3 ตุลาคม 2548 01:00 น.
แดดเช้า
แห่งพวงพฤกษ์ผลึกขวัญรับวันนี้
แห่งขจีเขียวข้าวรวงไสว
แห่งรองรับซับซาบอาบน้ำใจ
แห่งแห้งแล้งร้างไร้ยามใครเมิน
แห่งชุ่มฉ่ำน้ำฝนหล่นกระทบ
แห่งอุ่นอบเงาตะวันผันเมฆเหิน
แห่งสายลมพรมกระเทาะเซาะน้ำเกิน
แห่งถ้ำเนินย่านถิ่น ณ ดินแดน
คือเปี่ยมรักปักเร้นเป็นคุณค่า
คือดินกล้าแกร่งมั่นอันหนักแน่น
คือดินทองทาบทอก่อทดแทน
คือหนักแผ่นผืนประสานการเกิดใด
คือแหล่งแรกแทรกรับกับการเกิด
คือแดนเปิดประสบการณ์สานฝันใฝ่
คือถิ่นผันวันโลกหมุนวุ่นเวียนไป
คือกาลใหม่แห่งสลายซากคลายคืน
ด้วยเขาคือคุณค่าแห่งหล้าสวย
น้ำใจช่วยจากหยาดฝนหล่นซับผืน
เพื่อพฤกษ์พวงรวงใบได้หยัดยืน
ทนแรงคลื่นคลี่ปมบ่มเพชรแท้
แต่ละเม็ดเก็จเพชรเมล็ดฝัน
ย่อมเติบพันธุ์เติบตนใต้ดินแผ่
แต่ละดอกผลิเผยเชยพุ่มแพร
สิ่งผันแปรเกิดบนดินทุกถิ่นกาล
กอบการณ์รักปักแน่นแทนชีวิต
ค่อยค่อยคิดค่อยค่อยแย้มแต้มประสาน
เติบขยายกรายกิ่งยิ่งเบ่งบาน
แผ่กิ่งก้านฝังลึกตรึกใต้ดิน
เขาเป็นดินสิ้นสงสัยในตัวฉัน
เฝ้ารอวันเติบใหญ่ใฝ่ถวิล
เพียงเหตุผลยลสดับรับรู้ยิน
ไม่หมดสิ้นความอดทนทุรนรอ
เขายังรักปักแน่นแทนความหวัง
เฝ้าปลูกฝังฟูมฟักรักเกิดก่อ
ค่อยค่อยเติบตนแต่งแจ้งใจทอ
ผลิดอกพอพริ้มบานสราญใจ
เพียงเวลาเรียนรู้สู่รังรัก
เพียงรู้จักกระบวนการมิหาญไหว
เพียงรู้รอก่อรักมิหักใจ
เพียงเขาไม่พลิ้วไหวหวั่นใดเลย
ผลิกลีบรักแห่งดินสิ้นพลาดผิด
เขามั่นปิดฝังขมอารมณ์เฉย
เพียงมั่นคงไม่หลงใหลใจคุ้นเคย
ไม่ชื่นเชยหวานล้ำลิ้มน้ำตา
ตระหนักรักหลักดินมิสิ้นสุด
ผู้เปิดจุดจากขื่นเป็นชื่นค่า
รองรับสรรพสิ่งมอบปลอบเรื่อยมา
ก่อนฝังลาคืนคลายฝังกายลับ.
1 ตุลาคม 2548 10:45 น.
