6 ตุลาคม 2548 12:45 น.
แดดเช้า
เธอจะเย็นเร้นหวาน ณ ธารใส
หลั่งไหลไป ณ แห่งหนองลำคลองฝัน
ฤๅเธอรี่เชี่ยวกรากพรากคืนวัน
จะสร้างสรรค์ลำน้ำ ณ ลำใด
แรงแห่งโลกโศก-สุข ปลุกปลอบเธอ
ให้ไหลลงเสมอ ณ แดนไหน
ระหว่างทางห่างหวังสักอย่างไร
อีกกี่ไหลจึงถึงฝันอันมั่นรอ
เธออาจพบจุดจบระหว่างไหล
ขัง ณ ดินดอนใดได้เกิดก่อ
ระเหยหยาดสาดฝนหล่นปรายพอ
โปรยหยดทอชื่นใจให้ใจชม
กรองเป็นหยาดสะอาดใสใต้ผืนเมฆ
กลั่นหลอมเสกน้ำมนต์ปลดหม่นขม
กระหน่ำซ้ำช้ำชอกยามตรอกตรม
เพื่อสั่งสมร่มเย็น ... ตามเป็นมา
เธอร้ายร้อนอ่อนแรงกับแสงแสด
ยามดอกแดดขยายพยับ ระยับกล้า
เพื่อสะท้อนน้ำกระทบซบน้ำตา
ซึมซ่านค่าซับผืนดินเหมือนสิ้นแรง
เธอจะล้างคว้างไหวในใจคน
เธอเปื้อนปนหม่นหมองต้องเหือดแห้ง
เธอสละชะมลทินผินเปลี่ยนแปลง
แล้วคลายแล้ง ณ แห่งหน บนดินใด
เธอยังคงอ่อนโยน ... นะ สายน้ำ
อาจเพียงช้ำคราวครู่เธอรู้ได้
แล้วล้างตนล้างคราบหยาบจางไป
เหลือเพียงน้ำใสใสไร้เปลือกคลุม
เธอยังคงอ่อนไหว ... ไหลระเรื่อย
กระแสเฉื่อยทุกหนทางต่างไม้พุ่ม
พร่างน้ำค้างต่างหน้ามาเกาะกุม
ระยิบเพียงเปลือกหุ้ม ... แห่งแต่งเติม
สีสันเธอไม่มี ... เธอรู้ไหม
สะอาดใจสะอาดตาไม่แต่งเสริม
เพียงพร้อมปรับรับสิ่งดีที่ประเดิม
พร้อมเพียงเพิ่มหมองหม่นบนกายเธอ
แต่เธอยังคงเธอไว้ ... ในส่วนลึก
อันรู้สึกรู้ค่าสว่างเสมอ
สะอาดสุดดุจกระจกภาพพร่างเบลอ
กระเพื่อมได้หากพบเจอ ... สิ่งกระทบ
เธอยังเร้นเป็นความงาม ... น้ำที่รัก
เพียงรู้จักฉ่ำเย็นมิเร้นกลบ
หากสักคนค้นตามความงามครบ
พลันบรรจบสิ่งดีงาม ... แห่งความรัก
ขอเรียนรู้เท่าที่เธอ ... ยังเป็นเธอ
น้ำล้นเอ่อไหลหลั่งพร่างประจักษ์
สะท้อนปรับรับทุกการณ์ขานทุกทัก
จนยากนักใครจักรู้สู่สิ่งเป็น
ถึงน้ำใสไหลเรื่อย ... ระเรื่อยริน
อย่าได้สิ้นความงามตามที่เห็น
แม้เปลือกใดได้หุ้มคลุมใจเย็น
งามลึกเร้นรู้งามใส ... นั่นใจเธอ.
5 ตุลาคม 2548 14:07 น.
