30 สิงหาคม 2551 22:55 น.

...แม่ครัวเอก...

แจ้นเอง

สองปีแล้วที่แม่จากเราไป  สองปีแล้วที่เราอยู่อย่างเหว่ว้าเงียบเหงาชีวิตอีรุงตุงนังไปหมด เหลียวหาอกอุ่นอ้อมกอดที่พอจะให้ซบอุ่นไอไม่มีเลย  ได้แต่นั่งเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย...

เรานั่งที่ประตูหลังบ้านมองไปที่ห้องครัว...ภาพแม่ผุดพรายขึ้นมาให้มองเห็นเด่นชัดในความรู้สึก   แม่ใส่เสื้อแขนยาวตัวโปรดไม่ว่าแม่จะออกไปไหน  ถ้าไม่ไกลจากบ้านมากนักแม่ก็จะคว้าหมวกและเสื้อแขนยาวตัวโปรดสวมทับกับเสื้อคอกระเช้าตัวนี้ออกไปเสมอ  กลับมาก็จะถอดหมวกวางไว้พร้อมกับถุงหิ้วที่มีอาหารสดอัดแน่นอยู่เต็มถุง 

"เฮ้อ"เสียงถอนหายใจดังๆ ดังขึ้นพร้อมกับการยกมือทั้งสองข้างขึ้นเสยผมและปาดเหงื่อที่ผุดพรายขึ้นอยู่เต็มใบหน้าๆของแม่มีรอยย่นมากมายแต่รอยยิ้มที่ดวงตานั้นมันอิ่มเอิบรอยยิ้มจะปรากฎขึ้นเสมอๆถ้าวันไหนลุกหลานมาเต็มบ้านและวันนี้  "แม่ครัวเอก"  จะแสดงฝีมืออย่างเต็มที่  ไก่บ้านตัวเขื่องถูกยกออกมาชำแหละ  ล้างจนสะอาดเมนูวันนี้ต้องไม่พ้น  "แกงข้าวคั่วไก่"แน่นอน เพราะเป็นอาหารโปรดของทุกคนและเมื่อสุกได้ที่แม่ก็จะบอกว่าไปเอาถ้วยมาตักแกงให้  แจ้น  ก่อนแจ้นไม่กินข้าวคั่ว  ทำไปก็แอบบ่นไป กินก็ไม่เหมือนคนอื่น  แต่ก็เอาใจมาตลอด  ใครชอบแบบไหน  คุณแม่คนดีก็จะจัดเตรียมให้กับทุกคน  เราเองก็เป็นปลื้มทุกครั้งเพราะมันแสดงให้รู้ว่า แม่รักเรา  และวันนั้นอาหารทุกอย่างก็จะหมดเกลี้ยง  พ่อเองก็จะกินแกงกะเราด้วยเพราะพ่อจะกินอาหารที่มีน้ำซุบด้วยทุกมื้อแม่จะทำอาหารหลายอย่าง  กับพ่อจะเป็นอาหารอ่อนๆเสียเป็นส่วนใหญ่  และวันนี้ มีคนร่วมวงเยอะ  พ่อก็มักจะแซวแม่เสมอว่าฝีมือเป็นยอด  เด็กๆก็จะพากันยิ้ม  พี่ตุ๊  (ลูกเขยคนเล็ก)ก็จะหัวเราะชอบใจ  

แม่คงไม่รู้หรอกว่าอาหารของแม่เยี่ยมยอดเพียงใด  ภัตตาคารไหนๆก็สู้ฝีมือแม่ไม่ได้  เพราะแต่ละมื้อที่แม่ลงมือทำมันมีทั้งความรัก  ความละเมียดละไม  ความเอาใจใส่ทุกขั้นตอน  คนแกง  ต้องคนอย่างนี้  ผักต้องเด็ดแบบนี้ ไก่ต้องสับอย่างนี้  ถั่วฝักยาวอย่าใส่มากจะทำให้รสชาติมันจืด  และแกงข้าวคั่วหรือแกงแค หรือแกงป่า จะมีผักหลายชนิดล้วนเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์  แล้วนิว(หลานชายคนโปรด)ก็ยกพัดลมมาเปิดให้ยายเพราะเห็นยายปาดเหงื่อไปหลายหนแล้ว 

