24 กุมภาพันธ์ 2552 22:02 น.
แจ้นเอง
เช้าวันอาทิตย์ที่แสนจะอบอุ่น เจ้าหนอนอ้วนกัดกินใบไม้ใบต้นดอกชบาอยู่ในสวนของน้องนิ้ง
หย่อยจริ๊ง จริง
กร๊วบ ๆๆๆ
เสียงกัดกินใบไม้แม้จะแสนเบา แต่เจ้านกกางเขนตัวเล็กๆที่เพิ่งบินมาเกาะบนกิ่งชบาก็ตะแคงหัว ซ้าย-ขวา มองหาอาหารด้วยสายตาหิวกระหาย
เอ๊ะ! เสียงหนอนกินใบไม้นี่ เจ้านกกางเขนคิดในใจ
อยู่ไหนนะ หิวก็หิว ตั้งแต่เช้าเรายังไม่เจอหนอนซักตัวเลย หิวจนตาลายแล้วนะนี่ ไปไหนหมดนะนกน้อยคิดในใจและเริ่มหงุดหงิดมันยืนกระสับกระส่ายอยู่บนกิ่งไม้ที่เจ้าหนอนอ้วนหลบอยู่
ส่วนเจ้าหนอนอ้วนพอรู้ตัวว่าถูกค้นหามันหลบอยู่ใต้ใบชบาใบใหญ่และคิดในใจว่า
เมื่อไหร่เจ้านกใจร้ายจะไปซะทีนะ เดี๋ยวเกิดได้ยินเสียงร้องจ๊อกๆของท้องเรามิแย่หรือนี่ เจ้าหนอนอ้วนเริ่มกระวนกระวายใจ เพราะตั้งแต่เมื่อวานที่มันกระดุ๊บ กระดิ๊บมาถึงต้นชบาก็เล่นเอาล้าแล้ว และตอนนี้เป็นช่วงที่มันต้องกินอาหารเพื่อที่จะตุนเอาไว้ให้มากที่สุด
และแล้วเมื่อนกกางเขนตัวน้อยมองหาหนอนอ้วนไม่เจอมันจึงตัดสินใจบินจากไปด้วยความหิวโหยและผิดหวัง พร้อมทั้งส่งเสียง จิ๊บๆๆๆไปตลอดทาง
หนอนอ้วนพอรู้ว่าเจ้านกกางเขนบินจากไปแล้วมันรีบออกมาจากหลังใบไม้และเริ่มต้นกัดกินใบไม้ ใบแล้ว ใบเล่า มันช่างกินไม่รู้จักอิ่มเสียที
กร๊วบๆๆๆๆหย่อย อ่ะ
และในที่สุดเจ้าหนอนอ้วนก็ต้องใช้เวลานอนหลับอย่างยาวนาน มันต้องถักใยเพื่อเข้าไปแปลงร่าง มันถักใยล้อมรอบตัวมันอย่างแน่นหนา ซึ่งเราเรียกมันว่าดักแด้และห้อยต่องแต่งอยู่กับกิ่งเล็กๆของชบาสีเหลือง
เช้าวันหนึ่งซึ่งเป็นวันหยุดน้องนิ้งตื่นแต่เช้า
วันนี้อากาศสดชื่นจริงๆน้องนิ้งซึ่งอยู่ในชุดกระโปรงติดกันสีชมพูกระโดดหยอยๆอยู่ในสวนดอกไม้หน้าบ้านและเหลือบไปเห็นต้นดอกชบา ต้นโปรดของแม่ออกดอกสีเหลืองเต็มต้นจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
สวยจังเลย พูดพลางก็เอื้อมมือไปแตะกลีบชบาเบาๆ แต่ เอ๊ะ! น้องนิ้งชงักเมื่อเห็นมีอะไรห้อยอยู่กับกิ่งเล็กๆของต้นชบา
ตัวอะไร? เนี่ยด้วยความสงสัย น้องนิ้งจึงเอามือไปจับดู ดักแด้ซึ่งไม่ไหวติงเมื่อถูกมือสัมผัสจึงเกิดการขยับตัว
ว๊าย!...อุทานด้วยความตกใจ และกระโดดถอยหลังออกมาอย่างรวดเร็ว พอตั้งตัวได้ก็ออกวิ่งหน้าตื่นไปรายงานแม่เรื่องตัวประหลาดทันที
แม่จ๋า...