แดดเช้า
มีนิทานเปรียบเปรยเอ่ยปลอบขวัญ
ถึงนางฟ้านางนั้นน่าฝันใฝ่
สง่าขาวพราวเพริศเลิศกว่าใคร
คทาดาวเสกไว้เพื่อให้พร
มาเยื้องกรายหมายให้ใครเป็นสุข
ปลดเปลื้องทุกข์ทุกก้าวเธอกล่าวสอน
ทำความดีมีเธอพร่ำกำนัลวอน
เสกคำอ่อนหวานพร่างเป็นรางวัล
อีกนิทานขานเล่ากล่าวตำนาน
ถึงกาลผ่านหญิงแก่แม่มดนั่น
เธอชุดดำง้ำงอดมืดบอดตัน
ไม้เท้านั้นสาปแช่งทุกแห่งไป
ตราบปรากฏกดข่มอารมณ์พรั่น
ทำโทษทัณฑ์ทุกคนอยู่หนไหน
เมื่อทำผิดกรอบล้อมครอบวินัย
แม่มดไม่ปรานีเลย ... อย่าเอ่ยวอน
บทรางวัล บทโทษฑัณฑ์ สรรหาเล่า
เปรียบเทียบเท่าให้เข้าใจในคำสอน
เมื่อทำดีย่อมได้ดีที่เพริศพร
เมื่อทำชั่วชั่วย้อนต้อนเข้าตน
คำอวยพร ... ศักดิ์สิทธิ์ฤทธิ์อำนาจ
คำสาปแช่ง ... ซัดสาดส่ายสับสน
อุทาหรณ์สอนใจให้ทุกคน
ต้องตั้งต้นรู้หวัง-กลัว สิ่งชั่ว-ดี
ผลกรรมดีมีบุคลาธิษฐาน
น้อมใส่พานวางไว้ได้สุขศรี
ผลกรรมชั่วกลั้วเกลือกเลือกอีกที
อเวจีแม่มดร้ายย่อมคล้ายกัน
นิทานเก่าเอาเปรียบเปรยเฉลยร่ำ
ทุกกระทำกรรมบันดาลศานติ์สุขสันต์
หรือวิบากลำบากรับอย่างฉับพลัน
และสิ่งนั้น ทั้งพร-สาป บุญ-บาปดล
ขอให้นางฟ้างามแห่งความดี
สถิตอยู่ที่นี่ที่ทุกหน
ขอให้แม่มดร้ายคล้ายตัวตน
ลงทัณฑ์คนไม่เกรงบาปปราบให้กลัว
เพื่อสังคมสมดุลอุ่นความรัก
เพื่อพิทักษ์ความดีงามทุกท่ามทั่ว
เพื่อโลกหม่นพ้นหมองครองรักตัว
เพื่อทุกคนหลุดเมามัวโดยทั่วกัน
นิทานสานตำนานเล่าเข้าบอกกล่าว
ให้เรื่องราวสถิตแนบจิตมั่น
หากทำดีย่อมได้ดีทุกที่พลัน
ทำชั่วนั้นย่อมได้ชั่ว ... ทุกตัวตน.
4 ตุลาคม 2548 21:40 น.
แดดเช้า
ภาพในนั้น ... ฝันของฉันวันหวานวาด
แต้มสีแย้มเปื้อนปาดเปี่ยมคาดสวย
ภายใน "กรอบ" ขอบฝันอันรินรวย
แย้มแสงช่วยให้ภาพเด่นเห็นงามตา
ภาพในนั้น ... ฉันคิดประดิษฐ์วาด
ตั้งใจคาดกรอบกุมคลุมคุณค่า
ทุกความหมายภายในนัยเวลา
ล้อมกรอบมาตีครอบในกรอบนั้น
แล้วฉันครอบกะลาคิดเพียงติดกรอบ
ฟุ้งภายในสมองครอบระบอบฝัน
กลัว หวัง ชัง รัก กลืนยากคืนครัน
และยึดมั่นโอบกรอบครอบแน่นจริง
ฉันระบายหลายสีที่ในกรอบ