แดดเช้า
เธอยังคงเป็นเธอ .. อยู่อย่างนั้น
สายลมผันยิ่งเรียนรู้ยิ่งน่าทึ่ง
เสรีภาพแห่งลมพรมตราตรึง
ซับซ่านซึ้งซึมซาบอาบดวงใจ
เธอยังคงเป็นเธอ ... สายลมเย็น
งามลึกเร้นผ่านหวนเพรียกครวญใคร่
พัดเพียงหวิวปลิวหวามหวู่ความนัย
กระซิบไซ้แล้วล่วงลับ ... ไม่ซับนาน
เธอยังคงเป็นเธอ ... สายลมหนาว
พัดมาคราวพ้นมรสุมคลายคลุ้มพล่าน
ซ่านซึมควักรักร้าวหนาวดวงปราณ
ซึมเพียงผ่านหวานซ่านซาบกำจาย
เธอยังคงเป็นเธอ ... สายลมฝน
หอบน้ำหล่นพรมซับสับสนหาย
มาให้หวั่นพรั่นพรึงตะลึงกราย
แล้วผ่อนคลายด้วยสายเย็นรอยเร้นชม
เธอยังคงเป็นเธอ ... ลมช่วงดึก
น้ำค้างพร่างวางผลึกซ่อนลึกขม
หนาวปรายโปรยโชยเพียงเสียงพิณพรม
กระทบห่มห้อมหวังครู่ครั้งคราว
เธอยังคงเป็นเธอ ... ลมพายุ
ที่ปะทุปะทะประดังกร้าว
เพียงกดข่มอารมณ์พรมเรื่องราว
ทำลายร้าวพัดผ่านตำนานลา
เธอยังคงเป็นเธอ ... สายลมโปรย
ยามใจโหยโรยท้อรอคุณค่า
พัดสิ่งร้ายสลายขื่นชมชื่นตา
คลายขวัญล้ากล่อมเห่แกว่งเปลไกว
เธอยังคงเป็นเธอ ... ลมยามเช้า
ล้างฝันร้ายก่อนเก่าลบเศร้าไหว
ชะหนาวแห้งแรงโรยโชยชื่นใจ
อุ่นเคล้าไล้ลมอ่อนช่วยผ่อนคลาย
เธอยังคงเป็นเธอ ... ลมทะเล
เฝ้ากล่อมเห่ดนตรีดีดสีสาย
พัดพรมชื่น คลื่นปะทะ กระทบกราย
ก่อนกระจายหายซับซบทรายงาม
เธอยังคงเป็นเธอ ... อยู่อย่างนั้น
เปลี่ยนแปรผันสถานการณ์ผ่านทิศท่าม
สายลมปรวนหวนหวังยังฟ้าคราม
อยากทวงถามสายลมนัก ... รักใครจริง.
30 กันยายน 2548 23:45 น.
แดดเช้า
อย่ารักฉันได้ไหม .. ใคร่ครวญเถิด
หากหมายให้เลอเลิศเป็นเจ้าหญิง
คาดหวังความงามล้ำนำอ้างอิง
ทุกทุกสิ่งเพียบพร้อมงามกล่อมเกลา
อย่ารักฉันได้ไหม ... ใจร่ำร้อง
ถ้าจะต้องวางกฎบทเก่าเก่า
แบบแผนเกณฑ์เป็นวินัยในกรอบเงา
ทุกค่ำเช้าจัดเวลา ... คล้ายอาทร
อย่ารักฉันได้ไหม ... ใจฉันร่ำ
ด้วยชอกช้ำคำกล่าวคราวครั้งก่อน
บทสัญญายึดมั่นทุกขั้นตอน
ยามยอกย้อนก็โกรธเคืองทุกเรื่องราว
อย่ารักฉันได้ไหม ... ใจเร่าร้อน
ทุกขั้นตอนห่วงหวงทุกท่วงก้าว
จวบจังหวะจุดประเด็นเป็นครั้งคราว
ต้องสืบสาวทุกเยื้องย่าง ... อย่างเป็นมา
อย่ารักฉันเลยนะ ... จะร้องขอ
ยามทดท้อ เธอวุ่นวายคล้ายคนบ้า
จ้องจัดแจงแบ่งปันวันเวลา
จนฉันล้าจะขยับปรับไม่ทัน
อย่ารักฉันเลยนะ ... โปรดละเลย
ช่วยเฉยเมยเมินมองอย่าครองฉัน
เบื่อความรักอยากผลักไสไปไกลกัน
เธอผูกพันมากมาย ... คล้ายผูกมัด
อย่ารักฉันได้ไหม ... ไปไกลห่าง
สิ่งแตกต่างระหว่างเราเฝ้าผ่อนผลัด
ล่วงล้ำเส้นเร้นใจไม่แจ่มชัด
ฉันเคืองขัดขุ่นข้องวุ่นหมองใจ
ช่วยไม่รักฉันสักที ... คนดีเอ๋ย
ปล่อยละเลยเฉยเมินเหินห่างได้
โปรดเห็นฉันเป็นหนึ่งคนบนทางไกล
และไม่ได้เชื่อมกล้ำสัมพันธ์กัน
ฉันขอร้องครั้งสุดท้ายคล้ายออดอ้อน
ช่วยผละผ่อนแรงรักผลักแรงฝัน
เพื่อเสรีที่ใจร้องก้องฟ้านั้น
อยากสลัดห้วงผูกพัน ... ฉัน กับ เธอ.
