7 กุมภาพันธ์ 2549 08:03 น.
แดดเช้า
ฟ้าที่กว้างห่างดินถิ่นคนฝัน
ระหว่างนั้นมีดาวพราวพร่างใส
สบตาดาวระหว่างดาวยังยาวไกล
เย้าหยอกไล้เล่นล้อต่อฟากฟ้า
ดาวสองดวงห่วงใยคล้ายใกล้ชิด
ช่องทางปิดไกลห่างจะพร่างค่า
สองดาวซึ้งตรึงใจในแววตา
ยังมิกล้าฝ่าฝืนแรงดึงใด
แรงดึงดาวพราวพร่างพาห่างเหิน
ระหว่างช่วงใช่เมินหมางใจใส่
พิศเพลินงามหว่างห่างแม้ต่างใจ
เหมือนชิดใกล้ก่อเกื้อเมื่อเมียงมอง
ดั่งใจฉันมั่นคงตรงต่อรัก
แม้ห่างนักขวากหนามท่ามกลางหมอง
ระหว่างเรา ดาวสองดวง ห่วง-หมายปอง
จึงสอดคล้องลงตัวที่ตัวเรา
อาจจะได้เพียงใจรักอันปักจิต
อันใกล้ชิดช่วงกลางระหว่างเหงา
ไม่เคียงคู่ครอบครองไม่ปองเอา
มีใจเท่าที่ใจจะให้กัน
ฟ้าแตกต่างกลางห้วงหว่างดวงดาว
ฉัน-เธอก้าวเปล่งแสงแรงใฝ่ฝัน
คล้องเกี่ยวใจไหวสะท้านผ่านทางตัน
ไปสู่ถิ่นดาวดวงนั้น ... มั่นด้วยใจ.
6 กุมภาพันธ์ 2549 18:19 น.
แดดเช้า
มืดมิดมาเนิ่นนาน ................ เพียงผันผ่านกาลราตรี
จุดหนึ่งซึ้งใจมี ...................... สุกใสสีแสงดวงดาว
หว่างแว่ว ณ แววตา ............. สะท้อนค่าฟ้าห้วงหาว
จำรัสศรัทธาพราว ................. ร้อยเรื่องราวเริ่มรุ่งเรือง
นวลทิพย์ทอจันทร์เจ้า ........... โสมแสงเร้าเงาหมอกเหลือง
แสงพร่างสว่างประเทือง ......... เพื่อฟ้ามืดกาลยืดยาว
จุดพร่างยังห่างฟ้า ................... ตะเกียงกล้าก่อแสงขาว
วาดหวังหลั่งเรื่องราว ............. เฟื่องคลุ้งคาวคลุกโลกีย์
หวามหวานซ่านซึ้งซาบ ........... สะท้อนทาบแววรัศมี
สบตาเธองามดี ....................... ซึ้งเหมือนที่สบตาดาว
เกิดก่อบ่อบึ้งรัก ...................... มาทายทักจากห้วงหาว
เข้าขั้วหัวใจพราว ................... ร้อยเรื่องราวรักรำพึง
หิ่งห้อยค่อยเบิกปีก ................. ฤๅบินหลีก ณ แดนตรึง
จุดเล็กยังซ่านซึ้ง .................... จบจุดหนึ่งขึงขั้วรัก
มืดมิดมาซ่อนซุก .................... ดาวใสสุกยามอกหัก
ใจหม่นทนทายทัก .................. คนรู้จักยังปลอบซึ้ง.
6 กุมภาพันธ์ 2549 09:13 น.