โลกรอบรอบคับแคบแทบหยุดนิ่ง
ปวดขมับการรับรู้ไม่ไหวติง
ฉันพึ่งพิงกรอบเด่นเน้นเกินไป
ภาพในนั้น ... ฝันของฉันฉันปรับเปลี่ยน
เอากรอบเวียนเพียงพอดีที่ใส่ได้
พอรู้ขอบเขตภาพอันซาบใจ
ความพลิ้วไหวค่อยค่อยทาบวาดภาพนั้น
ระบายใจใสใสฟ้าใหญ่กว้าง
กรอบสรรค์สร้างไม่คับปรับเปลี่ยนผัน
ภาพพริ้มพรายรายละเอียดละเมียดพรรณ
กรอบยังมั่นแต่ไม่ได้ครอบใจคิด
ฉันปรับเปลี่ยนเวียนกรอบครอบหลายหน
ภาพไม่หม่นหมองตามกรอบงามติด
เมื่อหลุดกรอบครอบภาพที่ทาบชิด
ภาพยังงามด้วยจิตประดิษฐ์ร้อย
ภาพไร้กรอบครอบนั้นฝันฉันครบ
ปรับระบบวาดลายระบายถ้อย
ถ้วนกระบวนทวนทบบรรจบรอย
ภาพยังคล้อยตามกาลอันผ่านพ้น
ภาพในนั้น ... ฝันของฉันเหนือคั่นครอบ
ใส่ทุกกรอบทุกความหมายคลายสับสน
ยังเป็นภาพอิสระคิด ดั่งจิตดล
พร้อมปรับตามสายตาคนจะยลเยือน
และหลายครั้งหวังเตลิดฉันเปิดกรอบ
วาดภาพโดยไร้ครอบระบอบเคลื่อน
ฟุ้งตามใจไหลตามคิดประดิษฐ์เบือน
และดูเหมือนไร้ขอบเขตไร้เหตุการณ์
ภาพวาดนั้นฝันฟุ้งไร้มุ่งหมาย
ไม่ปรับตามกรอบกรายกระจายหว่าน
กรอบใดใดในแผ่นดินสิ้นตำนาน
ไม่อาจผ่านครอบภาพนี้ได้จีรัง
ภาพไร้กรอบ ... เคารพกรอบย่อมงามนัก
ภาพไร้กรอบ ... ไร้หลักย่อมไร้หวัง
ภาพติดกรอบ ... ครอบล้อมย่อมภินท์พัง
อิสระจะประดังเมื่อปรับตน
ภาพในนั้น ... ฝันของฉันเหนือวันสวย
เหนือกรอบช่วยชูเด่นเป็นเหตุผล
จะใช้กรอบใดใดในหล้าดล
ย่อมพร้อมช่วยให้ใจยลงามผลงาน.
4 ตุลาคม 2548 10:33 น.
แดดเช้า
ตะวันลาพร่าลางฟ้าพร่างพลบ
ดวงแดดหลบลี้ลับกลับคืนหล้า
ฉัน ... คิดถึงจันทร์เพ็ญนวลเย็นตา
ดาวเกลื่อนฟ้างามชื่นคืนพร่างพราย
คิดไม่ถึง ... จันทรคราสฟ้าบาดเจ็บ
ดาวหนาวเหน็บเจ็บร้าวคราวสาดฉาย
คิดไม่ถึง ... หนึ่งฝันพลันมลาย
คืนกลับกลายน้ำตาช้ำแทบกล้ำกลืน
ฉัน ... คิดถึงอรุณรุ่งวันพรุ่งนี้
พร้อมพบสิ่งดีดีปรี่หวังชื่น
เช้าเวียนมาฟ้าทองส่องล้างคืน
แสดกระทบสะท้อนคลื่น ... น่าชื่นชม
คิดไม่ถึง ... เมฆมืดมายืดยาว
บังตะวันเพริศพราว ... ใจร้าวขม
คลุ้มครึ้มรอบขอบฟ้าน่าตรอมตรม