อะไรกันลูก วิ่งหน้าตื่นมาเชียวแม่เล็กรีบละมือจากการล้างจานชามอยู่ในครัว หันมาถามลูกสาว
หนูไม่รู้มันเป็นตัวอะไรค่ะ หนูเห็นมันห้อยอยู่ที่กิ่งชบา หนูลองจับดูรู้สึกมันนิ่มๆและดิ้นด้วยขณะที่เล่าน้องนิ้งก็ทำท่าทางประกอบไปด้วยซึ่งแม่เล็กก็อดขำท่าทางตื่นเต้นของลูกสาวไม่ได้ จึงยิ้มและพูดขึ้นว่า
คงป็นดักแด้ละมัง
อะไรคือดักแด้คะน้องนิ้งแหงนมองหน้าแม่แล้วคว้าจับมือแม่พาจูงออกไปให้เห็นกับตา
นี่ไงคะน้องนิ้งชี้ให้ดูดักแด้
ใช่ดักแด้จริงๆด้วยแม่บอกพร้อมอธิบาย
"ดักแด้เนี่ยเมื่อก่อนมันเป็นตัวหนอนจ้า พอมันมีอายุได้ประมาณ 15-20 วันมันก็จะเป็นดักแด้ ช่วงเป็นตัวหนอนมันจะลอกคราบ 4-5 ครั้งและแต่ละครั้งตัวมันก็จะใหญ่ขึ้น และมันก็จะแปลงร่างเป็นผีเสื้อต่อไป"
ผีเสื้อหรือคะแม่น้องนิ้งรู้สึกทึ่งมากๆ
แล้วอีกนานไหมคะแม่มันจีงจะกลายเป็นผีเสื้อ
โดยปกติดักแด้จะไม่เคลื่อนไหวตัวและไม่กินอาหาร ประมาณ 7-10 วันจ๊ะ ดักแด้จะเปลี่ยนรูปร่างจนเป็นตัวเต็มวัยมีรูปร่างเหมือน พ่อ แม่แล้วก็จะเจาะรังออกมาเป็นผีเสื้อ
งั้นหนูก็จะรอดูจนกว่ามันจะออกมาเป็นผีเสื้อนะคะน้องนิ้งหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องเห็นเจ้าผีเสื้อตัวนี้แน่นอน
ถ้าลูกอยากเห็นก็ต้องหมั่นมาดูค่ะน้องนิ้งรีบพยักหน้ารับทันที
งั้นวันนี้ เราก็ไปทานข้าวกันได้แล้ว ไปค่ะ ว่าแล้วก็จูงมือน้องนิ้งชวนเข้าบ้าน เพราะข้างนอกอากาศเริ่มร้อนแล้ว
เช้าวันนี้น้องนิ้งอยู่ในชุดกางเกงสีเขียวอ่อน เสื้อยืดเพ้นท์ผีเสื้อน่ารักตรงหน้าอกด้วย และวันนี้น้องนิ้งรู้สึกตื่นเต้นเพราะคงถึงเวลาที่ผีเสื้อจะออกจากรังเสียที เธอจึงตื่นแต่เช้าแล้วรีบเดินลงสวนทันที
น้องนิ้งมายืนอยู่ใกล้ๆที่ดักแด้ห้อยตัวอยู่ และจ้องเขม็ง ทันใดนั้น
อึ่ย แสบตาจังเจ้าผีเสื้อกำลังโผล่หัวออกจากรังและรู้สึกถึงความจ้าของแสงสว่างที่มากระทบตา มันค่อยๆโผล่ออกมา ออกมาและมาเกาะอยู่บนรังของมันในที่สุด ปีกของมันมีสีเหลืองอมเขียวและดวงตาสีหม่นๆ
แม่จ๋า แม่เร็วๆผีเสื้อออกมาแล้วน้องนิ้งตะโกนเรียกแม่ไปและกระโดดหยอยๆไปด้วย
ผีเสื้อสีอะไรจ๊ะแม่เล็กรีบเดินมาหาลูกสาวตัวน้อย และเข้ามาชื่นชมผีเสื้ออยู่ข้างๆ
สีสวยมากเลยค่ะแม่น้องนิ้งยังชี้ให้ดูและยังมีอาการตื่นเต้นไม่หาย
สีสวยเหมือนชุดลูกเลยนะจ๊ะ
จริงๆด้วยพูดแล้วก็ก้มดูกางเกงตัวเอง
เอาล่ะ เดี๋ยวผีเสื้อมันก็จะเริ่มอาหารแล้ว
อาหารของผีเสื้อเป็นยังไงเหรอคะแม่
ก็พวกน้ำหวานจากเกสรดอกไม้และพวกที่เป็นของเหลวๆน่ะค่ะ ผีเสื้อจะมีอายุประมาณ 14-15 วัน สีก็จะซีดและเริ่มวางไข่ 4-5 วันจากนั้นมันก็จะตายพอพูดมาถึงตอนนี้แม่เล็กจึงชวนน้องนิ้งเข้าบ้าน
ไปเถอะค่ะ อากาศเริ่มร้อนแล้ว ไปทานข้าวกัน มัวแต่ตื่นเต้นวันนี้ทานข้าวสายล่ะพูดแล้วจูงมือลูกสาวเข้าบ้าน
ล้างมือก่อนนะจ๊ะเมื่อเห็นน้องนิ้งเตรียมเข้านั่งประจำที่
ค่ะ น้องนิ้งรีบปฏิบัติทันที พอผ่านเรื่องน่าตื่นเต้นแล้วจึงรู้สึกหิว
วันนี้มีแกงจืดตำลึง ของโปรดลูกด้วยนะ และนี่ผัดเปรี้ยวหวานแม่เล็กขยับจานเข้าไปใกล้ๆน้องนิ้ง
สองแม่ลูกทานข้าวและคุยกันอย่างมีความสุข อาหารมื้อนี้ดูจะเอร็ดอร่อยสำหรับน้องนิ้งเหลือเกิน
21 กุมภาพันธ์ 2552 12:23 น.
