4 เมษายน 2549 10:55 น.
แดดเช้า
เธอร้องไห้จะเอาโน่นและเอานี่
งอแงงอนเมินหนีหน้าเบือนหลบ
แผดเสียงลั่นหวั่นผวาทุกคราพบ
เหมือนประจบเรียกร้องเสียงก้องดัง
อาละวาดผาดโผนตะโกนลั่น
ดิ้นดื้อดันดึงผลักออกคำสั่ง
บางทีค้อนวอนว่าด่าทุรัง
บ้าพลังจริงหนอ ... พอสักที
พูดอย่างนั้นจะเอาอีกอย่างหนึ่ง
ช่างดื้อดึงเง้างอดออดหน้าบี้
คงต้องใช้อุบายไม่ตบตี
เด็กสามปีงอแงแก้ยังไง?
แค่กอดโอบอุ่นอุ่นให้คุ้นรัก
คงแน่นหนักหยุดงอแงพร้อมแก้ไข
ในอ้อมแขนแทนคำกล่าวเรื่องราวใด
คลี่คลายใจเรียกร้องของเด็กน้อย.
1 เมษายน 2549 14:06 น.
แดดเช้า
โห่ ... ตีเกราะเคาะไม้ในคืนค่ำ
ไล่ราหูระยำครอบงำเงื่อน
ค่อยค่อยคืบหลืบเงาคอยเฝ้าเยือน
แล้วล่องเลื่อนลอยคว้างกลางแสงจันทร์
คนหน้ากลมชมจันทร์หันโห่ก้อง
เฝ้าร่ำร้องเรียกชนให้ยลนั่น
เห็นไหมเงาเข้าครอบขอบนวลพรรณ
ชวนช่วยกันไล่ราหู กู่ก้องดัง
คนแห่มา ... ตะโกนไล่ให้สิ้นเงื่อน
ไล่เงาเลื่อนหายลับกับความหวัง
อยากเป็นใหญ่ในฟ้ากว้างช่างน่าชัง
ข้าจะฝังเงาดำดับอับปาง
เสียงโห่ก้องร้องร่ำกลางค่ำดึก
ปลุกคนคึกไล่ราหูกู่ขัดขวาง
คนหลับเพลินเดินมาดูสู้ทุกทาง
พอมีบ้างร่วมกลุ่มชุมนุมกัน
แต่บางคน .. แสนรำคาญระคายนัก
จะไสผลักทำไมในคืนฝัน
หลับดีดีเสียงปี่กลองก้องฟาดฟัน
สงบงันเงียบดีกว่าอย่าวุ่นวาย
ราหูยังฝังรอยคอยครอบแข
บางคนแห่เรียกราหูรู้ความหมาย
อยากอมจันทร์เชิญอมเต็มเดือนเพ็ญวาย
ให้สิ้นฉายแสงจันทร์ ฝันเชิญชวน
คืนที่สอง เมษา จันทราหม่น
เห็นฝูงชนช่วยออกเสียงเพียงโหยหวน
ลึกในจิตปิดบังเงาหวังอวล
ร่วมขบวนเชิญราหูมาสู่เมือง
คนหน้ากลมผสมโรงเสียงโฉ่งฉ่าง
ราหูเหลี่ยมยังกร่างยืนกางเขื่อง
จะจมดวงปวงประชาพาดับเรือง
บางคนเคืองนอนไม่หลับ .... โกรธหน้ากลม
โห่ ... ตีเกราะเคาะไม้ไล่ราหู
คนแห่ดูเต็มเมืองเคืองเสียงขรม
วิวาทะ ปะทะท่วม อ่วมอารมณ์
ราหูอมจันทร์มิดทุกทิศทาง.
30 มีนาคม 2549 23:11 น.
แดดเช้า
อยากเขียนกลอนอ่อนหวานซ่านซึ้งบ้าง
ได้แต่ค้างปลายปากกาหาความฝัน
จะเขียนกลอนเหงาเหงาเศร้ากดดัน
ก็ตีบตันเขียนไม่ออกต้องลอกเลียน
อยากทำซึ้งหึงหวงห่วงใยรัก
ก็อึกอักมองฟ้ามาขีดเขียน
เป็นเมฆฟุ้งคุ้งแควแล้ววาดเวียน
จุดเปลวเทียนนั่งนึกค่อยตรึกเอา
ต้องจุดธูปลูบกระดาษวาดภาพฝัน
ให้ตัวสั่นงันงกเป็นเจ้าเข้า
เชิญศิลปินทรงวิญญาณบันดาลเงา
ค่อยค่อยเกลากลอนหวามให้งามคำ
อยากเขียนกลอนซ่อนนัยให้คนหนึ่ง
ก็นั่งอึ้งอึดอัดผลัดเช้าค่ำ
กว่าจะได้อารมณ์ประสมนำ
ต้องกลืนกล้ำค่อยประดิษฐ์คิดร้อยเรียง
ลองปล่อยวางอย่างเข้าใจในกลอนนั้น
ค่อยค่อยกลั่นจากจิตคิดน้ำเสียง
โสตประสาทวาดจินตนาการสานสำเนียง
หลั่งถ้อยเพียงจากใจ ... รู้ให้จริง
วางความอยากฝากไว้ในอากาศ
บรรจงวาดความตั้งใจอันใหญ่ยิ่ง
จึงจรดปลายปากกามาอ้างอิง
อาบฝันผิงดวงดาวพราวอักษรา
กลอนจะหวานเหงาเศร้าเข้าใจโลก
จะสุขโศกย่อมกลั่นสรรคุณค่า
ความจริงใจไหลหลั่งพรั่งพรูมา
สื่อภาษาจะซึ้งตรึงทุกคำ
คือความหมาย "ทางสายกลาง" วางถักถ้อย
กรองคำร้อยเพียงคำรักจากใจร่ำ
ใช่ภาษาเปลือกปลอมหลอมกระทำ
มายานำฉาบฉวยงานสวยเพลิน
ไม่สามารถสื่อสารงานความคิด
รู้สึกติดตีบตันงงงันเงิ่น
ฟุ้งคำเพ้อเฟ้อความหมายมากมายเกิน
เรื่องไม่เดินดังใจ ... ทำไงดี?
