสลัว
มืดมนเครือคลุมครื้มปลื้มเมามัว
ล้วนเกราะกลั้วบังใจไม่ให้ค้น

เราต่างหลงวงเงาเกราะเข้าสร้าง
ความแตกต่างเกราะหลากจากเริ่มต้น
ค่อยคลุมครอบกรอบบังประทังตน
เกินจะค้นจิตซึ้งเป็นหนึ่งใจ

เราจึงนิ่งดิ่งลึกได้ยากนัก
ก่อเกราะรัก เกราะชัง เกราะหวั่นไหว
ล้อมเกราะกรอบครอบจิตถูก-ผิดไว้
ให้เลื่อนไหลลืมตนค้นจิตแท้

เกราะหลายเกราะถูกกระเทาะกระทบแตก
ใจแทบแหลกด้วยใจรักฟูมฟักแผล
กลัวความจริงอิงทำลายฝันผันแปร
หลงสิ่งสร้างอันไม่แน่ ... เป็นของเรา

เราต่างเพาะเกราะหุ้มคุ้มตัวตน
เกราะหนักจนเคลือบกลั้ว มัว-หลง-เขลา
ป้องหวั่นไหวไกวแกว่งแห่งร่างเงา
กรอบเกราะเก่าหุ้มไว้ในมายา.				
24 กันยายน 2548 08:07 น.

นิทานวานจันทร์

แดดเช้า

จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า
นิทานเรื่องเล่า           พ่อเฝ้าสอนสั่ง
"อย่าร้องไห้เลย"        พ่อเคยปลูกฝัง
โลกนี้มีหวัง                จงตั้งมั่นใจ

จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า
ขอเฝ้าคำนึง                ซาบซึ้งเพียงใด
ไม่ขอข้าวแกง             นั้นแพงเพียงไหน
ถ้าประทานได้             ขอใจจากจันทร์

พิศจันทร์แจ่มจ้า
ขอกล้าขอแกร่ง           เข้มแข็งสุขสันต์
จะไม่ขอวอน               อ้อนขอโน่นนั่น
ขอเพียงใจนั้น             มั่นคงมั่นใจ

แกร่งพร้อมยอมรับ   
กับทุกสุข-โศก             โลกหมุนเปลี่ยนไป
เบิกบานนิรันดร์          สุขสันต์สดใส
ฟ้าหม่น-ไสว               ให้ใจมั่นคง
 
ขออาบแสงจันทร์
ไม่หวั่นหวาดกลัว         สลัวมัวหลง
พึ่งตนเป็นหลัก            จึงจักแผ่วง
ขยายใจลง                  ส่งหนุนช่วยคน

จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า 
ฉันเฝ้าวอนจันทร์           ขอฉันมั่นตน
แผ่อาบอุ่นรัก                 เป็นหลักรักล้น
โอบอุ้มมวลชน               ให้พ้นทุกข์ราน

จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า
นิทานเรื่องเล่า               เฝ้าร้องขับขาน
ไม่ขอข้าวแกง               ขอแกร่งทุกวาร
โลกไม่อ่อนหวาน           ปฏิภาณขอมี

"อย่าร้องไห้เลย"
พ่อเอ่ยปลอบขวัญ        พิศจันทร์สดสี
มองจันทร์ฉันคิด          ตั้งจิตดีดี
ขอเข้มแข็งมี               อยู่ที่ดวงใจ

จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า
ไม่เคล้าน้ำตา              คราเกิดเหตุใด
จะเดินหน้าก้าว            ทุกคราวเรื่อยไป
รักตนมั่นไว้                 ไม่สั่นหวั่นคลอน

ระลึกตรึกจันทร์
โลกผันเพียงผ่าน           วันวารจากจร
จันทร์ยังสถิต                 ชิดห้วงอัมพร
ไม่ท้อไม่ร้อน                 ไม่อ่อนไม่ไหว

มุ่งรับเพียงพร
วอนจันทร์แจ่มจ้า          ฉันกล้าก้าวไป
ในวันเวลา                    กล้าไม่หวั่นใคร
จันทร์เป็นแบบให้          เบิกบานนิรันดร์

จบนิทานเล่า
เฝ้าขอพรพร่ำ               ลำนำเพลงฝัน
โลกหมุนวุ่นวาย            ใจคล้ายคงมั่น
อาบอุ่นนวลจันทร์          ในวันก้าวเดิน.				
23 กันยายน 2548 20:11 น.