แจ้นเอง
แม่ แม่ แม่ เสียงหวีดร้องเรียกแม่ ทำเอาฉันสะดุ้งสุดตัว เหลียวหาเสียงเรียก
แม่ ฮือ ฮือ ฮือน้องน้ำนั่งอยู่บนเตียงและร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้ม เมื่อฉันตั้งสติได้และเข้าไปหาลูก
น้องน้ำผวามากอดฉันแน่นเกลือกหน้าไปมากับอกฉันคงอยากลบภาพอะไรซักอย่าง
เป็นอะไรหรือลูกฉันเพิ่งพูดขึ้นได้เป็นคำแรก
หนูฝันค่ะแม่ มันน่ากลัวมากเลย ฮือ ฮือน้องน้ำเล่าไปและยังสะอื้นไปพลาง
ฝันอะไรกัน ตะโกนเรียกแม่ ซะตกอกตกใจหมด ฮึฉันพูดพร้อมกับกอดกระชับลูกมากขึ้น เพื่อให้เค้ามั่นใจมากขึ้นว่าแม่อยู่ใกล้ๆแล้ว
หนูฝันว่ามีผู้หญิงคนนึงเดินเข้ามาในห้อง เข้ามาหาหนู น้องน้ำตั้งท่าจะเล่าและหยุดไป
ลูกคงจะกลัวมาก เพราะน้องน้ำยังทำท่าทาง หน้าตาหวาดระแวงไปด้วย
ไม่ต้องกลัวหรอกลูก แม่อยู่นี่แล้วไง ไม่มีใครมาทำอะไรลูกได้หรอกค่ะฉันเอามือลูบหัวลูก ดึงมาแนบอกแล้วเอาคางกดไปบนหัวเค้า พร้อมทั้งโยกตัวเบาๆ โดยไม่พูดอะไรพักใหญ่ อยากให้ลูกมีสติกว่านี้
แม่คะน้องน้ำขยับตัวให้รู้ว่าพร้อมจะบอกเล่าทุกอย่างแล้ว ฉันเอามือเชยคางลูกขึ้นและมองหน้าให้กำลังใจ
หนูฝันว่ามีผู้หญิง คนหนึ่งเขาเข้ามาหาหนู หนูเห็นหน้าเขาไม่ชัดหรอกค่ะ แต่หนูไม่รู้จัก หนูกลัว หนูบอกให้ออกไป เขาก็ไม่ยอม เขาเดินเข้ามาเรื่อยๆ น้องน้ำ เริ่มทำเสียงเครือๆ ฉันจึงต้องปลอบขึ้นอีกว่า
แค่ฝันน่ะลูกน้องน้ำพยักหน้าและเล่าต่อว่า
จนกระทั่งมาหยุดตรงปลายเตียง แล้วก้มหน้าลงมาหาหนูพอเล่ามาถึงตรงนี้ น้องน้ำถึงกับหลับตาปี๋ ทำหน้าตาขนลุก
แล้วหนูก็ตะโกนเรียกแม่ และก็โบกมือไล่ ไป ออกไป้ แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับมานั่งลงตรงปลายเตียงและร้องไห้ เขาร้องไห้เสียงดังมากเลย พอหนูตกใจตื่น หนูก็ตะโกนเรียกแม่
โถ โถ โถ คนดีของแม่ฉันยิ้ม ตอนนี้น้องน้ำคงคลายความหวาดกลัวไปหมดแล้วเพราะฉันเห็นน้องน้ำเริ่มยิ้มน้อยๆ
แต่ เอ๊ะ ! เสียงร้องไห้ แม่คะ ทำไมหนูได้ยินเสียงร้องไห้ แม่ฟังดูซีคะ ฉันจึงเงี่ยหูฟัง
อ๋อ ฉันลากเสียงยาว
แม่ก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ ว่าจะเล่าเรื่องป้านางให้ลูกฟังตั้งหลายวันแล้ว แต่ก็ลืมทุกทีเลยฉันขยับท่านั่งให้สบายขึ้น