คิดไม่ถึง ... ความขื่นขมจะถมมา
ฉัน ... คิดถึงเมฆฝนหล่นโปรยปราย
แห่งยามสายสร้างสรรค์ปันผืนหล้า
ฉัน ... คิดถึงความซึ้งใจจะพายพา
จากลมครวญหวนหาน่าชื่นใจ
คิดไม่ถึง ... มืดทะมึนคลื่นพายุ
ราวปะทุประดังหลั่งน้ำไหล
คิดไม่ถึง ... ฝนกระหน่ำน้ำท่วมไกล
สูงเกินกว่ารับได้ ... โอ้ ใจตรม
ฉัน ... คิดถึงซึ้งหวานซ่านอีกครั้ง
เปี่ยมพริ้มหวังครั้งฝนลาฟ้างามสม
เพียงรอหวังฟ้าหลังฝนมาดลพรม
กับสายลมรุ้งพรายความหมายงาม
ฉันกลับพบฟ้าพลบค่ำยามย่ำเย็น
สลัวเร้นยะเยือกย่ำคล้ายคำถาม
ไม่พบรุ้งพุ่งทะยานสานฟ้าคราม
พบเพียงลมหนาวหวามพัดลามโลม
คิดไม่ถึง ... สิ่งซึ้งใจใช่ดั่งคิด
ใครลิขิตเขียนบทสลดโถม
หดหู่ร้าวผิดคาดบาดใจโทรม
เพียงฝันโน้มเหนี่ยวประดัง ... หวังอีกครา
คิดถึง ... เพียงเสียงภาพพลิ้วซาบซึ้ง
คิดไม่ถึง ... สิ่งร้ายกล้ำกรายพล่า
คิดถึง ... สิ่งดีดีที่กรายมา
คิดไม่ถึง ... หยาดน้ำตาจะมาเยือน
คือห้วงคิด หนึ่งจิต แห่งคิดถึง
ใครย่อมพึงประสงค์เพียงงามเลื่อน
ราบรื่นหวังพร่างพริ้งสิ่งจริงเตือน
และหมายเบือนเลวร้ายจะกรายมา
คิดไม่ถึง ... หนึ่งสิ่งจริงอันอิงซ่อน
ไม่แน่นอนแปรปรวนดั่งหวนหา
อาจจะชื่นตื่นเต้นซ่อนเร้นตา
เกินไปกว่าใจเคยคิดดั่งจิตปอง
อาจจะไม่เป็นไปดั่งใจหวัง
ทุกสิ่งพังทลายภินท์ใจดิ้นหมอง
หลากเหตุการณ์สานแปลกแผกครรลอง
เกินเรียกร้องให้สมจิต ... คิดเป็นกลาง.
3 ตุลาคม 2548 12:27 น.
แดดเช้า
ดิน
เขายังคงมั่นคง ... อยู่คงที่
ไม่ว่าดี-ชั่ว-ชัง-รัก หวัง ไหว
เขามั่นนิ่งไม่ติงเคลื่อนเหมือนไร้ใจ
แต่คงไว้ความงดงามแห่งความรัก
เขายังคงมั่นคง ... ไม่หลงฝัน
ค่อยค่อยมั่นค่อยค่อยสร้างอย่างแน่นหลัก
ปูพื้นผืนยืนยงสร้างดงรัก
สิ่งประจักษ์ชัดแจ้งแห่งไพรพฤกษ์
พุ่มไสวไกวเขียวเรียวรวงข้าว
สะท้อนวาวใสน้ำค้างพร่างผลึก
มีเพียงเขาผู้เฝ้าดูอยู่เบื้องลึก
ความเป็นไปผนึกเร้นเป็นรักแท้
นั่นคือเขาดินดอน อ่อน ร่อน เหนียว
โคลนริมฝั่งน้ำเชี่ยวหญ้าเขียวแพร่
ทรายซับกรวดอวดลวยลายคล้ายดูแล
ให้โลกแผ่ความงดงามแห่งความรัก.