 เรานั่งจมปลักกับภาพของแม่อยู่ตรงประตูทางลงไปห้องครัว  และภาพที่ผุดพรายเหล่านั้น  ก็เริ่ม...พร่าเลือนคงเพราะน้ำตาเริ่มเรื่อราง 

 คิดถึงแม่  คิดถึงเหลือเกินไม่มีอีกแล้วอ้อมกอดที่อบอุ่น  รอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความรักความเมตตาอีกทั้งศูนย์รวมความรักที่มีในบ้านหลังนี้  เหลือไว้แต่ความหลังที่ยังฝังแน่นในความรู้สึก...    ทิ้งไว้เป็นความทรงจำอันยาวนาน  เสียงหัวเราะของลูกหลานที่พากันมากราบไหว้ในวันแม่ฃองทุกปี  วันนี้ช่างเป็นวันที่แสนเศร้าเหลือเกิน				
19 สิงหาคม 2551 22:38 น.

...ถนนสายว่างเปล่า...

แจ้นเอง

บนเส้นทางที่แสนจะคดเคี้ยว...หลังจากที่ฉัน  นายช่างและพนักงานขับรถพากันแวะกินข้าวที่  ร้านอาหารแล้ว  ก็มุ่งหน้าไปยังบ้านหมู่  9  เพื่อไปตรวจดูการก่อสร้างประปาภูเขา  ซึ่งผลปรากฎว่างานยังไม่  100 เปอร์เซ็นต์เพราะท่อประปายังไม่มีการขุดฝังท่อ  และคนงานก็กำลังเร่งทำงานกันอยู่  เห็นบอกว่าพรุ่งนี้จะส่งมอบงานกันแล้ว "งานจะเสร็จทันเหรอ นายช่าง"ตัวนายช่างเองเป็นประธานตรวจงานจ้าง"คงทันครับ"


 และโดยไม่มีการขอความคิดเห็น  นายช่างก็พาฉันมาอยู่บนเส้นทางที่แสนจะคดเคี้ยวเส้นนี้แล้ว เมื่อฉันถามคำตอบคือ"ผมขออนุญาตแวะไปดูแนวเขตที่เดินสำรวจกันอาทิตย์ก่อนหน่อยครับ "   "ก็ดีเหมือนกันฉันจะได้ไปหาซื้อของที่แม่สายด้วยทางเส้นนี้ไปแม่สายได้ใช่มั้ย"  "ครับ"


และแม้ว่าฉันจะเคยมาบ้างเป็นบางช่วงเพราะเป็นเขตในความรับผิดชอบแต่การที่เป็นทางคดเคี้ยวและขึ้นลงเนินเขาตลอดเวลา  บางขณะก็เป็นทางโค้งที่มีช่วงสั้นๆ ฉันเองก็เห็นคนขับตั้งสมาธิซึ่งไม่แน่ว่าอันตรายจะเกิดขึ้นเมื่อใด  และบางขณะก็อยู่ในหุบเหว   

หุบเหวน่าแปลก  ตอนนี้ฉันก็เหมือนอยู่ในหุบเหวของใจ และไม่รู้ว่าความรู้สึกทุกข์ร้อน  เหว่ว้านี้มาแต่ไหน  และซ่อนอยู่ในใจตั้งแต่เมื่อใด  และมันรู้สึกตะเกียกตะกายขึ้นไม่ได้เลย  