เสียงร้องไห้ที่ลูกได้ยินนี่ เป็นเสียงร้องของป้านางน่ะ ป้านางแกมาอาศัย อยู่ที่ใกล้ๆกับศูนย์ อปพร.ตรงข้างบ้านเรานี่แหละ เมื่อก่อนป้านางแกเร่ร่อนไม่อยู่เป็นที่เป็นทาง แต่พอช่วงฝนตก แกไม่มีที่หลบฝนก็เลยมาอาศัยอยู่ที่นี่ เพราะแกคงเห็นที่ศูนย์ไม่ได้ทำอะไร หลายวันก่อนแม่ออกไปซักถามพวกชาวบ้านในตลาดจึงรู้ว่าป้านางแกสติไม่ค่อยดี ญาติๆเคยพากลับไปอยู่บ้าน ปลูกบ้านให้อยู่แกก็ไม่ยอมอยู่ แกชอบเข็นรถเข็นเก็บของเก่าบ้างขยะบ้างเอามาขายให้กับร้านรับซื้อของเก่า ได้เงินมาก็ซื้อข้าวปลา อาหารไปตามเรื่อง ตอนแรกแม่ก็ว่าจะหาทางส่งแกไปอยู่ศูนย์สงเคราะห์ แต่เขาก็บอกว่าอย่าไปยุ่งกับแกเลย เพราะพวกญาติๆของป้านางไม่ใช่คนยากจน ตัวป้านางเองก็มีเงินฝากในธนาคารหลายแสนอยู่ แกชอบใช้ชีวิตแบบนี้ หรือเป็นเพราะตอนป้านางเล็กเคยถูกพี่ชายทุบตี คงได้รับบาดเจ็บสาหัส และกระทบกระเทือนไปถึงสมองด้วย แกเลยเหมือนคนสติไม่ดี ตอนนี้พี่ชายก็ตายไปนานแล้ว แต่ป้านางคงไม่ลืมภาพในอดดีต ตอนแกมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆแม่เองก็ตกใจเหมือนกัน แต่แม่ก็ตั้งสติจนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร พอรุ่งเช้าก็ออกไปสอบถามชาวบ้านจึงรู้ความจริง แต่ก็ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ลูกฟังเสียแต่แรก
น้องน้ำฟังอย่างตั้งใจโดยไม่พูดอะไรจนฉันเล่าจบ
หนูฝันร้ายแล้วพอตกใจตื่นก็ได้ยินเสียงร้อง ฮือๆๆก็ยิ่งกลัวไปใหญ่ หึ หึ พูดแล้วก็หัวเราะ คงคิดว่าตัวเองฝันร้ายแล้วคิดเป็นตุเป็นตะ จนกลัวลานไปนี่เอง
นี่ก็ดึกมากแล้ว ลูกนอนเสียนะคะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปโรงเรียน
แม่ขา
ว่าไงคะ ฉันลุกขึ้นเตรียมกลับห้อง
คืนนี้หนูไปนอนกับแม่ได้มั้ย
โธ่ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ งั้นไปเลยค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสาย
เหตุการณ์ในคืนนี้ทำให้ฉันคิดถึงชีวิตป้านาง ทำไมแกไม่ยอมกลับไปอยู่บ้าน ป้านางเคยกลับไปอยู่ และแกก้เที่ยวเก็บของเก่าไปใส่ไว้ในห้องจนเกือบเต็มเหลือที่ไว้นั่งหลับแค่นิดหน่อย ทำไมฉันบอกว่านั่งหลับ เพราะมีคนเล่าให้ฟังว่า ป้านางเอารถเข็นมาแต่ง โดยเอาไม้อัดมาปิดข้างบนและแบ่งช่องข้างในเป็นที่นั่งหลับ แกจะหลับเป็นพักๆ และถ้าวันไหนแกเครียด พอตกดึก ป้านางจะเริ่มร้องไห้คร่ำครวญฟังไม่รู้หรอกว่าแกพูดอะไร ฟังไม่ได้ศัพท์แต่แกกลับใช้ชีวิตโดยไม่ร้องขอ ใครเลย ยังคงเข็นรถหาเลี้ยงตัวเองไปเป็นวันๆและมีเงินเบี้ยยังชีพเดือนละ 500 บาท โดยมีญาติๆรับมาและจัดหาเครื่องกันหนาวบ้าง ตามฤดูกาลไป
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากับชีวิตป้านางที่พบเห็นและการเกิดมาของคนเรา บางครั้งฉันเคยคิดว่าไม่รู้จะเกิดมาทำไมเหมือนกัน อนิจจังหนอชีวิต