น้ำ
เธอเรื่อยไหลใสใสใจรู้รับ
รู้แปรปรับสีสันบันดาลผลัก
ผันหมุนเวียนเปลี่ยนกาลไม่นานนัก
แสงสะท้อนทายทักรักแดดฟ้า
เธอยังคงเป็นเธอ ... ล้นเอ่อไหล
หลั่งน้ำใจใสสะอาดหยาดคุณค่า
หลายครั้งเธอเผลอโถมโลมโลกลา
ด้วยน้ำตาแห่งเธอเอ่อทำลาย
ดับแรงร้อนผ่อนเย็นดับเข็ญทุกข์
สายน้ำฉ่ำปลอบปลุกทุกความหมาย
เถิด ... ทิ้งร้าวคราวโศกลงน้ำพราย
ทิ้งรักร้ายเปลี่ยนเป็นรักเย็นใจ
เธอเรื่อยไหลใสใสไปเช่นนั้น
แม้โลกผันตามจันทร์แรม-เพ็ญแวมใส
คลื่นกระทบซบฝั่งหลั่งความนัย
ยังหลั่งไหลตามกาลครวญขานรับ
ลม
คุณยังคงเป็นสายลมห่อห้อมฝัน
ในคืนอันสุข-โศก โลกหมุนกลับ
พลิ้วเพียงพรมพายพัดซัดสาดซับ
แลัวเททับกล่อมเห่แกว่งเปลไกว
คุณยังคงโปรยรักมาทักทาย
ยามแดดฉายเช้าชื่นคืนหวั่นไหว
หนาว-ฝนหล่นพ้นมรสุมรุมห้วงใจ
ปลอบปลุกได้ดั่งเสกมนต์มาดลทรวง
คุณยังเป็นเย็นลมห้อมห่มชื่น
หรือเป็นคลื่นพายุปะทุท่วง
มุ่งทำลายคล้ายพริบตามาถามทวง
จวบคืนล่วงกลับชื่นเย็นเหมือนเช่นเคย
คุณยังคงเป็นสายลมห่มใจฉัน
เสรีอันกวัดไกวไม่เคยเฉย
ยิ้มพริ้มแดดแสดระยิบพริบใจเชย
แล้วเพียงเผยเอ่ยบอกรัก ... ทักดอกไม้.
ไฟ
ฉันคือไฟใสแสดคล้ายแดดอุ่น
เพื่อสร้างฝันละมุนคุ้นใจไหว
สรรค์เสกสิ่งผิงอุ่นยามวุ่นใจ
หนาวหรือไรฉันคลายเหน็บ ... อย่าเจ็บเลย
ไฟเปลวดวงพวงระย้าสว่างไสว
ฉัน .. เพียงไฟทำหน้าที่ที่เปิดเผย
สิ่งจริงปลอมหลอมไว้ได้ชื่นเชย
หรือสังเวยวายวอดความบอดดำ
ฉันเป็นไฟใสใสคล้ายสร้างสรรค์
เพื่อผลักดันพลังใหม่ให้งามขำ
หรือทำลายหลายสิ่งสมดุลนำ
เพื่อภาพล้ำสรรพสิ่ง ... สู่จริงกาล.
ประสานรัก
ประสานรัก เขากับเธอ เลิศเลอนัก
ดินน้ำทักซึมซับรับประสาน
ลุ่มลึกซึ้งหนึ่งใจไว้เนิ่นนาน
พริ้มภาพหวานซ่านกาลผ่านน้ำ-ดิน
ประสานรัก เขากับคุณ หนุนคุณค่า
ลมโลมดินเกิดป่ามหาสินธุ์
เอื้อใบพลิ้วปลิวไหวได้ยลยิน
ราวเสียงพิณพัดไกวในเวลา
ประสานรัก เขากับฉัน นั่นคมกริบ
ดินกระพริบพราวแสงแห่งแดดกล้า
อุ่นยามหนาวได้ผิงอิงแอบมา
โอบดินล้าโรยเหน็บยามเจ็บร้าว
ประสานรัก ฉันกับคุณ อุ่นท่วงท่า
แสดแดดจ้าสายลมอุ่นละมุนขาว
หมอกจางจางสว่างลางน้ำค้างพราว
ภาพแห่งรักสลักวาววามวับใจ
ประสานรัก ฉันกับเธอ เอ่อล้นฝั่ง
ประดับหลั่งระยิบพรายประกายใส
สะท้อนซบแสดคลื่นยืนยันนัย
กระทบน้ำฉ่ำไหวในใจเธอ
ประสานรัก ภาพฝันหากสั่นพร่า
ทุกตรึงตราสมดุลอุ่นเสมอ
พิมพ์ภาพเพริศเกิดก่อทอฝันเลอ
แจ่มฤๅเบลอย่อมงดงามตามเป็นไป.