อยากเขียนกลอนอ่อนไหวใช้ใจเขียน
อย่านั่งเทียนวนวาดพลาดทุกที่
ตั้งสติ สมาธิไว้ให้เข้าที
หลั่งรู้สึกเปี่ยมปรี่ปล่อยออกมา
เป็นคำตอบมอบให้ใจอยากเขียน
จะร่ำเรียนร้อยกรองคล้องคุณค่า
"ทางสายกลาง" วางบท จรดปากกา
ปล่อยใจพาร่ำรู้สึกจารึกกลอน.
30 มีนาคม 2549 11:25 น.
แดดเช้า
ลมดึกบาดแทบขาดใจในค่ำนี้
แว่วดนตรีแทรกลึกนึกหวาดหวั่น
หลอนสายตาระยับจับใจครัน
หวนอกสั่นกลัวนักข่มหักใจ
ราตรีนี้แววตานั้นคงพริ้มหลับ
หรือฝันดับห่างเหินเกินร่ำไห้
เขาอาจเมินเดินจากพรากกันไกล
ฝันถึงใครหรือเปล่า ... เรากังวล
สารพัดจัดแต่งเรื่องเปลืองสมอง
ใจร่ำร้องโหยหาบ้าสับสน
ก็แค่ใครผ่านไปเพียงหนึ่งคน
ไม่หลุดพ้นความคิดถึงตรึงบาดใจ
จะข้ามฟ้าราตรียามนี้แล้ว
ดาวหยอกแววเย้าว่าบ้าใช่ไหม
มานั่งคิดครวญเพ้อเก้อทำไม
ปล่อยลมให้บาดร้าวหนาวราตรี
จะฝืนหลับดับทุกสิ่งผ่านคืนค่ำ
ยังคงย้ำแววตาหลอนมานี่
เหวย ... หัวใจไม่พักไม่รักดี
จะร้องไห้กี่ทีจึงหลับลง
ลมดึกบาดแทบขาดใจในค่ำนี้
แสงขาววาวทอสีมาไล่ส่ง
มัวนั่งเหงากับเงาเลือนเหมือนงุนงง
ใจหนอหลงกับฝันอันไม่มี.
27 มีนาคม 2549 20:32 น.
แดดเช้า
เพราะพลัดหลงในดงกลอนบ้านกลอนรัก
ได้รู้จักรสกานท์สารภาษา
หลงรักถ้อยร้อยเรียงเพียงผ่านตา
อยากสื่อนัยวาจามาทักทาย
จัดอันดับประทับใจในบ้านนี้
อาจจะดีเพียง "ส่วนตน" ค้นความหมาย
ด้วยสาระประดับประดามาบรรยาย
ได้แนวคิดมากมายในวงวรรณ
คมคำลึกตรึกตรึงซึ้งสาระ
อักษระน้ำเสียงเคียงสร้างสรรค์
คุณ "เพิ่มบุญ" หนุนเนื่องเรื่องสัมพันธ์
สะท้อนภาพสาระครันทุกวรรคตอน
"มารแมงมุม" แมงมุมขยุ้มคิด
รื่นคำคิดครบคำคมบ่มคำสอน
คุณ "ส่องหล้า" ส่องใจในคำกลอน
"เชษฐภัทร วิสัยจร" ซ่อนสาระ
"นัทนิตย์" ประดิษฐ์คำล้ำลึกถ้อย
"มือ ไหม้พาย" เรียงร้อยอักขระ
หมอ "วฤก" ตรึกคำล้ำวาทะ
ชื่นธรรมะ "พี่ดอกแก้ว" กลั่นร้อยกรอง
ชอบสำนวน "ม้าก้านกล้วย" ช่วยรับรู้
"plaing_piu" ผู้ซ่อนนัยคล้ายคันฉ่อง
ทั้งหมดนี้ที่สายตากวาดมามอง
ล้วนชอบใจสอดคล้องเป็นส่วนตน
หาใช่การลำดับกับเกณฑ์กฎ
บันทึกบทบันดาลใจให้คลายหม่น
อ่านโวหารกานท์กลอนของทุกคน
ล้วนช่วยดลแนวคิดคำคมคาย
อาจคิดเห็นไม่เหมือนใครอย่าได้เคือง
กลอนประเทืองปัญญามาส่องฉาย
เป็นตัวอย่างยกมาอธิบาย
ล้วนหลากหลายสาระนัยในบ้านกลอน.