บนเส้นทางคดเคี้ยวนี้เรายังคงเดินทางต่อไป...ทางข้างหน้าเป็นอย่างไรไม่รู้เพราะยังไม่ถึงจุดหมาย  เพราะฉะนั้นคำว่าหลงทางยังไม่มี  และหุบเหวนี้ก็เป็นทางผ่านซึ่งคงอีกยาวไกล  เพียงแต่ว่าถ้ามันทะลุออกไปได้และถึงยังทางออก  เรา จ ะ เ ดิ น อ อ ก จ า ก หุ บ เ ห ว ข อ ง ใ จ ไ ด้ ห รื อ ไ ม่  ผ่านสุมทุมพุ่มพฤกษ์มามากมาย  อยากเดินเข้าไปในป่าที่มีต้นไม้หนาตา  อยากรู้ว่าแต่ละต้นมันมีชื่อหรือความเป็นมาอย่างไร  ถึงตอนนี้เรานึกถึง เซเซ่ เค้ามีต้นส้มแสนรักและตั้งชื่อให้  แล้วต้นไม้มากมายเราคงไม่มีปัญญาตั้งชื่อให้มัน   

เรานึกถึงอดีต  บ้านหลังแรกพ่อปลูกต้นไม้มากมาย และแม้แต่บ้านหลังนี้เราเองก็มีต้นไม้แสนรักเต็มไปหมด  บางต้นไว้ปีนป่าย  บางต้นไว้กินผล บางต้นไว้ดูและอีกบางต้นเหมือนกันที่มีไว้สำหรับเอนกายพักพิงและถอนหายใจเพื่อระบายความอัดอั้น  บางอย่างเหมือนเป็นภาระ  อย่าบอกเลยว่า" โลกมีไว้เหยียบ  ไม่ได้มีไว้แบก"   เพราะบางอย่างมันต้องแบกและไม่สามารถปลดมันลง  บ า ง ข ณ ะ จึ ง เ ห มื อ น มี แ ต่ ร่ า ง ก า ย ที่ ไ ร้ จิ ต วิ ญ ญ า ณ  เมื่อไหร่หนอชีวิตจะหยุดและสงบลงเสียที 

 การเดินทางของชีวิตยังไม่มีจุดหมายแต่การเดินทางบนถนนที่คดเคี้ยวนี้ก็สิ้นสุดลงที่ "ดอยตุง" บรรยากาศที่ร่มรื่นก็ทำให้อารมณ์เคลิ้บเคลิ้มได้บ้างถึงยังไงการเดินทางของวันนี้ก็ยังไร้ความหมายและถนนเส้นนี้ก็ยังคง ว่ า ง เ ป ล่ า กับความรู้สึกของเราอยู่ดี				
4 สิงหาคม 2551 16:57 น.

อบอุ่น... อิ่มเอม... โหยหา...

แจ้นเอง

เหมือนตกอยู่ในภวังค์นะ

       อากาศเย็นๆ

       ยินเสียงนกร้อง

       กลุ่นกลิ่นกำจายของควันไฟ

       นาน   นานเท่าไหร่แล้ว   ที่ความรู้สึกนี้มันขาดหายไป

       อยากหยุดเวลานี้...

       นิ่ง ๆ และ...เนิ่นนาน

       ปลดปล่อยความรู้สึก...ให้อ้อยอิ่ง...อยู่กับบรรยากาศที่เงียบเหงา...

       ซึมซับความรู้สึก... โหยหา

       และ...ลึกๆนั้นเรากลับรู้สึก...อิ่มเอม

       อบอุ่น...

       ณ  ขอบฟ้าอันไกลโพน้นั้น

       เหมือนมีอะไร   รอเราอยู่

       ในความรู้สึก...ปิติ

       หยาดน้ำตาอุ่นๆเริ่มพร่างพรุ

       เราเหมือนตกอยู่ในภวังค์

       อบอุ่น... อิ่มเอม... และโหยหา...				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแจ้นเอง
Lovings  แจ้นเอง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแจ้นเอง
Lovings  แจ้นเอง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแจ้นเอง
Lovings  แจ้นเอง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแจ้นเอง