หลงเงา จั น ท ร์

แดดเช้า

หลงฟ้ามืดยืดยาวคราวราตรี
หลงแสงสีจันทร์ทอที่สาดส่อง
หลงแสงดาวพราวฟ้าจะจับจอง
หลงสลัวมัวหมองของคืนแรม

หลงเงาคลุ้มตะคุ่มพุ่มไม้ไหว
หลงเตลิดฝันเปิงไปใจชื่นแช่ม
หลงชื่นสุขทุกค่ำคืนยืนยิ้มแย้ม
หลงเปรอะแต้มน้ำตาช้ำพร่ำรำพัน

ค่ำคืนหม่นวนเวียนเปลี่ยนผันเดือน
เหมือนย้ำเตือนความไม่แท้ที่แปรผัน
อารมณ์หวนโหยเปลี่ยวเพียงเสี้ยวจันทร์
เคลิบเคลิ้มฝันมากมายในคืนเพ็ญ

เราต่างหลงกับค่ำคืนยืนพะวัง
เราต่างหวังหวั่นเหงาจนเศร้าเข็ญ
เราอิ่มสุขเพียงช่วงจิบหยิบรสเย็น
เราต่างเห็นงามจันทร์ ... เป็นวันจริง

แสงจันทร์พราวราวสร้างอย่างนิมิต
ปลอบให้จิตอบอุ่นกรุ่นอาบผิง
เพียงชั่วคราวราวคืนผ่านวันแอบอิง
แล้วบางสิ่งจะเผยแจ้ง เมื่อแสงมา

เราต่างหลงกับค่ำคืนยืนเดียวดาย
และอิ่มคล้ายจันทร์เติมฝันอันล้ำค่า
เราต่างหวั่นพรั่นพรึงซึ้งมายา
หลงเห็นว่าความเคลิบเคลิ้มเติมความจริง

หลงโหยหาจันทร์เจ้าคราวจันทร์แรม
หลงยิ้มแย้มยามเสี้ยวจันทร์หลั่นแสงผิง
หลงอิ่มฝันจันทร์เพ็ญเร้นอาบอิง
หลงถวิลสรรพสิ่งราตรีกาล.

[แด่ .... ใจหลงทุกดวงในช่วงค่ำ
แด่ .... ฝันคล้ำครองชีวิตติดซาบซ่าน
แด่ .... โลกวนหนทางอันเนิ่นนาน
แด่ .... ทางผ่านมายาที่ผ่าใจ]				
23 กันยายน 2548 13:05 น.

อั ง ค า ร แ ด ง ฉ า น

แดดเช้า

เลือดจะนองหนองจะไหลไฟจะลุก
ไทยจะปลุกรวมไทยให้ไฟโหม
อังคารเพ็ญเข็ญรุกปลุกไฟโลม
ชะเลือดโน้มสังเวยเสวยกาย

ทั้งไฟใต้ไฟเมืองไฟเฟื่องฟุ้ง
เผาแดนทุ่งเขียวขจีพลีผลาญหาย
อังคารเพ็ญเข็ญโลมโหมวอดวาย
ชะเลือดคล้ายบูชายัญล้างจัญไร

สัญญาณแห่งแรงไฟแรงใจจิต
เริ่มนิมิตสื่อสารเร่งการใหญ่
ผู้นำชาติอาจพลั้งความตั้งใจ
ผู้เป็นใหญ่ประชาชนไม่ทนยอม

ส่อสัญญาณสื่อสารเริ่มผ่านสื่อ
ระบบรื้อยื้อแย่งแข่งขันห้อม
ทั้งโกงกินโกงชาติวาดหวังปลอม
หมายหว่านล้อมหลงลิ้นแทบสิ้นใจ

เลือดจะนองหนองจะไหลไฟจะลุก
อังคารปลุกสงครามท่ามเมืองใหญ่
ไทยรวมคนประชาชนรวมคนไทย
ล้างแผ่นดินเป็นแดนใหม่ ... ไร้อธรรม.				
Calendar
Lovers  2 คน เลิฟแดดเช้า
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแดดเช้า
Lovings  แดดเช้า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแดดเช้า
Lovings  แดดเช้า เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแดดเช้า