30 กันยายน 2548 18:37 น.
แดดเช้า
ขอโปรยสักเมล็ด นะ ... เก็จดาว
เพียงร่วงพราวผลิหยาดสะอาดใส
โปรยเพียงพันธุ์สรรค์สร้างทางดอกไม้
พร้อมเติบใจ เติบต้น บนชีวิต
เป็นดอกดวงพวงพฤกษ์ผลึกฝัน
เพื่อผลักดันบันดาลใจให้ทุกจิต
ค้นไหวหวานควานคุณหนุนชี้ทิศ
กล่อมห้วงคิดจินตนาค่าเลิศล้ำ
กอบเก็บช่อกอดาวพลิ้วพราวร่วง
กรองมาลัยงามช่วงท่วงเพลงร่ำ
แด่ .. นักฝัน นักแสวง แห่งถ้อยคำ
ร้อยลำนำเกิดก่อคลายท้อใจ
ร้อยถักม่านป่านแก้วแพรวดวงดาว
ร้อยฝันพราวระย้ายวงช่วงไสว
ร้อยหาวห้วงห่วงฝันกำนัลไพร
ร้อยเก็จเพชรน้ำค้างใส ... หยดใจคน
เพื่อฝันเรืองเปรื่องปราดฉลาดซึ้ง
ซ่านเส้นขึงสร้อยสายคลายสับสน
กอบมั่นหลักปักแน่นแทนใจทน
คลี่คลายหม่นมัวลางกลางค่ำคืน
เพื่อฝันเฟื่องเรืองรุ่งวันพรุ่งนี้
กว้างเสรีสะอาดหยาดใสชื่น
สะท้อนแสงแจ้งกระจ่างล้างกล้ำกลืน
พร้อมหยิบยื่นแด่นักฝัน ... ยามวันงาม
เพื่อร่มเย็นเร้นย่างอย่างใจคิด
ยามพลาดผิดพลั้งท้อก่อคำถาม
ขอดอกดาวพราวช่อสักกอวาม
เป็นแรงข้ามอุปสรรคหนักนานา
ขอโปรยสักเมล็ด นะ ... เก็จดาว
เพียงพริบพราวพันธุ์งามทุกท่ามท่า
เพื่อผลิดอกนิยามนามผกา
เป็นบุปผาเปี่ยมหวังกำลังใจ.
30 กันยายน 2548 09:29 น.