แดดเช้า
หมู่ดาวชุมจับกลุ่มเริ่มรุ่มร้อน
ราตรีซ่อนความลับกับความหมาย
เลื่อมซับซ้อนซุกฝันอันตราย
ดาวเรียงรายเปล่งแสงแจ่มเจือจุน
หนาวราตรีสายลมยังห่มพัด
หมู่ดาวเปล่งเจิดจรัสศรัทธาอุ่น
หมายไล่หมอกมืดหม่นบนฟ้าพรุน
หมู่เมฆหนุนนองเนื่องเรื่องมัวเมา
หมอกราตรีรายล้อมกล่อมฟ้ากว้าง
ยังลาดทางขาวเทือกเลือกแทรกเข้า
ขั้วหัวใจไหวล้าราตรีเงา
เมฆก้อนเก่ายังเคลื่อนเหมือนแกล้งกัน
รอเพียงฤกษ์เบิกขวัญเบิกวันใหม่
แจ้งจริงใดแดดเปิดเพริศสีสัน
โลกหม่นมัวสลัวลางพรางใจนั้น
คงรับขวัญผลิเผยเชยดอกไม้
หมู่ดาวรวมร่วมใจได้จับกลุ่ม
เพียงชุมนุมเปล่งแสงแรงสุกใส
หากช่วยฟ้ากระจ่างจริงยิ่งสิ่งใด
คงช่วยได้เพียงจุดดาวคราวฟ้ามัว.
1 กุมภาพันธ์ 2549 07:53 น.
แดดเช้า
แทนอบอุ่นละมุนละไมในช่วงเช้า
จะลบเงาราตรีแทนที่หมอง
หมอกหม่นมัวกลั้วกล้ำช้ำใจครอง
ฤๅเรียกร้องแดดใดล้างไออวล
หนาวน้ำค้างกลางหมอกช่างชอกช้ำ
ตื่นตาคลำควานอุ่นคุ้นเคยหวน
เช้าวันใหม่ใจละเมอเพ้อรัญจวน
สวมโซ่ตรวนตรึงรัดยากชัดเจน
ด้วยรักเธอเผลอครวญให้หวนคิด
ควันหมอกคลุมถูกผิดคั่นมิดเส้น
ทุกความหมายคล้ายคลุมเครือสิ่งเหลือเดน
บดบังเร้นฉันไว้ให้สำรอง
ม่านหมอกฝุ่นขุ่นข้องของชีวิต
อันปกปิดอุ่นเช้าเหงาโศกหมอง
กับตัวจริงสิ่งสำคัญเธอฝันปอง
ยังเผยคล้องเหนือฟ้ากว่าใครใคร
แทนอบอุ่นกรุ่นฝันช่วงเช้านี้
หมอกแทนที่ความงามงดอันสดใส
"ตัวสำรอง" หมองหม่นทนหวั่นใจ
รอแดดใดแผ่ฟอกแทนหมอกเช้า
30 มกราคม 2549 00:12 น.
แดดเช้า
หนึ่งราตรีที่ไฟดับเหมือนคับแคบ
หนูน้อยซ่อนกายแอบแทบร่ำไห้
มือคว้าเกาะพัลวันหวั่นดวงใจ
แม่กอดไว้ค้นเทียนจุดเวียนวาง
แสงกระทบสบตาแววตาหนู
เบิกมองดูเปลวไฟไสวสว่าง
เสียงเล็กเล็กตื่นเต้นกระโดดพลาง
ดีใจอย่างเห็นไฟในมืดมิด
เธอบอกว่าไฟจุดเล็กแต่สว่าง
สีใสพร่างสวยจังอย่าบังปิด
ขอหนูอยู่ดูเปลวไฟอย่างใกล้ชิด
จะไม่ซนแม้เพียงนิดอย่าปิดไฟ
จุดเล็กเล็กเป็นความหวังยังวาดค่า
ไฟจักดับอีกกี่ครายังสดใส
เปลวแสงทองท่ามสลัวเหมือนส่องใจ
สบตาฉายหวังใดในแววตา
หนึ่งราตรีที่ไฟดับแม้คับแคบ
หนูน้อยแทบตื่นใจในคุณค่า
ไฟจุดน้อยค่อยกระจ่างอย่างเป็นมา
หวาดผวาหายมิดเป็นปลิดทิ้ง.