แดดเช้า
ใครสักคนบ่นลำนำพร่ำรู้สึก
เผยสำนึกผนึกไหวหวั่นใฝ่ฝัน
สายตาเหม่อเบลอท้อทดใจกดดัน
กายส่ายสั่นพรั่นพรึงถึงรักร้าว
"ฉันจะปิดดวงตาครารับรู้
เจ็บเกินกู่ เก็บ-ยึดถือเรื่องอื้อฉาว
ทุกจังหวะปะทะชีวิตผิดทุกคราว
ไม่อาจสาวความเป็นมา ... กว่าเป็นไป
ฉันจะปิดหูฟังยังไม่รับ
สิ่งสดับโลกเคลื่อนวารเลื่อนไหล
หมุนวุ่นวนหม่นหมองครรลองใจ
กวัดแกว่งไกวกระหน่ำดังเกินฟังรับ
ฉันจะปิดปากเงียบไม่เลียบลิ้ม
รสใดชิมหวานเค็มขมเข้มขับ
เมินจะรู้เมินจะลิ้มชิมประทับ
แนบซ่านซึ้งซาบซับเกินรับจำ
ฉันจะปิดจมูกสัมผัส ชัดกลิ่นกรุ่น
หอมหรือฉุนซ่านจิตเคยคิดร่ำ
สัญญาเนื่องเรื่องรักมักทำช้ำ
ไม่อยากพร่ำเพ้อไหวในชีวิต
ฉันจะปิดสัมผัสกายคล้ายคลึงเคล้า
แนบเนื้อเบาแรงอุ่นละมุนจิต
จะแน่นหนักไม่รับรสระทดคิด
แม้เสียดชิดไม่รู้รักไม่รู้ร้อน
ฉันปิดใจไหวหวั่นนั่นทั้งหมด
ไม่เริงรสเริงใจเริงเร้นซ่อน
ไม่เปิดรู้สู่โลกกว้างทุกทางจร
ไม่อ้อนวอนเกี่ยวพันโลก .. ซึ้งโศกตรม"
ฉันฟังคำคร่ำครวญเธอหวนรัก
ด้วยถูกผลักรังแกแท้ขื่นขม
ป้องปิดรอยรวดร้าวราวระทม
ใจระบมปกแผลร้าวคราวฝันพัง
"เถิด .. เปิดจิต ทุกทิศทางอย่างเป็นอยู่
จงเรียนรู้สิ่งแจ้งแห่งแรงหวัง
หากเธอปิดคิดผลักทั้งรัก-ชัง
นั่น ... เธอฝังกองทุกข์เกินปลุกคลาย
เถิด .. เปิดตารับฟ้ากว้างอย่างตาเห็น
อย่าปิดเร้นไถ่ถามถึงความหมาย
ทุกจังหวะจะกระทบทับทักทาย
แจ้งสิ่งกรายแจ่มจิตทุกทิศทาง
เถิด .. เปิดหูรู้รับสดับเสียง
ยินสำเนียงเงียบงันฝันเพริศพร่าง
สงบเงียบเทียบทบซบเสียงวาง
สรรพเสียงสรรค์สร้างกระจ่างใจ
เถิด ..เปิดปากแย้มยิ้มรับลิ้มรส
ชิมทุกพจน์เพียงสัมผัสชัดแจ่มใส
คาว-มัน-จืดชืด-หวาน ขมเค็มใน
จะเปรี้ยวจี๊ดเผ็ดใส่ใจได้รู้
เถิด .. เปิดรับกับกรุ่นกลิ่นฉุนซ่าน
เรียนรู้การปรุงแต่งแห่งเป็นอยู่
เพื่อเบิกบานขานรับกับสิ่งดู
หากปิดจะเจ็บเกินกู่ .. ไม่รู้ทัน
เถิด .. เปิดกายคล้ายรับกับสัมผัส
อุ่นร้อนเย็นชี้ชัดสิ่งแปรผัน
ตรึกสติตริตรองคล้องวารวัน
ไม่ไหวหวั่นการกระทบที่ซบซ้อน
เถิด .. เปิดใจใสสว่างกระจ่างจิต
เพื่อรู้ผิดรู้ชอบระบอบซ่อน
เพื่อสร้างสรรค์ปัญญามั่นทุกขั้นตอน
ไม่ไหวอ่อนหมกมุ่นเพียงขุ่นใจ
เถิด .. สิ่งเกิดผ่านมาถ้าเรียนรู้
พาเธอสู่ประสบการณ์อันยิ่งใหญ่
อย่าปิดหูปิดตาปิดกายไป
เรียนรู้ไว้จะเบิกบานทุกวารวัน"
ฉันปลอบคำคร่ำครวญใจหวนคิด
โลกลิขิตแกว่งไกวเกินไขว่ฝัน
หากใจเปิดสัมผัสจัดให้ทัน
ฤๅจะหวั่นร้าวรักสักเพียงใด
ซึ้งเบิกบานซ่านรักเพียงพักผ่าน
แต่ตำนานจิตกว้างช่างยิ่งใหญ่
ย่อมเหนือรัก-ชัง-ดีชั่ว-กลัว-หวังใจ
เบิกโลกใสด้วยการเปิด .. เถิดลองทำ.
(สิ่งจริงแท้จะก่อเกิด หากเปิดสัมผัสให้ชัดแจ้ง)